ตอนที่ 5 มิติซ้อนทับ
ณ ห้องพักฟื้นผู้ป่วยในโรงพยาบาล
“ป้าดีใจที่วารินมาเยี่ยมป้านะ เราไม่ได้เจอกันนานเลย” คนป่วยบนเตียงเอ่ยพลางฉีกยิ้ม
“ครับ อาการป่วยของคุณป้าเป็นยังไงบ้างครับ?” วารินถามด้วยความเป็นห่วง
“ก็...แค่ก! แค่ก!” ป้าของวารินไอ้อย่างหนักเป็นคำตอบว่า ป่วยหนักมาก!
“คุณแม่!” ลูกชายของคุณป้าของวารินหรือธันวารีบเข้าไปประคองแม่ของตัวเอง
“เดี๋ยวผมรินน้ำให้นะครับ” วารินรีบหันไปรินน้ำให้ป้าของเขา
ฉันยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนนั่งดูละคร ฉันล่ะรังเกียจนักที่ป้าของวารินทำท่าเหมือนดีใจที่วารินมาเยี่ยมทั้งที่ใจจริงไม่เคยคิดจะสนใจวารินเลยและลูกชายของยัยป้านั่นด้วย มาทำตัวกตัญญูอะไรตอนนี้
“ถ้าได้ผ่าตัดละก็คุณแม่จะต้องดีขึ้นแน่ๆ เลยแต่เงินที่เรามีกลับไม่พอ” ธันวากล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
ฉันยืนกลอกตาอย่างรำคาญอยู่มุมห้องให้ขณะที่คนอื่นในห้องกำลังทำท่าทางทุกข์ใจอย่างมาก เกริ่นนำขึ้นมาแบบนี้มีหรือที่ฉันจะไม่รู้เจตนาของเขา เรียกวารินมาเพื่อขอเงินชัดๆ
“เดี๋ยวผมจะช่วยจ่ายเอง” วารินก็ใจดีเสนอเงินให้แบบไม่หวง
“จริงเหรอ!? ดีจริงๆ” ธันวามีสีหน้าชื่นบานขึ้นมาทันที ความทุกข์ใจก่อนหน้านี้เหมือนไม่เคยมีอยู่จริง
ไม่กังวลเรื่องเงินแล้วแต่ก็ช่วยกังวลเรื่องการผ่าตัดด้วย จะผ่าตัดสำเร็จและหายป่วยไหมก็ไม่รู้ ดีใจเร็วไปไหม? ว่าแต่ป่วยเป็นอะไรถึงต้องผ่าตัด? ป่วยถึงขนาดต้องผ่าตัดจริงๆ ใช่ไหม? ไม่ได้จะหลอกวารินของฉันหรอกใช่ไหม?
ฉันหรี่ตามองสองแม่ลูกอย่างเคลือบแคลงใจ คนพวกนี้เคยขูดรีดเงินจากวารินจนเงินที่พ่อแม่ของวารินเหลือทิ้งไว้ถูกใช้จนเกือบจะหมด คนพวกนี้คงไม่ได้แกล้งป่วยหนักเพราะอยากได้เงินจากวารินหรอกนะ?
เพราะอคติล้วนๆ ฉันก็เลยอดไม่ได้ที่จะมองพวกเขาในแง่ร้าย
วารินใช่เวลาเยี่ยมไข้ป้าของเขากว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงนั้นวารินต้องเสียเงินหลักหมื่นไปอย่างเสียเปล่า มันทำให้ฉันอารมณ์บูดมากแม้ว่าจะออกมาจากห้องพักฟื้นคนไข้แล้วก็ตาม
“เลอา...” วารินเรียกชื่อของฉันและส่งสายตาขอความเห็นใจมาให้ เขารู้ดีว่าการให้เงินคนพวกนั้นจะทำให้ฉันอารมณ์บูดแต่เขาก็ยังทำ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลเขาก็เลยพยายามส่งสายตามาง้อฉันให้หายอารมณ์บูดอย่างที่เห็น
“เธอให้คนพวกนั้นมาเพียงพอแล้ว คราวหน้าอย่าช่วยคนพวกนั้นมากเกินไป” ฉันรู้ว่าถ้าคนพวกนั้นมาขอความช่วยเหลือจากวารินอีกวารินก็จะช่วย ฉันก็เลยเอ่ยเตือนเขาไว้ได้แค่นี้เท่านั้น
“ครับผม” วารินเอ่ยรับคำของฉันพลางยิ้มกว้าง
ยิ้มสดใสแล้วนั้นใครจะทำหน้าดุต่อไปได้ลงกัน! ก็ได้แต่หวังว่าเขาจะเข้าใจและจดจำสิ่งที่ฉันต้องการเตือนนะ
“หมดธุระแล้วเรากลับกันเถอะ” ฉันว่า
“ฉันโทรเรียกรถแท็กซี่มาให้แล้วค่ะ” ดรีมเอ่ยอย่างรู้งาน
“ขอบคุณ” วารินเอ่ย จากนั้นพวกเราก็เดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปรอรถแท็กซี่ ทว่าทันใดนั้นเองสิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
วูบ!
