ตอนที่ 2 นิยายบอกอนาคต
เมื่อกลับถึงบ้านฉันก็รีบตรงดิ่งไปหาหนังสือนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ และเปิดอ่านบทนำของนิยายเพื่ออ่านให้แน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิด ซึ่งปรากฏว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันและวารินวันนี้มันตรงกับสิ่งที่เขียนไว้ในบทนำของนิยายเก้าในสิบส่วน
มันเป็นไปได้ยังไง!?
จะบอกว่านิยายเล่มนี้เขียนตามสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันและวารินก็ไม่ใช่เพราะนิยายเล่มนี้ส่งมาก่อนที่ฉันจะไปออกเดตกับวารินซะอีก นั่นหมายความว่านิยายเล่มนี้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...
สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...นั่นหมายความว่าฉันจะตายเรอะ!? แถมวารินยังจะกลายเป็นของผู้ชายคนอื่น! ฉันอยากกระอักเลือด นั่นเป็นสิ่งที่ฉันยอมรับไม่ได้ วารินเป็นของฉัน!
ฉันไม่เชื่อในทันทีว่าในนิยายเล่มนี้เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต ฉันอดทนอ่านต่อจากตรงที่อ่านค้างไว้เพื่อหาเบาะแส หลังจากวารินในนิยายถูกชายตาแมวอุ้มไปฉากก็ตัดมาที่วารินตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่งที่เหมือนห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล แต่มันไม่ใช่โรงพยาบาล มันคือศูนย์วิจัยพลังจิตแห่งหนึ่ง เมื่อฉันอ่านถึงตรงนี้ฉันไม่ได้คิดว่าศูนย์วิจัยนี้เป็นศูนย์วิจัยที่ไร้สาระหรือแต่งเกินจริงเพราะฉันรู้ว่าพลังจิตมีอยู่จริง
ฉันยังไม่บอกสินะว่าวารินคือผู้ที่เกิดมาพร้อมพลังจิต เขามีพลังจิตที่เรียกว่า Psychometry พลังนี้จะทำให้วารินสามารถรับรู้เรื่องราวและอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในอดีตโดยการจับต้องสิ่งของและบางครั้งวารินก็สามารถใช้มันกับมนุษย์ได้เช่นกัน วารินที่บังเอิญไปรู้อดีตของคนอื่นอย่างไม่ได้ตั้งใจก็เลยมักจะจิตตกจนเกือบทำไฟฟ้ารอบตัวพังบ่อยครั้งเพราะว่าวารินมีพลังจิตอีกอย่าง นั่นก็คือการพลังควบคุมประจุไฟฟ้าและสายฟ้า ถ้าอารมณ์ของวารินไม่คงที่เขาก็อาจเผลอทำไฟดับ
ฉันเชื่ออีกนิดว่านิยายเรื่องนี้อาจจะจริงเพราะว่าวารินในนิยายบอกถูกต้องทุกอย่างเกี่ยวกับพลังของวารินในโลกจริง
ฉันนั่งสมาธิและบอกกับตัวเองว่า ถึงสิ่งที่อยู่ในนิยายจะเป็นเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นจริง แต่ตอนนี้วารินยังเป็นของฉันไม่ได้เป็นของตัวผู้หน้าไหนทั้งสิ้น! ฉันอดทนอ่านต่อไป ฉันจึงได้รู้เรื่องที่ไม่เคยรู้หลายอย่าง อย่างเช่น ถ้าผู้มีพลังจิตมีพลังมากเกินไปพลังอาจจะย้อนกลับมาฆ่าเจ้าของ ผู้มีพลังจิตส่วนมากที่ทนรับพลังของตัวเองไม่ไหวหรือไม่ก็ควบคุมพลังของตัวเองไม่ได้ก็จะตายก่อนอายุขัยด้วยสาเหตุต่างๆ อย่างเช่นเป็นไข้หนัก หัวใจวาย เส้นเลือดในร่างกายแตก ร่างระเบิด หรือไม่ก็ตายไปเสียเฉยๆ หรือไม่ก็ร่างสลายหายไปเลย ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตของคนคนนั้นว่าจะเป็นแบบไหนด้วย
แต่วารินที่มีพลังจิตถึงสองอย่างและมีพลังจิตค่อนข้างสูงแต่กลับไม่เคยประสบปัญหาพลังย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายเลย ชายตาแมวที่มีชื่อว่า อาเธอร์ มีความสนใจวารินเพราะเขาเป็นนักวิจัยพลังจิตและคนสร้างยาระงับพลังของผู้มีพลังจิตไม่ให้พลังย้อนกลับมาฆ่าเจ้าของพลังจิต ดูเหมือนอาเธอร์สนใจจับวารินไปเป็นหนูทดลอง...
ไปตายซะไอ้ xxx
ความเกลียดชังของฉันที่มีต่ออาเธอร์พุ่งสูงแทบทะลุหลอด และเมื่อฉันอ่านต่อไปความเกลียดชังก็พุ่งสูงทะลุหลอดจริงๆ เพราะว่าฆาตกรที่ฆ่าฉันก็คือหนูทดลองของอาเธอร์! ฆาตกรคนนั้นเป็นผู้มีพลังจิตและได้ก่ออาชญากรรมมามากมาย เมื่อถูกจับฆาตกรคนนั้นก็เลยถูกจับมาเป็นหนูทดลองของอาเธอร์ และด้วยความประมาทของอาเธอร์ฆาตกรคนนั้นก็เลยหลุดออกมาได้และไล่ฆ่าคน
บัดซบ! ฉันตาย...ไม่สิ เลอาในนิยายถูกฆ่าตายเพราะความประมาทของนักวิจัยบ้านี่เนี่ยนะ!? เป็นสาเหตุทำให้คนอื่นตายไม่พอยังคิดจะเอาแฟนของคนที่ตัวเองมีส่วนทำให้ตายไปเป็นแฟนของตัวเองอีกด้วย!
ฉันโกรธมากและไม่สามารถอ่านต่อได้ ฉันข้ามไปอ่านตอนอื่นทันที ฉันอ่านแค่บทที่มีวารินปรากฏเท่านั้นและเป็นบทที่วารินกำลังคิดถึงแฟนที่ตายไปแล้ว มันมีตอนที่เล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วย พอฉันอ่านถึงตรงนี้ฉันก็ต้องยอมรับแล้วว่านิยายเล่มนี้เป็นของจริงเพราะเหตุการณ์ย้อนอดีตในนิยายพวกนั้นมันเคยเกิดขึ้นกับฉันและวารินแล้วจริงๆ
ฉันถอนหายใจด้วยความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
“เป็นอะไรงั้นเหรอเลอา? ทำไมถอนหายใจอย่างนั้น และทำไมทำหน้าเศร้าอย่างนั้น” วารินเอ่ยเสียงเป็นกังวล เขาโผเข้ากอดฉันและลูบหัวของฉันอย่างอ่อนโยน “ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกผมนะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
น้ำเสียงของวารินให้ความรู้สึกอ่อนโยนและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน ฉันรู้สึกวางใจที่จะพึ่งพาวารินทุกเรื่อง แต่เรื่องนิยายวายที่มีวารินเป็นนายเอกเนี่ย…
“ถ้าฉันพร้อมเมื่อไหร่ฉันจะบอกเธอ สัญญาเลย” ฉันทำหน้าจริงจัง วารินจึงพยักหน้าเข้าใจ “ตอนนี้ขอกำลังใจก่อน”
“ได้สิ” วารินยิ้มหวาน
เราโน้มหน้าเข้าหากันจนกระทั่งริมฝีปากประกบกันอย่างแนบแน่น พวกเราแลกความหวานให้กันและกัน ในขณะนั้นฉันลืมตาขึ้นมาและมองเปลือกตาที่หลับพริ้มอย่างน่ารักน่าเอ็นดูของวารินด้วยอารมณ์หึงหวง แค่คิดว่าจะมีคนอื่นนอกจากตัวเองได้จูบและได้เห็นท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของวารินดวงตาของฉันก็วาวโรจน์
ฉันจะตายงั้นเหรอ? ไม่ ฉันจะไม่ยอมตายเด็ดขาด! ฉันจะหลีกเลี่ยงความตายให้ได้!
