Share

บทที่ 2

Author: ไม่ประสงค์จะออกนาม
จนกระทั่งสุดท้าย มีเพียงพ่อแม่ที่ยังคอยอยู่เตือนสติฉัน

“กลับเมืองหลวงกับพวกเราดีไหม”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเกลี้ยกล่อมให้ฉันกลับไป

ฉันนั่งซึมอยู่ทางด้านข้าง เงยหน้าสบสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของพ่อแม่

พวกเขาเป็นผู้ก่อตั้งสำนักงานกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ฉันก็ได้รับอิทธิพลจากพวกเขาถึงได้เลือกเดินบนเส้นทางของทนายความ

เดิมทีพวกเขาวางแผนว่าจะรอให้ฉันเติบโตแล้วค่อยให้ฉันไปฝึกงานในสำนักงานกฎหมายที่บ้าน แต่เพราะว่าฉันได้รู้จักกับซ่งเหยียนเฉินตอนเรียนปริญญาโทถึงได้ตามเขามาที่เมือง A

เขาเกิดในชนบท แต่มักรังเกียจเมื่อมีคนพูดถึงครอบครัวที่ยอดเยี่ยมของตน

ด้วยเหตุนี้ตลอดห้าปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยบอกเขาถึงภูมิหลังที่แท้จริงของฉันเลย ในสายตาของเขาฉันก็เป็นเด็กที่มาจากบ้านนอกเหมือนกัน

ช่วงเวลาห้าปี ฉันเองก็เติบโตจากทนายความตัวเล็ก ๆ มาเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงโด่งดังเล็กน้อย ฉันกับเขาได้รับรางวัลจากสำนักงานกฎหมายสามปีซ้อน ทุกคนแซวกันว่าพวกเราเป็นคู่สามีพภรรยาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ชีวิตของพวกเราดีขึ้นเรื่อย ๆ จึงคิดว่าเขาไม่น่าจะถือสาอีก แต่ฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้บอกเขาเสียที

คิดดูแล้วฉันก็ถอนหายใจ

อย่างไรเสีย ต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกอีกมาแล้ว

“ได้ค่ะ หนูรับปากพ่อกับแม่”

ดวงตาของพ่อกับแม่เป็นประกายขึ้นมา กุมมือของฉันไว้แน่น

“เด็กดี พ่อกับแม่จะจองตั๋วเครื่องบินให้ลูกนะ จะไม่ปล่อยให้ลูกถูกรังแกอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว!”

หลังจากที่จัดหาที่พักให้พ่อกับแม่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็กลับมาที่บ้าน

ทั้งบ้านยังคงเงียบเหงาเหมือนเคย

ฉันต้มบะหมี่ลวก ๆ แล้วเปิดทวิตเตอร์ ก็เห็นกู้อินอินอัปเดตโพสต์ใหม่ล่าสุด

เธอที่อยู่ในภาพสวมชุดออกกำลังกายแนบเนื้อ ถ่ายรูปคู่กับซ่งเหยียนเฉิน ท่าทางดูใกล้ชิดสนิทสนม

“หลอกอาจารย์ที่จัดพิธีแต่งงานออกมาเล่นบาสกับฉัน เขาโกรธนิดหน่อย แต่พอฉันบอกว่าอีกเดี๋ยวไปกินข้าวที่บ้านฉัน เขาก็อารมณ์ดีขึ้นทันที คิก ๆ”

หลังจากเห็นข้อความนี้ ฉันอดร้องแหวะไม่ได้

ฉันรู้ว่าคืนนี้เขาคงไม่กลับมาแล้ว ก็เหมือนกับที่ผ่านมา

โชคดีที่ฉันไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขา จากนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกล้ำกลืนฝืนทนอีกต่อไปแล้ว

รุ่งเช้า ฉันขนกระเป๋าสัมภาระที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว ไปที่สำนักงานกฎหมายก่อนจะยื่นใบลาออก

