“นึกยังไงถึงพูดแบบนี้ออกมา”
ชยาวุธถามเสียงเครียด เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอดีตคนรักไม่ได้รู้สึกอะไรกับตนแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อกันคือเพื่อนเท่านั้น เขากับเธอเหลือไว้เพียงแค่ความผูกพันตามประสาคนเคยรัก
“ก็ไม่นึกยังไง เฟิร์นก็แค่พูดไปตามที่อยากพูด และคืนนี้เฟิร์นก็ไม่อยากอยู่คนเดียวด้วย เวฟนอนเป็นเพื่อนเฟิร์นที่บ้านได้ไหม ขอร้องละ” หญิงสาวพูดไปร้องไห้ไป แต่ชายหนุ่มหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขาส่ายหน้าช้า ๆ พลางเอ่ยว่า
“ขอโทษนะ คงไม่ได้หรอก”
“ถ้างั้นให้เฟิร์นไปค้างที่คอนโดฯ เวฟก็ได้ เฟิร์นอยู่คนเดียวไม่ได้จริง ๆ นะเวฟ เฟิร์นไม่มีใครเลย”
เธอยื่นมือมาจับแขนเขาแน่น น้ำตาอาบแก้มจนดูน่าสงสาร แต่ชยาวุธคิดว่าหากตนใจอ่อนให้แฟนเก่าไปค้างด้วยที่ห้อง ถึงจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่หากภัทรมัยรู้เข้า เขาคงไม่มีโอกาสได้ไปต่ออีกแล้ว
“ก็ไม่ได้อยู่ดี ทุกวันนี้เราอยู่กับแฟนที่คอนโดฯ น่ะ เราไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาจำเป็นต้องโกหกออกไป เฟิร์นจะได้เลิกล้มความคิดนั้นเสีย
เฟิร์นร้องไห้หนักกว่าเดิมจนเขาไม่รู้จะปลอบอย่างไร จึงได้แต่เคลื่อนรถไปข้างหน้าช้า ๆ แล้วชิดซ้ายจอดริมทางเท้าเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์ชั่วครู่
“ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมเวฟมีแฟนใหม่แต่เฟิร์นไม่มี เฟิร์นไม่มีใครเลย เวฟมีความสุขอยู่คนเดียว แต่เฟิร์นต้องมาเศร้าที่แม่ตาย ฮือ...”
ชยาวุธได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่แล้วเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้จึงลองถามว่า
“ถ้ายังไม่อยากกลับบ้าน เฟิร์นไปพักกับปอก่อนไหม เราจะไปส่ง”
เฟิร์นยังคงร้องไห้ แต่ไม่ฟูมฟายเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เธอไม่ตอบ ทั้งยังถามเขากลับมาว่า
“ยังไงเวฟก็อยู่กับเฟิร์นไม่ได้ใช่ไหม เรากลับไปเป็นแบบเดิมกันไม่ได้แล้วใช่ไหม”
“ใช่” เขาตอบไปสั้น ๆ เพราะไม่อยากพูดอะไรมาก
“เวฟรักผู้หญิงคนนั้นหรือ ถามหน่อยเถอะ ถ้าเทียบกับตอนที่เวฟคบกับเฟิร์น เวฟรักใครมากกว่าระหว่างเฟิร์นกับผู้หญิงคนนั้น” เธอถามเสียงสั่น เพราะยังติดสะอื้นเล็กน้อย
“เฟิร์น! เลิกพูดเรื่องเก่าเถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เราเข้าใจว่าตอนนี้เฟิร์นจิตใจย่ำแย่อยู่ก็เลยพูดเรื่องพวกนี้ออกมา”
“ก็ตอบมาสิว่ารักใครมากกว่า!” จู่ ๆ เธอก็ตะคอกใส่เขาเสียงดัง เขาได้แต่ข่มอารมณ์ไม่ให้พุ่งสูงขึ้นตามเธอ เพราะเข้าใจว่าสภาพจิตใจของเฟิร์นตอนนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก
“มันเทียบกันไม่ได้หรอกเฟิร์น เพราะว่า...” เขายังพูดไม่จบ เธอก็แทรกขึ้นมาว่า
“ก็ใช่ไง มันเทียบกันไม่ได้หรอกเพราะเฟิร์นคบกับเวฟมานานกว่า ยังไงเวฟก็ต้องรักเฟิร์นมากกว่า แล้วทำไมเวฟถึงเลือกที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้นมากกว่าอยู่กับเฟิร์นล่ะ”
“เราไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะเฟิร์น ที่เราพูดว่าเทียบกันไม่ได้ก็เพราะมันเป็นคนละคน เรื่องแบบนี้เอามาเปรียบเทียบกันได้ที่ไหน” เขายกมือขึ้นนวดขมับเพราะรู้สึกปวดศีรษะ จึงพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นลง
“ตกลงจะเอาไง ไปพักกับปอก่อนไหมเราจะได้ไปส่ง เพราะนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย เราไม่อยากให้แฟนเป็นห่วงน่ะ”
“งั้นก็กลับไปหาแฟนเถอะ เฟิร์นไปของเฟิร์นเองได้” เธอพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถไปทันที
ชยาวุธรีบปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงตามไป พยายามพูดกับเธอดี ๆ
“ช่วยมีเหตุผลหน่อยได้ไหม”
หญิงสาวหันมาหาเขาแล้วขึ้นเสียงใส่ “แฟนรออยู่ไม่ใช่หรือ เวฟรีบกลับไปหาแฟนสิ เฟิร์นนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองได้ เวฟไม่ต้องมายุ่งหรอก”
“จะเอางั้นใช่ไหม โอเค ตามใจ” เขาเดินไปยืนริมถนนแล้วโบกเรียกแท็กซี่ให้เธอทันที เมื่อบอกจุดหมายปลายทางกับโชเฟอร์เรียบร้อยแล้วเขาจึงเปิดประตูหลังค้างเอาไว้เพื่อให้เธอขึ้นไปนั่ง
เฟิร์นมองเขาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง ดวงตาแดงก่ำก่อนจะก้าวขึ้นรถไป เขาปิดประตูรถให้แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายทะเบียนรถแท็กซี่เอาไว้ เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปแล้วเขาจึงกลับไปขึ้นรถ
คืนนี้เขาตัดสินใจกลับคอนโดฯ ของตนเอง ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะไปค้างกับภัทรมัย แต่เพราะอารมณ์ขุ่นมัวอีกทั้งยังรู้สึกปวดศีรษะ จึงอยากกลับห้องไปกินยาและพักผ่อนมากกว่า และเพราะไม่ต้องการเอาเรื่องหนักอกของตนไปสุมให้เธอต้องมารับรู้ไปด้วยอีกคน
วันถัดมา ภัทรมัยต้องไปคุยงานกับโพรดักชันเฮาส์อีกแห่งจึงไม่ได้เข้าออฟฟิศช่วงเช้า กว่าจะกลับเข้าออฟฟิศอีกทีก็เป็นเวลาใกล้พักเที่ยงแล้ว เธอจึงมาทันกินข้าวกลางวันกับเหมียวและเจน เพื่อนในแผนกพอดี ส่วนอ้อนนั้นออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอก
“ยายแก้ม แกรู้ไหมว่าพี่เวฟไปไหน” เหมียวยื่นหน้ามาพูดใกล้ ๆ ขณะรอลิฟต์อยู่ด้วยกัน
“จะไปรู้ได้ยังไงยะ ไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย” เมื่อคืนเขาไม่ได้มาหาเธอที่ห้อง แต่ก็แชตมาบอกว่ากลับไปนอนที่คอนโดฯ ของตัวเอง
“แฟนเก่านางมาจ้า และตอนนี้ก็ลงไปกินข้าวด้วยกัน” เจนยืนกอดอก ทำหน้าไม่สบอารมณ์
“ถามจริง” ภัทรมัยหูผึ่งทันที “มาทำไมวะ”
“ก็คงจะมากินข้าวกับแฟนเขาน่ะสิยะ หล่อนก็ถามได้ เขาบอกหล่อนเองไม่ใช่หรือว่ายังลืมแฟนเก่าไม่ได้น่ะ” เหมียวพูดอย่างหงุดหงิด รู้สึกโกรธแทนเพื่อน
ลิฟต์เปิดออก และมีผู้โดยสารอยู่ในนั้นสามคน ทั้งสามสาวจึงไม่พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งลิฟต์ลงมาจอดชั้นหนึ่ง เมื่อออกจากลิฟต์มาแล้ว ภัทรมัยก็ถามเพื่อนทันที