ในนิยายระบุไว้ว่าฉันจะถูกฆ่าในวันอาทิตย์หรือก็คือหลังจากเดเวอร์ชันวันเสาร์ นั่นก็หมายความว่าวันพรุ่งนี้คือวันที่ฉันในนิยายจะถูกฆาตกรรมจนศพกระจายเต็มถนน วิธีหลีกเลี่ยงความตายก็คือไม่ออกจากบ้านวันอาทิตย์เพราะถ้าไม่ออกจากบ้านฉันก็จะไม่มีโอกาสได้พบฆาตกรและไม่ตาย
วันต่อมา วันอาทิตย์อันตราย ฉันตัดสินใจที่จะไม่ออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว
“อ๊ะ แย่ล่ะไข่หมดแล้ว คงต้องออกไปซื้อ”
ฉันหูผึ่งทันทีเมื่อได้เสียงพึมพำของวารินจากในครัว หมายเหตุ เลอาในนิยายบังเอิญออกไปเจอฆาตกรและถูกฆ่าเป็นเพราะว่าวัตถุดิบทำอาหารที่บ้านหมดก็เลยอาสาออกจากบ้านไปซื้อพวกมันนั่นเอง เพื่อรักษาชีวิตเป้าหมายในวันนี้ก็คือห้ามออกจากบ้านไม่งั้นคงได้ไปจ๊ะเอ๋กับฆาตกรแน่!
แม้ว่าในนิยายระบุไว้ว่าเลอาในนิยายจะถูกฆ่าตอนกลางคืนไม่ใช่ตอนเช้าและไม่ใช่วารินที่จะถูกฆ่า แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ฉันจึงรีบพุ่งเข้าไปหาวารินในครัวด้วยความเร็วแสง
“ช่างมันเถอะ ไม่มีไข่ก็ไม่ต้องกิน” ฉันพูดอย่างจริงจัง วารินกะพริบตาปริบๆ อย่างงุนงง
“แต่ถ้าไม่มีไข่อาหารเช้าก็ไม่ครบชุดนะ” วารินมองขนมปังปิ้งและไส้กรอกในจานอย่างอึดอัดใจ
“วันนี้ฉันไม่ชอบไข่ ไม่อยากกินไข่ไก่ ไข่นก ไข่เป็ด หรือไข่อะไรทั้งสิ้น เพราะงั้นไม่ต้องไปซื้อใหม่”
“หือ? เกิดอะไรขึ้นกัน อะไรทำให้คุณเกลียดไข่กะทันหันแบบนี้” วารินเลิกคิ้วแปลกใจพลางยิ้มขำ
“ใช่ ฉันเกลียดไข่ทั้งหมดบนโลกยกเว้นไข่ของวาริน” ฉันจูบปากวารินเร็วๆ ครั้งหนึ่งพร้อมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์
“แต่เช้าเลยนะ” วารินหันหน้าหนีอย่างเขินอาย ฉันหอมแก้มแดงๆ ของวารินอย่างมันเขี้ยว
“ฉันไม่อยากแยกห่างจากเธอแม้แต่ก้าวเดียวเพราะงั้นไม่ต้องออกไปซื้ออะไรทั้งสิ้น อาหารเช้าของวันนี้กินแค่ขนมและไส้กรอกก็พอ”
“เอาอย่างนั้นก็ได้” วารินยอมพยักหน้าเข้าใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกติดใจสงสัยพฤติกรรมของฉันไม่น้อย
“เอาล่ะวันนี้เรามาตัวติดบ้านกันทั้งวันกัน”
หลังจากนั้นฉันก็นั่งดูหนังกับวารินทั้งวันโดยที่ไม่ยอมออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ฉันคิดว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
ขณะนี้เวลา 19:10
ติ๊งต๊อง~
ในขณะที่ฉันและวารินกำลังดูข่าวภาคค่ำทันใดนั้นเสียงกริ่งบ้านก็ดังขึ้น
“ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ได้ยินเสียงกริ่งบ้าน” ก็นะเพิ่งย้ายมาอยู่แค่หนึ่งอาทิตย์ คนรู้จักก็ไม่ได้มีมากมายก็เลยไม่ค่อยมีใครมาเยี่ยม
“เดี๋ยวผมจะไปดูเอง” วารินอาสาไปเปิดประตู ฉันมองตามวารินเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปก่อนที่ฉันจะหันหน้ากลับไปดูทีวีต่อ ทว่าสิบวินาทีต่อมาฉันตัดสินใจลุกออกจากโซฟาและเดินตามวารินไปเพราะความรู้สึกไม่สบายใจที่อัดแน่นในอก
“ใครมางั้นเหรอวาริน” ฉันเอ่ยถาม วารินที่ยืนอยู่หน้าประตูหันหน้ามามองฉันพลางส่งสายตาไม่รู้ ในขณะเดียวกันประตูก็เปิดออกกว้างเผยให้เห็นชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อแขนยาวสีดำและสวมฮู้ดอย่างมิดชิด
ฉันและวารินนิ่งเงียบเพราะพวกเราไม่รู้จักคนที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อน
“เจอแล้ว~” ชายสวมฮู้ดกล่าวพลางแสยะยิ้ม ในตอนนั้นฉันเห็นบางอย่างแสงสะท้อนเป็นประกายข้างหลังชายคนนั้น
“วารินถอยออกมา!” ฉันตะโกนเสียงดังลั่นและรีบพุ่งเข้าไปดึงวารินให้ถอยห่างจากประตู จากนั้นฉันก็รีบคว้าประตูเพื่อปิด แต่ทว่ามันคล้ายกับว่ามีบางอย่างกระชากประตูให้เปิดออกอย่างแรงจนประตูหลุดออกไปทั้งบาน
“บ้านนี้ต้อนรับแขกอย่างนี้งั้นเหรอ?” ชายสวมฮู้ดถามและในขณะเดียวกันสิ่งที่มีแสงสะท้อนเป็นประกายข้างหลังของชายคนนั้นก็พุ่งเข้ามาหาฉัน ฉันหยิบร่มที่วางอยู่บนชั้นวางรองเท้าขึ้นมาปัดป้องกันแทบไม่ทัน
“เลอา!” วารินอุทานอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่พุ่งเข้าหาฉันก็คือมีด ใช่ มันคือมีด! แถมเป็นมีดลอยได้ด้วย
“ผู้มีพลังจิต” ฉันจ้องมองชายสวมฮู้ดด้วยสายตาเป็นศัตรู ฉันรู้ทันทีว่าเขาคือฆาตกรที่ฆ่าฉันในนิยาย แต่ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้? มันตามฉันมางั้นเหรอ? ในใจของฉันสับสน แต่ฉันไม่ยอมเสียสมาธิไปไม่เช่นนั้นฉันอาจจะไม่รอด รวมถึงวารินด้วย
แฟนของฉัน ใครก็ห้ามแตะ!
