Share

ตอนที่ 4 ผะ ผี?

last update Last Updated: 2024-11-10 07:07:05

ตอนที่ 4 ผะ ผี?

วารินไม่สามารถออกไปทำงานได้และฉันก็จะไม่มีงานเข้ามาสักพัก พวกเราจึงว่างมาก ด้วยความว่างจัดฉันและวารินจึงตกลงกันว่าจะไปสำรวจชั้นหนึ่งถึงชั้นห้าของคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ส่วนกลางไว้พักผ่อนด้วย มันมีทั้งสระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกายและสนามกีฬาในร่ม สวนไม้ และโซนสำหรับนั่งทำงานและอ่านหนังสือเงียบๆ มันมีโซนร้านอาหารด้วย ถ้าไม่แวะไปใช้บริการเสียหน่อยคงไม่คุ้มค่าที่ได้อยู่ที่นี่ฟรี

โซนแรกที่พวกฉันไปก็คือโซนร้านอาหาร เพราะอาหารคือสิ่งสำคัญ! ถ้าอาหารไม่อร่อยและมีไม่หลากหลายฉันคงไม่สามารถหมกตัวอยู่แต่ในคอนโดได้ ถึงจะมีวารินทำอาหารให้กินก็เถอะ แต่บางครั้งก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างพวกฉันไม่สามารถออกไปเลือกวัตถุดิบอาหารได้ด้วยตัวเอง ถ้าวัตถุดิบหมดก็ต้องรอให้พนักงานมาส่งให้ ซึ่งฉันอาจจะรอไม่ได้

“มีร้านขนมหวานด้วย” เมื่อมาถึงโซนอาหารสายตาของฉันไปสะดุดกับร้านของหวานทันที

“กินไหม? ผมได้ยินมาด้วยว่าถ้าอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เราก็จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย” วารินพูด

“กิน!” ฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในร้านของหวานทันที ฉันกวาดสายตามองทั่วร้านรอบหนึ่งและเลือกโต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าต่างกระจกบานใหญ่ “นั่งตรงนั้นกัน” ฉันว่าพลางลากแขนวารินไปนั่งโต๊ะที่หมายตา ฉันเข้าไปนั่งก่อนและลากวารินมานั่งข้างๆ เพราะแบบนี้มันให้ความใกล้ชิดกันมากกว่าการนั่งตรงข้ามกัน แม้ว่าการนั่งแบบนี้จะไม่สามารถนั่งมองหน้ากันตรงๆ ได้ก็เถอะ แต่ยังไงฉันก็จะเลือกนั่งแนบชิดมากการนั่งมองหน้า

แต่พอฉันนั่งลงแล้วเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามกับฉันก็มีใครบางคนมานั่ง ฉันขมวดคิ้วและหันขวับไปมองหน้าอีกฝ่ายอย่างสงสัย พวกฉันเลือกนั่งโต๊ะนี้ก่อนแล้วทำไมอีกฝ่ายยังกล้าเข้ามานั่งอีก? ฉันใช้สายตาไม่เป็นมิตรสำรวจชายหนุ่มที่มานั่งฝั่งตรงกันข้ามกับตัวเอง เขามีผมสีดำสนิทและดวงตาฟ้า เขาดูหล่อ แต่ถึงจะหล่อถ้าไม่มีมารยาทแบบนี้เขาก็เป็นได้แค่ผู้ชายไร้มารยาท

“นี่” ฉันส่งเสียงเรียกเขา แต่ชายคนนั้นกลับนั่งหันหน้ามองออกไปนอกหน้าตาด้วยท่าทางนิ่งเฉย เขาไม่แม้แต่จะหันมาสนใจเสียงของฉัน

“มีอะไรเหรอครับ?” เป็นวารินที่หันมาตอบ

ฉันทำหน้าไม่พอใจและชี้นิ้วไปที่ชายคนนั้นที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม “ผู้ชายคนนั้นทำไมมานั่งตรงนี้” เราต้องไล่เขาออกไปสิ! แต่เมื่อฉันพูดอย่างนั่งวารินก็ทำหน้าสงสัย ในขณะเดียวกันพนักงานก็เดินมาที่โต๊ะของพวกฉัน

“ทั้งสองท่านรับอะไรดีคะ?” พนักงานส่งกระดาษเมนูให้กับพวกฉันและเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

เดี๋ยวนะ สองเหรอ? พนักงานที่ไม่รู้จักพวกฉันถ้าเห็นผู้ชายที่นั่งตรงกันข้ามกับฉัน พนักงานก็น่าจะคิดว่าพวกเรามากันสามคนสิ...เดี๋ยว ถ้าเห็นเหรอ?

ฉันมองวารินที่สั่งขนมหวานด้วยท่าทางปกติ ถ้าเขาเห็นว่ามีคนแปลกหน้ามานั่งฝั่งตรงกันข้ามเขาไม่ควรแสดงท่าทีเช่นนี้ พนักงานก็หันหน้ามาทางพวกฉันเพียงอย่างเดียวเหมือนมองไม่เห็นผู้ชายรูปหล่อคนนั้น ฉันหันกลับไปมองชายคนนั้นอีกครั้ง เขายังคงมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเหม่อลอยเหมือนเดิม

ผะ ผี?