“ตอนแฟนเก่าเขามา พี่เวฟทำหน้ายังไง”
เจนนึกครู่หนึ่งก่อนตอบ “เหมือนจะมาแบบเซอร์ไพรส์ว่ะ เพราะพี่เวฟดูตกใจนิด ๆ รีบพรวดพราดออกจากออฟฟิศไปเลย ป่านนี้ไม่รู้ไปกินตำแตงกันอยู่รึเปล่า”
เหมียวหัวเราะคิก เพราะคำว่าตำแตงสำหรับพวกเธอใช้เป็นสแลงเวลาพูดถึงเรื่องเซ็กซ์
“นังเจน หล่อนก็พูดไปนะยะ จะพูดอะไรดูหน้าเพื่อนด้วย” เหมียวบุ้ยหน้าไปทางภัทรมัยที่ยืนหน้าบึ้ง บ่งบอกอารมณ์ว่าโกรธจัดแค่ไหน
ยังไม่ทันที่สามสาวจะได้คุยอะไรกันต่อ จู่ ๆ ภัทรมัยก็ดึงแขนเพื่อนทั้งสองคนแล้วลากออกไปนอกอาคารสำนักงานราวกับกำลังหนีใคร แต่พอลากออกมาแล้วก็พากันมายืนหลบอยู่ข้างประตูเพื่อแอบมองใครบางคนที่ยืนคุยกันหน้าลิฟต์
“เฮ้ย อีพี่เวฟกับแฟนเขานี่หว่า คุยอะไรกันวะ แกได้ยินไหมนังแก้ม” เจนกระซิบเบา ๆ
“ไม่ได้ยินน่ะสิ อยากรู้จะแย่แล้วเนี่ย ฮึ้ย! หงุดหงิดชะมัด” คิ้วเรียวของภัทรมัยขมวดมุ่น ตาจ้องเขม็งไปยังคนทั้งคู่
“อย่าหาว่าเสี้ยมเลยนะ แต่ดูสายตาแฟนเก่านางสิ มองอีพี่เวฟอย่างเปี่ยมรักเปี่ยมอาลัยเหลือเกิน” เหมียวทำเสียงเล็กเสียงน้อย ก่อนจะหันมองเพื่อนสาวทั้งสองคนแล้วพูดว่า
“พวกเรานี่เหมือนพากันมาจับผิดผัวมีเมียน้อยเลยว่ะ”
“ไม่เหมือนหรอก แต่ใช่เลยต่างหาก หนอย...อีตาบ้านี่”
ภัทรมัยมองชยาวุธอย่างคาดโทษ ถ้าไม่มีคำอธิบายดี ๆ ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้มาบริการเนื้อแนบเนื้อให้เธออีก
“ไปกันเถอะ อย่าสนใจเลย” ภัทรมัยสะบัดหน้าเดินนำไปก่อนทันที ขณะที่เหมียวกับเจนมองหน้ากันแล้วเดินตามไป เพราะยืนดูไปก็เท่านั้น ไม่อาจได้ยินเลยว่าชยาวุธกับแฟนเก่าพูดคุยอะไรกันบ้างชยาวุธขึ้นลิฟต์มาพร้อมเฟิร์น แต่หญิงสาวลงที่ชั้นสิบสี่ ส่วนเขาก็ขึ้นไปออฟฟิศของตนที่อยู่ชั้นยี่สิบ เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ชายหนุ่มทำคือมองไปยังโต๊ะทำงานของภัทรมัย เห็นกระเป๋าสะพายของเธอวางอยู่บนโต๊ะก็ยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งโต๊ะของตนเองแล้วส่งข้อความไปหาChaya Wave : แก้มลงไปกินข้าวกับเจนใช่ไหมChaya Wave : ไปกินในซอย 8 รึเปล่าChaya Wave : ถ้าไป พี่ฝากซื้อโกโก้เย็นร้านนั้นหน่อยสิChaya Wave : แต่ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไรครับเขาเห็นเธออ่านแล้วแต่ไม่ตอบ คิดว่าหญิงสาวคงกำลังนั่งกินข้าวกับเพื่อนอยู่เลยไม่สะดวกแชต เขาจึงไม่ได้ส่งข้อความไปรบกวนเธออีก จากนั้นก็เร่งทำงานอีกตัวซึ่งสินค้าเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะช่วงบ่ายสี่โมงครึ่งเขามีนัดกับจิตแพทย์ขณะที่ชายหนุ่มนั่งทำงานอยู่นั้น ภัทรมัยก็มายืนอยู่หน้าฉ