“ของไร้ประโยชน์อย่างเธอมันเกะกะลูกตาจริงๆ” มันว่าและควบคุมมีดให้พุ่งเข้ามาหาฉันเพื่อฆ่า แต่มันไม่ง่ายหรอก!
ฉันใช้ร่มในมือปัดมีดพวกฉันอย่างรวดเร็ว เห็นอย่างนี้ฉันก็เคยเรียนวิชาดาบนะ แถมเป็นวิชาดาบสำหรับฆ่าด้วย ฉันจึงไม่ยอมให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกโจมตีเพียงฝ่ายเดียว ฉันพุ่งเข้าหาฆาตกรหวังจะใช้ร่มฟาดมันสักครั้ง แต่ก่อนที่ร่มของฉันจะถึงตัวฆาตกรมันก็ถูกบดขยี้ด้วยพลังบางอย่าง
“ของแบบนั้นจะทำอะไรฉันได้” มันหัวเราะเยาะ ทันใดนั้นมันก็ชักมีดออกมาและไล่ฟันฉัน ฉันที่ไม่มีอาวุธในมือแล้วจึงได้แต่ถอยหลังหลบจนกระทั่งไปชนวารินที่ยืนอยู่ข้างหลัง
วารินโอบเอวของฉันไว้ทันที “อย่ามาแตะต้องแฟนของผม”
เปรี้ยง!
สิ้นประโยคของวาริน ทันใดนั้นกระแสไฟฟ้ารอบๆ ก็เกิดการกะพริบและต่อมาก็มีสายฟ้าฟาดเข้าไปโจมตีชายสวมฮู้ดคนนั้น
“สมกับเป็นของมีประโยชน์ พลังมีเยอะไม่น้อย” ชายคนนั้นหัวเราะแม้จะถูกสายฟ้าฟาดจนได้กลิ่นไหม้ชัดเจน
“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าทำไมคุณถึงโจมตีพวกเรา แต่ผมจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายแฟนของผมแน่” วารินกล่าวเสียงแข็งกร้าว ซึ่งไม่บ่อยนักที่วารินจะทำเสียงก้าวร้าวเช่นนี้
ถ้าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เป็นแบบนี้ฉันคงจะกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น วารินในเวอร์ชันดุร้าย! หัวใจของฉันแทบละลาย~
หลังจากวารินประกาศกร้าวไปแล้วเขาก็โจมตีคนร้ายที่บุกบ้านไม่ยั้งด้วยพลังจิตสายฟ้า แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมล้มง่ายๆ และใช้มีดที่เป็นโลหะเป็นตัวล่อสายฟ้าเพื่อป้องกัน ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นมีทักษะการใช้พลังและการต่อสู้มากกว่าจึงป้องกันสายฟ้าของวารินได้ทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถโจมตีกลับได้อีกด้วย หากวารินไม่ได้สร้างม่านสายฟ้าของมาป้องกันการโจมตีจากคมมีดพวกนั้นพวกฉันคงบาดเจ็บหนัก
ชายสวมฮู้ดเห็นดังนั้นจึงเริ่มจะเอาจริง สิ่งที่เป็นโลหะทุกอย่างรอบตัวฉันและวารินลอยขึ้นมาและพุ่งเข้ามาโจมตีพวกฉัน
มันมีพลังจิตควบคุมโลหะไม่ผิดแน่!
การโจมตีรอบด้านทำให้วารินต้องทุ่มเทพยายามในการใช้สายฟ้าเป็นเกราะป้องกันเพียงอย่างเดียว ฉันจึงรีบมองหาทางจัดการฆาตกร มันต้องมีสักทางที่ฉันโต้กลับได้สิ! แต่ถ้าจะใช้อาวุธประเภทโลหะต่อสู้ก็คงไม่ได้เพราะอีกฝ่ายมีพลังจิตควบคุมโลหะ ทำยังไงดีล่ะทีนี้ ถ้าฉันไม่มีพลังจิตคงสู้ไม่ได้แน่
"ถ้าอย่างนั้น…วาริน เธอสร้างสายฟ้าเป็นรูปร่างได้ไหม?” ฉันกระซิบถามวาริน
"ผมไม่เคยทำ น่าจะไม่ไหว” วารินเอ่ยเสียงเครียดขณะที่พยายามมีสมาธิกับการป้องกัน วารินยังไม่เคยต่อสู้ด้วยพลังจิตมาก่อนเขาจึงไม่รู้ว่าควรใช้อย่างไรดี
"ลองใช้โลหะเป็นตัวนำไฟฟ้าสิ ปล่อยกระแสไฟฟ้าไปในโลหะข้างหลังผู้ชายคนนั้นและดึงไฟฟ้าเข้ามาหาตัวเอง นั่นจะทำให้เธอลอบโจมตีมันได้" ฉันแนะนำเขาเสียงเบา
วารินพยักหน้าอย่างเข้าใจและทำตามที่ฉันบอก ไฟฟ้าค่อยๆ รวมตัวกันอยู่ข้างหลังของชายสวมฮู้ด ยิ่งมันรวมตัวกับมากเท่าไหร่พลังโจมตีของมันจะต้องมากกว่าการปล่อยสายฟ้าไปตรงๆ อย่างแน่นอน
เมื่อมองเห็นจังหวะที่ดีวารินก็ดึงสายฟ้าทั้งหมดมาหาตัวเองทันที แต่ก่อนมันจะมาถึงตัวเขาไฟฟ้าแรงสูงนั่นจะต้องทะลุผ่านตัวของชายสวมฮู้ดก่อน แน่นอนถ้าโดนไฟฟ้าแรงสูงทะลุผ่านตัวแบบนั้นความร้อนจากไฟฟ้ามันจะทำให้ร่างถูกเผาไหม้
” อึก!” ชายสวมฮู้ดไม่ทันตั้งตัวจึงโดนโจมตีไปเต็ม ไหล่ขวาของเขาเกิดรูขนาดใหญ่ มันเป็นแผลที่มีรอยไหม้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนและจากนั้นเลือดของชายสวมฮู้ดก็เริ่มไหลออกมามากมาย วารินผงะเมื่อเห็นเลือดมากมายเช่นนั้น
”มันจำเป็นวาริน ถ้าเธอไม่ทำเราจะตาย" ฉันกอดวารินและปลอบโยนเขา ฉันรู้ว่าเขาหวาดกลัวพลังของตัวเอง ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกแย่แต่ถ้าไม่ให้เขาทำ มันจะเป็นตัวเขาเองที่จะตกอยู่ในอันตราย
”ไม่เลว…" ชายสวมฮู้ดหัวเราะในลำคอ ทันใดนั้นบาดแผลของเขาก็รักษาตัวเอง
พลังจิตอีกอย่างงั้นเหรอ!?