“เลอาอยากจะสั่งอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?” วารินหันมาถามฉันหลังจากสั่งของหวานไปแล้วหลายอย่าง

“เอ่อ...เธอสั่งส่วนของฉันและนี่นา ถ้าสั่งเพิ่มคงกินไม่หมด” ฉันแสร้งหัวเราะ วารินยิ้มรับและแค่สั่งน้ำส้มเพิ่มอีกสองแก้วเท่านั้น และหลังจากพนักงานได้รับออเดอร์จากวารินแล้วพนักงานคนนั้นก็เดินจากไปทันทีโดยไม่ได้หันไปถามผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงกันข้ามกับฉัน

มองไม่เห็นจริงดิ?

“วาริน ตอนนี้มีแค่เราใช่ไหมที่นั่งโต๊ะนี้?” ฉันถาม

วารินทำหน้าสงสัยในคำถามของฉัน แต่ก็ตอบ “ใช่ โต๊ะนี้น่าจะไม่มีใครจองไว้นะ ไม่อย่างนั้นพนักงานคงบอกแล้ว”

มองไม่เห็นจริงเหรอ? วารินไม่โกหกแน่ แล้วไอ้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับฉันมันคือใคร!? ผีเร่ร่อนเหรอ!? แต่ฉันไม่เคยเห็นผีเลยนะแล้วทำไมจู่ๆ ถึงเห็นล่ะ!?

ในขณะที่ในหัวของฉันคิดอะไรมากมายด้วยความสับสนผู้ชายที่น่าจะเป็นผีคนนั้นก็หันมามองฉัน ฉันแสร้งมองไปนอกหน้าต่างทันที ในตอนนั้นเองเหงื่อของฉันก็ออกอย่างไม่รู้ตัวเพราะความประหม่า ฉันคิดว่าฉันไม่กลัวแต่ก็แอบหวั่นไหวนิดๆ

ผี นั่นผีแน่ๆ

“เลอา ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” วารินสังเกตเห็นท่าทางที่แปลกไปของฉันได้จึงถามด้วยสีหน้ากังวล ฉันส่ายหัวรั่วๆ

“สบายดี!” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาของวารินบอกว่าไม่เชื่อ แต่เขาก็ไม่เค้นถาม ถ้าฉันไม่ต้องการจะบอกเขาก็จะรอให้ฉันพูดเอง

หลังจากนั้นห้านาทีขนมหวานที่สั่งก็มาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นผีที่นั่งตรงกันข้ามกับฉันก็หันมามองขนมหวาน ฉันหยุดนิ่งและแอบเหล่มองว่ามันจะทำอะไร ซึ่งมันก็เอาแต่จ้องและจ้อง

“กินสิครับ” วารินเห็นฉันนิ่งไม่เคลื่อนไหวเขาจึงตักขนมหวานมาป้อนให้ฉันแทน ซึ่งฉันก็อ้าปากกินขณะแอบมองผีผู้ชายที่นั่งจ้องขนมเป็นระยะๆ

สิบนาทีผ่านไปขนมเริ่มหมด ผีตัวนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินหายไป

“...?” ฉันทำหน้าไม่เข้าใจและสับสน

อะไร? มันคืออะไร? ทำเพื่ออะไร? มานั่งจ้องขนมหวานของคนอื่นแล้วจากไปเพื่อ? ผีบ้าอะไรกันเนี่ย? โถ่เอ๊ย! ตลอดสิบห้านาทีเมื่อกี้มันทำฉันกดดันมาก ฉันคิดว่ามันจะมาหลอกหรือแย่งขนมของฉันไปเสียอีก

เพื่อชดเชยความกดดันที่เกิดขึ้นในใจเมื่อครู่ฉันจึงกินเค้กไปอีกหลายชิ้น วารินมีท่าทียินดีอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางของฉันกลับมาเป็นปกติ หลังจากนั้นฉันจึงเล่าให้วารินฟังว่าฉันเห็นอะไรด้วยสีหน้าหวาดกลัว แน่นอนว่าสีหน้าหวาดกลัวนั้นคือการเสแสร้ง ฉันไม่กลัวผี!

เมื่อวารินได้เห็นสีหน้าหวาดกลัวจอมปลอมของฉันเขาก็ปลอบใจฉันและสั่งขนมเค้กเพิ่มเพื่อให้ฉันอารมณ์ดี แน่นอนว่าฉันอารมณ์ดีมากเมื่อกินเค้กมากมาย แม้ว่าท้ายที่สุดมันจะทำให้ฉันมีอาการแน่นท้องเพราะกินมากเกินไปก็ตาม... เพื่อเป็นการย่อยขนมหวานในท้องพวกฉันก็เลยเดินสำรวจคอนโดต่อและนั่นก็ได้ทำให้พวกเรามีโอกาสได้เจอคนที่อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เช่นกัน

“สวัสดี ฉันไม่เคยเห็นหน้าพวกคุณเลย เพิ่งย้ายมาอยู่เหรอ?” เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้าปีเดินเข้ามาถามพวกเราด้วยรอยยิ้ม