“นึกยังไงถึงพูดแบบนี้ออกมา”ชยาวุธถามเสียงเครียด เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอดีตคนรักไม่ได้รู้สึกอะไรกับตนแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อกันคือเพื่อนเท่านั้น เขากับเธอเหลือไว้เพียงแค่ความผูกพันตามประสาคนเคยรัก“ก็ไม่นึกยังไง เฟิร์นก็แค่พูดไปตามที่อยากพูด และคืนนี้เฟิร์นก็ไม่อยากอยู่คนเดียวด้วย เวฟนอนเป็นเพื่อนเฟิร์นที่บ้านได้ไหม ขอร้องละ” หญิงสาวพูดไปร้องไห้ไป แต่ชายหนุ่มหน้าเครียดขึ้นมาทันที เขาส่ายหน้าช้า ๆ พลางเอ่ยว่า“ขอโทษนะ คงไม่ได้หรอก”“ถ้างั้นให้เฟิร์นไปค้างที่คอนโดฯ เวฟก็ได้ เฟิร์นอยู่คนเดียวไม่ได้จริง ๆ นะเวฟ เฟิร์นไม่มีใครเลย”เธอยื่นมือมาจับแขนเขาแน่น น้ำตาอาบแก้มจนดูน่าสงสาร แต่ชยาวุธคิดว่าหากตนใจอ่อนให้แฟนเก่าไปค้างด้วยที่ห้อง ถึงจะไม่ได้มีอะไรกัน แต่หากภัทรมัยรู้เข้า เขาคงไม่มีโอกาสได้ไปต่ออีกแล้ว“ก็ไม่ได้อยู่ดี ทุกวันนี้เราอยู่กับแฟนที่คอนโดฯ น่ะ เราไม่ได้อยู่คนเดียว” เขาจำเป็นต้องโกหกออกไป เฟิร์นจะได้เลิกล้มความคิดนั้นเสียเฟิร์นร้องไห้หนักกว่าเดิมจนเขาไม่รู้จะปลอบอย่างไร จึงได้แต่เคลื่อนรถไปข้างหน้าช้า ๆ แล้วชิดซ้ายจอดริมทางเท้าเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์ชั่วครู่“ไม่ยุติธรรมเลย ทำไม
ครั้งนี้บริการดี แต่เอาไปสองร้อยพอ ไม่มีแบงก์ย่อย ครั้งหน้าถ้าอยากมีรายได้พิเศษก็มาหาเจ๊นะจ๊ะเจ๊จะทิปให้หนัก ๆ เลย“ยายตัวแสบเอ๊ย มันน่านัก”ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ขณะเดียวกันรอยยิ้มก็ระบายเต็มวงหน้าคล้ามคมตอนหยิบเงินสองร้อยบาทใส่กระเป๋าชยาวุธเข้าทำงานในช่วงบ่าย ภัทรมัยไม่อยู่ที่โต๊ะเพราะหญิงสาวต้องออกไปคุยงานที่บริษัทของลูกค้า และต้องไปคุยกับบริษัทผลิตงานโฆษณา ตลอดครึ่งบ่ายนี้เธอคงไม่ได้เข้าบริษัท ทำให้เขาอดรู้สึกเซ็งไม่ได้ จะใช้โทรศัพท์ของออฟฟิศ โทร.ไปก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนตอนเธอคุยกับลูกค้า จึงได้แต่ส่งข้อความไปหาทางแชตChaya Wave : เจ๊ครับ ผมร้อนเงิน คืนนี้ให้ผมไปบริการเจ๊ได้ไหมครับหลังจากส่งข้อความไปแล้วเขาก็นั่งทำงานของตัวเอง ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ภัทรมัยจึงพิมพ์ตอบกลับมาGam Phattramai : ไม่ได้ ขอโทษนะ แต่เจ๊ไม่หิวชยาวุธยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางพิมพ์ตอบไปChaya Wave : แต่ผมหิวครับเจ๊ เมื่อคืนผมยังกินไม่อิ่มเลย
ชยาวุธมองสบสายตาคู่นั้นอย่างหลงใหลขณะค่อย ๆ เคลื่อนริมฝีปากพรมจูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ สองมือแยกขาเรียวสวยออกกว้าง ข้างหนึ่งพาดไว้กับบ่าตน อีกข้างวางไว้กับพื้นเสียงครวญครางดังระงมเมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้าปัดป่ายจุดอ่อนไหวอย่างเร่งเร้าสลับเชื่องช้า สะโพกกลมกลึงบิดส่ายรับการปรนเปรออันแสนร้อนเร่า ปากครางเรียกชื่อเขาไม่หยุด เขาจึงยิ่งเร่งระรัวเพื่อส่งเธอถึงปลายทางโดยไว เพราะเขาเองก็ปวดหนึบจนแทบระเบิดแล้วเมื่อร่างเย้ายวนเกร็งกระตุกพร้อมเสียงครางดังขึ้นกว่าเดิม อันเป็นภาษากายบ่งบอกว่าหญิงสาวถึงปลายทางแล้ว หากแต่ชายหนุ่มกลับยังคงก้มหน้าปรนเปรอไม่หยุด สองมือคลึงเคล้นทรวงสล้าง ปลายนิ้วสะกิดยอดอกอย่างหยอกเย้า ขณะที่ร่างอรชรได้แต่นอนหอบหายใจถี่จากความสุขสมที่ถาโถมเมื่อครู่ชายหนุ่มบรรจงจูบต้นขาด้านในทั้งสองข้างก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับหญิงสาว เขายิ้มมุมปาก แววตารุ่มร้อนจนคนมองใจสั่นระรัว“ตรงนี้หรือในห้อง” เขาถามเสียงพร่า ขณะที่ท่อนล่างเริ่มบดเบียดสอดแทรกเข้าสู่ช่องทางฉ่ำชื้น“เอาเข้ามาแล้วยังจะถามอีกทำไม” เธอตอ