เพราะผลงานอันยอดเยี่ยม หัวหน้าเลยยังรั้งฉันไว้ ขณะที่ยังคุยกันอยู่ ก็เห็นซ่งเหยียนเฉินถือเอกสารเดินเข้ามา

ฉันเหลือบมองแวบหนึ่ง เห็นรอยจูบบนลำคอของเขา แถมรอบตัวยังมีกลิ่นหอมของลูกท้อ

ดูออกว่าเมื่อคืนเขาสุขสมมาก

เมื่อก่อนเขาไม่ชอบให้ฉันทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายของเขามากที่สุด บอกว่ามันส่งผลกระทบตอนที่เขาทำงาน

ด้วยเหตุนี้เองตอนที่เกิดอารมณ์ ฉันก็จะควบคุมตัวเองอย่างสุดความสามารถ หรือไม่ก็กำผ้าปูที่นอน

เขาไม่อยากถูกประทับรอยที่ไหนกัน เพียงแต่ว่าคนคนนี้เป็นฉันไม่ได้เท่านั้นเอง

เมื่อเขาเดินเข้ามา หัวหน้าก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยปากพูด

“พอดีเลย นายเกลี้ยกล่อมแฟนของนายหน่อยสิ เธอจะลาออกจากงาน พวกเธอสองคนทะเลาะกันเหรอ?”

“ไม่เกี่ยวกับเขาหรอกค่ะ”

“เธอจะลาออกเหรอ?”

สองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ฉันเหลือบเห็นจากหางตาว่าเขาทอดสายตาจ้องเขม็งมาที่ตัวฉัน เม้มปากเล็กน้อย

“ว่าแล้วเชียว เมื่อวานเธอโกรธที่ฉันยกเลิกงานแต่งกะทันหันใช่หรือเปล่า?”

หัวหน้าเห็นแบบนั้นก็เป็นฝ่ายออกไปเองเพื่อให้พื้นที่กับพวกเรา

ทันทีที่ประตูปิดลง เขาก็เดินเข้ามาซักถามฉัน

“ฉันบอกแล้วว่าเมื่อวานอินอินเจ็บขา ฉันถึงได้ยกเลิก ทำไมเธอต้องใจแคบขนาดนี้ด้วย”

ฉันพยายามสงบอารมณ์อย่างสุดความสามารถ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นเอ่ยปากพูดโกหกออกมา

“ฉันไม่ได้โกรธ ที่ลาออกก็เพราะฉันเหนื่อยแล้ว เลยอยากไปพักผ่อนสักหน่อย”

เขากอดอก ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ถ้าอยากพักผ่อนแค่ลาพักร้อนก็ได้ไม่ใช่เหรอ เธอลาออกกะทันหันแบบนี้ คนอื่นจะคิดว่าเธอมีปัญหากับอินอิน แล้วเด็กสาวตัวเล็ก ๆ อย่างอินอินยังจะทำงานที่สำนักงานกฎหมายได้ยังไง?”

เขาคงลืมไปแล้ว

วันลาพักร้อนปีนี้ของฉัน ต้องหมดไปกับงานแต่งที่เขายกเลิกทุกครั้งไปนานแล้ว

แต่เขาห่วงแค่ว่ากู้อินอินจะอยู่ในสำนักงานกฎหมายอย่างไร

ภายในใจรู้สึกหดหู่

ฉันทอดสายตามองไปที่รอยจูบบนคอของเขาอีกครั้ง แล้วไม่พูดอะไร

เขาตระหนักขึ้นมาได้แล้วปิดคอไว้ตามสัญชาตญาณ

“นี่แค่โดนยุงกัดน่ะ เธออย่าคิดฟุ้งซ่านนะ”

ฉันแปลกใจนิดหน่อย เขาไม่ได้โวยวายใส่ฉัน แต่ว่าอธิบายให้ฉันฟังแทน

เพียงแต่ว่าห่วยแตกเกินไป ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนฉันคงเชื่อไปแล้วจริง ๆ

ฉันพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร

ซ่งเหยียนเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก คิดว่าฉันหายโกรธแล้วถึงค่อยยิ้มพลางโอบไหล่ฉันไว้

“แบบนี้สิถึงจะถูก ต้องใจกว้างถึงจะเป็นทนายความที่ดีได้”

“เธอก็เลิกโวยวายว่าจะลาออกได้แล้ว คืนนี้ฉันจะพาเธอไปกินข้าวที่ร้านอาหารแสงจันทร์ดีหรือเปล่า ถือว่าเป็นการชดเชยไง”

ฉันยังคงไม่พูดอะไร เขาก็อนุมานไปเองว่าฉันตกลงแล้ว

ฉันระงับความคิดที่อยากบอกลาเขาดี ๆ ในตอนแรกลงไป ตอนนี้ฉันไม่อยากบอกเขาเรื่องที่ฉันจะไปเมืองหลวงแล้ว

“อาจารย์คะ!”

กู้อินอินเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่เคาะประตู

ซ่งเหยียนเฉินตกใจจนปล่อยฉันทันที

กู้อินอินยิ้มอย่างเก้อเขิน

“ขอโทษที่ขัดช่วงเวลาสวีทของอาจารย์กับพี่สาวนะคะ แต่ฉันก็จนปัญญาแล้วเหมือนกัน คดีนี้ฉันอ่านไม่เข้าใจนิดหน่อย...”

ซ่งเหยียนเฉินได้ยินคำกล่าวก็เดินไปหาเธอโดยไม่หันกลับมา หยิบเอกสารในมือกู้อินอินขึ้นมาตรวจดู จากนั้นก็ก้มหน้าถามเธออย่างใจเย็นว่าไม่เข้าใจตรงไหน

กู้อินอินจงใจแนบตัวเข้ามาใกล้ ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันต่อหน้าฉัน สร้างโลกของพวกเขา

จากนั้นกู้อินอินก็ควงแขนซ่งเหยียนเฉินเดินออกไป ชั่วขณะที่ปิดประตู เธอหันหน้ากลับมายิ้มท้าทาย

ปัง

ภายในห้องที่ว่างเปล่ามีเพียงเสียงลมหายใจของฉัน

วินาทีต่อมา กำไลหยกที่ข้อมือก็ร่วงลงมาแตกกระจายบนพื้น

โดยไม่มีเหตุผล

นั่นคือของขวัญวันครบรอบที่ซ่งเหยียนเฉินให้ฉันตอนที่คบกันครบรอบหนึ่งปี ตอนนั้นเขาบอกว่า หวังว่าความสัมพันธ์ของเราจะกลมเกลียวกันไปชั่วชีวิตเหมือนกำไลวงนี้

ฉันเงียบอยู่เนิ่นนาน เก็บเศษกำไลให้เรียบร้อยโดยไม่สนใจความเจ็บปวดที่โดนบาด แม้แต่ความอาลัยอาวรณ์ที่หลงเหลืออยู่ระหว่างพวกเราก็ทิ้งลงถังขยะไปด้วย
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 9

