ครั้งนี้บริการดี แต่เอาไปสองร้อยพอ ไม่มีแบงก์ย่อย
ครั้งหน้าถ้าอยากมีรายได้พิเศษก็มาหาเจ๊นะจ๊ะ
เจ๊จะทิปให้หนัก ๆ เลย
“ยายตัวแสบเอ๊ย มันน่านัก”
ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ขณะเดียวกันรอยยิ้มก็ระบายเต็มวงหน้าคล้ามคมตอนหยิบเงินสองร้อยบาทใส่กระเป๋า
ชยาวุธเข้าทำงานในช่วงบ่าย ภัทรมัยไม่อยู่ที่โต๊ะเพราะหญิงสาวต้องออกไปคุยงานที่บริษัทของลูกค้า และต้องไปคุยกับบริษัทผลิตงานโฆษณา ตลอดครึ่งบ่ายนี้เธอคงไม่ได้เข้าบริษัท ทำให้เขาอดรู้สึกเซ็งไม่ได้ จะใช้โทรศัพท์ของออฟฟิศ โทร.ไปก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนตอนเธอคุยกับลูกค้า จึงได้แต่ส่งข้อความไปหาทางแชต
Chaya Wave : เจ๊ครับ ผมร้อนเงิน คืนนี้ให้ผมไปบริการเจ๊ได้ไหมครับ
หลังจากส่งข้อความไปแล้วเขาก็นั่งทำงานของตัวเอง ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ภัทรมัยจึงพิมพ์ตอบกลับมา
Gam Phattramai : ไม่ได้ ขอโทษนะ แต่เจ๊ไม่หิว
ชยาวุธยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางพิมพ์ตอบไป
Chaya Wave : แต่ผมหิวครับเจ๊ เมื่อคืนผมยังกินไม่อิ่มเลย
Gam Phattramai : ตั้งสามรอบบอกไม่อิ่ม เดี๋ยวเอาหนังกะติ๊กยิงเลยนี่
ชยาวุธหัวเราะลั่นออกมาทันทีอย่างอดไม่อยู่ จนเพื่อนร่วมแผนกหันมามองแล้วยิ้มตาม เขาจึงก้มหน้าลงแล้วหัวเราะแบบไม่มีเสียงจนไหล่สั่นแล้วพิมพ์ตอบไปว่า
Chaya Wave : ถ้ามันบวมขึ้นมาแล้วผมบริการเจ๊ไม่ได้ เจ๊จะเดือดร้อนนะครับ
Chaya Wave : ถ้าเจ๊หิวแล้วใครจะป้อน
Gam Phattramai : เยอะแยะไป สมัยนี้หาซื้อกินง่ายเหมือนซื้อฟุตลองในเซเว่นเลย
Chaya Wave : ไม่มีใครอร่อยเท่าผมหรอก เชื่อดิ
Chaya Wave : ไม่งั้นเจ๊คงไม่กินเอา ๆ เต็มปากเต็มคำขนาดนั้นหรอก
Gam Phattramai : ตาบ้า ไม่คุยด้วยแล้ว
Chaya Wave : ครับผม ทำงานไปเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว
ชายหนุ่มกลับมาสนใจงานตรงหน้าต่อจนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน เขาต้องไปช่วยงานศพมารดาของอดีตคนรักเช่นเคย ซึ่งคืนนี้สวดเป็นคืนที่สี่ คืนพรุ่งนี้สวดเป็นวันสุดท้าย และวันต่อไปก็เผา วันนั้นเขาคงต้องลางานทั้งวันอีกตามเคย
คนมาร่วมงานศพมารดาของเฟิร์นมีไม่มากนัก เพราะญาติส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด และไม่สะดวกเดินทางมา มีเพียงเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน ญาติที่อยู่กรุงเทพฯ และบิดามารดาของชยาวุธที่สลับกันมาตามแต่ว่าใครจะสะดวก