“ใช่ครับ พวกเราย้ายมาอยู่ที่ชั้นสิบครับ” วารินตอบด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเช่นกัน

“พวกคุณก็เป็นผู้มีพลังใช่ไหม?” เด็กคนนั้นถาม วารินชะงักเล็กน้อยเพราะเขาไม่คิดว่าจะถูกถามอย่างนั้น เด็กคนนั้นจึงอธิบาย “คนที่อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้มักจะเป็นผู้มีพลังพิเศษกันทั้งนั้นแหละค่ะเพราะถ้าผู้มีพลังพิเศษเกิดอาการพลังระเบิดขึ้นมาเราก็จะได้รับยาอย่างทันท่วงที”

แต่ถ้าหากให้ยาไม่ทันคอนโดแห่งนี้ก็จะเป็นสถานที่กักขังผู้มีพลังพิเศษไม่ให้ออกไประเบิดพลังข้างนอกเพราะบางครั้งการระเบิดของพลังมันจะไม่เพียงทำร้ายเจ้าของพลัง แต่มันจะยังทำร้ายทุกสิ่งรอบข้างด้วย คอนโดแห่งนี้จึงไม่เพียงสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากด้านนอกมันยังมีไว้สำหรับป้องกันการได้รับความเสียหายจากด้านในอีกด้วย

ฉันเสริมคำพูดต่อในใจ ในเนื้อหานิยายที่ฉันไม่ค่อยสนใจอ่านได้อธิบายเรื่องนี้ไว้ ฉันจึงพอทราบคร่าวๆ ว่าคอนโดมิเนียมแห่งนี้ถูกสร้างมาเพื่ออะไรและมีผู้อาศัยจำพวกไหนบ้าง

ส่วนมากผู้อาศัยในคอนโดแห่งนี้จะเป็นผู้มีพลังพิเศษและรวยมาก เพราะถ้าไม่รวยพวกเขาคงไม่มีปัญญาที่จะซื้อยาระงับการระเบิดของพลังที่แสนแพงได้และไม่มีเงินพอที่จะลงทุนโครงการวิจัยผู้มีพลังพิเศษและสร้างยาระงับการระเบิดพลังที่สมบูรณ์ได้ เนื่องจากว่าทุกวันนี้ยาที่พวกเขาได้รับมันยังไม่สมบูรณ์ดีพวกเขาจึงต้องยัดเงินให้อาเธอร์ทำการวิจัยต่อไปเพื่อความอยู่รอดของพวกเขาเอง

“พลังของพวกคุณก็ทำร้ายพวกคุณเหมือนกันเหรอ?” เด็กคนนั้นถามต่อ

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ สถานการณ์ของพวกผมค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย” วารินตอบพลางยิ้มแห้งๆ

“ฉันไม่มีพลังหรอกนะ แต่แฟนของฉันมีพลังพิเศษ เขาพิเศษมากกกกก็เลยมีคนปองร้ายเขาพวกเราก็เลยต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อหลบภัยชั่วคราว” ฉันพูดพลางกอดแขนวารินและยิ้มเป็นมิตรให้เธออีกเล็กน้อย ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมีพลังพิเศษแน่จึงพยายามเป็นมิตรไปก่อน “ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วงั้นก็ขอฝากตัวด้วยนะ ฉันเลอา”

“ผมวาริน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” วารินยิ้มอ่อนและเอ่ยเสียงนุ่มนวลอีกเล็กน้อยเพราะเขามองว่าอีกฝ่ายเป็นเด็ก

“ลิลินค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ลิลินยิ้มตอบกลับอย่างร่าเริง “ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับที่นี่ถามลิลินได้เลยนะคะเพราะลิลินอาศัยอยู่ที่นี่มานานและสำรวจที่นี่จนเกือบครอบแล้ว!”

ในตอนนั้นฉันก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ่อ งั้นขอถามหน่อยได้ไหมว่าที่นี่มีคนที่มีพลังล่องหนหรือพรางตาไม่ให้มองเห็นเหมือนผีอะไรทำนองนั้นบ้างหรือเปล่า?” ฉันถามเสียงเบา

ลิลินส่ายหัวตอบทันที “ที่นี่ไม่มีคนมีพลังแบบนี้นั้นเลยค่ะ”

“งั้นเหรอ” ฉันก็ทำได้เพียงยิ้มตอบแบบฝืดๆ ผีจริงแน่นอนเลย! พอวารินเห็นท่าทางของฉันเขาก็โอบกอดฉันและลูบหัวปลอบ

“ผีทำอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ ผีต้องหนีคุณแน่นอน” วารินพูดพลางยิ้มสดใส

“ผีต้องหนีฉันเนี่ยหมายความว่าไงกันห๊ะวาริน! ในเวลาแบบนี้เธอควรพูดว่าไม่ต้องกลัวหรือไม่ก็จะปกป้องฉันสิ!”