    เพราะเรื่องวุ่นวายนี้ ฉันเลยบอกกับทั้งสำนักงานกฎหมายว่า ตั้งแต่นี้ไปฉันจะไม่มีความรักอีกและจะไม่รับการเอาอกเอาใจ จากผู้ชายคนไหนอีกต่อไปด้วยในความคิดของฉันตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหน้าที่การงานแล้วซ่งเหยียนเฉินไม่โผล่มาอีกเลย คิดว่าคงกลับเมือง A ไปแล้วฉันค่อย ๆ ยืนหยัดอย่างมั่นคงในเมืองหลวงได้ ทำคดีใหญ่คดีแล้วคดีเล่า นับว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้างในวงการกฎหมายเรื่องที่คาดไม่ถึงคือ ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพ่อแม่ ถูกเพื่อนร่วมงานในสำนักงานกฎหมายจับได้แล้วฉันกังวลว่าพวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นเด็กเส้น คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะหัวเราะพลางพูดว่า“มิน่าล่ะถึงได้เก่งขนาดนี้ ที่แท้ก็มีแววของเจ้านายนี่เอง!”“พ่อแม่เก่งถึงได้มีลูกเก่งขนาดนี้ไง!”พอฟังคำชมจากทุกคน ฉันก็เผลอถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่แท้ฉันก็ทำได้ดีมากจริง ๆหลังจากนั้นฉันใช้วันลาพักร้อนไปเที่ยวหลายที่ตอนหน้าร้อนฉันไปอาบแดดที่ไห่หนานตอนฤดูใบไม้ร่วงไปชมทิวทัศน์ที่จิ่วจ้ายโกว ตอนหน้าหนาวก็ดูวิวหิมะเคียงข้างพ่อแม่ตอนที่ฤดูใบไม้ผลิมาถึง ฉันก็ปีนภูเขาสูงต้อนรับปีใหม่ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีแล้ว ในที่สุดฉันก็เป็นคนที่มีผลงานยอดเ

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 8

    เดิมทีฉันคิดว่าเขาคงจะไปจากเมืองหลวงแล้วคิดไม่ถึงว่าเขาใช้วิธีการอะไรก็ไม่รู้ หลอกเพื่อนร่วมงานที่ปกติพอจะสนิทสนมกับฉัน ให้มาหลอกฉันร่วมกับเขาเมื่อฉันเดินมาถึงสนามหญ้าก็ตกตะลึงจนตาค้าง วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ในตอนที่เห็นซ่งเหยียนเฉิน อารมณ์ดี ๆ ก็หายไปจนหมด เขาเลียนแบบงานแต่งครั้งแรกของเรา ใส่ชุดแต่งงานที่ฉันสั่งตัดให้เขา ยืนยิ้มละไมอยู่ทางด้านข้างมองมาที่ฉัน“โย่วหลิน เธอยินดีจะแต่งงานกับฉันไหม?”เพื่อนร่วมงานที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็โห่ร้องขึ้นมา“แต่งกับเขา แต่งกับเขาเลย!”โทสะพุ่งพล่านขึ้นมาจากหัวใจถูกตามรังควานมาหลายวัน ฉันไม่รู้เลยว่าเขาเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ ถึงได้แน่ใจว่าฉันจะแต่งงานกับเขาแน่นอนซ่งเหยียนเฉินตาเป็นประกาย มีความมั่นใจกว่าที่ผ่านมา“นายคงไม่คิดว่าจัดงานแต่งแล้ว ฉันจะยกโทษให้นายได้หรอกนะ!”ทนไม่ไหวแล้ว ฉันตบหน้าเขาต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทั้งหมดชั่วพริบตาเดียวนั้น งานแต่งงานนี้เหลือเพียงดนตรีประกอบฉากเท่านั้นมีคนอดถามขึ้นมาไม่ได้“เขาบอกว่าเขาเป็นแฟนของเธอ พวกเธอแค่...” “เขาพูดอะไรพวกเธอก็เชื่อเหรอ พวกเธอเป็นทนายไม่ใช่หรือไง ไม่ใส่ใจหลักฐาน

