Share

บทที่ 3

Author: ไม่ประสงค์จะออกนาม
หลังจากยืนกรานยื่นใบลาออกกับหัวหน้าเสร็จแล้ว ฉันก็กลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อส่งมอบงานที่เหลือของตัวเอง

กวนเหยาเพื่อนร่วมงานที่มารับช่วงต่อจากฉัน ปกติแล้วก็สนิทสนมกับฉันไม่เลว หลังจากที่ได้รู้ก็อาลัยอาวรณ์เล็กน้อย

“พี่หลิน พี่จะไปจริง ๆ เหรอ?”

“งั้นฉันก็ต้องดูหญิงร้ายชายเลวสองคนนั้นพลอดรักต่อหน้าฉันทุกวันแล้วสิ!”

ฉันมองตามสายตาของเธอ ซ่งเหยียนเฉินกำลังอธิบายคดีให้กู้อินอินฟัง

กู้อินอินคล้ายกับไม่ค่อยพอใจนิดหน่อยที่โดนซ่งเหยียนเฉินตำหนิ ซ่งเหยียนเฉินไปเอากำไลข้อมือคาร์เทียร์มาจากไหนก็ไม่รู้เพื่อง้อเธอ จากนั้นเธอก็ใส่มันด้วยความดีใจทันที

หลังจากนั้นถึงค่อยสบตาฉัน ก่อนจะลุกขึ้นอย่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

“พี่หลิน ฉันไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับอาจารย์นะ นี่ก็แค่กำไลธรรมดาเท่านั้น!”

เมื่อคำพูดนี้ดังออกมา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนให้จับจ้องมาที่ตัวฉันกับเธอทันที

คบกันมาห้าปี ซ่งเหยียนเฉินไม่เคยให้ของมีค่ากับฉันเลย นอกจากนี้พวกเขาก็คิดว่าฉันมาจากบ้านนอกเหมือนกับซ่งเหยียนเฉิน ไม่รู้จักของแบรนด์เนม

ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าฉันน่าสงสาร

แม้แต่กวนเหยาที่ยืนอยู่ข้างฉันก็ยังโมโหแทน

“พวกพี่ยังเป็นแฟนกันอยู่แท้ ๆ พวกเขาทำเหมือนพี่เป็นคนโง่เลย!”

ฉันกดมือของเธอไว้แล้วส่ายหน้าติดต่อกัน ส่งสัญญาณว่าอย่าวู่วามทะเลาะวิวาท จากนั้นก็มองไปที่กู้อินอินต่อ

“กำไลวงนี้สวยมากเลย เข้ากับเธอมาก”

กู้อินอินเห็นฉันไม่โกรธก็เอ่ยต่ออย่างไม่ยอมแพ้นิดหน่อย

“พี่คะ นี่เป็นกำไลธรรมดาจริง ๆ พี่อย่าโกรธเลยนะ”

ฉันแค่รู้สึกแปลกใจ

โกรธเหรอ ไม่จำเป็นหรอก กำไลแบบนี้ฉันก็มีเยอะมากเหมือนกัน เพียงแต่ว่าทั้งหมดอยู่ที่บ้านในเมืองหลวงเท่านั้นเอง

ซ่งเหยียนเฉินได้ยินคำพูดนี้ก็ลุกขึ้นทันที ขมวดคิ้วตำหนิฉัน

“โย่วหลิน อย่าทำตัวงี่เง่าสิ”

ฉันถอนหายใจแล้วส่ายหน้าติดต่อกัน

“ฉันไม่ได้โกรธจริง ๆ นะ พวกคุณอย่าเอาแต่คาดเดาฉันมั่ว ๆ สิ”

น้ำเสียงของฉันสงบนิ่ง ซ่งเหยียนเฉินแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะแค่นเสียงเย็นชา

“ก็ดีแล้ว”

จากนั้นก็ดึงกู้อินอินให้นั่งลง

กวนเหยาอดถามฉันไม่ได้

“พี่จะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้เหรอ?”

ฉันจัดเอกสารพลางยักไหล่

“ใช่แล้ว ถึงยังไงสำหรับฉัน ฉันก็เลิกกับเขาเองฝ่ายเดียวแล้ว”

จัดงานแต่งมาห้าสิบสองครั้ง ไม่สำเร็จสักครั้ง ฉันก็เหนื่อยนิดหน่อยแล้วเหมือนกัน

หลังเลิกงาน ยากนักที่ซ่งเหยียนเฉินจะเดินมาหาฉันแล้วช่วยฉันเก็บของ

“ไปกันเถอะ ฉันจองร้านแสงจันทร์ไว้ตอนสองทุ่ม ไปตอนนี้ก็ได้เวลาพอดีเลย”

จากนั้นเขาก็เหลือบสายตาไปเห็นข้อมือที่ว่างเปล่าของฉัน ก่อนจะอึ้งไปแล้วถามอย่างลนลานเล็กน้อย

“กำไลที่ฉันให้เธอตอนนั้นล่ะ?”