” หึหึหึ นี่ล่ะพลังที่ฉันต้องการ!” ชายคนนั้นตะโกนและหัวเราะราวกับคนบ้า
ฉันและวารินระวังตัวมากขึ้น บรรยากาศรอบตัวของชายคนนั้นเหมือนจะเปลี่ยนไป มันให้ความรู้สึกอันตรายมากขึ้น
วี้วอ!
แต่ไม่ทันที่การต่อสู้จะดำเนินต่อทันใดนั้นเสียงรถตำรวจก็ดังขึ้นมา ฉันคาดว่าเพื่อนบ้านของฉันคงได้ยินเสียงดังจากการต่อสู้ก็เลยโทรเรียกตำรวจมา ชายคนนั้นชะงักและสบถออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
“พวกน่ารำคาญ คราวหน้าจะฆ่าให้หมด” ชายสวมฮู้ดหันมามองฉันและวารินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะหายไปวาร์ปหายไปต่อหน้าต่อตาของฉันและวาริน
เขามีพลังอย่างที่สาม!?
ฉันตกใจมาก ฆาตกรนั่นมีพลังจิตหลายอย่างแต่ร่างกายยังทนรับไหว มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่เลอาในนิยายพลาดท่าถูกฆ่าทั้งที่มีทักษะดาบเก่งเท่ากับฉัน
ไม่นานหลังจากที่ชายคนนั้นจากไปตำรวจก็มาถึงหน้าบ้านของฉันและวาริน พวกเขาสำรวจก่อนเป็นอย่างแรกและหันมาพูดกับฉันและวารินว่า
“ผู้มีพลังสินะ” ตำรวจคนหนึ่งกล่าว
ฉันและวารินมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าตอบกลับไป ในเมื่อตำรวจรับรู้ถึงตัวตนของผู้มีพลังจิตมันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเราที่จะให้การโดยไม่ต้องแต่งเรื่องให้สมเหตุสมผลกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
วารินได้อธิบายเรื่องราวคร่าวๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตำรวจฟัง ส่วนฉันขอตัวเข้าไปให้ห้องนอนเพื่อเอาของบางอย่าง ซึ่งของสิ่งนั้นก็คือนิยายบอกอนาคตเล่มนั้น! มันต้องบอกได้แน่ว่าทำไมเจ้าฆาตกรนั่นถึงมาอยู่หน้าบ้านของฉันและวารินได้
ครั้งนี้ฉันตั้งใจอ่านอย่างละเอียดและมองข้ามความหึงหวงของตัวเองที่มีต่อตัวละครวารินในนิยาย ตอนนี้ฉันมีวารินเป็นของตัวเอง ทำไมฉันต้องหึงด้วยล่ะ!
และเมื่อได้อ่านอย่างจริงจังฉันก็ได้รู้ว่าฆาตกรนั่นมีความสามารถกลืนกินพลังของคนอื่นได้ มันพยายามไล่ล่าคนมีพลังจิตเพื่อแย่งชิงพลัง วารินก็เป็นเป้าหมายของมันเช่นกัน ในวันนี้หรือวันที่ฉันถูกฆ่าในนิยายฆาตกรตั้งใจจะมาที่บ้านของฉันอยู่แล้วเพื่อมาชิงพลังของวาริน แต่เพราะระหว่างเดินทางมามันดันบังเอิญเจอฉันก่อนมันก็เลยฆ่าฉันด้วยเหตุที่ว่า เกะกะลูกตา!
ไอ้xxx
สบถแล้วก็อ่านต่อและฉันก็ได้รู้ว่าหลังจากฆาตกรนั่นฆ่าฉันเสร็จมันก็ไปที่บ้านของฉันเพื่อไปหาวาริน แต่ในตอนนั้นวารินดันออกจากบ้านมาตามหาฉัน มันจึงคลาดจากวารินไป แต่ถึงแม้จะคลาดกันครั้งหนึ่งฆาตกรนั่นก็ไม่ยอมแพ้และไล่ล่าวาริน หากวารินไม่ได้ไอ้อาเธอร์อะไรนั่นช่วยซ่อนตัววารินคงไม่มีชีวิตอยู่
บ้าเอ๊ย!
ถ้าไม่มีไอ้หมอนั่นช่วยเหลือวารินก็จะไม่รอดงั้นเหรอ? ไม่ใช่! ถ้าฉันหาสถานที่ปลอดภัยซ่อนตัวได้ละก็ฉันและวารินก็จะรอด!
จนกว่าจะจัดการเจ้านั้นได้ฉันจะต้องหาที่ซ่อน แต่ฉันไม่รู้ว่ามีที่ไหนปลอดภัยบ้าง ทางเลือกเดียวก็คือขอความช่วยเหลือจากตำรวจที่ทราบถึงการมีอยู่ของผู้มีพลังพิเศษคนนั้น
ฉันกลับไปวารินที่กำลังสนทนากับตำรวจคนนั้น
“มาพอดีเลยเลอา สารวัตรเมลเสนอให้เราย้ายที่อยู่ชั่วคราว คุณคิดว่ายังไงเหรอ?” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้เริ่มเกริ่นนำวารินก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน ฉันหยุดชะงักไปครู่และคิดว่าก็ดีเหมือนกัน ตำรวจเสนอมาให้แบบนี้แล้วฉันก็ไม่จำเป็นต้องพูดมาก
“ก็ดีนะ จนกว่าคนร้ายจะถูกจับตัวเราควรไปอยู่ในสถานที่ปลอดภัยกันสักพัก” ฉันพูด
“อีกสักครู่คนที่จะช่วยหาที่ซ่อนตัวชั่วคราวให้กับพวกคุณก็จะมาถึงแล้ว” สารวัตรเมลกล่าว
“เขาคือตำรวจรึเปล่าคะ?” ฉันถามเพราะฉันไม่ไว้ใจว่าคนคนนั้นจะสามารถหาที่ซ่อนให้ฉันและวารินได้ปลอดภัยจริงหรือไม่
“ไม่ใช่ แต่เขาไว้ใจได้ เขาสามารถดูแลพวกคุณได้อย่างดีแน่นอน” สารวัตรเมลเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้พวกฉันสบายใจ แต่ฉันก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“เขาไม่ใช่ตำรวจแต่ทำไมต้องดูแลพวกเรา? เขาเกี่ยวข้องกับตำรวจอย่างไร?” ฉันถามต่อ
“เขามีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้ฆาตกรหลุดออกมาน่ะ เขาจะต้องดูแลความปลอดภัยของพวกคุณเพื่อเป็นการรับผิดชอบ” ในประโยคแรกที่สารวัตรเมลเอ่ย น้ำเสียงของเขาเหมือนมีความไม่พอใจกับบางคนและแอบแฝงความรู้สึกผิดต่อพวกฉัน
ฉันเริ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาตงิดๆ ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่าคนที่จะมาช่วยดูแลพวกฉันจะต้องเป็นคนที่ฉันไม่อยากเจอและเกลียดขี้หน้าสุดๆ
แน่นอนว่าลางสังหรณ์ของฉันถูกต้อง
“คนที่เป็นเป้าหมายของเจ้านั่นอยู่ไหน” ข้างหลังของสารวัตรมีเสียงของผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา พวกฉันจึงหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงและได้พบกับชายหนุ่มร่างสูงที่มีหน้าตาหล่อเหลามีดวงตาสีเหลืองทองอันโดดเด่นและมีเส้นผมสีขาวประกายสีแดง
ไอ้อาเธอร์งั้นเหรอ!?
