เมษายืนทำใจ และรวบรวมความกล้าให้ตัวเองอยู่สักพักใหญ่ ก่อนจะก้าวลงบันไดต่อ
มาถึงห้องโถงเธอก็เห็นหญิงชายวัยไล่เลี่ยกับแม่ของเธอนั่งอยู่ในห้องโถงด้วยตามที่สาริกาบอก
เธอพยายามสะกดจิตตัวเองว่านั้นคือพ่อแม่ของลียาต้องทำตัวสนิทสนมเข้าไว้ แล้วเดินตรงเข้าไปหาพวกท่านพลางแสดงท่าทางตกใจออกมา "พ่อแม่มาได้ยังไงคะ"
"พ่อกับแม่ตั้งใจจะมาทักทายคุณป้าสาริกาน่ะ" วสินพ่อสวมรอยของเมษาในคราบลียาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
"ใช่จ้ะ" นิดาแม่สวมรอยเอ่ยเสริมอีกคนพลางมองหน้าเมษาด้วยแววตารักใคร่เอ็นดูราวกับว่าเด็กสาวเป็นลูกจริง ๆ
ท่าทางราวกับเป็นพ่อแม่จริง ๆ ที่ทั้งคู่แสดงออกมาช่างสมบทบาททำเอาเมษาแอบทึ่งในใจ แสดงว่าคงเตรียมตัวมาอย่างดี ซึ่งเธอก็ต้องเล่นไปตามน้ำอย่างที่สาริกาบอก
เดินเข้าไปนั่งลงข้าง ๆ คุณแม่สวมรอยแล้วสวมกอดหลวม ๆ ทำเหมือนว่าคิดถึงท่านมาก "คิดถึงจังเลยค่ะ"
บอกกล่าวกับแม่สวมรอยจบก็หันไปบอกกล่าวพ่อสวมรอยต่อพร้อมฉีกยิ้มให้จนตายี "คิดถึงพ่อเหมือนกันนะคะ"
"ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย มาพูดเรื่องลูกกับพี่เจ้านายดีกว่า พ่อกับแม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจากคุณป้าสาริกาหมดแล้ว" วสินแสร้งตีหน้าเคร่งขรึมแทน สายตาจ้องมองหน้าเมษาอย่างคาดคั้นทำเหมือนโกรธกับเรื่องที่ได้รับรู้จากสาริกาก่อนหน้านี้
"หนูขอโทษค่ะ หนูจำไม่ได้จริง ๆ ว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น" เมษารีบตีหน้าสลดเอ่ยตอบเสียงอ่อย
"งั้นผมขอถามพี่สาริกาหน่อยว่าจะเอายังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น" เมื่อได้รับคำตอบจากเมษาวสินก็หันไปถามความคิดเห็นจากสาริกาต่อโดยที่เจ้านายนั่งมองเงียบ ๆ
"ฉันจะให้เจ้านายรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับหนูลียา มินยองกับวาวไม่ต้องเป็นห่วง"
ได้ทีสาริกาก็ตอบไปทันทีไม่คิดถามไถ่บุตรชายที่นั่งหน้าคร่ำเครียดอยู่ข้าง ๆ สักนิด
มุมปากกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และที่เธอต้องเอาพ่อแม่สวมรอยของลียามาด้วยเพราะบุตรชายจะได้ปฏิเสธไม่ได้
แต่เหมือนเธอจะคิดผิดถนัด..