“ก็เลอาเก่งมากเลยนี่นา ผมคิดว่าถ้าผีมาหลอกคุณ คุณก็คงจะใช้วิชาดาบตัดผีขาดครึ่งแน่”

“วาริน ดาบตัดผีไม่ได้” ฉันถอนหายใจปลงอย่างไม่จริงจังนัก วารินหัวเราะ

“ผีเหรอคะ? ถ้ามีก็อยากเจอสักครั้งนะ” ลิลินที่ยืนฟังเราอยู่พูดขึ้นมาด้วยท่าทางสนใจ

“หวังว่าถ้าเจอแล้วจะไม่ถูกผียึดร่างนะ” ฉันอวยพร

“นั่นคือสิ่งที่คุณกลัวสินะ” วารินกลั้นยิ้มขำ

“ถ้ามีผีแอบสวมรอยเป็นฉันมันก็จะได้ใกล้ชิดกับเธอน่ะสิ! ฉันไม่ยอมนะ!” ฉันพูดด้วยสีหน้าจริงจัง วารินส่ายหัวปลงกับความหึงหวงจนคิดเรื่องไร้สาระมากเกินไปของฉัน

“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะปกป้องคุณเอง จะไม่ยอมให้ผีมาสิงร่างของคุณเด็ดขาด” วารินเอ่ยด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

จากนั้นเราก็โผเข้ากอดกันและกันด้วยอารมณ์หวานชื่นจนทุ่งดอกไม้ปรากฏขึ้นมาเป็นฉากประกอบ

ลิลินโบกมือไล่ดอกไม้เงียบๆ “.....”

ความรักของคู่รักคู่นี้ช่างเป็นอะไรที่วิเศษ พวกเขาดูรักกันมากจนราวกับว่าจะไม่มีอะไรที่สามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ แต่น่าเสียดายที่ชะตาชีวิตของฝ่ายหญิงมีแต่ลางมรณะ

จนกว่าความตายจะแยกคู่รักคู่นี้ออกจากกันเธอก็หวังว่าพวกเขาจะมีความสุขให้ได้มากที่สุด

.

.

เย็นวันเดียวกัน

“ธันวาโทรมาบอกว่าคุณป้าป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล”

“ว่าไงนะ? พวกนั้นยังกล้าโทรมาหาเธออีกงั้นเหรอ?” ฉันมีอารมณ์ฉุนเฉี่ยวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินวารินเอ่ยถึงญาติของเขา

“อืม...คุณป้านอนอยู่โรงพยาบาลตอนนี้...อย่างน้อยผมก็ควรไปเยี่ยม” วารินกล่าวเสียงเบา ท่าทางเหมือนกังวลอาการป่วยของคุณป้าของเขา

แต่ในใจลึกๆ วารินคงรู้สึกลำบากใจและไม่อยากไปพบญาติๆ เหล่านั้นอีกแน่นอน เนื่องจากว่าตอนที่วารินอายุสิบขวบพ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ วารินจึงต้องไปอาศัยอยู่กับคุณป้าที่เป็นญาติคนสุดท้ายของเขา มันควรเป็นเรื่องดีที่เขาได้ไปอยู่กับญาติของเขาแทนที่จะได้ไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่มันไม่มีดีเลยเพราะครอบครัวของคุณป้าของเขามันเต็มไปด้วยปัญหา ป้าของเขายึดติดกับการใช้ชีวิตเหมือนคนรวยจึงมักใช้เงินฟุ่มเฟือย สามีของป้าของเขาก็ติดการพนัน ลูกชายของพวกเขาก็นิสัยเกเรและเอาแต่ใจและใช้เงินเก่งเหมือนพ่อแม่ของเขา นั่นจึงทำให้ครอบครัวนี้ขาดเงินใช้อยู่บ่อยครั้ง ครอบครัวที่มีปัญหาแบบนี้มักทะเลาะกัน วารินที่มีพลังจิตสามารถรับรู้อารมณ์ของผู้คนอื่นจากการสัมผัสสิ่งของจะต้องทนต่ออารมณ์ด้านลบของครอบครัวนั้นตลอดมา

ทั้งที่วารินไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่ครอบครัวนั้นเลยตั้งแต่เด็กจนโต อีกทั้งเขายังต้องทนต่ออารมณ์ด้านลบของครอบครัวนั้น แต่เขาก็ถูกบังคับให้ตอบแทนบุญคุณคนพวกนั้นที่ให้ที่ซุกหัวนอนด้วยการทำงานบ้านและทำงานพิเศษหาเงินมาให้ครอบครัวนี้มาโดยตลอด

ฉันอุตส่าห์ข่มขู่ไม่ให้คนพวกนั้นกล้ามายุ่งกับวารินอีก แต่คนพวกนั้นก็ยังกล้าโทรมาหาวารินอีก กล้าหาญเสียจริง

ฉันเบะปากอย่างไม่ชอบใจ แต่ฉันก็คงห้ามวารินไม่ให้ไปเยี่ยมป้าของเขาไม่ได้เพราะถึงแม้ว่าคนพวกนั้นจะนิสัยแย่แต่ก็เคยให้ที่นอนและอาหารกับวาริน จนวารินเติบโตมาถึงตอนนี้ วารินที่แสนอ่อนโยนของฉันคงไม่อาจกล้าทำตัวอกตัญญูได้