“ฉันกลัวทำแตก เลยถอดวางไว้ที่บ้านแล้ว”

เขาดูโล่งใจ ยิ้มพลางมองมาที่ฉัน

“ก่อนหน้ายังใส่ทุกวันไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ถึงอยากเก็บเอาไว้ล่ะ?”

ฉันยังคิดไม่ออกว่าจะโกหกอย่างไรดี ก็เห็นกู้อินอินวิ่งเหยาะ ๆ มายืนข้างพวกเรา

“อาจารย์คะ ฉันเก็บของเสร็จแล้วค่ะ!”

สายตาของซ่งเหยียนเฉินถูกเธอดึงดูดไปทันที ก่อนจะพยักหน้าบ่งบอกให้เธอขึ้นไปรอในรถ

ฉันมองกู้อินอินเดินมุ่งหน้าไปรอบนที่นั่งข้างคนขับ

ห้าปีที่คบกัน ฉันไม่เคยได้นั่งที่นั่งข้างคนขับของเขาเลย เขาบอกว่าจะให้ที่นั่งข้างคนขับนี้กับภรรยาในอนาคต ต้องรอให้แต่งงานกับฉันก่อน ฉันถึงจะนั่งได้

เมื่อสบตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายของกู้อินอิน ฉันก็ก้มหน้าลงไม่ได้ตอบโต้อะไร

ไม่มีคลื่นอารมณ์ใด ๆ ในก้นบึ้งของจิตใจอีกแล้ว

หลังจากที่มาถึงร้านอาหาร ซ่งเหยียนเฉินกับกู้อินอินก็นั่งฝั่งเดียวกันแล้วสั่งอาหาร ไม่ถามความเห็นฉันเลย

ฉันก็สุขสบายดี เอามือเท้าคางมองวิวนอกหน้าต่าง

ถึงอย่างไรหลังจากวันพรุ่งนี้ ก็คงยากที่จะได้เจอกันอีก

หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟ น้อยนักที่ซ่งเหยียนเฉินจะแกะกุ้งให้ฉันหนึ่งชาม แล้ววางไว้ตรงหน้าฉัน

“กุ้งร้านนี้ไม่เลวเลยนะ”

ฉันเงยหน้าขึ้น มองรอยยิ้มที่อ่อนโยนเล็กน้อยของเขา

ฉันคิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้เขายังนึกถึงฉันได้

กู้อินอินอดโอ้อวดผลงานไม่ได้

“นี่เป็นร้านที่ฉันแนะนําให้อาจารย์เองค่ะ ครั้งก่อนฉันมากินกับเขา เขากินไปตั้งสามจานแน่ะ!”

ซ่งเหยียนเฉินรู้สึกเก้อเขินจนหน้าแดงแล้ว

“เธอยังจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าภรรยาของอาจารย์อีก...”

กู้อินอินยิ้มพลางปิดปาก มองฉันแล้วพูดอย่างกระอักกระอ่วนนิดหน่อย

“ขอโทษนะคะพี่ อย่าให้เรื่องน่าอายแค่นี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของอาจารย์ในใจพี่เด็ดขาดเลยนะคะ”

ทั้งสองคนหัวเราะกันต่อหน้าฉันอีกครั้ง

ฉันมองเนื้อกุ้งตรงหน้า รู้สึกไร้รสชาติขึ้นมาทันที

หลังจากฝืนข่มกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนกินเข้าไปคำหนึ่งแล้ว ฉันก็ผลักคืนไป

“ฉันไม่ชอบกิน นายกินเถอะ”

การหยอกล้อกันของทั้งสองคนถึงค่อยหยุดลง ซ่งเหยียนเฉินถามฉันอย่างระมัดระวัง

“ไม่พอใจเหรอ?”