เฟิร์นต้องโทษเขาแน่ ๆ ว่าเป็นต้นเหตุให้มารดาของตนเองต้องตาย เขาควรยอมรับความผิดกับเธอตามตรงว่า ที่มารดาของเธออาการทรุดลงเป็นเพราะเขาทำให้มันเกิดขึ้นชยาวุธลืมตาขึ้นพลางกด โทร.ออกไปหาอดีตคนรัก รอสายอยู่นานกว่าปลายสายจะกดรับ ยิ่งได้ยินเสียงเจือสะอื้นของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดจนท่วมท้นไปทั้งใจ“ฮัลโหล เฟิร์น...เราขอโทษ”ภัทรมัยอดมองไปทางโต๊ะทำงานของชยาวุธไม่ได้ เขาลางานไปสองวันแล้วโดยแจ้งกับฝ่ายบุคคลว่าลากิจ ต้องไปงานศพญาติ นอกนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว เพราะไม่กล้าเปิดปากถามคนอื่นหญิงสาวเข้าเฟซบุ๊กแล้วเปิดกล่องข้อความที่เพิ่งแชตคุยกับเขาเมื่อคืนวันเสาร์ ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็ไม่ได้แชตมาหาเธออีกราวกับหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไรอย่างนั้น...และจู่ ๆ นิ้วมือของเธอก็พิมพ์ข้อความลงไปโดยไม่รู้ตัว...พี่เวฟเป็นไงบ้าง...ภัทรมัยเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าตนทำอะไรลงไปจึงรีบลบข้อความนั้นออกไปทันที เพราะกลัวว่านิ้วมือจะกดส่งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็นั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก“เฮ้อ...ดีนะที่ยังไม่ได้กดส่งไ
“Chaya Wave งั้นหรือ อะไรกัน อีพี่เวฟมีกี่ไอดีกันเนี่ย มีหลายไอดีไว้จีบสาวรึไง อีตาบ้า!” หญิงสาวกดไอคอน “โกรธ” ให้กับคอมเมนต์นั้น แต่เขากลับกด “หัวใจ” ให้กับสเตตัสของเธอชยาวุธร่างสตอรีบอร์ดเสร็จไปหนึ่งแบบจึงลุกขึ้นยืนยืดเส้นสาย เขามองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าหนึ่งทุ่มแล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอนเพื่อดูว่ามีใคร โทร.มาหรือไม่ แต่ปรากฏว่าแบตหมดจึงเสียบสายชาร์จแล้ววางไว้ที่เดิม จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดเพื่อลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของคอนโดมิเนียมชายหนุ่มขึ้นห้องอีกครั้งตอนสองทุ่มกว่า เขารีบอาบน้ำเพื่อชำระล้างคราบเหงื่อไคล เสร็จเรียบร้อยจึงมานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าเฟซบุ๊กที่เขาสมัครไว้อีกชื่อหนึ่งเขายิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าภัทรมัยยังไม่บล็อกบัญชีชื่อนี้ของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงลองทักเธอทางกล่องข้อความChaya Wave : ทำไรอยู่แก้มเขาทักไปแล้วก็รอว่าเธอจะอ่านเลยหรือไม่ รอประมาณห้านาทีหญิงสาวก็ตอบกลับมาGam Phattramai : ถามทำไมChaya Wave : ก็อยากรู้Chaya Wave : เค้ก