"ผมไม่แต่งครับ เมื่อคืนผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรลียาแน่นอน" เจ้านายปฏิเสธเสียงแข็งเช่นเดียวกับสายตาที่จ้องมองหน้าเมษาด้วยความโกรธ
เขาอดคิดไม่ได้จริง ๆ ว่าทุกอย่างเป็นแผนของเมษาไม่อย่างนั้นพ่อแม่เธอจะมาหาแม่เขาในเวลาเหมาะเจาะแบบนี้ได้ยังไง
"จะไม่มีอะไรได้ยังไง ในเมื่อแม่เปิดประตูเข้าไปเห็นกับตาว่าลูกกับหนูลียานอนแกผ้ากอดกันบนเตียง"
สาริกาไม่ยอมเช่นกันยืนยันเสียงหนักแน่นตั้งใจทำให้บุตรชายดิ้นไม่หลุด เธออุตส่าห์ลงทุนทำถึงขนาดนี้จะยอมให้แผนพังได้ยังไงกัน
"ถ้าเป็นแบบที่พี่สาริกาพูด ลูกสาวลุงก็เสียหายเจ้านายต้องรับผิดชอบมันถูกแล้ว หวังว่าเจ้านายจะเป็นลูกผู้ชายพอนะกล้าทำก็ต้องกล้ารับ"
ประโยคแรกวสินเอ่ยกับสาริกา ส่วนประโยคต่อมาหันไปเอ่ยกับเจ้านายด้วยน้ำเสียงกดดันจงใจพูดทำให้เด็กหนุ่มปฏิเสธไม่ออก เพราะงานที่เขาได้รับมอบหมายจากสาริกาคือสวมรอยเป็นพ่อลียา แล้วมัดมือชกเจ้านายให้แต่งงานกับลียาให้ได้
และมันได้ผลเจ้านายถึงกับเอ่ยอะไรไม่ออกกับคำว่าความเป็นลูกผู้ชายบวกกับต้องรักษามารยาทกับผู้ใหญ่ด้วยทำได้แค่กำหมัดแน่นข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแต่งงานกับลียาเด็ดขาดดูก็รู้ว่าครอบครัวลียาจงใจจะจับเขาถึงได้พูดแบบนั้น
"ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะให้ลูกชายรับผิดหนูลียาแน่นอน" สาริกาเน้นย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ
เจ้านายได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะลุกเดินหนีขึ้นห้องไปขืนอยู่ต่อเขาคงได้ระเบิดอารมณ์ออกมาแน่ เขาไม่สนใจเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ที่ดังตามหลังมาสักนิด
"จริง ๆ เลยไอ้ลูกคนนี้" สาริกาได้แต่มองตามหลังบุตรชายอย่างอ่อนใจ ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนทั้งสองที่เธอจ้างให้มาสวมรอยเป็นพ่อแม่ลียาต่อ
"ยังไงวันนี้พวกเธอกลับไปก่อนแล้วกัน หากมีอะไรให้ทำอีกฉันจะติดต่อไปเอง"
"ค่ะ"
"ครับคุณหญิง"
นิดากับวสินพยักหน้ารับคำสาริกาอย่างนอบน้อม ก่อนจะยกมือไหว้แล้วลุกเดินออกจากห้องโถงไป เหลือเพียงสาริกากับเมษา
บรรยากาศภายในโถงใหญ่เป็นไปอย่างอึมครึมจนเมษารู้สึกอึดอัด เลยพูดทำลายความเงียบไป "คุณสาริกาจะเอายังไงต่อคะ ทำถึงขนาดนี้แล้วคุณเจ้านายยังไม่ยอมเลย"
"หากไม่มีทางเลือกจริง ๆ เธอก็ต้องไปจัดการกับฝั่งแฟนเจ้านายแทน คงเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม"
"ค่ะ" แน่นอนว่าเมษาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ว่าสาริกาหมายความว่ายังไงเพียงแต่มันเป็นวิธีที่เธอไม่อยากทำที่สุด แต่ก็นั่นแหละเธอเลือกอะไรไม่ได้
"เข้าใจง่าย ๆ แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย"
ว่าจบสาริกาก็ลุกเดินขึ้นบันไดไปทันทีทิ้งให้เมษานั่งอยู่ในห้องโถงคนเดียว
เธอยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นในสมองเต็มไปด้วยเรื่องร้อยแปดพันเก้า หากสาริกาไม่สั่งห้ามให้ออกไปพบแม่กับน้องสาวเธออยากจะไปกอด และขอกำลังใจจากทั้งสองคนเหลือเกิน
ตอนนี้เธอรู้สึกเครียด รู้สึกกดดันมากจริง ๆ ได้แต่ภาวนาขอให้เจ้านายยอมเลิกกับแฟนสาวโดยที่เธอไม่ต้องลงมือเองด้วยเถิด