ฉันส่ายหน้า

“เปล่า กุ้งมันคาวไป ฉันไม่ชินกับรสชาติ”

เหมือนพวกนาย กลิ่นเหม็นคาวพุ่งทะยาน

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ซ่งเหยียนเฉินก็พากู้อินอินที่ดื่มจนเมาไปส่งที่บ้าน ยังคงเป็นฉันที่ปิดประตู

เมื่อมองพวกเขาจากไปแล้ว ฉันก็เรียกรถไปสนามบินทันที

ในแชทไลน์ ซ่งเหยียนเฉินยังคงวางแผนจัดงานแต่งครั้งต่อไปกับฉัน

บางทีเขาคงรู้สึกผิดนิดหน่อย ถึงได้เป็นฝ่ายพูดเองว่าเขาจะเป็นคนวางแผนจัดงานแต่งครั้งนี้

“เธอไม่ต้องห่วงนะ ครั้งนี้จะต้องทำพิธีให้เสร็จได้แน่นอน จะไม่มีใครมารบกวนพวกเราได้อีกแล้ว!”

ฉันตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“ได้”

ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้

งานแต่งครั้งนี้จะต้องยกเลิกอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนเช่นเคย

รอจนกระทั่งถึงเวลาที่ฉันใกล้จะขึ้นเครื่อง เขาก็ส่งข้อความมาอีก

“อินอินดื่มเยอะไปจนปวดท้อง คืนนี้ฉันไม่กลับบ้านแล้วนะ เธอก็อยู่ที่บ้านดูแลตัวเองดี ๆ ละ”

ฉันหัวเราะพรวดออกมา รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้แต่แรกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก นายอยู่บ้านเธอก็ได้ ฉันขนของออกจากที่นี่แล้ว ต่อไปพวกเราจะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”

“ซ่งเหยียนเฉิน อย่าได้เจอกันอีกเลย”

หลังจากที่ส่งข้อความสุดท้ายให้เขา ฉันก็บล็อกและลบเขาทันที

หลังจากขึ้นเครื่อง ฉันมองเมือง A ที่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ ยังคงส่องแสงสว่างไสว

ซ่งเหยียนเฉินที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งกลับอึ้งจนตาค้างแล้ว
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 9

    เพราะเรื่องวุ่นวายนี้ ฉันเลยบอกกับทั้งสำนักงานกฎหมายว่า ตั้งแต่นี้ไปฉันจะไม่มีความรักอีกและจะไม่รับการเอาอกเอาใจ จากผู้ชายคนไหนอีกต่อไปด้วยในความคิดของฉันตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหน้าที่การงานแล้วซ่งเหยียนเฉินไม่โผล่มาอีกเลย คิดว่าคงกลับเมือง A ไปแล้วฉันค่อย ๆ ยืนหยัดอย่างมั่นคงในเมืองหลวงได้ ทำคดีใหญ่คดีแล้วคดีเล่า นับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างในวงการกฎหมายเรื่องที่คาดไม่ถึงคือ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพ่อแม่ ถูกเพื่อนร่วมงานในสำนักงานกฎหมายจับได้แล้วฉันกังวลว่าพวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นเด็กเส้น คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหัวเราะพลางพูดว่า“มิน่าล่ะถึงได้เก่งขนาดนี้ ที่แท้ก็มีแววของเจ้านายนี่เอง!”“พ่อแม่เก่งถึงได้มีลูกเก่งขนาดนี้ไง!”พอฟังคำชมจากทุกคน ฉันก็เผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ฉันก็ทำได้ดีมากจริง ๆหลังจากนั้นฉันใช้วันลาพักร้อนไปเที่ยวหลายที่ตอนหน้าร้อนฉันไปอาบแดดที่ไห่หนานตอนฤดูใบไม้ร่วงไปชมทิวทัศน์ที่จิ่วจ้ายโกว ตอนหน้าหนาวก็ดูวิวหิมะเคียงข้างพ่อแม่ตอนที่ฤดูใบไม้ผลิมาถึง ฉันก็ปีนภูเขาสูงต้อนรับปีใหม่ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีแล้ว ในที่สุดฉันก็เป็นคนที่มีผลงานยอดเ