หลังจากพระภิกษุสวดพระอภิธรรมเสร็จ ชยาวุธจึงออกมาคุยกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่เคยเรียนด้วยกันในมหาวิทยาลัย ซึ่งอีกฝ่ายเพิ่งมาร่วมงานศพคืนนี้เป็นคืนแรก
“มึงสองคนเลิกกันจริงหรือวะ กูว่าก็ไม่เห็นแตกต่างจากตอนนู้นเท่าไรเลย” อารยะมองไปทางเฟิร์นที่นั่งคุยกับเพื่อนผู้หญิงอยู่ในศาลา
“จริงสิวะ เลิกตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เลิกกันแบบโอเคทั้งสองฝ่ายน่ะ เฟิร์นเขาก็คิดเหมือนกู คุยกันไปคุยกันมาก็เลยตกลงว่าเลิกกันดีกว่า” ชยาวุธตอบไปตามตรง
“ไม่ใช่ว่าแค่ชินชากันเท่านั้นหรือวะ ก็พวกมึงคบกันมาตั้งนาน มันก็ต้องมีบ้างที่จะไม่ได้รู้สึกหวานแหววเหมือนตอนคบกันใหม่ ๆ มึงลองทบทวนให้ดีนะเว้ย กูว่ามึงสองคนน่าจะรักกันอยู่นั่นแหละ แต่เพราะอยู่กันมานานเกินไปมันก็เลยมีเบื่อ ๆ กันไปบ้าง” อารยะถอนหายใจด้วยความเสียดาย แต่ชยาวุธส่ายหน้า
“กูมีแฟนใหม่แล้ว และที่กูเลิกกับเฟิร์นก็เพราะกูไปชอบน้องที่ทำงาน กูเลยมาบอกเฟิร์นตรง ๆ มึงไม่ต้องชงเลยไอ้ยะ เพราะแฟนใหม่นี่กูก็คบมาหกเจ็ดเดือนแล้วด้วย”
“อ้าว ถ้างั้นก็แล้วไป” อารยะได้แต่พยักหน้าแกน ๆ เพราะโน้มน้าวให้เพื่อนกลับมาคบกันไม่สำเร็จ
ขณะที่ชยาวุธเองก็ลอบถอนหายใจ เพราะเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าถ้าเจอเพื่อนเก่าจะต้องมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะเขากับเฟิร์นมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน และทุกครั้งที่เจอหน้าเพื่อนแต่ละคน พวกนั้นมักพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขากลับไปคบกันเฟิร์นในฐานะคนรักเหมือนเดิม
แต่คราวนี้เขามั่นใจในความรู้สึกของตนเองแล้ว เขาไม่สับสนเหมือนตอนถูกมารดาของเฟิร์นพูดกล่อมอยู่ทุกวันอย่างตอนนั้นแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าเพื่อนกลุ่มนี้จะโน้มน้าว หรือพยายามแค่ไหนก็ไม่มีผลกับเขาอยู่ดี
เมื่อถึงเวลาต้องแยกย้าย ชยาวุธต้องขับรถไปส่งเฟิร์นที่บ้านเช่นเคย เพราะรถของหญิงสาวเข้าอู่ซ่อม ขณะที่นั่งกันเงียบ ๆ มาตลอดทางได้ครู่ใหญ่ เฟิร์นก็เป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“เจอพวกนี้ทีไร มันชอบบอกให้เฟิร์นกลับไปคบกับเวฟเหมือนเดิมทุกที”
ชยาวุธยิ้มเล็กน้อย “เราก็เจอเหมือนกันแหละ”
หญิงสาวเหลือบมองคนขับพลางลอบถอนหายใจ พูดเสียงค่อยว่า
“เวฟรู้สึกผิดใช่ไหม ถึงมาคอยดูแลเฟิร์นอย่างนี้”
ชายหนุ่มเงียบไป ผ่านไปสักพักจึงพูดขึ้นว่า “เป็นสิ่งที่เราควรทำ”