“อะไรน่ะ?” ฉันอุทานขึ้นมาเป็นคนแรก
ทันทีที่ก้าวขาออกจากโรงพยาบาลพวกฉันก็มองเห็นรอบข้างเป็นแสงวูบวาบและต่อมาเพียงเสี้ยววินาทีทุกอย่างก็เงียบสนิท ไม่มีเสียงผู้คนหรือเสียงรถที่สัญจรไปมา นั่นก็เพราะว่านอกจากพวกฉันสามคนแล้วมันก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นปรากฏให้เห็นเลย!
มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย!? แปลกเกินไปแล้ว! โดนดีดนิ้วให้กลายเป็นฝุ่นไปหมดแล้วรึไง?
“ทานอสคงดีดนิ้วสำเร็จ” ฉันหันไปมองวารินที่เป็นคนพูด พวกเราทั้งคู่มองหน้ากันสักพักก่อนที่จะยกมือขึ้นมาแปะมือกันครั้งหนึ่ง
“คิดเหมือนกันเลยที่รัก!”
“...” ดรีมไร้คำพูดและมองฉันและวารินด้วยสายตาว่างเปล่า ฉันและวารินก็เลยไม่เล่นต่อ พวกเรารู้ดีว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลามาเล่นแต่เหตุการณ์ที่พวกเราไม่เข้าใจเกิดขึ้นกะทันหันนั่นทำให้พวกเราเครียดอย่างเฉียบพลัน เพื่อไม่ให้ตัวเองตกอยู่ในความกลัวจนเครียดและคิดอะไรไม่ออกก็เลยเรียกสติตัวเองด้วยการคิดเรื่องไร้สาระที่ทำให้อารมณ์คงที่ขึ้นมา
“คุณรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?” วารินเอ่ยถาม บอดี้การ์ดของเราพยักหน้า
“สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นเพราะพลังพิเศษอย่างหนึ่ง ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดมันคือพลังสร้างมิติซ้อนทับ มันคือการสร้างมิติแยกออกมาซ้อนทับโลกความเป็นจริงหรือจะเรียกว่าโลกคู่ขนานก็ได้” ดรีมอธิบาย
“นั่นเทพเกินไปแล้ว” ฉันและวารินพูดพร้อมกันด้วยสีหน้าตกตะลึง แม้ว่าวารินจะเป็นผู้มีพลังพิเศษ แต่พวกเราก็ไม่เคยเข้าโลกของผู้มีพลังพิเศษอย่างจริงจังเลย พวกเราก็เลยไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษ
“งั้นหมายความว่าพวกเราถูกดึงเข้ามาในมิติแยกที่ใครบางคนสร้างขึ้นมาสินะครับ?” วารินว่า
“เป้าหมายของฝ่ายนั้นใช่เรารึเปล่า?” ฉันถามเสียงเครียด
“เป็นพวกเราแน่นอน ที่นี่ไม่ใช่ว่าใครจะหลุดเข้ามาได้ง่ายๆ นอกเสียจากว่าผู้ที่สร้างมิตินี้ตั้งใจดึงเข้ามา” ดรีมมีท่าทีระมัดระวังตัวอย่างมาก หากมีการโจมตีเข้ามาเธอคงตอบสนองเป็นคนแรก
“ฆาตกรนั่นใช่รึเปล่าที่ทำ?” ฉันเอ่ยถามพลางหรี่ตาลงเมื่อนึกถึงฆาตกรที่ชื่อว่าอิระ
“อาจจะเป็นเขาและอาจจะเป็นพวกของเขา” ดรีมตอบ
ฉันขมวดคิ้วอย่างสงสัย อิระเพิ่งจะหนีออกจากศูนย์วิจัยของอาเธอร์ได้ไม่นาน เขาไม่น่าจะรวบรวมพรรคพวกได้เร็วขนาดนี้นี่นา...ไม่สิ เดี๋ยวนะ อิระเคยอยู่ในองค์กรที่รวมผู้มีพลังจิตด้วยนี่นา มันอาจจะไม่ยากสำหรับเขาที่จะตามหาและรวบรวมผู้มีพลังจิตที่เคยรู้จักมาเป็นพรรคพวก นั่นหมายความว่าเขาสามารถรวบรวมพรรคพวกได้เร็วกว่าที่ฉันคาดไว้มากน่ะสิ!