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 8

    เดิมทีฉันคิดว่าเขาคงจะไปจากเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเขาใช้วิธีการอะไรก็ไม่รู้ หลอกเพื่อนร่วมงานที่ปกติพอจะสนิทสนมกับฉัน ให้มาหลอกฉันร่วมกับเขาเมื่อฉันเดินมาถึงสนามหญ้าก็ตกตะลึงจนตาค้าง วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ในตอนที่เห็นซ่งเหยียนเฉิน อารมณ์ดี ๆ ก็หายไปจนหมด เขาเลียนแบบงานแต่งครั้งแรกของเรา ใส่ชุดแต่งงานที่ฉันสั่งตัดให้เขา ยืนยิ้มละไมอยู่ทางด้านข้างมองมาที่ฉัน“โย่วหลิน เธอยินดีจะแต่งงานกับฉันไหม?”เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็โห่ร้องขึ้นมา“แต่งกับเขา แต่งกับเขาเลย!”โทสะพุ่งพล่านขึ้นมาจากหัวใจถูกตามรังควานมาหลายวัน ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ ถึงได้แน่ใจว่าฉันจะแต่งงานกับเขาแน่นอนซ่งเหยียนเฉินตาเป็นประกาย มีความมั่นใจกว่าที่ผ่านมา“นายคงไม่คิดว่าจัดงานแต่งแล้ว ฉันจะยกโทษให้นายได้หรอกนะ!”ทนไม่ไหวแล้ว ฉันตบหน้าเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งหมดชั่วพริบตาเดียวนั้น งานแต่งงานนี้เหลือเพียงดนตรีประกอบฉากเท่านั้นมีคนอดถามขึ้นมาไม่ได้“เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนของเธอ พวกเธอแค่...” “เขาพูดอะไรพวกเธอก็เชื่อเหรอ พวกเธอเป็นทนายไม่ใช่หรือไง ไม่ใส่ใจหลักฐาน

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 7

    ซ่งเหยียนเฉินไม่พูดอะไร เพียงแต่ดึงดันยัดกำไลใส่มือของฉัน“งั้นเธอก็รับไว้เถอะ นี่เป็นกำไลที่เธอชอบที่สุดนี่นา”“ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยนะ ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุขเท่านั้น”ฉันมองกำไลที่โดนฝืนยัดใส่มือแล้วหัวเราะหยัน“ตอนนี้ฉันไม่ให้ค่ากับกำไลวงนี้แล้ว”เมื่อพูดจบ วินาทีต่อมาฉันก็โยนกำไลลงถังขยะต่อหน้าซ่งเหยียนเฉินอีกครั้ง ได้ยินเสียงมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ด้านในอีกครั้งซ่งเหยียนเฉินเบิกตากว้าง อ้าปากเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่“ตอนนั้นฉันหวงแหนมันขนาดนั้นก็เพราะฉันรักนาย ดังนั้นฉันถึงอยากรักษาของที่นายให้มาเป็นอย่างดี” “แต่ตอนนี้ฉันเกลียดนาย พอเห็นของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาย ฉันก็รังเกียจไปหมด” ฉันพูดพลางเห็นขอบตาของซ่งเหยียนเฉินแดงระเรื่อ ก็อดไม่ไหวที่จะยกมือขึ้นมาขยี้ตาพูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาร้องไห้แต่เมื่อก่อนฉันก็เคยร้องไห้ให้เขามาหลายครั้งเหมือนกันตอนที่เขาถูกฝ่ายตรงข้ามตามทำร้ายจนบาดเจ็บในตรอกเล็ก ๆ ตอนว่าความครั้งแรกตอนที่ซื้อบ้านของตัวเองในเมือง A ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรกยังมีตอนที่จัดงานแต่งงานกันครั้งแรกตอนที่มองเขาทิ้งฉั

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 6

    อีกทางด้านหนึ่ง กว่าฉันจะกลับมาถึงเมืองหลวงก็ดึกแล้วพ่อแม่ที่ชินกับการนอนเร็วมาตั้งนานแล้ว คอยมองซ้ายมองขวารอการกลับบ้านของฉันอยู่ตรงหน้าทางออกของสถานีพอฉันเห็นพวกเขา ก็วิ่งพลางโผเข้าสู่อ้อมกอดของพวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“พ่อคะ แม่คะ”พ่อลูบหัวฉัน ยิ้มอย่างดีใจ“กลับบ้านก็ดีแล้ว ๆ”ทุกอย่างในบ้านยังคงเหมือนกับตอนที่ฉันเพิ่งจากไป พักผ่อนได้แค่สองวัน ฉันก็เข้าไปทำงานในสำนักงานกฎหมายที่พ่อแม่ก่อตั้งขึ้นพ่อแม่ไม่ชอบทำตัวโดดเด่น จึงไม่ได้บอกทุกคนว่าฉันเป็นลูกสาวของพวกเขา ดังนั้นเมื่อฉันเข้าไปก็ต้องทำตามขั้นตอนปกติ ต้องผ่านช่วงทดลองงานก่อนถึงจะอยู่ทำงานที่นี่ได้แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันกลับรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากเพราะว่าตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองแล้วในเมื่อฉันสามารถทำผลงานยอดเยี่ยมที่สุดได้ในเมือง A ฉันก็ทำในเมืองหลวงได้เหมือนกันสามเดือนต่อมา ฉันผ่านช่วงทดลองงานแล้ว พ่อแม่รู้ข่าวก็ทำอาหารอร่อย ๆ โต๊ะใหญ่ให้ฉันที่บ้านทันที“เฮ้อ รู้อยู่แล้วว่าลูกสาวฉันทำได้!”ถึงอย่างไร การจะผ่านช่วงทดลองงานที่สำนักงานกฎหมายของพวกเขา ได้ก็ไม่ใช่เรื่อง

