LOGIN“อ๋อ...นึกว่าใคร” เธอยิ้ม ไม่คิดบอกใครว่าเลิกกับชยาวุธแล้ว จนกว่าจะมีคนถามถึงค่อยบอก
ภัทรมัยเดินเข้าไปด้านในด้วยความกระฉับกระเฉงเช่นทุกครั้ง หญิงสาวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนวันเสาร์ ทั้งที่ความจริงแล้วตอนนี้หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบกระเด็นออกมานอกอก
มันไม่ใช่ความตื่นเต้นดีใจ แต่มันคือความหวาดหวั่นที่จะต้องเผชิญหน้ากับใครบางคนมากกว่า
แผนกครีเอทีฟนั่งอยู่อีกด้าน แต่ภัทรมัยไม่คิดมองไปทางนั้น เพราะเห็นจากหางตาก็รู้แล้วว่ามีใครนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ยังดีที่ในออฟฟิศเริ่มมีคนมาทำงานบ้างแล้ว มิเช่นนั้นเธอคงไม่รู้ว่าต้องวางตัวอย่างไร
หญิงสาววางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะแล้วหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ ทว่ายังไม่ทันได้กดปุ่มเปิดคอมพิวเตอร์ เสียงทุ้มอันแสนคุ้นหูของใครคนหนึ่งก็ดังอยู่เหนือศีรษะ
“แก้ม พี่ขอคุยด้วยหน่อยสิ”
ภัทรมัยเงยหน้ามองเจ้าของเสียง เห็นสายตาที่ชยาวุธใช้มองตนแล้วเธอไม่กล้าคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้าอีกว่าเขามองมาด้วยความรู้สึกแบบไหนกันแน่ เธอไม่อยากเข้าข้างตัวเองอีกต่อไปว่าเขากำลังใช้สายตาอ้อนวอนมองตนอยู่
“พี่จะคุยเรื่องอะไรคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องงานแก้มขอไม่คุยนะ เสียเวลา”
เธอหลุบตาลงมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ทำทีเป็นว่าจะเปิดงานขึ้นมาทำ แต่ความจริงแล้วอยากหลบตาเขามากกว่า
“พี่อยากคุยเรื่องนั้นน่ะ” เขากดเสียงให้เบาลงเมื่อเห็นว่าในออฟฟิศเริ่มมีพนักงานทยอยเดินเข้ามาบ้างแล้ว
“ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยอีกนี่คะ เราเลิกกันแล้วก็คือจบ จากนี้คุยกันเฉพาะเรื่องงานก็พอ แต่เรื่องส่วนตัวคงไม่ต้อง เพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
“แก้ม!”
“ทำไม!” ภัทรมัยเชิดหน้าขึ้นมองเขาอย่างท้าทาย แม้ชายหนุ่มจะยืนค้ำศีรษะตนอยู่ แต่หญิงสาวก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาเหนือกว่า
ชยาวุธหันมองไปรอบตัว เสียงตอนที่ภัทรมัยพูดเมื่อครู่ว่าเลิกกันแล้วนั้นไม่ได้เบาเลยสักนิด คนอื่นจึงได้ยินไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนที่ได้ยินต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความคาดไม่ถึงกันแทบทุกคน
“มานี่ซิ” ชยาวุธคว้าข้อมือของหญิงสาวแล้วฉุดให้ลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปนอกออฟฟิศ โดยไม่สนใจการขัดขืนของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ปล่อยนะพี่เวฟ บอกให้ปล่อยไง”
ภัทรมัยทั้งตีทั้งหยิกแขนเขา แต่ชายหนุ่มกลับไม่นำพากับความเจ็บปวดเหล่านั้น กระทั่งในที่สุดเขาก็ลากเธอออกมาคุยกันตรงบันไดหนีไฟจนได้ หนำซ้ำชยาวุธยังกดล็อกประตูเอาไว้เพื่อไม่ให้มีคนผ่านเข้าออกบริเวณนี้ด้วย
ชายหนุ่มดันเธอจนแผ่นหลังติดผนังแล้วยกแขนขึ้นมายันเอาไว้เพื่อกักหญิงสาวให้อยู่ตรงกลาง เขามองหน้าเธอด้วยแววตาขึงขัง ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาทำท่าจะจูบ แต่ภัทรมัยเบี่ยงหน้าหลบ