แต่เหมือนคำภาวนาของเธอจะไม่ได้ผล เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์วันนั้นจนเวลาผ่านมาสามวันเต็ม ๆ เจ้านายก็หายตัวออกไปจากบ้านเลย สาริกาโทรหาก็ไม่รับสายให้คนไปดูที่คอนโดของเขาก็ไม่มี
สุดท้ายสาริกาก็มาลงที่เธอบอกให้ไปจัดการกับแฟนสาวของชายหนุ่มเสีย ซึ่งเธอปฏิเสธไม่ได้ด้วยสิ
ในที่สุดเธอก็มาโผล่อยู่หน้าบ้านของส้มคนรักของเจ้านายโดยลุงดินเป็นคนขับรถมาส่ง
เธอยืนทำใจอยู่หน้าบ้านครู่ใหญ่ ก่อนจะรวบรวมความกล้าก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน ระหว่างนั้นก็ได้พบกับแม่บ้านเข้าพอดีจึงบอกกล่าวไป "ฉันมาขอพบคุณส้มค่ะ"
"รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเรียนคุณส้มให้" แม่บ้านวัยสามสิบต้น ๆ พยักหน้ารับ แล้วเดินหายเข้าไปในบ้าน ส่วนเมษาก็ยืนรออยู่ตรงนั้นตามคำบอกกล่าวของแม่บ้าน
ผ่านไปราว ๆ สามนาทีแม่บ้านคนเดิมก็เดินออกมา "เชิญค่ะ"
เมษาจึงเดินตามแม่บ้านเข้าไป มาถึงห้องโถงก็เห็นแฟนสาวของเจ้านายนั่งอยู่ เธอเดินเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าหญิงสาวที่มีอายุมากว่าเธอหลายปีแล้วยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะคุณส้ม"
ส้มเพียงพยักหน้ารับคำกล่าวทักทาย แล้วถามไถ่เข้าประเด็นทันทีเพราะไม่อยากเสียเวลาแม้แแต่นาทีเดียว "คุณลียามีอะไรคะถึงได้มาหาส้มถึงที่บ้าน"
"คุณส้มก็คงพอเดาออกนะคะว่าลีมาด้วยเรื่องอะไร งั้นลีจะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน" เมษาเอ่ย แล้วเงียบไปนานนับนาที ก่อนจะเอ่ยต่อ "ลีขอร้องให้คุณส้มช่วยเลิกยุ่งกับพี่นายได้ไหมคะ"
"หึ!"
สิ้นเสียงลียาส้มถึงกับเค้นหัวเราะในลำคอมองหน้าลียาที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยแววตาเรียบนิ่งมันไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้เท่าไร
แต่เพียงเสี้ยวนาทีใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยออกไปเพราะต้องการดูว่าลียาจะทำยังไงต่อหากเธอไม่ยอม
"มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องเลิกยุ่งคะ ในเมื่อพี่นายก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าเลือกฉัน"
"เพราะลีกับพี่นายได้เสียกันแล้วค่ะ" เมื่ออีกคนเหมือนไม่ยอมถอยง่าย ๆ เมษาจึงต้องจำใจยกเรื่องคืนนั้นขึ้นมาพูด แม้ในใจจะไม่อยากทำก็ตาม
คำตอบจากเมษาในคราบลียาทำเอาส้มถึงกับขมวดคิ้วเป็นปมมองหน้าลียาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ความสับสน และคำถามพลันผุดขึ้นในสมองว่าเรื่องที่ลียาพูดเป็นความจริงหรือเปล่า เธอไม่อยากจะเชื่อเท่าไร บางทีนี่อาจจะเป็นแผนทำให้เธอเลิกยุ่งกับเจ้านายก็ได้
"ถ้าไม่เชื่อลองดูนี่ก็ได้ค่ะ" เมษาพอจะเดาความคิดส้มออกจึงล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างออกมาเปิดรูปถ่ายที่สาริกาเป็นคนถ่ายแล้วส่งมาให้เธอยื่นไปให้ส้มดู
มันเป็นภาพที่เธอกับเจ้านายนอนเปลือยกายกอดกันบนเตียง "ลีกับพี่นายเมาแล้วพลาดมีอะไรกันเมื่อสองวันก่อนค่ะ"