“เป้าหมายของพวกมันจะต้องเป็นวารินแน่” พลังของศัตรูน่าจะเป็นปัญหามากแน่ ฉันจะทำไงดีล่ะเนี่ย! ตอนนี้ฉันไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพรรคพวกของฆาตกรอิระนั่นเลยเพราะทนอ่านนิยายต่อไม่ได้ สงสัยฉันต้องกลับไปอ่านต่ออีกแล้ว
“ขอบเขตการสร้างมิติซ้อนทับมีพื้นที่จำกัด ถ้าเราหนีออกจากเขตที่มีมิติซ้อนทับได้เราก็จะสามารถออกจากที่นี่ได้และกลับสู่โลกความจริง” เมื่อดรีมบอกอย่างนั้นพวกฉันก็พยักหน้าอย่างเข้าใจและเตรียมจะปรึกษากันว่าควรไปทางไหนดี ทว่าทันใดนั้นเองดรีมก็รีบดึงพวกฉันออกจากจุดที่ยืนอยู่เมื่อครู่อย่างกะทันหันและก็ปรากฏว่าตรงจุดที่พวกฉันอยู่เมื่อครู่ได้มีรอยกระสุนปืนปรากฏให้เห็น
พวกเราถูกลอบยิง!
ฉัน วาริน และดรีมวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลทันทีเพื่อหลบกระสุนปืนที่ยิงรัวมาหาพวกฉันอย่างต่อเนื่อง พวกเราหลบอยู่ข้างประตูสักพักจนกระทั่งฝ่ายนั้นหยุดยิง น่าจะเพราะกระสุนหมด
“มันมาจากไหน” ฉันชะโงกหัวออกไปมองหาที่มาของกระสุน แต่ฉันก็ไม่เห็นใครสักคนนอกจากบ้านเมืองที่เหมือนถูกกดหยุดนิ่ง ดูเหมือนว่ามันจะคัดลอกทุกอย่างจากโลกจริงมาไว้ที่นี่ทั้งหมดยกเว้นสิ่งมีชีวิต
“น่าจะมาจากดาดฟ้าตึกตรงกันข้ามกับโรงพยาบาลนะ” วารินชี้ไปยังตึกที่อยู่ออกไปแต่ทางเข้าออกของโรงพยาบาลและตึกนั้นหันหน้าเข้าหากันพอดี ฉันพยายามหรี่ตามองดาดฟ้าตึกนั้น แต่เพราะสายตาของฉันไม่ได้ยาวขนาดนั้นจึงเห็นได้เลือนรางมาก “ผมเห็นคนแล้ว อ๊ะ เขายกบางอย่างขึ้นมา มันดูเหมือน...บาซูก้า!”
“เดี๋ยว บาซูก้ากลางเมืองเนี่ยนะ!? ไม่สิ ตอนนี้เราอยู่มิติซ้อนทับนี่นา...นั่นก็หมายความว่าฝ่ายนั้นคิดจะยิงแบบไม่เกรงใจเลยใช่ไหม!?” ฉันจะเอาไปสู้กับบาซูก้าได้กัน! ดาบไม้ที่เอามาด้วยเหมือนจะกลายเป็นของไร้ประโยชน์ทันที
ในขณะที่ฉันพยายามคิดว่าควรทำอะไรต่อไปดรีมก็พุ่งออกไปหน้าประตูโรงพยาบาลอีกครั้งและทำบางอย่างที่ทำให้เกิดลมลมหมุนจนกลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ และพายุหมุนนั้นไม่ได้มีเพียงลูกเดียว มันมีถึงสามลูก! มันจะต้องเป็นพลังของดรีมแน่นอน เมื่อบาซูก้าถูกยิงมามันก็ได้ปะทะเข้ากับพายุหมุนของดรีม
ตูม!
มันเกิดการระเบิด แต่ฉันและวารินก็ยังปลอดภัยดี แต่พายุหมุนของดรีมสลายหายไปลูกหนึ่งเพราะรับแรงระเบิด แต่ดรีมก็ยังเหลือพายุหมุนอีกสองลูกที่เหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมันขยายเต็มที่ดรีมก็สะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้นพายุหมุนก็มุ่งหน้าไปยังตึกที่มีศัตรูอยู่และดูดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ฉันและวารินมองตึกที่กลายเป็นซากในพริบตาเดียว พลังทำลายล้างสุดยอด การต่อสู้ของผู้มีพลังจะทำให้บ้านเมืองเสียหายประมาณนี้สินะ โชคดีนะที่ที่นี่คือมิติซ้อนทับที่ถูกสร้างขึ้นมา ไม่งั้นคนงานก่อสร้างคงน่าสงสารแย่
“ออกไปทางด้านหลังโรงพยาบาลกันเถอะครับ ถ้าเรามุ่งหน้าไปทางตรงกันข้ามที่ศัตรูอยู่เราอาจจะหลุดออกจากที่นี่ได้” วารินเอ่ยขึ้นมา ดรีมหันมาพยักหน้าเห็นด้วย พวกเราจึงออกจากโรงพยาบาลด้วยประตูหลังและมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวเพื่อหาขอบเขตของมิติซ้อนทับ แต่การออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะอุปสรรคกำลังตามมา
บรื้น!