ว่าแต่ทำไมอาการป่วยของป้าของวารินไม่เห็นมีการกล่าวถึงในนิยายกันนะ? หรือเพราะว่าในช่วงเวลานี้ในนิยายวารินอยู่ในศูนย์วิจัยกับอาเธอร์ วารินก็เลยไม่รู้ข่าว? น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่เวลาในนิยายผ่านไปเกือบสามเดือนแล้ววารินก็ไม่เคยกล่าวถึงป้าของเขาเลยสักนิด คาดว่าอาการป่วยนั่นน่าจะไม่ทำให้ป้าของวารินตาย

“ถ้าไม่ได้จะตายทำไมต้องไปเยี่ยมให้เสียเวลาด้วย” ฉันบ่นพึมพำ

วารินตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมป้าของเขาที่นอนใกล้ตายอยู่ที่โรงพยาบาลแน่นอนว่าฉันจะตามไปด้วยและแน่นอนว่าพวกฉันไม่ได้จะออกไปข้างนอกกันแค่สองคน ในสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจแบบนี้พวกฉันไม่ควรออกไปเดินเล่นข้างนอกอย่างประมาท เพื่อความสบายใจฉันนำดาบไม้เคลือบเรซินของตัวเองไปด้วยและพวกฉันจะต้องให้บอดี้การ์ดติดตามไปด้วย แน่นอนว่าบอดี้การ์ดคนนั้นเป็นคนของอาเธอร์นะ

“สวัสดีค่ะ ฉันมีชื่อว่าดรีมและจะมาเป็นบอดี้การ์ดให้พวกคุณตอนที่พวกคุณออกไปข้างนอก” ผู้หญิงร่างสูงกว่าฉันและวารินกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ท่าทางของเธอดูแข็งแกร่งสมกับเป็นบอดี้การ์ดมืออาชีพมาก

“รบกวนด้วยนะครับ” วารินกล่าว

“ฝากด้วยนะ” ฉันกล่าวพลางแอบสำรวจผู้หญิงตรงหน้า ฉันสูงประมาณ 160 เซนติเมตร ส่วนวารินสูง 170 เซนติเมตร แต่ผู้หญิงคนนี้ก็ยังสูงกว่านั้นมาก ฉันเดาว่าเธอจะต้องสูงมากกว่า 180 แน่ๆ

ไม่เพียงแค่เธอตัวสูงกว่าผู้หญิงทั่ว เธอยังดูแข็งแกร่งมากไม่น้อยและเธอน่าจะมีพลังจิตด้วย บรรยากาศรอบตัวของเธอให้ความรู้สึกอย่างนั้นฉันจึงมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดพอสมควร

หลังจากรวมตัวกันแล้วพวกฉันก็นั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาลกัน แต่ก่อนจะเข้าไปเยี่ยมพวกฉันก็แวะซื้อของฝากก่อนเพื่อ...อะไรก็ไม่รู้สิ ตอนไปเยี่ยมคนป่วยไม่รู้ทำไมจะต้องซื้อของฝากด้วยก็ไม่รู้ ฉันไม่เคยไปเยี่ยมใครที่โรงพยาบาลก็เลยไม่ค่อยเข้าใจนัก

แท็กซี่พาพวกเรามาส่งที่หน้าร้านขายของเยี่ยมไข้ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาล ซึ่งทันทีที่พวกเราลงจากรถแท็กซี่ ดรีม บอดี้การ์ดสาวก็กวาดสายตาสำรวจรอบข้างด้วยดวงตาอันคมกริบของเธอทันที ตามถนนมีผู้คนเดินกันพลุ่งพล่าน ฆาตกรคงไม่มีอารมณ์มาเดินเล่นแถวนี้หรอกมั้ง

“ของเยี่ยมไข้เนี่ยจะต้องซื้อดอกไม้ไหม?” ฉันพูด

“ผลไม้น่าจะดีกว่านะครับ” วารินว่า

สรุปแล้วพวกเราก็ได้ซื้อผลไม้มาหนึ่งตะกร้าและในขณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่โรงพยาบาลทันใดนั้นพนักงานร้านขายดอกไม้ที่พวกฉันเดินผ่านก็ตะโกนเรียกขึ้นมา “อ๊ะ คุณลูกค้าคนนั้นนี่ครับ!”

เด็กหนุ่มผมทองและดวงตาสีเขียวสดใสก็วิ่งมาหาพวกฉัน ฉันรู้สึกคุ้นๆ หน้าของเขาเล็กน้อย

“จำผมได้ไหมครับ ผมเป็นพนักงานร้านขายดอกไม้ที่คุณไปซื้อเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว” เด็กหนุ่มคนนั้นถามวาริน

“อ๊ะ ครับจำได้” วารินพยักหน้ารับหงึกๆ เมื่อจำได้ และฉันเองก็จำเขาได้เช่นกัน เด็กหนุ่มคนนี้ปรากฏในนิยายด้วย เขาน่าจะชื่อว่า ภาคิน เป็นพนักงานร้านขายดอกไม้

“ดอกไม้ที่คุณสั่ง ผมเอาไปส่งที่บ้านของคุณแล้วครับ แต่ไม่มีใครมารับเลย หน้าบ้านก็เสียหายหนักเหมือนไม่มีใครอยู่ ผมก็เลยไม่รู้ว่าจะเอาดอกไม้ไปส่งไว้ที่ไหน” เด็กหนุ่มคนนั้นอธิบายเสียงอ้อมแอ้มอย่างไม่มั่นใจ

“ขอโทษครับ พอดีว่าเกิดเรื่องขึ้นผมก็เลยต้องย้ายที่อยู่กะทันหัน” วารินเอ่ยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด “ตอนนี้ผมย้ายไปอยู่ที่เวลเลอร์คอนโดมิเนียม รบกวนไปส่งที่นั่นได้ไหมครับ?”