“อย่ามายุ่งกับแก้มนะ พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าเราเลิกกันน่ะ” เธอถามเสียงแข็ง
“พี่ไม่ได้พูดว่าเลิก พี่บอกว่าห่างกันสักพัก เพราะพี่...” เขายังพูดไม่จบ หญิงสาวก็แทรกขึ้นเสียก่อน
“เพราะพี่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ พี่ยังรักแฟนเก่าอยู่ เฮอะ! แล้วมันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ” เสียงของเธอเริ่มสั่นพร่า แค่รู้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาในใจของเขามีแต่ภาพของแฟนเก่าทาบทออยู่เต็มใจทั้งที่มีเธออยู่ข้างกายเขา แค่นั้นก็เจ็บจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไรแล้ว
“คือ...พี่ไม่รู้จะอธิบายให้แก้มฟังยังไงแก้มถึงจะเข้าใจพี่ แก้มฟังนะ พี่ไม่ได้อยากเลิกกับแก้ม แต่พี่ขอแค่เวลาเท่านั้น พี่ขอเวลาไปจัดการกับความคิดของตัวเองก่อน...”
“แก้มก็ให้เวลาพี่แล้วไง พี่อยากใช้กี่เดือนกี่ปีก็เชิญให้เต็มที่เลย แก้มจะไม่ยุ่งอีกแล้ว”
ชยาวุธพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดพลางก้มหน้าลง แต่ไม่นานนักเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วพูดว่า
“ไม่เอาน่าแก้ม พี่ขอร้อง เราคุยกันดี ๆ ก่อนได้ไหม”
“แล้วนี่เราคุยกันไม่ดีตรงไหน พี่บอกแก้มว่าขอเวลา แก้มก็ให้พี่แล้วไง พี่จะเอาอะไรอีก” เสียงเธอสั่นพร่า กระบอกตาร้อนผ่าวจนปวดหนึบ และในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาจนได้
“พี่บอกว่าพี่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ทั้งที่พี่คบกับแก้มมาครึ่งปีแล้ว แก้มอยากรู้ว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมามันคืออะไร พี่คิดถึงใจแก้มบ้างไหมตอนที่แก้มรู้ว่าเวลาที่เราอยู่ด้วยกันนั่นน่ะ ความจริงแล้วพี่ยังรักแฟนเก่าอยู่ พี่ไม่ได้รักแก้ม เป็นแก้มที่บ้าคิดไปเองคนเดียว มีความสุขลั้นลาอยู่คนเดียวโดยที่พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย พี่ใจร้ายมาก”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะแก้ม พี่เองก็แฮปปีมากเวลาอยู่กับแก้ม ไม่อย่างนั้นพี่จะจีบแก้มทำไม จะขอคบกับแก้มทำไม”
“แต่พี่ก็ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ พี่ยังรักเขาอยู่ใช่ไหม” เธอมองหน้าเขา แต่เขาหลบตาแล้วถอนหายใจหนัก ๆ อีกครั้ง
“อย่างที่พี่บอกนั่นแหละว่าพี่เองก็อธิบายไม่ถูก พี่ถึงได้อยากใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักหน่อย” เขาเอามือข้างหนึ่งมาแนบแก้มของเธอ พร้อมกับดันตัวเข้ามาใกล้จนใบหน้าเกือบชิดกัน
“แก้มรอพี่ก่อนได้ไหม นะแก้ม” เขายื่นหน้าเข้ามาจูบ เรียวลิ้นรุกล้ำแทรกเข้ามาดูดดึงลิ้นของเธออย่างเร่าร้อนเช่นเคย แขนข้างที่ใช้ยันผนังเพื่อกักตัวหญิงสาวเอาไว้ก่อนหน้าลดลงมาโอบรัดร่างอรชรไว้ในอ้อมแขน
รสจูบของเขาเร่งเร้าเอาแต่ใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนออดอ้อนเว้าวอนอยู่ในที
...พี่ยังลืมแฟนเก่าไม่ได้...