ฉันได้ยินเสียงเหมือนเครื่องยนต์ของรถมอเตอร์ไซค์ที่ดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ฟังจากเสียงมันน่าจะมีกันสองคัน ฉันหยิบดาบที่สะพายอยู่ข้างหลังขึ้นมาเตรียมพร้อมในขณะเดียวกันก็ยังวิ่งไปข้างหน้า ในเขตของศัตรูแบบนี้การเลือกที่จะหนีเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่าการเลือกที่จะต่อสู้นะ แต่ถ้าถูกบังคับให้เลือกต่อสู้ฉันก็ไม่ลังเลที่จะต่อสู้อย่างเต็มกำลัง
“มาแล้ว” ดรีมพูด
ข้างหลังของพวกฉันปรากฏชายสองคนขับรถมอเตอร์ไซค์พุ่งตรงเข้ามาหาพวกฉันด้วยความเร็วและคนขับรถมอเตอร์ไซค์ถือปืนอยู่ด้วย ในจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังยกปืนขึ้นมาเล็งยิง ดรีมก็มองหาที่หลบกระสุนปืนที่กำลังจะมา
“ฉันต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะใช้พลังได้อีกครั้ง ตอนนี้ควรหลบก่อน ทางนั้น!” ดรีมชี้ไปยังทางเลี้ยวข้างหน้า
แต่ฉันหยุดวิ่งและหันไปเผชิญหน้ากับพวกมัน
“เลอา!” วารินหยุดวิ่งและตะโกนเรียกฉันด้วยความเป็นห่วง
ไม่รอให้พวกมันยิงปืนมาฉันก็ขว้างดาบไม้ไปข้างหน้าเหมือนหอกสุดแรง อีกฝ่ายไม่คิดว่าฉันจะทำเช่นนั้นจึงหลบดาบของฉันไม่ทันและถูกดาบปักเข้าที่ไหล่เต็มๆ จนเสียหลักหงายหลังตกจากมอเตอร์ไซค์ รถมอเตอร์ไซค์ที่ไร้คนขับก็ล้มลงมาขวางทางถนน อีกคนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมาจึงต้องหักเลี้ยวกะทันหันและ...
ตูม!
อีกฝ่ายชนเข้ากับกำแพงข้างทางเต็มๆ ฉันชายตามองเล็กน้อยและเดินไปหยิบดาบไม้คืนมา ดูเหมือนว่าคนที่โดนดาบเสียบจนหงายหลังตกรถมอเตอร์ไซค์จะหมดสภาพไปแล้ว ส่วนคนที่ขับรถชนกำแพงก็น่าจะไม่รอด
“บ้าเอ๊ย! ถ้าฉันไม่มีพลังที่มีร่างกายแข็งแกร่งคงไม่รอด” ทว่าผิดคาดคนที่ควรจะสลบไปแล้วหลังจากขับรถมอเตอร์ไซค์ชนกำแพงกลับลุกขึ้นมาโดยไร้รอยขีดข่วน
ฉันสังหรณ์ใจว่ามันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว ชนกำแพงเสียขนาดนั้นกลับไม่เป็นอะไร แล้วดาบไม้เคลือบเรซินของฉันมันจะโจมตีได้ผลเหรอ? ฉันประเมินศัตรูอย่างใจเย็นเพราะฉันไม่อยากประมาทพวกที่มีพลังจิต ในตอนนั้นดรีมก็ชาร์ตพลังเสร็จพอดีและฟาดคลื่นลมใส่ศัตรู แต่เพราะอีกฝ่ายน่าจะมีพลังทำให้ร่างกายแข็งแกร่งลมนั่นจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดรีมจึงเปลี่ยนเป็นสร้างลมหมุนล้อมรอบตัวของมันแทน ลมหมุนของดรีมรุนแรงพอที่จะทำให้หินหนักหลายร้อยกิโลลอยได้ การจะทำให้ผู้ชายตัวใหญ่คนหนึ่งลอยจึงไม่เป็นปัญหา
แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมปลิวไปตามลมของดรีม ชายคนนั้นฝ่าออกมาจากกลางลมหมุนโดยไม่สนใจว่าลมที่หมุนแรงจะบาดผิวหนังตัวเองหรือไม่
“แค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก!” มันว่าอย่างอวดดี ฉันตั้งดาบเตรียมปะทะ แต่ไม่ทันได้ปะทะวารินก็ตะโกนขึ้นมา
“เลอา ถอยออกมาก่อน” วารินพูดเร็วเพราะกำลังรีบร้อน ฉันไม่คิดหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงบอกให้ฉันถอย ฉันถอยตามที่เขาบอกทันที และทันใดนั้นเองสายฟ้าก็ปรากฏรอบตัวของวาริน สายฟ้ากระจายไปตามพื้นแต่ส่วนมากพุ่งไปยังชายที่มีพลังร่างกายทนทานคนนั้นโดยตรง
เปรี้ยง!