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 7

    ซ่งเหยียนเฉินไม่พูดอะไร เพียงแต่ดึงดันยัดกำไลใส่มือของฉัน“งั้นเธอก็รับไว้เถอะ นี่เป็นกำไลที่เธอชอบที่สุดนี่นา”“ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยนะ ฉันแค่อยากให้เธอมีความสุขเท่านั้น”ฉันมองกำไลที่โดนฝืนยัดใส่มือแล้วหัวเราะหยัน“ตอนนี้ฉันไม่ให้ค่ากับกำไลวงนี้แล้ว”เมื่อพูดจบ วินาทีต่อมาฉันก็โยนกำไลลงถังขยะต่อหน้าซ่งเหยียนเฉินอีกครั้ง ได้ยินเสียงมันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ด้านในอีกครั้งซ่งเหยียนเฉินเบิกตากว้าง อ้าปากเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่“ตอนนั้นฉันหวงแหนมันขนาดนั้นก็เพราะฉันรักนาย ดังนั้นฉันถึงอยากรักษาของที่นายให้มาเป็นอย่างดี” “แต่ตอนนี้ฉันเกลียดนาย พอเห็นของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับนาย ฉันก็รังเกียจไปหมด” ฉันพูดพลางเห็นขอบตาของซ่งเหยียนเฉินแดงระเรื่อ ก็อดไม่ไหวที่จะยกมือขึ้นมาขยี้ตาพูดตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาร้องไห้แต่เมื่อก่อนฉันก็เคยร้องไห้ให้เขามาหลายครั้งเหมือนกันตอนที่เขาถูกฝ่ายตรงข้ามตามทำร้ายจนบาดเจ็บในตรอกเล็ก ๆ ตอนว่าความครั้งแรกตอนที่ซื้อบ้านของตัวเองในเมือง A ได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองครั้งแรกยังมีตอนที่จัดงานแต่งงานกันครั้งแรกตอนที่มองเขาทิ้งฉั

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 6

    อีกทางด้านหนึ่ง กว่าฉันจะกลับมาถึงเมืองหลวงก็ดึกแล้วพ่อแม่ที่ชินกับการนอนเร็วมาตั้งนานแล้ว คอยมองซ้ายมองขวารอการกลับบ้านของฉันอยู่ตรงหน้าทางออกของสถานีพอฉันเห็นพวกเขา ก็วิ่งพลางโผเข้าสู่อ้อมกอดของพวกเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น“พ่อคะ แม่คะ”พ่อลูบหัวฉัน ยิ้มอย่างดีใจ“กลับบ้านก็ดีแล้ว ๆ”ทุกอย่างในบ้านยังคงเหมือนกับตอนที่ฉันเพิ่งจากไป พักผ่อนได้แค่สองวัน ฉันก็เข้าไปทำงานในสำนักงานกฎหมายที่พ่อแม่ก่อตั้งขึ้นพ่อแม่ไม่ชอบทำตัวโดดเด่น จึงไม่ได้บอกทุกคนว่าฉันเป็นลูกสาวของพวกเขา ดังนั้นเมื่อฉันเข้าไปก็ต้องทำตามขั้นตอนปกติ ต้องผ่านช่วงทดลองงานก่อนถึงจะอยู่ทำงานที่นี่ได้แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ฉันกลับรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากเพราะว่าตั้งแต่วันนี้ไป ฉันจะได้ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองแล้วในเมื่อฉันสามารถทำผลงานยอดเยี่ยมที่สุดได้ในเมือง A ฉันก็ทำในเมืองหลวงได้เหมือนกันสามเดือนต่อมา ฉันผ่านช่วงทดลองงานแล้ว พ่อแม่รู้ข่าวก็ทำอาหารอร่อย ๆ โต๊ะใหญ่ให้ฉันที่บ้านทันที“เฮ้อ รู้อยู่แล้วว่าลูกสาวฉันทำได้!”ถึงอย่างไร การจะผ่านช่วงทดลองงานที่สำนักงานกฎหมายของพวกเขา ได้ก็ไม่ใช่เรื่อง