ภาพที่โชว์บนหน้าจอโทรศัพท์ของลียาทำเอาส้มชาวาบไปชั่วขณะ หัวใจกระตุกวูบอย่างห้ามไม่ได้แม้พยายามบอกตัวเองว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด เหมือนกับเรื่องของแบงค์ที่สร้างภาพขึ้นมาเพื่อต้องการให้เธอเลิกยุ่งกับเจ้านาย
ทว่าอีกใจก็อดลังเลไม่ได้เพราะเอาจริง ๆ สองวันที่ผ่านมาเจ้านายมีท่าทีแปลก ๆ ให้เห็นอยู่บ้าง สีหน้าคล้ายคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาไม่สดใสเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
"ลีขอร้องนะคะถือว่าเห็นแก่ลูกผู้หญิงด้วยกัน คุณส้มช่วยเลิกกับพี่นายได้ไหมคะ" เมษาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิวพลางส่งสายตาอ้อนวอนส้มสุดฤทธิ์เพราะเรื่องนี้มันสำคัญกับเธอมากจริง ๆ
หากไม่สามารถทำให้เจ้านายเลิกกับส้มได้ชีวิตเธอคงจบเฮเช่นกัน ขณะที่ในใจพร่ำขอโทษหญิงสาวซ้ำ ๆ ด้วยความรู้สึกผิด
เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้สักนิดการทำลายความรักของคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ แต่สถานการณ์มันบังคับให้ต้องทำ
"เราเป็นลูกผู้หญิงด้วยกันคุณก็ต้องเข้าใจความรู้สึกของฉันด้วยสิคะ การที่คุณมาบอกว่ามีอะไรกับแฟนฉันแล้วยังขอเขาไปหน้าตาเฉยแบบนี้ฉันควรรู้สึกยังไงดีคะ"
ถึงคราวส้มย้อนถามลียาบ้างเธออยากรู้ว่าลียาจะตอบยังไงทั้งที่ในใจเริ่มเชื่อไปแล้วนิดหนึ่งว่ามันคือเรื่องจริงเพราะหากคิดดี ๆ ลียาต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธอต้องไปถามเจ้านายจึงเป็นเหตุผลว่าลียาไม่น่าจะโกหก
แต่ยังไงเธอคงต้องถามเจ้านายอีกทีเพื่อความแน่ใจ หากเป็นเรื่องจริงเห็นทีความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาคงต้องจบลง
"ฉันเข้าใจดีค่ะว่าคุณรู้สึกยังไง แต่ฉันไม่มีทางเลือกจริง ๆ พ่อแม่ของฉันรู้เรื่องนี้พวกท่านจึงบังคับให้พี่นายรับผิดชอบโดยการแต่งงาน คุณส้มช่วยเข้าใจลีหน่อยนะคะ"
"หึ" ส้มยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคำพูดของลียาเรื่องนี้มีพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวอีกแล้วอย่างนั้นเหรอทำให้นึกถึงเรื่องของตัวขึ้นมาทันที
ช่างเหมือนกับเรื่องของเธอเสียจริง ยิ่งรู้แบบนี้ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเจ้านายน่าจะยุ่งยากและมีปัญหาไม่รู้จบ
เธอนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองนานนับนาที ก่อนจะเอ่ยตัดบทเพราะรู้สึกระอากับเรื่องนี้เต็มที "คุณมีธุระจะคุยกับฉันแค่นี้ใช่ไหมคะ พอดีฉันมีธุระต้องไปทำคงต้องขอตัวก่อน"
"ไม่มีแล้วค่ะ แต่ยังไงฝากคุณส้มช่วยเก็บเรื่องที่ลีขอร้องไปคิดด้วยนะคะ"
เมษาจำต้องจบการสนทนาอย่างจำใจแต่ก็ไม่ลืมจะพูดย้ำให้ส้มทบทวนคำพูดของตัวเอง ว่าจบก็ลุกเดินออกไปด้วยหัวใจที่รู้สึกผิดเสียเต็มประดา
และก็ได้แต่หวังว่าส้มจะยอมเลิกรากับเจ้านายเธอจะได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี่เสียที
“อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง
@โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล
หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป
วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ
เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