“อ้าก!” ชายคนนั้นกรีดร้องเมื่อถูกสายฟ้าช็อตจนได้กลิ่นไหม้ สุดท้ายชายคนนั้นก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
ฉัน ดรีม และวารินต่างนิ่งเงียบอย่างคาดไม่ถึงเล็กน้อย ขับรถมอเตอร์ไซค์ชนกำแพงไม่เป็นไร ต้านใบมีดลมและฝ่าลมหมุนรุนแรงได้โดยไร้รอยขีดข่วน แต่ดูเหมือนว่าจะทนพลังสายฟ้าไม่ได้นะ
“ก่อนจะมีพวกตัวเกะกะมาเพิ่มเราไปกันเถอะ” ฉันพูดพลางลดดาบลงเพราะคิดว่าศัตรูถูกจัดการไปหมดแล้ว ฉันก็เลยไม่ทันระวังตัวยกเว้นดรีมที่ระวังตัวตลอดเวลา เธอสังเกตเห็นได้ก่อนใครว่าชายที่ถูกจัดการไปคนแรกได้ลุกขึ้นมาและเล็งปืนมาที่ฉัน
“ระวัง!” ดรีมตะโกน
ปัง!
ไม่ทันทีฉันจะได้ตอบสนองดรีมก็วิ่งเข้ามาขวางกระสุนให้กับฉัน ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้พลังใบมีดลมโจมตีไปที่อีกฝ่าย ดรีมและชายคนนั้นทรุดตัวลงไปกับพื้นพร้อมกัน ฉันและวารินนิ่งอึ้งอยู่สองวิเพราะตอบสนองไม่ทัน
“คุณบอดี้การ์ด!” ฉันอุทานเรียกดรีมที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ดูเหมือนว่าเธอจะถูกยิงที่ไหล่ขวาเพราะมาขวางกระสุนให้กับฉัน ฉันค่อนข้างรู้สึกแย่ ฉันห่างหายจากการต่อสู้มานานทำให้สัญชาตญาณระวังอันตรายแข็งทื่อไปหมด
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ เรารีบไปกันเถอะ เราไม่ควรอยู่ในเขตของศัตรูนานเกินไป” ดรีมลุกขึ้นพลางกดแผลไม่ให้เลือดไหลมากกว่านั้น
“ไม่ห้ามเลือดก่อนจะดีเหรอครับ” วารินเอ่ยด้วยใบหน้าซีดเผือด การถูกยิงไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
ดรีมส่ายหัว เราก็เลยต้องรีบสุ่มเส้นทางตรงไปเพื่อออกจากมิติซ้อนทับแห่งนี้ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานเพราะก็ออกมาได้ ดรีมเรียกแท็กซี่มารับกลับคอนโดทันที เธอบอกว่าที่นั่นมีหมอประจำอยู่ด้วยพวกเราไม่จำเป็นต้องย้อนกลับไปที่โรงพยาบาล
“ใช้ผ้านี่กดแผลให้เธอ” เมื่อเข้าไปในรถคนขับแท็กซี่โยนผ้าให้ฉัน ฉันมองคนขับแท็กซี่ เขามองดรีมด้วยสีหน้านิ่งสนิทแต่แววตาฉายแววเป็นห่วงอย่างชัดเจน เขาเป็นคนเดียวกับคนที่มาส่งพวกฉัน เขาจึงน่าจะเป็นคนของอาเธอร์ด้วย ฉันจึงวางใจอีกฝ่ายขึ้นมาเล็กน้อยและช่วยห้ามเลือดให้กับดรีม วารินก็ช่วยเช่นกันแม้ว่าเขาจะมีสีหน้าแหยงเลือดมากก็ตาม
ฉันมองวารินอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วารินไม่พูดอะไรเลย สีหน้าของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้วารินเศร้าใจด้วย
“วาริน เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ฉันเอ่ยถามวาริน เขาส่ายหัวตอบและเงียบไปสักพักและเริ่มเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจ
“มันไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องนี้แต่...ถ้าผมอยากฝึกควบคุมพลังและทักษะการต่อสู้ ผมต้องทำยังไงครับ” วารินถามดรีม
“วาริน นี่เธอคิดว่าฝึกต่อสู้งั้นเหรอ?” ฉันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมาก วารินที่ฉันทะนุถนอมอย่างดีและไม่ยอมให้เขาเจอเรื่องลำบากหรือรู้สึกเศร้า ตอนนี้เขากลับมีความคิดที่จะฝึกฝนพลังของเขาและวิชาการต่อสู้ ร่างกายอันบอบบางของวารินจะต้องได้รับภาระหนักแค่ไหนกันถ้าเขาคิดจะฝึกฝนวิชาการต่อสู้! แค่คิดฉันก็เจ็บปวดหัวใจแล้ว
“คุณอาเธอร์พร้อมจะช่วยเหลือคุณถ้าคุณคิดจะฝึกใช้พลังของคุณ” เป็นคนขับรถที่ตอบ
“คุณอาเธอร์เหรอครับ?” วารินพูด