“เฟิร์นไม่เคยโทษเวฟเลยนะ เฟิร์นรู้ดีว่าแม่เป็นคนดื้อแค่ไหน แต่แม่ก็รักเวฟมากเพราะแม่เห็นเราคบกันมาตั้งแต่ตอนเรียน ท่านก็หวังว่าเราสองคนจะแต่งงานกัน”
หญิงสาวไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้ตนพูดออกไปแบบนั้น รู้แต่ว่าอยากรั้งเขาไว้ข้างกาย ยิ่งพักนี้ได้เจอหน้าเขาบ่อยตั้งแต่ช่วงที่มารดายังป่วย อีกทั้งท่านยังพูดกรอกหูเรื่องเขาทุกวัน ไหนจะบรรดาเพื่อนฝูงที่ช่วยเชียร์ให้กลับมาคืนดีกันอย่างออกนอกหน้า จากที่ไม่เคยคิดย้อนกลับไปหาชยาวุธ ทว่าตอนนี้เธอกลับอดคิดถึงช่วงเวลาหวานชื่นเหล่านั้นไม่ได้
“เฟิร์นก็รู้ว่าเราทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว” เขาพูดเสียงค่อย ตามองถนนเบื้องหน้า ไร้รอยยิ้มอย่างที่เคย
เธอมองเขาแล้วก็รู้สึกอึดอัด ตอนเห็นเขาแชตคุยกับใครบางคนด้วยสีหน้าเริงรื่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บางครั้งยังหัวเราะออกมาเบา ๆ ทำให้เธอรู้สึกว่าตนเป็นผู้ถูกกระทำ จริงอยู่ที่ตอนตกลงเลิกกันเธอยินดี เพราะไม่ได้รักเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะชยาวุธยังมีคนรักใหม่ ในขณะที่เธอไม่มีใครเลย
ครั้นพอคิดอย่างนั้น หญิงสาวก็ยิ่งห้ามอารมณ์และความรู้สึกของคนที่สูญเสียสิ่งสำคัญไปไม่ได้ จึงพลั้งปากพูดในสิ่งที่อยากพูดออกไปเต็มที่
“แม่ของเฟิร์นตายแล้วนะเวฟ ท่านไม่ได้อยู่กับเฟิร์นแล้ว”
เสียงของเธอเริ่มสั่นพร่า กระบอกตาปวดหนึบจนในที่สุดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้ม แต่ชายหนุ่มกลับไม่เอ่ยคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว
“ตอนนี้เฟิร์นไม่มีใครเลย เฟิร์นเหลือตัวคนเดียว แต่ไหนแต่ไรมาเฟิร์นมีแต่แม่มาตลอด แต่ตอนนี้ท่านก็จากเราไปเพราะเวฟเป็นสาเหตุที่ทำให้แม่อาการกำเริบ”
ชยาวุธกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดขึ้น
“เราขอโทษ เราไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้”
“เวฟแค่ขอโทษเท่านั้นหรือ ไม่คิดอย่างอื่นไม่พูดคำอื่นบ้างหรือนอกจากคำนี้”
“แล้วเฟิร์นจะให้เราทำยังไงในเมื่อท่านก็เสียไปแล้ว เราเองก็เสียใจเหมือนกัน แต่เราไม่สามารถทำให้ท่านฟื้นขึ้นมาได้ ถ้าเราทำได้เราทำไปแล้ว เราก็รู้สึกผิดมาก ไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรเลยนะเฟิร์น”
“เวฟก็ทำสิ่งที่แม่ขอร้องไว้ก่อนตายสิ แต่งงานกับเฟิร์น!”
ชยาวุธเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เท้าเหยียบเบรกโดยอัตโนมัติทันที โชคดีที่ไม่มีรถขับตามด้านหลัง
“เฟิร์น!”