แต่แล้วประโยคนี้ก็พุ่งเข้ามาในหัวของภัทรมัย อารมณ์หวามไหวที่อีกฝ่ายจงใจพาเตลิดไปนั้นพลันกลับมาเป็นปกติ หญิงสาวใช้มือยันอกของเขาให้ถอยห่างพร้อมกับเบี่ยงหน้าหนีจุมพิตแสนเอาแต่ใจนั้น
เมื่อจูบไม่ได้ ชายหนุ่มจึงซุกหน้าพรมจูบลงกับซอกคอของเธอแทน จนภัทรมัยต้องผลักเขาให้ออกห่างจากตัว
“พี่เวฟ หยุด!” แม้จะรู้อยู่ว่าชยาวุธเป็นผู้ชายที่จุดติดง่ายไม่ต่างจากเชื้อเพลิงชั้นดี แต่ที่นี่เป็นออฟฟิศ เขาจะมานัวเนียกับเธอที่นี่ได้อย่างไรกัน
“คืนนี้ไปค้างห้องพี่นะแก้ม” เขามองเธอด้วยสายตาราวกับผู้ล่าที่กำลังหลอกล่อเหยื่อ
“ไม่ค่ะ” แต่เธอจะไม่ใช่เหยื่อของเขาอีกต่อไป
“แก้มมม” เขาเรียกเธอเสียงอ่อน หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงยอมตามเขาไปแต่โดยดี ทว่าตอนนี้เธอจะไม่หลงกลเขาอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ยังบอกให้ห่างกันสักพักอยู่เลย ตอนนี้มาชวนเธอไปค้างด้วยเสียอย่างนั้น
“ทำไมแก้มต้องไป ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว”
“ไม่เลิกสิ พี่ไม่ได้อยากเลิกกับแก้มสักหน่อย เถอะนะแก้ม ไปค้างกับพี่นะครับ” เขายื่นหน้ามาหอมแก้มเธอ จะเบี่ยงหลบก็ไม่ทันแล้ว
“ถ้างั้นแก้มขอถามอะไรพี่สักข้อ” เธออยากรู้ว่าตกลงแล้วในใจของเขามีเธออยู่บ้างไหม
“ถามมาสิ ต่อให้ถามสิบข้อพี่ก็จะตอบทุกข้อเลย” เขาคลายอ้อมกอด เธอจึงฉวยโอกาสนี้ผลักตัวเขาให้ห่างออกไปอีกก้าว ไม่ให้เข้ามาแตะเนื้อต้องตัวเธออีก
“พี่เวฟ...รักแก้มบ้างไหม”
ชยาวุธอึ้งไปทันทีที่ได้ยิน แค่คำถามแรกเขาก็จอดสนิทแล้ว เพราะฉะนั้นเธอไม่จำเป็นต้องถามเรื่องอื่นอีก
“เอ่อ...คือ” เขาอ้ำอึ้งไม่กล้าพูด เพียงแค่นี้เธอก็รู้คำตอบของเขาแล้วว่าคืออะไร
น่าขำชะมัด มาบอกเธอให้ห่างกันสักพัก จากนั้นก็มาง้อและชวนเธอไปค้างที่ห้องเพื่อมีเซ็กซ์ด้วย แต่พอถามคำถามง่าย ๆ เขากลับตอบไม่ได้
ครึ่งปีที่ผ่านมาเขากอดเธอ นอนกับเธอ ยิ้มแย้มกับเธอ ทั้งยังเคยบอกรักเธอ แม้จะเป็นตอนที่กำลังนัวเนียด้วยกันบนเตียงก็ตาม ทั้งหมดนั่นคือเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ
เพียะ!