“อย่างที่คุณทราบ คุณอาเธอร์เป็นนักวิจัยพลังจิต เขาพร้อมที่จะจัดหาคนที่จะสอนการควบคุมพลังจิตให้กับคุณตราบใดที่คุณให้ข้อมูลกับเขา” คนขับรถกล่าว
“ไม่! ฉันจะไม่ให้ข้อมูลของวารินกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด!” ฉันรีบพูดขึ้นมาอย่างรีบร้อน แค่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาใกล้วารินฉันก็แทบอยากจะบีบคอมันให้ตายไปซะ และถ้ามันรู้ว่าร่างกายของวารินพิเศษมันคงจับวารินไปเป็นหนูทดลองแน่! “อันตรายแน่ อันตรายสุดๆ เลย” ฉันพึมพำอย่างหวาดกลัวเมื่อคิดอย่างนั้น
“พวกเราแค่จะตรวจร่างกายและจับตาดูระหว่างใช้พลัง มันไม่มีอันตราย” คนขับรถพูดต่อ ฉันกำลังจะโต้กลับวารินก็พูดขึ้นมา
“ไม่ต้องเป็นห่วงเลอาแค่ตรวจร่างกายและให้พวกเราจับตาดูระหว่างใช้พลังมันไม่ใช่เรื่องลำบากใจสำหรับผม ผมอยากจะเก่งขึ้นเพื่อจะได้ปกป้องคุณ สิ่งที่พวกเขาทำน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผม เพราะงั้นคุณไม่ต้องกังวลอะไรนะ” วารินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังและน้ำเสียงหนักแน่น
จะไม่ให้กังวลได้ยังไง! ถ้าไอ้อาเธอร์นั่นลวนลามเธอฉันคงได้อกแตกตายแน่! แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังและสายตาที่เหมือนจะบอกฉันว่าให้เชื่อมั่นในตัวเขาทำเอาฉันไม่กล้าโต้แย้งอีก
อ่า...ที่รักของฉันอยากเติบโต (ในทางที่ทำให้ฉันแสนเจ็บปวดหัวใจ) ฉันคงไม่อาจทำลายความตั้งใจของเขาได้
ตอนที่ 64 วารินแปลกไป“ขอบคุณที่ให้ผมได้เจอกับเลอาอีกครั้ง”“แต่คุณ….จะไม่บอกเลอางั้นเหรอ?”“ผมไม่ต้องการให้เลอารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งนั้น….เธอจะเสียใจ”“…อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลยกันเลอา”“เลอาก็แฟนฉัน”“ไม่ เธอคือแฟนของผม”“…เราจะเถียงกันทำไมในเมื่อเรา---”“เลอาคือแฟนของผม”“…ก็ได้!”…………จากคำยืนยันจากวาริน ผู้นำผู้ก่อการร้ายอย่างอิระและหน้ากากอีกาได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นสองวันหมอกสีแดงก็ถูกกำจัด เจ้าหน้าที่มุ่งหน้าจับกุมคนร้ายเพื่อคืนความสงบสุข อาจจะใช้เวลานานในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทุกอย่างจะต้องถูกจัดการเก็บกวาดในท้ายที่สุดในขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่จับกุมผู้มีพลังพิเศษที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบแก๊ง DH ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยเกือบจะถูกจับกุมไปด้วย แต่โชคดีที่พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากอาเธอร์ที่ได้รับความดีความชอบที่สามารถกำจัดหมอกแดงได้และยังได้รับการยืนยันจากนายกว่าพวกเขาเป็นพลเมืองที่ถูกบีบให้ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้รับบทลงโทษอะไรที่ใช้พลังเมื่อเลอาได้ทราบถึงเรื่องที่อาเธอร์ช่วยเหลือเธอก็แค่บิดยิ้มออกมาและกลอกตา