“เวลเลอร์คอนโดมิเนียมสินะครับ...ได้เลยครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นพยักหน้ารับเล็กน้อยและยิ้มให้วาริน มันก็แค่รอยยิ้มธรรมดาที่คนทั่วไปยิ้มให้กัน แต่ฉันกลับรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ฉันก็เลยเดินเข้าไปขวางหน้าระหว่างพวกเขาอย่างแนบเนียน

“ลำบากเธอแล้ว พอดีว่ามีเรื่องนิดหน่อยพวกฉันก็เลยลืมเรื่องดอกไม้ไปเสียสนิทเลย ว่าแต่เธอทำงานที่นี่ด้วยเหรอ?” ฉันถาม

“ครับ ร้านขายดอกไม้ที่นี่เป็นร้านสาขาน่ะครับ เพราะพนักงานน้อยผมก็เลยต้องมาทำงานที่นี่ด้วยสลับกันไป”

“โอ้ งั้นเหรอ งั้นพยายามเข้านะ” พูดจบฉันก็โบกมือลาเขาและพาวารินเดินออกไปจากตรงนั้นทันที

รู้สึกคันๆ เหมือนมีอะไรมาจิ้มหลังตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ

ท่ามกลางผู้คนธรรมดามากมายที่เดินผ่านไปผ่านมาบางครั้งมันก็มักจะบังเอิญมีคนไม่ธรรมดาเดินแฝงตัวมากับฝูงชนด้วย...

ฉากลับฉากหนึ่งในนิยาย ปกป้องหัวใจวาริน

หลังฉาก : ญาติ

“ญาติของนายติดต่อมาบอกว่าป้าของนายป่วยหนัก” อาเธอร์ได้มาบอกเรื่องนี้กับวารินหลังจากได้รับรายงานจากลูกน้องของเขา เขาคิดว่าวารินต้องการที่จะรู้ แต่วารินที่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกพลังไม่ได้หันไปสนใจอาเธอร์เลย “เฮ้ย นี่ไม่คิดจะสนใจรึไง?”

วารินหันไปมองอาเธอร์ด้วยสีหน้ารำคาญ “คุณสนใจนักเหรอว่าคนพวกนั้นจะเป็นยังไง?”

“ทำไมฉันต้องสนใจพวกนั้นด้วย ฉันแค่อยากให้นายหันมาสนใจฉันต่างหาก ฉันกำลังพูดกับนายอยู่นะ” อาเธอร์พูด วารินหันไปสนใจการฝึกต่อ อาเธอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ “แล้วจะเอายังไงกับญาติของนายที่พยายามตามหานายแทบพลิกแผ่นดินนี่ดีล่ะ”

วารินหัวเราะในลำคอ “ก็แค่อย่าไปสนใจ พวกเขาจะเป็นตายร้ายดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมอีกต่อไปแล้ว”

แสงสว่างที่สุดในชีวิตของเขาอย่างเลอาหายไปแล้ว ทำไมเขาจะต้องสนใจแสงริบหรี่สีดำในชีวิตของเขาด้วย?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 64 วารินแปลกไป

    ตอนที่ 64 วารินแปลกไป“ขอบคุณที่ให้ผมได้เจอกับเลอาอีกครั้ง”“แต่คุณ….จะไม่บอกเลอางั้นเหรอ?”“ผมไม่ต้องการให้เลอารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งนั้น….เธอจะเสียใจ”“…อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลยกันเลอา”“เลอาก็แฟนฉัน”“ไม่ เธอคือแฟนของผม”“…เราจะเถียงกันทำไมในเมื่อเรา---”“เลอาคือแฟนของผม”“…ก็ได้!”…………จากคำยืนยันจากวาริน ผู้นำผู้ก่อการร้ายอย่างอิระและหน้ากากอีกาได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นสองวันหมอกสีแดงก็ถูกกำจัด เจ้าหน้าที่มุ่งหน้าจับกุมคนร้ายเพื่อคืนความสงบสุข อาจจะใช้เวลานานในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทุกอย่างจะต้องถูกจัดการเก็บกวาดในท้ายที่สุดในขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่จับกุมผู้มีพลังพิเศษที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบแก๊ง DH ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยเกือบจะถูกจับกุมไปด้วย แต่โชคดีที่พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากอาเธอร์ที่ได้รับความดีความชอบที่สามารถกำจัดหมอกแดงได้และยังได้รับการยืนยันจากนายกว่าพวกเขาเป็นพลเมืองที่ถูกบีบให้ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้รับบทลงโทษอะไรที่ใช้พลังเมื่อเลอาได้ทราบถึงเรื่องที่อาเธอร์ช่วยเหลือเธอก็แค่บิดยิ้มออกมาและกลอกตา