“มาพอดีเลย นี่คืออาเธอร์ เวลเลอร์ คนที่จะมาช่วยให้ที่ซ่อนและดูแลความปลอดภัยของพวกคุณ” สารวัตรเมลแนะนำอาเธอร์ให้ฉันและวารินรู้จัก
“สวัสดีครับผมวาริน ยินดีที่ได้รู้จัก” วารินทักทายอย่างเป็นมิตร ความหึงหวงของฉันพุ่งสูงทันที ฉันพุ่งเข้าไปกอดวารินอย่างหวงแหนและชายตามองอาเธอร์อย่างไม่เป็นมิตร
อาเธอร์ “...?”
“เป็นอะไรงั้นเหรอ?” วารินถามฉันอย่างสงสัย
“ฉันไม่อยากไปกับผู้ชายคนนั้น! เขาไม่น่าไว้ใจเลย เราช่วยกันหาสถานที่ปลอดภัยกันเองดีกว่า!” ทำไมคนที่จะช่วยปกป้องพวกฉันชั่วคราวถึงต้องเป็นเจ้านั่นด้วย! ทั้งที่ฉันคิดว่าจะไม่ยอมให้วารินและอาเธอร์ต้องมาเจอกันแท้ๆ แต่ทำไมถึงยังมาเจอกันได้อีก! แรงดึงดูดของพระเอกกับนายเอกเรอะ!? ไม่ยอม ฉันไม่ยอมนะ!
“ถึงอาเธอร์จะดูไม่น่าไว้ใจแต่เขาไว้ใจได้นะ” สารวัตรเมลพูดพลางยิ้มแห้งกับสายตาไม่เชื่อของฉัน “ไม่ต้องเป็นห่วง เขาไม่ใช่บุคคลน่าสงสัยที่ทำอะไรผิดกฎหมาย คิดว่างั้นนะ” ประโยคสุดท้ายสารวัตรเมลแอบกระซิบ “เอาเป็นว่าเขามีสถานที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยมากๆ ให้พวกคุณอยู่อาศัยชั่วคราวได้ แน่นอนว่าไม่เสียค่าใช้จ่าย”
“ไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือครับ? แบบนั้นจะดีเหรอครับผมคิดว่าผมควรจ่ายค่าคุ้มครองด้วย” วารินกล่าวอย่างเกรงใจ
“ฉันมีส่วนทำให้ฆาตกรนั่นหลุดออกมาสร้างความเสียหายแบบนี้ ฉันมีความรับผิดชอบมากพอที่จะให้ความช่วยเหลือพวกคุณที่ได้รับผลกระทบจากความผิดพลาดของฉัน” อาเธอร์กล่าวเสียงเรียบ
“ฉันจะหาที่ซ่อนเอง ไม่จำเป็นต้องให้นาย...คุณช่วยเหลือ” ฉันพูดเสียงเย็นชาพยายามไม่ส่งสายตาเกลียดชังอย่างออกนอกหน้า
อาเธอร์เค้นเสียงหัวเราะในลำคอและมองฉันด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “ที่ซ่อนที่เธอหามันไม่ทางที่จะปลอดภัยเท่ากับที่ซ่อนที่ฉันหาให้หรอก”
“มั่นใจได้ยังไงกัน” ฉันเบะปากไม่ชอบใจ
“ฉันจะให้พวกเธอซ่อนตัวอยู่คอนโดมิเนียมของฉัน ที่นั่นมีระบบรักษาความปลอดภัยระดับประเทศเพราะทั้งอาคารถูกสร้างขึ้นมาด้วยวัสดุพิเศษที่ทำลายได้ยาก ผู้มีพลังพิเศษก็อย่าหวังว่าจะทำลายมันได้ง่ายๆ ระบบตรวจสอบความปลอดภัยก็ทันสมัย คนแปลกหน้าไม่มีทางเข้าออกได้ง่ายๆ ทุกที่ในอาคารก็มียามเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แน่นอนว่ายามพวกนั้นเก่งกาจมาก บางคนมีพลังพิเศษ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคนพวกนั้นก็สามารถจัดการได้ทันที อย่างเธอคงหาสถานที่ที่มีความปลอดภัยกว่านั้นไม่ได้หรอกและอีกอย่างเธอคงไม่มีเงินจ้างบอดี้การ์ดให้มาปกป้องตอนออกไปข้างนอกหรอกมั้ง อย่างเธอคงทำได้แค่รอให้ฆาตกรนั่นย้อนกลับมาฆ่า”
ร่ายยาวมาจนพอใจก็แสยะยิ้มเยาะ ฉันกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ ฉันอยากจะพุ่งเข้าไปซัดหน้ามันสักครั้งจริงๆ แต่ฉันยังพอมีสติพอที่จะไม่ทำอย่างนั้น ฉันพยายามดึงสติกลับมาและหาวิธีตอกกลับไปว่าฉันสามารถหาสถานที่ปลอดภัยกว่านั้นได้ แต่คิดยังไงฉันก็คิดไม่ออก ถ้าอยากรอดชีวิตจากการถูกตามฆ่าจากคนที่มีพลังจิตแข็งแกร่งอย่างเจ้าฆาตกรนั่นคงต้องลงไปซ่อนใต้ดินโดยห้ามโผล่หน้าออกมาข้างนอกเท่านั้น ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้! ฉันและวารินไม่สามารถซ่อนตัวใต้ดินได้ตลอดไปและที่สำคัญฉันไม่อยากให้วารินต้องไปลำบากอยู่ใต้ดินแบบนั้น! มันน่าเจ็บปวดและน่าเศร้าเกินไปแล้ว วารินของฉันจะต้องได้ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระท่ามกลางแสงแดดอันสว่างไสวสิ
มันเป็นอย่างที่อาเธอร์พูด ฉันไม่สามารถหาสถานที่ที่ปลอดภัยอย่างนั้นได้และไม่มีเงินพอที่จะจ้างบอดี้การ์ดที่เก่งพอจะสู้กับผู้มีพลังจิตได้ แม้จะน่าเจ็บใจแต่ฉันก็ต้องยอมรับ เพื่อความปลอดภัยของวารินแล้วฉันจะต้องยอมรับการคุ้มครองจากอาเธอร์
“เฮ้อ...เข้าใจแล้ว” ฉันถอนหายใจอย่างยอมแพ้
“เข้าใจง่ายดีนี่” อาเธอร์กระตุกยิ้ม
“แต่นายต้องห้ามยุ่งกับวารินของฉันนะ! ไม่อย่างนั้นฉันจะใช้ดาบตัดหัวนายซะ!” ฉันกอดวารินอย่างหวงแหน
“หือ? มันมีอะไรน่าสนใจที่ทำให้ฉันอยากยุ่งกับมัน?” อาเธอร์เลิกคิ้วไม่เข้าใจ
“อย่าเรียกวารินว่ามันนะ” ฉันกัดฟันพูดอย่างหงุดหงิด วารินได้แต่ยิ้มแห้งและลูบหลังของฉันเพื่อให้ฉันอารมณ์เย็นลง
“หรือว่ามันมีพลังอะไรน่าสนใจ?” อาเธอร์เอ่ยอย่างสงสัยปนสนใจพลางกวาดสายตามองวาริน ฉันจึงนึกขึ้นมาได้ว่าสาเหตุที่อาเธอร์สนใจวารินก็เพราะเขาเห็นว่าวารินมีพลังถึงสองอย่างและแต่ละอย่างก็ทรงพลังทั้งนั้นแต่กลับใช่ชีวิตได้อย่างปกติโดยที่ร่างไม่ระเบิดตายไปเสียก่อน เพื่อไม่ให้อาเธอร์สนใจวารินฉันจะต้องไม่ให้เขารู้เด็ดขาดว่าวารินมีพลังสองอย่าง!