ตอนที่ 63 บทสุดท้ายของ ´ปกป้องหัวใจวาริน´ บทสุดท้ายของ ‘ปกป้องหัวใจวาริน’เขาแก้แค้นสำเร็จ เขาทำสำเร็จแล้ววารินยืนนิ่งท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเมืองที่พังทลาย ไฟจากพลังจิตของอิระยังโหมกระหน่ำรอบตัวเขาแต่เจ้าของพลังจิตอย่างอิระได้ตายจากไปแล้ว ด้วยฝีมือของวารินเอง ไฟฟ้าของวารินเริ่มสงบลง ไม่สิ มันราวกับกำลังสูญเสียพลัง แก้แค้นสำเร็จแล้วอย่างไรต่อ? สุดท้ายแล้วคนรักของเขาก็ไม่อาจกลับมาได้ เขาสูญเสียจิตใจที่จะใช้พลังวารินไร้จุดมุ่งหมายที่จะมีชีวิตไปแล้ว เขาเดินข้ามศัตรูคนสุดท้ายของเขา ก้าวข้ามผู้ที่บอกว่ารักเขา โนอาห์ ก้าวข้ามอาเธอร์ที่เคยบอกว่าหลงใหลเขา วารินมองโนอาห์และอาเธอร์เพียงหาตา แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะโอนอ่อนต่อคำบอกรักของพวกเขา แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้สึกรักเลย แท้จริงแล้วเขาก็แค่หลอกใช้คนพวกนี้แล้วเขาจะทำอะไรต่อไปดีนะ…วารินเร่ร่อนอยู่นาน จนโลกที่วุ่นวายจากการกระทำของอิระเริ่มฟื้นตัว ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดั่งเช่นวันวานแต่วารินรู้ว่าเขาไม่อาจเป็นดั่งเช่นวันวานได้“นายอยากได้จุดจบใหม่งั้นเหรอ?”วารินไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นพูดกับเขา เขาพยักหน้าตอบกลับแต่ก็คิดใหม่และส่ายหน้า “ไม
ตอนที่ 62 ดวงจันทร์สีแดงวารินสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่แล่นอยู่บนฝ่ามือของเขา ศัตรูอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเป็นตัวเขาเมื่อก่อนที่หวาดกลัวพลังของตัวเองจะต้องไม่กล้าใช้พลังนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วารินรับรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว… ไม่สิ ความจริงแล้วตัวตนอันเย็นชานี้อาจเป็นตัวตนที่เขาพยายามเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจมาตลอดวารินคิดว่าในตอนนี้เขาสามารถสังหารศัตรูได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยวารินและอิระยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสนามของโรงเรียน“คุณมาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่คิดจะถอยสินะครับ และคงน่าจะเตรียมใจไว้แล้ว” วารินเอ่ย“เตรียมใจอะไรกัน? ถ้าเตรียมใจที่จะกลายเป็นราชาของมนุษย์ยุคใหม่ละก็ใช่” อิระเอ่ยขณะที่ปัดฝุ่นบนตัวที่ติดมาตอนที่ถูกลากออกมาจากโรงยิม “ว่าแต่ทำไมต้องเป็นนายทุกครั้งเลยนะที่ฉันต้องสู้ด้วย และทุกครั้งฉันก็กำจัดนายไม่ได้สักที โชคดีเกินไปแล้ว”วารินอดนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ตัวเอกของหนังสือมักถูกโชคชะตาเข้าข้าง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาไม่รู้สึกว่าถูกโชคชะตาเข้าข้างเลย เพราะการที่ต้องสูญเสียคนรักไปมันเป็นคำสาปมากกว่ามือของทั้งสองข้างของวารินถือปืนไว้ ทันใดนั้นเสียงเสียดสีบางอย่างก็
ตอนที่ 61 ห้องบอสพวกเราถูกย้าย หลายคนที่นี่ ผู้มีพลังจิตคนอื่น- บอส ที่นี่นั่นคือสัญญาณขอความช่วยเหลือสุดท้ายที่ระบบขอความช่วยเหลือของแก๊ง DH ได้รับ ผู้ขอความช่วยเหลือไม่ได้อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียดหมายความว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ไม่ค่อยจะดีนัก“ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆ เลยพยายามหนีออกจากที่นี่แล้ว แค่ดูเหมือนจะไม่ทัน” วารินอธิบายอย่างกังวลใจถูกย้าย ผู้มีพลังจิตคนอื่น…. ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงผู้หญิงหน้ากากกวางฉันเห็นเมื่อครู่ เธอมีพลังเคลื่อนย้ายไม่ผิดแน่ เธอจะต้องเคลื่อนย้ายคนอื่นๆ ไปรวมกันในที่เดียว เธออะไรบางอย่าง‘บอส ที่นี่’ ในข้อความอาจจะหมายถึงพวกเขาถูกพาไปหาอิระ แล้วอิระทำไปเพื่ออะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะดีนัก…คงไม่ใช่แผนอย่างกำจัดศัตรูให้หมดก่อนที่ศัตรูจะได้ตั้งตัวนะ พอคิดแบบนั้นฉันก็มองกำแพงหมอก ยิ่งคิดสีหน้ายิ่งแย่ลงเอาจริงดิ?