ภัทรมัยฟาดฝ่ามือไปบนหน้าของเขาอย่างไม่ออมแรง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกมาอีกครั้ง
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พี่อย่ามายุ่งกับแก้มอีก ติดต่อกันแค่เรื่องงานอย่างเดียวก็พอ”
“แล้วน้องเขารู้รึยังว่ามึงชอบเขา” ทิวากรถามยิ้ม ๆ“จะรู้ได้ไง ก็กูไม่ได้บอก”ทิวากรกลอกตาพลางเอ่ยว่า “เหรอออ ไอ้คุณเวฟครับ กูว่าน้องเขาน่าจะรู้แล้วละครับ เพราะมึงน่ะมองเขาตาเชื่อมขนาดนั้น แหม...ไม่แสดงออกเลยสักนิด แค่คนเขารู้เขาเห็นกันทั้งบริษัทแค่นั้นเอง”“เฮ้ยถามจริง น้องเขารู้หรือวะ” คนอื่นเขาไม่สนใจ ใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป แต่ภัทรมัยนั้นเขาต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะเธอยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขาโสด ถ้าเขาเผลอมองเธอตาเชื่อมจริง เธอจะต้องคิดแน่ว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ“ไม่ได้การแล้วไอ้ทิว มึงรีบไปป่าวประกาศให้กูด่วนเลยว่ากูโสดแล้ว”และตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะเริ่มจีบภัทรมัยอย่างจริงจังสักทีชยาวุธกับทีมงานคนอื่น ๆ นั่งฟังบรีฟงานจากภัทรมัยในห้องประชุมเล็ก ตลอดเวลาที่นั่งประชุม ชายหนุ่มแทบไม่ละสายตาไปจากเออีคนสวยเลย และเขาไม่ใช่แค่มองอย่างเดียว แต่ยังยิ้มนิด ๆ ตลอดเวลาด้วยภัทรมัยรู้ตัวว่าถูกชยาวุธจ้องเอา ๆ ก็อดประหม่าไม่ได้ หญิงสาวต้องตั้งสติและใช้สมาธิอย่างมา
“เฮ้อ...” ภัทรมัยถอนหายใจอีกครั้งทั้งยังเผลอมองเขาไม่วางตา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น หัวคิ้วของหญิงสาวพลันขมวดมุ่นอย่างไม่สบอารมณ์ทันทีตาคนนี้ปล่อยให้คนอื่นเขาแซงคิวอีกแล้ว...นังแก้มจะไม่ทน!หญิงสาวลุกขึ้นแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไปหาชยาวุธด้วยสีหน้าเอาเรื่อง แต่ไม่ได้พูดกับเขา เธอพูดกับผู้หญิงคนนั้น“ขอโทษนะคะ ท้ายแถวอยู่ตรงนั้นค่ะ กรุณาไปต่อคิวด้วย”“อะไรกัน ก็คุณคนนี้...” ผู้หญิงคนนั้นยังพูดไม่จบ ภัทรมัยก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบานัก“ถึงพี่ฉันจะยอมให้คุณแซงคิว แต่ฉันไม่ให้ และฉันจะเข้าคิวแทนพี่เขาเอง เพราะฉะนั้นกรุณาไปต่อท้ายแถวค่ะ” หญิงสาวชี้ไปทางท้ายแถว จากนั้นหันไปพูดกับชายหนุ่มว่า“พี่เวฟไปนั่งรอก่อนเลย แก้มจะแลกการ์ดเอง” พูดจบก็หันไปมองหน้าผู้หญิงคนนั้นต่อ เจ้าหล่อนเห็นคนเริ่มมองมาหลายคน อีกทั้งคนที่ต่อแถวบางคนก็ทำหน้าไม่พอใจ จึงเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากแถวทันทีเมื่อแลกการ์ดเรียบร้อยแล้ว ภัทรมัยจึงเดินไปหาชยาวุธที่นั่งรออยู่ จากนั้นก็ยื่นการ์ดให้เขา&