“แค่ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรนิดหน่อยเอง” ฉันรีบพูดก่อนที่วารินจะให้คำตอบกับอาเธอร์ ฉันเลือกที่จะเปิดเผยว่าวารินมีพลังสายฟ้าเพราะว่ามันปกปิดได้ยากที่สุด เมื่อวารินอารมณ์ไม่คงที่เมื่อไหร่เขาก็จะทำให้ไฟฟ้าติดๆ ดับๆ ทุกครั้ง แม้ว่าวารินจะพยายามปกปิดแต่สุดท้ายความก็จะแตกอยู่ดี เพราะงั้นเลือกปกปิดพลังที่ปกปิดง่ายที่สุดจะดีกว่า
“หือ...สายฟ้าสินะ สายควบคุมใช่ว่าจะหาง่ายและอยู่รอดปลอดภัยจนมาถึงตอนนี้” อาเธอร์ยังมีท่าทางสนใจวาริน ฉันแยกเขี้ยวขู่ทันที
“ฉันขอเตือนคุณว่าอย่ามายุ่งกับฉันและแฟนของฉันอีก! มันเป็นเพราะคุณเลินเล่อและประมาณตนมากเกินไปจนทำให้ฆาตกรหลุดออกมานั่นแหละที่ทำให้พวกฉันอยู่บ้านไม่ได้ คุณควรเอาเวลาไปตามจับฆาตกรที่หลุดออกมาจะดีกว่า ถ้าฉันตายหรือมีคนอื่นตายเพราะฆาตกรนั่นมันก็เป็นความผิดของคุณทั้งหมด!”
อาเธอร์จ้องตากับฉันด้วยสายตาสงสัยปนไม่พอใจที่ฉันแสดงท่าทางเป็นศัตรูกับเขาแบบออกหน้าออกตา แน่นอนว่าฉันไม่ต้องการจะปกปิดเพราะฉันอยากจะเตือนเขาว่าฉันไม่ชอบเขาเอามากๆ ฉันเชื่อว่าถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ชอบหน้าเขา เขาก็คงรู้สึกรำคาญและไม่อยากเห็นหน้าฉันเหมือนกันและเลือกที่จะไม่สนใจและเมินฉัน ซึ่งมันจะเป็นเรื่องดีมากถ้าเขาเมินวารินด้วย!
แต่ถ้าอาเธอร์เป็นพวกชอบวิ่งเข้าหาคนที่เกลียดตัวเองฉันคงต้องวางแผนใหม่
“เธอตายไปสักคนมันก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาหรอก ตายไปซะก็ดี” อาเธอร์เหยียดยิ้มไม่พอใจ
นี่แช่งกันเลยเรอะ!?
ฉันกำลังจะอาละวาดด้วยความไม่พอใจ แต่วารินก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “คุณอาเธอร์...ผมไม่ตำหนิคุณหรอกนะที่คุณพลาดทำฆาตกรหลุดออกมา แต่ถ้าคุณกล่าวออกมาแบบนั้นโดยไม่มีความรู้สึกผิดต่อสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาดผมคงให้อภัยคุณไม่ได้ ถ้าแฟนของผมเป็นอะไรไปละก็...ผมก็ไม่คิดจะปรานีคุณ” วารินหรี่ตาลงและมองอาเธอร์อย่างเย็นชา
ฉันปลื้มใจอย่างมาก วาริน! เกลียดไอ้หมอนั่นไปเลย! มันไม่เหมาะสมที่จะเป็นพระเอกของเธอเท่าฉันหรอก!
ด้วยเหตุนี้ครั้งแรกที่พวกเราได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการจึงกลายเป็นว่าฉันและวารินต่างก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบขี้หน้าอาเธอร์ คนที่พอใจกับผลลัพธ์นี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉัน! และในอนาคตฉันว่าหวังว่าจะทำให้วารินเกลียดอาเธอร์มากยิ่งขึ้น
อย่าหวังว่าจะได้แตะต้องแฟนของฉันเลยอาเธอร์!
ฉากลับฉากหนึ่งในนิยาย ปกป้องหัวใจวาริน
หลังฉาก : พรากจาก
“ไข่และน้ำผลไม้หมดแล้ว อ๊ะ น้ำตาลและน้ำปลาด้วย เลอาผมจะออกไปซื้อของนะ” ในขณะที่เริ่มหั่นผักวารินก็นึกขึ้นมาได้ว่าของในครัวหมดไปหลายอย่าง
“เธอทำอาหารต่อไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อเอง” เลอาอาสาที่จะไปซื้อของแทนและรีบเดินออกจากห้องครัวไปโดยไม่รอให้วารินประท้วง
วารินมองกุ้งที่เลอายังแกะเปลือกไม่เสร็จก่อนที่จะส่ายหัวเอือมระอาพลางหัวเราะเบาๆ บอกมาตามตรงก็ได้ว่าไม่อยากช่วยทำอาหารต่อน่ะ
วารินแกะเปลือกกุ้งที่เลอาแกะค้างไว้โดยไม่บ่นอะไรเพราะเขารู้ดีว่าเลอาค่อนข้างไม่ชอบการแกะเปลือกทุกชนิด โดยเฉพาะเปลือกผลไม้ ถ้าเขาไม่แกะเปลือกให้เลอาก็คงไม่คิดว่ากินผลไม้จำพวกที่ต้องแกะเปลือกตลอดชีวิตแน่ๆ
เขาทำอาหารเย็นจนเสร็จแต่เลอาก็ยังไม่กลับมาจากซื้อของ เขาจึงมองสำรวจบ้านเพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างที่รอให้เลอากลับมา เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพแขวนบนผนังบ้าน บ้านหลังนี้พวกเขาเพิ่งย้ายมาอยู่ได้อาทิตย์กว่าแล้วและเกือบทุกอย่างในบ้านเลอาก็เป็นคนจัดวาง แม้ว่าเขาจะสำรวจดูแล้วแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาเดินสำรวจอีกครั้ง
ภาพถ่ายคู่ของเขาและเลอาถูกจัดวางอยู่ทุกแห่งในบ้าน ข้าวของต่างๆ ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ เครื่องดนตรีอย่างเช่นเปียโนถูกวางอยู่มุมอย่างดี ถ้าเขาอย่างเล่นขึ้นมาก็ลุกไปเล่นได้ตลอดเวลา เขาลูบเปียโนหลังใหญ่ของเขาแผ่วเบา ทันใดนั้นภาพที่เขากำลังสอนเลอาเล่นเปียโนก็ฉายเข้ามาในหัวของเขา
เลอาเล่นดนตรีไม่เป็นเลย เขาก็เลยสอนเลอาให้เล่นดนตรี มันเป็นกิจกรรมยามว่างที่พวกเขามักได้ทำร่วมกันบ่อยครั้ง
“แปลกจัง ทำไมยังไม่กลับมานะ” เขาคิดถึงเลอาจึงอดบ่นไม่ได้ที่เธอหายไปนาน เขาจึงตัดสินใจออกจากบ้านไปถามหา
เขาหวังว่าจะได้พบกับเลอาแล้วพูดกับเธอว่า กลับมาช้าจังนะ และจูงมือกันกลับบ้านและกินข้าวเย็นด้วยกัน จากนั้นก็จะล้างหน้าแปรงฟันด้วยกันก่อนนอน และนอนหลับฝันดีด้วยกัน พอตื่นเช้าขึ้นมาก็ล้างหน้าแปรงฟันด้วยกันอย่างเช่นทุกวัน และทานอาหารเช้าด้วยกันอย่างเช่นทุกวัน
แต่ว่า...ทุกสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
“เลอา...” ร่างกายของเขาคล้ายหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาทรุดตัวลงตรงหน้าร่างของเธอ
ไม่ เขาไม่ต้องการยอมรับ ไม่ยอมรับ!