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 63 บทสุดท้ายของ ´ปกป้องหัวใจวาริน´

    ตอนที่ 63 บทสุดท้ายของ ´ปกป้องหัวใจวาริน´ บทสุดท้ายของ ‘ปกป้องหัวใจวาริน’เขาแก้แค้นสำเร็จ เขาทำสำเร็จแล้ววารินยืนนิ่งท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเมืองที่พังทลาย ไฟจากพลังจิตของอิระยังโหมกระหน่ำรอบตัวเขาแต่เจ้าของพลังจิตอย่างอิระได้ตายจากไปแล้ว ด้วยฝีมือของวารินเอง ไฟฟ้าของวารินเริ่มสงบลง ไม่สิ มันราวกับกำลังสูญเสียพลัง แก้แค้นสำเร็จแล้วอย่างไรต่อ? สุดท้ายแล้วคนรักของเขาก็ไม่อาจกลับมาได้ เขาสูญเสียจิตใจที่จะใช้พลังวารินไร้จุดมุ่งหมายที่จะมีชีวิตไปแล้ว เขาเดินข้ามศัตรูคนสุดท้ายของเขา ก้าวข้ามผู้ที่บอกว่ารักเขา โนอาห์ ก้าวข้ามอาเธอร์ที่เคยบอกว่าหลงใหลเขา วารินมองโนอาห์และอาเธอร์เพียงหาตา แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะโอนอ่อนต่อคำบอกรักของพวกเขา แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้สึกรักเลย แท้จริงแล้วเขาก็แค่หลอกใช้คนพวกนี้แล้วเขาจะทำอะไรต่อไปดีนะ…วารินเร่ร่อนอยู่นาน จนโลกที่วุ่นวายจากการกระทำของอิระเริ่มฟื้นตัว ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดั่งเช่นวันวานแต่วารินรู้ว่าเขาไม่อาจเป็นดั่งเช่นวันวานได้“นายอยากได้จุดจบใหม่งั้นเหรอ?”วารินไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นพูดกับเขา เขาพยักหน้าตอบกลับแต่ก็คิดใหม่และส่ายหน้า “ไม

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 62 ดวงจันทร์สีแดง

    ตอนที่ 62 ดวงจันทร์สีแดงวารินสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่แล่นอยู่บนฝ่ามือของเขา ศัตรูอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเป็นตัวเขาเมื่อก่อนที่หวาดกลัวพลังของตัวเองจะต้องไม่กล้าใช้พลังนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วารินรับรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว… ไม่สิ ความจริงแล้วตัวตนอันเย็นชานี้อาจเป็นตัวตนที่เขาพยายามเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจมาตลอดวารินคิดว่าในตอนนี้เขาสามารถสังหารศัตรูได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยวารินและอิระยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสนามของโรงเรียน“คุณมาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่คิดจะถอยสินะครับ และคงน่าจะเตรียมใจไว้แล้ว” วารินเอ่ย“เตรียมใจอะไรกัน? ถ้าเตรียมใจที่จะกลายเป็นราชาของมนุษย์ยุคใหม่ละก็ใช่” อิระเอ่ยขณะที่ปัดฝุ่นบนตัวที่ติดมาตอนที่ถูกลากออกมาจากโรงยิม “ว่าแต่ทำไมต้องเป็นนายทุกครั้งเลยนะที่ฉันต้องสู้ด้วย และทุกครั้งฉันก็กำจัดนายไม่ได้สักที โชคดีเกินไปแล้ว”วารินอดนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ตัวเอกของหนังสือมักถูกโชคชะตาเข้าข้าง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาไม่รู้สึกว่าถูกโชคชะตาเข้าข้างเลย เพราะการที่ต้องสูญเสียคนรักไปมันเป็นคำสาปมากกว่ามือของทั้งสองข้างของวารินถือปืนไว้ ทันใดนั้นเสียงเสียดสีบางอย่างก็

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 61 ห้องบอส

    ตอนที่ 61 ห้องบอสพวกเราถูกย้าย หลายคนที่นี่ ผู้มีพลังจิตคนอื่น- บอส ที่นี่นั่นคือสัญญาณขอความช่วยเหลือสุดท้ายที่ระบบขอความช่วยเหลือของแก๊ง DH ได้รับ ผู้ขอความช่วยเหลือไม่ได้อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียดหมายความว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ไม่ค่อยจะดีนัก“ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆ เลยพยายามหนีออกจากที่นี่แล้ว แค่ดูเหมือนจะไม่ทัน” วารินอธิบายอย่างกังวลใจถูกย้าย ผู้มีพลังจิตคนอื่น…. ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงผู้หญิงหน้ากากกวางฉันเห็นเมื่อครู่ เธอมีพลังเคลื่อนย้ายไม่ผิดแน่ เธอจะต้องเคลื่อนย้ายคนอื่นๆ ไปรวมกันในที่เดียว เธออะไรบางอย่าง‘บอส ที่นี่’ ในข้อความอาจจะหมายถึงพวกเขาถูกพาไปหาอิระ แล้วอิระทำไปเพื่ออะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะดีนัก…คงไม่ใช่แผนอย่างกำจัดศัตรูให้หมดก่อนที่ศัตรูจะได้ตั้งตัวนะ พอคิดแบบนั้นฉันก็มองกำแพงหมอก ยิ่งคิดสีหน้ายิ่งแย่ลงเอาจริงดิ?[มีการแจ้งเตือนจาก ถล่มให้แหลก]การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถล่มให้แหลก เนี่ยหมายถึงแอปสื่อสารพิเศษที่พวกเจมส์สร้างขึ้นมานั่นเอง ฉันก็ลืมมันไปเลยเพราะไม่ค่อยได้ใช้ในห้องแช็ตกลุ่มเจมส์: เลอาเจมส์: มีข้อความจากเจ้าคนที่ชื่อลันก