เออีน้องใหม่ภัทรมัยเดินออกจากลิฟต์ด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ วันนี้เธอเริ่มงานวันแรกกับบริษัทโฆษณาที่จัดว่าเป็นบริษัทอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย เธอใฝ่ฝันอยากทำบริษัทนี้มานานแล้ว เคยมาสัมภาษณ์สองครั้ง แต่ไม่ถูกเรียกให้เข้าทำงาน หญิงสาวจึงต้องไปสมัครบริษัทอื่น ทำอยู่หลายปีจนกระทั่งทราบข่าวว่าบริษัทนี้เปิดรับ Account Executive เธอจึงลองยื่นใบสมัครดูอีกครั้ง หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็กลับบ้านไปรอฟังผล ผ่านไปสองวันจึงได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลว่าเธอได้รับการพิจารณาให้เป็นพนักงานของบริษัทแล้วภัทรมัยจำได้ว่าวันนั้นตนกรี๊ดลั่นห้องจนเพื่อนชายที่อยู่ห้องติดกันรีบมาเคาะประตูถามด้วยความเป็นห่วง เพราะนึกว่าเธอเกิดอันตรายขณะที่หญิงสาวกำลังจะผลักประตูเข้าไป เสียงทุ้มจากด้านหลังพลันดังขึ้นจนทำให้เธอสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามาติดต่อธุระอะไรรึเปล่าครับ”ภัทรมัยลดมือลงจากที่จับประตูแล้วหันไปมองคนถาม ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งคนนี้หน้าตาใช้ได้ อายุน่าจะประมาณยี่สิบปลายถึงสามสิบปี สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนกับรองเท้าผ้าใบ ดูท่าทางเป
โลกใบแรกที่เป็นทนายปราบต์ได้ตายไปแล้ว แต่ยังเหลือโลกใบที่สองคือนวัช เจ้าของบ่อปลาน้ำจืดขนาดใหญ่เขาเหลือชีวิตเดียวแล้ว คงต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ให้สมกับที่มารดาของเขายอมเสียสละทุกอย่างเพื่อให้เขาเติบโต...เมี้ยว...เสียงร้องแผ่วเบาของแมวตัวหนึ่งทำให้ความคิดของชายหนุ่มหยุดชะงักลงทันที เขามองหาที่มาของเสียงจึงเห็นลูกแมวตัวเล็กยืนห่างเขาออกไปประมาณสามก้าว“แมวบ้านไหนเนี่ย” เขาไม่เคยได้ยินว่าคนแถวนี้เลี้ยงแมวสักคน จึงคิดจะจับตัวมันมาดูว่าสวมปลอกคอเอาไว้หรือไม่ แต่เจ้าตัวเล็กก็กระโดดหนีไปเสียก่อน และเพราะความมืดเขาจึงไม่แน่ใจว่ามันมีสีอะไร แต่ในเมื่อมันไปแล้วเขาจึงไม่ได้สนใจอีกทว่าพอเขาเดินเข้าบ้าน กลับเห็นลูกแมวตัวน้อยนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนโซฟาราวกับเป็นบ้านของมัน“จะมาอยู่ด้วยกันรึไงเจ้าเหมียวน้อย” เขาก้มตัวลงมองมันชัด ๆ เป็นแมวไทยทั่วไปสีส้มท้องขาว มีปลอกคอสวมอยู่แสดงว่าเป็นแมวมีเจ้าของ“กลับบ้านไปได้แล้ว เจ้าของหาแย่แล้วมั้ง”มันเงยหน้ามองเขาเหมือนจะฟังรู้เรื่อง แต่พอเห็นมันเอนตัวลงนอนฟุบบนโซฟาเหมื