“เลอา...มานอนทำอะไรตรงนี้กัน กลับบ้านเรากันเถอะนะ” เขาเอ่ยเรียก มือของเขายื่นออกไปหวังจะจับจูงมือเธอกลับบ้าน แต่ทำไมมือของเขาสั่นเทาเช่นนี้ ทำไมภาพตรงหน้าของเขาถึงพร่าเลือนเช่นนี้
ตุบ...
เขามองมือของเขาที่กุมมือของเลอาไว้ มือที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน มือที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับร่างของเธอ
“เลอา...เลอา...เลอา!!” เขาพยายามต่อมือของเธอให้กลับที่เดิม พยายามประคับประคองศีรษะของเธอไว้ไม่ให้หลุดลงมา
ทำไม! ทำไมเป็นอย่างนี้! อย่าทิ้งผมไปได้โปรด!
“เลอา!!” เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งด้วยอารมณ์รุนแรงจนกระทั่งพลังของเขาระเบิดออกมา เขาไม่สนแล้วว่าพลังของเขาจะทำลายอะไรไปบาง ทำคนอื่นบาดเจ็บหรือไม่ ถ้าเลอาไม่อยู่แล้วโลกนี้ก็ไม่มีสิ่งที่เขาต้องการอีกต่อไป
ตอนที่ 64 วารินแปลกไป“ขอบคุณที่ให้ผมได้เจอกับเลอาอีกครั้ง”“แต่คุณ….จะไม่บอกเลอางั้นเหรอ?”“ผมไม่ต้องการให้เลอารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งนั้น….เธอจะเสียใจ”“…อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลยกันเลอา”“เลอาก็แฟนฉัน”“ไม่ เธอคือแฟนของผม”“…เราจะเถียงกันทำไมในเมื่อเรา---”“เลอาคือแฟนของผม”“…ก็ได้!”…………จากคำยืนยันจากวาริน ผู้นำผู้ก่อการร้ายอย่างอิระและหน้ากากอีกาได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นสองวันหมอกสีแดงก็ถูกกำจัด เจ้าหน้าที่มุ่งหน้าจับกุมคนร้ายเพื่อคืนความสงบสุข อาจจะใช้เวลานานในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทุกอย่างจะต้องถูกจัดการเก็บกวาดในท้ายที่สุดในขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่จับกุมผู้มีพลังพิเศษที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบแก๊ง DH ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยเกือบจะถูกจับกุมไปด้วย แต่โชคดีที่พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากอาเธอร์ที่ได้รับความดีความชอบที่สามารถกำจัดหมอกแดงได้และยังได้รับการยืนยันจากนายกว่าพวกเขาเป็นพลเมืองที่ถูกบีบให้ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้รับบทลงโทษอะไรที่ใช้พลังเมื่อเลอาได้ทราบถึงเรื่องที่อาเธอร์ช่วยเหลือเธอก็แค่บิดยิ้มออกมาและกลอกตา
ตอนที่ 63 บทสุดท้ายของ ´ปกป้องหัวใจวาริน´ บทสุดท้ายของ ‘ปกป้องหัวใจวาริน’เขาแก้แค้นสำเร็จ เขาทำสำเร็จแล้ววารินยืนนิ่งท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเมืองที่พังทลาย ไฟจากพลังจิตของอิระยังโหมกระหน่ำรอบตัวเขาแต่เจ้าของพลังจิตอย่างอิระได้ตายจากไปแล้ว ด้วยฝีมือของวารินเอง ไฟฟ้าของวารินเริ่มสงบลง ไม่สิ มันราวกับกำลังสูญเสียพลัง แก้แค้นสำเร็จแล้วอย่างไรต่อ? สุดท้ายแล้วคนรักของเขาก็ไม่อาจกลับมาได้ เขาสูญเสียจิตใจที่จะใช้พลังวารินไร้จุดมุ่งหมายที่จะมีชีวิตไปแล้ว เขาเดินข้ามศัตรูคนสุดท้ายของเขา ก้าวข้ามผู้ที่บอกว่ารักเขา โนอาห์ ก้าวข้ามอาเธอร์ที่เคยบอกว่าหลงใหลเขา วารินมองโนอาห์และอาเธอร์เพียงหาตา แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะโอนอ่อนต่อคำบอกรักของพวกเขา แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้สึกรักเลย แท้จริงแล้วเขาก็แค่หลอกใช้คนพวกนี้แล้วเขาจะทำอะไรต่อไปดีนะ…วารินเร่ร่อนอยู่นาน จนโลกที่วุ่นวายจากการกระทำของอิระเริ่มฟื้นตัว ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดั่งเช่นวันวานแต่วารินรู้ว่าเขาไม่อาจเป็นดั่งเช่นวันวานได้“นายอยากได้จุดจบใหม่งั้นเหรอ?”วารินไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นพูดกับเขา เขาพยักหน้าตอบกลับแต่ก็คิดใหม่และส่ายหน้า “ไม
ตอนที่ 62 ดวงจันทร์สีแดงวารินสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่แล่นอยู่บนฝ่ามือของเขา ศัตรูอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเป็นตัวเขาเมื่อก่อนที่หวาดกลัวพลังของตัวเองจะต้องไม่กล้าใช้พลังนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วารินรับรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว… ไม่สิ ความจริงแล้วตัวตนอันเย็นชานี้อาจเป็นตัวตนที่เขาพยายามเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจมาตลอดวารินคิดว่าในตอนนี้เขาสามารถสังหารศัตรูได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยวารินและอิระยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสนามของโรงเรียน“คุณมาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่คิดจะถอยสินะครับ และคงน่าจะเตรียมใจไว้แล้ว” วารินเอ่ย“เตรียมใจอะไรกัน? ถ้าเตรียมใจที่จะกลายเป็นราชาของมนุษย์ยุคใหม่ละก็ใช่” อิระเอ่ยขณะที่ปัดฝุ่นบนตัวที่ติดมาตอนที่ถูกลากออกมาจากโรงยิม “ว่าแต่ทำไมต้องเป็นนายทุกครั้งเลยนะที่ฉันต้องสู้ด้วย และทุกครั้งฉันก็กำจัดนายไม่ได้สักที โชคดีเกินไปแล้ว”วารินอดนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ตัวเอกของหนังสือมักถูกโชคชะตาเข้าข้าง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาไม่รู้สึกว่าถูกโชคชะตาเข้าข้างเลย เพราะการที่ต้องสูญเสียคนรักไปมันเป็นคำสาปมากกว่ามือของทั้งสองข้างของวารินถือปืนไว้ ทันใดนั้นเสียงเสียดสีบางอย่างก็