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 5

    หัวหน้ากำลังเตรียมตัวจะกลับบ้าน กลับถูกซ่งเหยียนเฉินขวางไว้ที่หน้าประตูออฟฟิศ เขาถามพลางหอบหายใจ“โย่วหลินลาออกจากงานหรือเปล่าครับ?”หัวหน้าแปลกใจเล็กน้อย“นายไม่รู้เลยเหรอ?”“วันนี้เธอยืนกรานว่าจะขอลาออกให้ได้ แล้วยังบอกอีกว่าไม่เกี่ยวกับนาย จะหาเวลาบอกนายทีหลังเอง”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ซ่งเหยียนเฉินก็อึ้งอยู่กับที่ในสมองของเขา พลันผุดภาพที่ฉันพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแล้วก็หยุดอยู่หลายครั้งแต่ทุกครั้ง เขาถูกกู้อินอินดึงความสนใจไปหมด ถึงขนาดที่ตอนกลางวันยังพูดเข้าข้างกู้อินอินด้วยตลอดทั้งวัน เขาไม่ให้โอกาสฉันพูดคุยกันตามลำพังเลย ในสายตาเขามีแค่กู้อินอินเท่านั้นจากนั้นเขาก็คว้าไหล่ของหัวหน้าไว้แน่น แล้วถามด้วยความคาดหวัง“งั้นคุณรู้ไหมว่าตอนนี้เธอไปไหนแล้ว?”หัวหน้าสะบัดมือของเขาออกอย่างไม่เกรงใจสักนิดเดียว“เธอไม่ใช่ลูกน้องฉันแล้ว ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นายโทรไปถามเองเถอะ”ซ่งเหยียนเฉินสูญเสียเบาะแสที่จะตามหาฉัน ก็นั่งเหม่อลอยอยู่ในออฟฟิศเนิ่นนานในช่วงเวลาที่นั่งเหม่อนี้ เขานึกถึงความทรงจำร่วมกับฉันมากมายเมื่อห้าปีก่อน พวกเราพบกันครั้งแรกที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยรัฐศาส

  • แฟนหนุ่มที่เป็นทนายหนีงานแต่ง 52 ครั้ง ฉันก็หมดรักในที่สุด   บทที่ 4

    กู้อินอินสร่างเมาตั้งนานแล้ว ภายในห้องเปิดไฟเพียงดวงเดียวเธอใช้ประโยชน์จากแสงไฟสลัว สวมเดรสสั้นสายเดี่ยวเอื้อมมือไปลูบไล้ร่างกายของซ่งเหยียนเฉิน“อาจารย์คะ…”ซ่งเหยียนเฉินปัดมือของเธอไปอีกทางโดยไม่มีความเกรงใจสักนิดเดียว“อย่ามารบกวนฉัน”คำพูดเย็นชาประโยคเดียวทำให้กู้อินอินตกตะลึงอยู่กับที่ในโทรศัพท์ของซ่งเหยียนเฉินยังคงเล่นซ้ำแต่ประโยคเดิม“ขอโทษค่ะ หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้...” เขานับไม่ถูกว่าตัวเองโทรไปแล้วกี่รอบ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ โย่วหลินแค่กำลังพูดประชดแน่ ๆ” ซ่งเหยียนเฉินพึมพำพลางลุกพรวดขึ้นมา“ใช่แล้ว ขอแค่ฉันกลับบ้านก็พอแล้ว”เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาก็สวมรองเท้าแล้วรีบออกไปทันที เหมือนกับว่าไม่ได้ยินเสียงของกู้อินอินที่ดังอยู่ด้านหลังเขาขับรถฝ่าไฟแดงไปหลายแยกจนกลับมาถึงบ้านทันทีที่เปิดประตูก็เห็นเพียงความมืดมิดฉันกลัวความมืดมาตลอด ปกติแล้วไม่ว่าซ่งเหยียนเฉินจะอยู่บ้านหรือไม่ ฉันก็จะเปิดไฟทิ้งไว้หนึ่งดวงเสมอซ่งเหยียนเฉินกระวนกระวายขึ้นเรื่อย ๆ ตะโกนเรียกในห้องรับแขกอย่างระมัดระวัง “โย่วหลิน?”ไม่มีคนตอบรับแชะ!

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status