ครั้งนี้บริการดี แต่เอาไปสองร้อยพอ ไม่มีแบงก์ย่อย ครั้งหน้าถ้าอยากมีรายได้พิเศษก็มาหาเจ๊นะจ๊ะเจ๊จะทิปให้หนัก ๆ เลย“ยายตัวแสบเอ๊ย มันน่านัก”ชายหนุ่มได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ขณะเดียวกันรอยยิ้มก็ระบายเต็มวงหน้าคล้ามคมตอนหยิบเงินสองร้อยบาทใส่กระเป๋าชยาวุธเข้าทำงานในช่วงบ่าย ภัทรมัยไม่อยู่ที่โต๊ะเพราะหญิงสาวต้องออกไปคุยงานที่บริษัทของลูกค้า และต้องไปคุยกับบริษัทผลิตงานโฆษณา ตลอดครึ่งบ่ายนี้เธอคงไม่ได้เข้าบริษัท ทำให้เขาอดรู้สึกเซ็งไม่ได้ จะใช้โทรศัพท์ของออฟฟิศ โทร.ไปก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนตอนเธอคุยกับลูกค้า จึงได้แต่ส่งข้อความไปหาทางแชตChaya Wave : เจ๊ครับ ผมร้อนเงิน คืนนี้ให้ผมไปบริการเจ๊ได้ไหมครับหลังจากส่งข้อความไปแล้วเขาก็นั่งทำงานของตัวเอง ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ภัทรมัยจึงพิมพ์ตอบกลับมาGam Phattramai : ไม่ได้ ขอโทษนะ แต่เจ๊ไม่หิวชยาวุธยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางพิมพ์ตอบไปChaya Wave : แต่ผมหิวครับเจ๊ เมื่อคืนผมยังกินไม่อิ่มเลย
ชยาวุธมองสบสายตาคู่นั้นอย่างหลงใหลขณะค่อย ๆ เคลื่อนริมฝีปากพรมจูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ สองมือแยกขาเรียวสวยออกกว้าง ข้างหนึ่งพาดไว้กับบ่าตน อีกข้างวางไว้กับพื้นเสียงครวญครางดังระงมเมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนเข้าปัดป่ายจุดอ่อนไหวอย่างเร่งเร้าสลับเชื่องช้า สะโพกกลมกลึงบิดส่ายรับการปรนเปรออันแสนร้อนเร่า ปากครางเรียกชื่อเขาไม่หยุด เขาจึงยิ่งเร่งระรัวเพื่อส่งเธอถึงปลายทางโดยไว เพราะเขาเองก็ปวดหนึบจนแทบระเบิดแล้วเมื่อร่างเย้ายวนเกร็งกระตุกพร้อมเสียงครางดังขึ้นกว่าเดิม อันเป็นภาษากายบ่งบอกว่าหญิงสาวถึงปลายทางแล้ว หากแต่ชายหนุ่มกลับยังคงก้มหน้าปรนเปรอไม่หยุด สองมือคลึงเคล้นทรวงสล้าง ปลายนิ้วสะกิดยอดอกอย่างหยอกเย้า ขณะที่ร่างอรชรได้แต่นอนหอบหายใจถี่จากความสุขสมที่ถาโถมเมื่อครู่ชายหนุ่มบรรจงจูบต้นขาด้านในทั้งสองข้างก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนตัวขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ระดับเดียวกับหญิงสาว เขายิ้มมุมปาก แววตารุ่มร้อนจนคนมองใจสั่นระรัว“ตรงนี้หรือในห้อง” เขาถามเสียงพร่า ขณะที่ท่อนล่างเริ่มบดเบียดสอดแทรกเข้าสู่ช่องทางฉ่ำชื้น“เอาเข้ามาแล้วยังจะถามอีกทำไม” เธอตอ
เฟิร์นต้องโทษเขาแน่ ๆ ว่าเป็นต้นเหตุให้มารดาของตนเองต้องตาย เขาควรยอมรับความผิดกับเธอตามตรงว่า ที่มารดาของเธออาการทรุดลงเป็นเพราะเขาทำให้มันเกิดขึ้นชยาวุธลืมตาขึ้นพลางกด โทร.ออกไปหาอดีตคนรัก รอสายอยู่นานกว่าปลายสายจะกดรับ ยิ่งได้ยินเสียงเจือสะอื้นของอีกฝ่าย เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดจนท่วมท้นไปทั้งใจ“ฮัลโหล เฟิร์น...