ตอนที่ 61 ห้องบอสพวกเราถูกย้าย หลายคนที่นี่ ผู้มีพลังจิตคนอื่น- บอส ที่นี่นั่นคือสัญญาณขอความช่วยเหลือสุดท้ายที่ระบบขอความช่วยเหลือของแก๊ง DH ได้รับ ผู้ขอความช่วยเหลือไม่ได้อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียดหมายความว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ไม่ค่อยจะดีนัก“ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆ เลยพยายามหนีออกจากที่นี่แล้ว แค่ดูเหมือนจะไม่ทัน” วารินอธิบายอย่างกังวลใจถูกย้าย ผู้มีพลังจิตคนอื่น…. ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงผู้หญิงหน้ากากกวางฉันเห็นเมื่อครู่ เธอมีพลังเคลื่อนย้ายไม่ผิดแน่ เธอจะต้องเคลื่อนย้ายคนอื่นๆ ไปรวมกันในที่เดียว เธออะไรบางอย่าง‘บอส ที่นี่’ ในข้อความอาจจะหมายถึงพวกเขาถูกพาไปหาอิระ แล้วอิระทำไปเพื่ออะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะดีนัก…คงไม่ใช่แผนอย่างกำจัดศัตรูให้หมดก่อนที่ศัตรูจะได้ตั้งตัวนะ พอคิดแบบนั้นฉันก็มองกำแพงหมอก ยิ่งคิดสีหน้ายิ่งแย่ลงเอาจริงดิ?[มีการแจ้งเตือนจาก ถล่มให้แหลก]การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถล่มให้แหลก เนี่ยหมายถึงแอปสื่อสารพิเศษที่พวกเจมส์สร้างขึ้นมานั่นเอง ฉันก็ลืมมันไปเลยเพราะไม่ค่อยได้ใช้ในห้องแช็ตกลุ่มเจมส์: เลอาเจมส์: มีข้อความจากเจ้าคนที่ชื่อลันก
ตอนที่ 60 หมอกแดงคุณต้องการเข้าร่วมก่อนช่วยเหลือหรือไม่?[เข้าร่วม] [ปฏิเสธ]ข้อความจากผู้ขอความช่วยเหลือ : ช่วยด้วย! พวกเราถูกจับเป็นตัวประกัน! (ส่งตำแหน่งที่อยู่)ฉันแค่เข้ามาอวดพลัง : เจ้าจะให้ข้าไปช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? นั้นมันกลางเมืองที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นเขตอันตรายสูงไม่ใช่รึไง!? และโดยรอบเมืองถูกกองทัพทหารปิดกันเส้นทางไว้หมดแล้ว!ฉันแค่เข้ามาเล่นเกม : ไม่ใช่ว่าเราต้องรอฟังคำสั่งนอกรอบไม่ใช่รึไง ไหงไปอยู่ตรงนั้นได้โลกเริ่มอยู่ยากมากขึ้น : ถึงฉันจะอยู่ใกล้ก็ไปช่วยไม่ได้หรอก…ฉันไม่ได้มีพลังขนาดนั้น!พริกไทยป่น : สมาชิกหลักของแก๊งน่าจะอยู่ไม่ไกลนะ พวกเขาอาจไปช่วยได้สมาชิกวงใน : อันที่จริงหัวหน้ากับหัวหน้าใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆ นั่นล่ะพริกไทยป่น : พวกเขาจะไปช่วยเหรอ? (สติกเกอร์ตื้นเต้น)สมาชิกวงใน : ไม่สมาชิกวงใน : หัวหน้าเลออนเล่นเกมอยู่ หัวใหญ่ก็นอนกกแฟนอยู่มะเขือ: !?มะละกอ: !!???อ่านแล้วสัมผัสถึงความไร้ความผิดชอบอย่างมาก ฉันก็เลยต้องยอมออกจากบ้านมาทำงานสักที ก็อยากจะปล่อยให้ทหารหรือไม่ก็หน่วยพิเศษจัดการเองอยู่หรอกแต่ก็ไร้ความรับผิดชอบเกินไป ดูเหมือนว่ากลุ่มแก๊งเล็กๆ ของฉันเหมือน
ตอนที่ 59 สิ่งไม่สำคัญก็ลืมมันไปการใช้ร่างจิตมีประโยชน์ตรงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนได้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับสังเกตการณ์ ฉันจึงใช้พลังถอดจิตของโนอาห์เพื่อที่จะได้มาสังเกตการณ์การต่อสู้ของวารินและอิระอย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้การต่อสู้เงียบมาสักพักแล้ว ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาไปอยู่ส่วนไหนของเมืองที่เสียหายแห่งนี้แล้ว“งั้นคงต้องไปสำรวจรอบๆ ก่อน” ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าลูกน้องของอิระซุ่มรอเวลาลงมืออยู่ที่ไหน ถึงจะคาดไว้ว่าพวกนั้นอาจจะกำลังซุ่มอยู่ในมิติขนาดของหน้ากากหมี แต่มันก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันอีกทั้งมันค่อนข้างน่าสงสัยที่พวกนั้นยังอยู่เงียบๆ โดยไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย อย่างอิระมันจะยอมให้ลูกน้องรออยู่เฉยๆ เพื่อช่วยตัวเองยามสู้กับวารินไม่ไหวเหรอ? ไม่น่าใช่ เจ้านั่นน่าจะสั่งให้ลูกน้องทำลายทุกอย่างที่ความขวางหน้าเพื่อเป้าหมายของตัวเองมากกว่าฉันจึงลองออกไปสำรวจรอบเมืองแต่ก็ไม่พบคนที่น่าจะเป็นคนของอิระ แต่ฉันพบคนธรรมดาแทน พวกเขาอยู่ในเขตที่น่าจะมีการอพยพไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยังหลงเหลืออยู่และไม่ได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของวารินและอิระประชาชนมากมายได้รับความเสียหายจากความวุ่นวาย