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 60 หมอกแดง

    ตอนที่ 60 หมอกแดงคุณต้องการเข้าร่วมก่อนช่วยเหลือหรือไม่?[เข้าร่วม] [ปฏิเสธ]ข้อความจากผู้ขอความช่วยเหลือ : ช่วยด้วย! พวกเราถูกจับเป็นตัวประกัน! (ส่งตำแหน่งที่อยู่)ฉันแค่เข้ามาอวดพลัง : เจ้าจะให้ข้าไปช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? นั้นมันกลางเมืองที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นเขตอันตรายสูงไม่ใช่รึไง!? และโดยรอบเมืองถูกกองทัพทหารปิดกันเส้นทางไว้หมดแล้ว!ฉันแค่เข้ามาเล่นเกม : ไม่ใช่ว่าเราต้องรอฟังคำสั่งนอกรอบไม่ใช่รึไง ไหงไปอยู่ตรงนั้นได้โลกเริ่มอยู่ยากมากขึ้น : ถึงฉันจะอยู่ใกล้ก็ไปช่วยไม่ได้หรอก…ฉันไม่ได้มีพลังขนาดนั้น!พริกไทยป่น : สมาชิกหลักของแก๊งน่าจะอยู่ไม่ไกลนะ พวกเขาอาจไปช่วยได้สมาชิกวงใน : อันที่จริงหัวหน้ากับหัวหน้าใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆ นั่นล่ะพริกไทยป่น : พวกเขาจะไปช่วยเหรอ? (สติกเกอร์ตื้นเต้น)สมาชิกวงใน : ไม่สมาชิกวงใน : หัวหน้าเลออนเล่นเกมอยู่ หัวใหญ่ก็นอนกกแฟนอยู่มะเขือ: !?มะละกอ: !!???อ่านแล้วสัมผัสถึงความไร้ความผิดชอบอย่างมาก ฉันก็เลยต้องยอมออกจากบ้านมาทำงานสักที ก็อยากจะปล่อยให้ทหารหรือไม่ก็หน่วยพิเศษจัดการเองอยู่หรอกแต่ก็ไร้ความรับผิดชอบเกินไป ดูเหมือนว่ากลุ่มแก๊งเล็กๆ ของฉันเหมือน

  • แฟนของฉันไม่ใช่นายเอกนิยาย   ตอนที่ 59 สิ่งไม่สำคัญก็ลืมมันไป

    ตอนที่ 59 สิ่งไม่สำคัญก็ลืมมันไปการใช้ร่างจิตมีประโยชน์ตรงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนได้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับสังเกตการณ์ ฉันจึงใช้พลังถอดจิตของโนอาห์เพื่อที่จะได้มาสังเกตการณ์การต่อสู้ของวารินและอิระอย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้การต่อสู้เงียบมาสักพักแล้ว ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาไปอยู่ส่วนไหนของเมืองที่เสียหายแห่งนี้แล้ว“งั้นคงต้องไปสำรวจรอบๆ ก่อน” ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าลูกน้องของอิระซุ่มรอเวลาลงมืออยู่ที่ไหน ถึงจะคาดไว้ว่าพวกนั้นอาจจะกำลังซุ่มอยู่ในมิติขนาดของหน้ากากหมี แต่มันก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันอีกทั้งมันค่อนข้างน่าสงสัยที่พวกนั้นยังอยู่เงียบๆ โดยไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย อย่างอิระมันจะยอมให้ลูกน้องรออยู่เฉยๆ เพื่อช่วยตัวเองยามสู้กับวารินไม่ไหวเหรอ? ไม่น่าใช่ เจ้านั่นน่าจะสั่งให้ลูกน้องทำลายทุกอย่างที่ความขวางหน้าเพื่อเป้าหมายของตัวเองมากกว่าฉันจึงลองออกไปสำรวจรอบเมืองแต่ก็ไม่พบคนที่น่าจะเป็นคนของอิระ แต่ฉันพบคนธรรมดาแทน พวกเขาอยู่ในเขตที่น่าจะมีการอพยพไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยังหลงเหลืออยู่และไม่ได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของวารินและอิระประชาชนมากมายได้รับความเสียหายจากความวุ่นวาย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status