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 5

    หัวหน้ากำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน กลับถูกซ่งเหยียนเฉินขวางไว้ที่หน้าประตูออฟฟิศ เขาถามพลางหอบหายใจ“โย่วหลินลาออกจากงานหรือเปล่าครับ?”หัวหน้าแปลกใจเล็กน้อย“นายไม่รู้เลยเหรอ?”“วันนี้เธอยืนกรานว่าจะขอลาออกให้ได้ แล้วยังบอกอีกว่าไม่เกี่ยวกับนาย จะหาเวลาบอกนายทีหลังเอง”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ซ่งเหยียนเฉินก็อึ้งอยู่กับที่ในสมองของเขา พลันผุดภาพที่ฉันพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หยุดอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้ง เขาถูกกู้อินอินดึงความสนใจไปหมด ถึงขนาดที่ตอนกลางวันยังพูดเข้าข้างกู้อินอินด้วยตลอดทั้งวัน เขาไม่ให้โอกาสฉันพูดคุยกันตามลำพังเลย ในสายตาเขามีแค่กู้อินอินเท่านั้นจากนั้นเขาก็คว้าไหล่ของหัวหน้าไว้แน่น แล้วถามด้วยความคาดหวัง“งั้นคุณรู้ไหมว่าตอนนี้เธอไปไหนแล้ว?”หัวหน้าสะบัดมือของเขาออกอย่างไม่เกรงใจสักนิดเดียว“เธอไม่ใช่ลูกน้องฉันแล้ว ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นายโทรไปถามเองเถอะ”ซ่งเหยียนเฉินสูญเสียเบาะแสที่จะตามหาฉัน ก็นั่งเหม่อลอยอยู่ในออฟฟิศเนิ่นนานในช่วงเวลาที่นั่งเหม่อนี้ เขานึกถึงความทรงจำร่วมกับฉันมากมายเมื่อห้าปีก่อน พวกเราพบกันครั้งแรกที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยรัฐศาส

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 4

    กู้อินอินสร่างเมาตั้งนานแล้ว ภายในห้องเปิดไฟเพียงดวงเดียวเธอใช้ประโยชน์จากแสงไฟสลัว สวมเดรสสั้นสายเดี่ยวเอื้อมมือไปลูบไล้ร่างกายของซ่งเหยียนเฉิน“อาจารย์คะ…”ซ่งเหยียนเฉินปัดมือของเธอไปอีกทางโดยไม่มีความเกรงใจสักนิดเดียว“อย่ามารบกวนฉัน”คำพูดเย็นชาประโยคเดียวทำให้กู้อินอินตกตะลึงอยู่กับที่ในโทรศัพท์ของซ่งเหยียนเฉินยังคงเล่นซ้ำแต่ประโยคเดิม“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...” เขานับไม่ถูกว่าตัวเองโทรไปแล้วกี่รอบ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ โย่วหลินแค่กำลังพูดประชดแน่ ๆ” ซ่งเหยียนเฉินพึมพำพลางลุกพรวดขึ้นมา“ใช่แล้ว ขอแค่ฉันกลับบ้านก็พอแล้ว”เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็สวมรองเท้าแล้วรีบออกไปทันที เหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงของกู้อินอินที่ดังอยู่ด้านหลังเขาขับรถฝ่าไฟแดงไปหลายแยกจนกลับมาถึงบ้านทันทีที่เปิดประตูก็เห็นเพียงความมืดมิดฉันกลัวความมืดมาตลอด ปกติแล้วไม่ว่าซ่งเหยียนเฉินจะอยู่บ้านหรือไม่ ฉันก็จะเปิดไฟทิ้งไว้หนึ่งดวงเสมอซ่งเหยียนเฉินกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ ตะโกนเรียกในห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง “โย่วหลิน?”ไม่มีคนตอบรับแชะ!

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status