[มีการแจ้งเตือนจาก ถล่มให้แหลก]การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถล่มให้แหลก เนี่ยหมายถึงแอปสื่อสารพิเศษที่พวกเจมส์สร้างขึ้นมานั่นเอง ฉันก็ลืมมันไปเลยเพราะไม่ค่อยได้ใช้ในห้องแช็ตกลุ่มเจมส์: เลอาเจมส์: มีข้อความจากเจ้าคนที่ชื่อลันก
ตอนที่ 60 หมอกแดงคุณต้องการเข้าร่วมก่อนช่วยเหลือหรือไม่?[เข้าร่วม] [ปฏิเสธ]ข้อความจากผู้ขอความช่วยเหลือ : ช่วยด้วย! พวกเราถูกจับเป็นตัวประกัน! (ส่งตำแหน่งที่อยู่)ฉันแค่เข้ามาอวดพลัง : เจ้าจะให้ข้าไปช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? นั้นมันกลางเมืองที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นเขตอันตรายสูงไม่ใช่รึไง!? และโดยรอบเมืองถูกกองทัพทหารปิดกันเส้นทางไว้หมดแล้ว!ฉันแค่เข้ามาเล่นเกม : ไม่ใช่ว่าเราต้องรอฟังคำสั่งนอกรอบไม่ใช่รึไง ไหงไปอยู่ตรงนั้นได้โลกเริ่มอยู่ยากมากขึ้น : ถึงฉันจะอยู่ใกล้ก็ไปช่วยไม่ได้หรอก…ฉันไม่ได้มีพลังขนาดนั้น!พริกไทยป่น : สมาชิกหลักของแก๊งน่าจะอยู่ไม่ไกลนะ พวกเขาอาจไปช่วยได้สมาชิกวงใน : อันที่จริงหัวหน้ากับหัวหน้าใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆ นั่นล่ะพริกไทยป่น : พวกเขาจะไปช่วยเหรอ? (สติกเกอร์ตื้นเต้น)สมาชิกวงใน : ไม่สมาชิกวงใน : หัวหน้าเลออนเล่นเกมอยู่ หัวใหญ่ก็นอนกกแฟนอยู่มะเขือ: !?มะละกอ: !!???อ่านแล้วสัมผัสถึงความไร้ความผิดชอบอย่างมาก ฉันก็เลยต้องยอมออกจากบ้านมาทำงานสักที ก็อยากจะปล่อยให้ทหารหรือไม่ก็หน่วยพิเศษจัดการเองอยู่หรอกแต่ก็ไร้ความรับผิดชอบเกินไป ดูเหมือนว่ากลุ่มแก๊งเล็กๆ ของฉันเหมือน
ตอนที่ 59 สิ่งไม่สำคัญก็ลืมมันไปการใช้ร่างจิตมีประโยชน์ตรงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนได้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับสังเกตการณ์ ฉันจึงใช้พลังถอดจิตของโนอาห์เพื่อที่จะได้มาสังเกตการณ์การต่อสู้ของวารินและอิระอย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้การต่อสู้เงียบมาสักพักแล้ว ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาไปอยู่ส่วนไหนของเมืองที่เสียหายแห่งนี้แล้ว“งั้นคงต้องไปสำรวจรอบๆ ก่อน” ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าลูกน้องของอิระซุ่มรอเวลาลงมืออยู่ที่ไหน ถึงจะคาดไว้ว่าพวกนั้นอาจจะกำลังซุ่มอยู่ในมิติขนาดของหน้ากากหมี แต่มันก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันอีกทั้งมันค่อนข้างน่าสงสัยที่พวกนั้นยังอยู่เงียบๆ โดยไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย อย่างอิระมันจะยอมให้ลูกน้องรออยู่เฉยๆ เพื่อช่วยตัวเองยามสู้กับวารินไม่ไหวเหรอ? ไม่น่าใช่ เจ้านั่นน่าจะสั่งให้ลูกน้องทำลายทุกอย่างที่ความขวางหน้าเพื่อเป้าหมายของตัวเองมากกว่าฉันจึงลองออกไปสำรวจรอบเมืองแต่ก็ไม่พบคนที่น่าจะเป็นคนของอิระ แต่ฉันพบคนธรรมดาแทน พวกเขาอยู่ในเขตที่น่าจะมีการอพยพไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยังหลงเหลืออยู่และไม่ได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของวารินและอิระประชาชนมากมายได้รับความเสียหายจากความวุ่นวาย