“น่ารักจังเลย กี่เดือนแล้วคะ” ภัทรมัยมองเด็กน้อยลูกครึ่งด้วยความเอ็นดู สีผมของทั้งคู่เป็นสีน้ำตาล นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเช่นกัน พวงแก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้าง แขนขาจ้ำม่ำดูน่ากอดทั้งคู่“แปดเดือนแล้ว กำลังคลานเลย เวฟกับแก้มล่ะ เมื่อไรจะมีตัวเล็กบ้าง” เฟิร์นถามยิ้ม ๆ“คงอีกสักพักค่ะ” ภัทรมัยยิ้มแหย“โห นี่แปลว่าไปอยู่ที่โน่นได้ไม่นานก็แต่งงานเลยสิเนี่ย แฟนเป็นคนอเมริกันใช่ไหม แล้วรู้จักกันได้ยังไง” ชยาวุธยิ้มกว้างเช่นกัน ดีใจที่เห็นอดีตคนรักมีชีวิตที่ดี“ใช่ ตอนมาถึงที่นี่เฟิร์นก็ช่วยน้าทำงานในคลินิกสัตว์ และเพ็ทชอปน่ะ เขาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เพราะพาแมวมาถ่ายพยาธิและหยอดยากันเห็บหมัดทุกเดือน มาซื้ออาหารแมว ทรายแมวบ่อย ๆ ก็เลยได้รู้จักกัน บ้านเขาอยู่ไม่ไกลจากคลินิกด้วย เขาจะออกมาวิ่งทุกเช้าเลยได้คุยกันทุกวัน”“ดีใจด้วยนะเฟิร์น ลูก ๆ น่ารักมาก แก้มแดงน่าหยิกมากเลย ไฮ...”ชายหนุ่มโบกมือทักทายเด็กน้อยที่มองตนตาแป๋วผ่านทางหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะหันไปยิ้มกับภรรยาอย่างถูกใจเมื่อเห
“ไอ้เสี่ยกวงมันอยู่ได้อีกไม่นานหรอก เชื่อพี่ น่าจะตายอยู่ในคุกนั่นแหละ ไม่ได้ออกมาเห็นโลกภายนอกอีกหรอก”“แล้วคุณทนายล่ะ แก้มว่าเขาก็ทำบาปกับคนอื่นไว้ไม่น้อยเลยนะนั่น อยากรู้จริงว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่”แม้จะผ่านมาสองปีแล้ว แต่ภัทรมัยยังคงเชื่อว่าทนายปราบต์ยังไม่ตาย และคิดว่าเขาคงอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้แน่นอน“จะไปคิดถึงมันทำไม มันทำให้พี่เกือบตายเชียวนะ” เขาตัดพ้อเสียงขุ่น ภัทรมัยจึงรีบกอดเขาไว้อย่างเอาใจ“แหม ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าเขาทำยังไงถึงรอด หมายถึงว่าเขาทำยังไงถึงทำให้ตัวเองกลายเป็นคนตายไปได้ แล้วตอนนี้เขาจะใช้ชื่อว่าอะไร ยังอยู่ในประเทศไทยรึเปล่าแค่นั้นเอง”“เขาอยู่กับเสี่ยกวงมานาน ยังไงก็ต้องมีทางออกให้ตัวเองเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วละ แต่ไอ้เรื่องชุบตัวเป็นคนใหม่หรือสวมรอยเป็นคนอื่นรึเปล่าเราก็ไม่รู้กับเขาหรอก พี่ว่าเรื่องแบบนี้มันน่าจะรู้กันเฉพาะกลุ่มว่ามีขบวนการทำให้ ดีไม่ดี เจ้าหน้าที่พวกนั้นอาจจัดการให้เขาเองก็ได้ ช่างมันเถอะ แค่อย่ามาให้เจอหน้าก็แล้วกัน บอกตามตรงเลยนะ พี่ไม่ถูกชะตา