เราขอโทษ”ภัทรมัยอดมองไปทางโต๊ะทำงานของชยาวุธไม่ได้ เขาลางานไปสองวันแล้วโดยแจ้งกับฝ่ายบุคคลว่าลากิจ ต้องไปงานศพญาติ นอกนั้นเธอก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาแล้ว เพราะไม่กล้าเปิดปากถามคนอื่นหญิงสาวเข้าเฟซบุ๊กแล้วเปิดกล่องข้อความที่เพิ่งแชตคุยกับเขาเมื่อคืนวันเสาร์ ตั้งแต่วันนั้นมาเขาก็ไม่ได้แชตมาหาเธออีกราวกับหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไรอย่างนั้น...และจู่ ๆ นิ้วมือของเธอก็พิมพ์ข้อความลงไปโดยไม่รู้ตัว...พี่เวฟเป็นไงบ้าง...ภัทรมัยเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าตนทำอะไรลงไปจึงรีบลบข้อความนั้นออกไปทันที เพราะกลัวว่านิ้วมือจะกดส่งไปโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็นั่งถอนหายใจอย่างโล่งอก“เฮ้อ...ดีนะที่ยังไม่ได้กดส่งไ
“Chaya Wave งั้นหรือ อะไรกัน อีพี่เวฟมีกี่ไอดีกันเนี่ย มีหลายไอดีไว้จีบสาวรึไง อีตาบ้า!” หญิงสาวกดไอคอน “โกรธ” ให้กับคอมเมนต์นั้น แต่เขากลับกด “หัวใจ” ให้กับสเตตัสของเธอชยาวุธร่างสตอรีบอร์ดเสร็จไปหนึ่งแบบจึงลุกขึ้นยืนยืดเส้นสาย เขามองนาฬิกา เมื่อเห็นว่าหนึ่งทุ่มแล้วจึงเดินไปหยิบโทรศัพท์ในห้องนอนเพื่อดูว่ามีใคร โทร.มาหรือไม่ แต่ปรากฏว่าแบตหมดจึงเสียบสายชาร์จแล้ววางไว้ที่เดิม จากนั้นจึงเปลี่ยนชุดเพื่อลงไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสของคอนโดมิเนียมชายหนุ่มขึ้นห้องอีกครั้งตอนสองทุ่มกว่า เขารีบอาบน้ำเพื่อชำระล้างคราบเหงื่อไคล เสร็จเรียบร้อยจึงมานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าเฟซบุ๊กที่เขาสมัครไว้อีกชื่อหนึ่งเขายิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าภัทรมัยยังไม่บล็อกบัญชีชื่อนี้ของเขา ดังนั้นชายหนุ่มจึงลองทักเธอทางกล่องข้อความChaya Wave : ทำไรอยู่แก้มเขาทักไปแล้วก็รอว่าเธอจะอ่านเลยหรือไม่ รอประมาณห้านาทีหญิงสาวก็ตอบกลับมาGam Phattramai : ถามทำไมChaya Wave : ก็อยากรู้Chaya Wave : เค้ก
มารดาของเฟิร์นยังคงโทรศัพท์หาชยาวุธอย่างไม่ลดละความพยายาม ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดรำคาญด้วยการรับสาย“ครับ คุณแม่”“ตาเวฟ วันนี้ไม่มาหรือลูก”“ผมติดธุระสำคัญครับ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง” ธุระสำคัญที่เขาพูดถึงคือการตามง้อภัทรมัย“แหม ยุ่งแค่ไหนก็น่าจะแวะมาหาแม่บ้าง หรือไม่ก็แวะมากินข้าวกับยายเฟิร์นสักมื้อก็ยังดี เป็นแฟนกันมันต้องใส่ใจกันนะลูกนะ ไปทำตัวห่างเหินกันเหมือนตอนนั้นมันไม่ดีหรอก แม่นี่ใจไม่ดีเลย”ชยาวุธลอบถอนหายใจ เขาคิดว่าเรื่องนี้อดีตคนรักน่าจะคุยกับมารดาของตนบ้างแล้ว แต่ท่านคงไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นเขาคงต้องเอ่ยปากออกไปด้วยตนเองเสียแล้ว“คุณแม่ครับ ผมไม่ได้คบกับเฟิร์นแล้ว ความจริงเราเลิกกันตั้งแต่ปีที่แล้วครับคุณแม่”ปลายสายเงียบไปชั่วอึดใจจนเขาคิดว่าสายหลุดไปแล้ว กำลังคิดจะเรียกอีกฝ่าย แต่ทางนั้นก็เอ่ยปากพูดขึ้นก่อน“อะไรกันพวกเธอนี่ หมายความว่ายังไงที่ว่าเลิกกัน แล้วยายเฟิร์นลูกสาวแม่ล่ะจะทำยังไง”“ผมคุยและตกลงกับเฟิร์นเรี
“เมื่อกี้แก โทร.ไปหาตาเวฟหรือยายเฟิร์น” เสียงของมารดาถามขึ้นทันทีที่หญิงสาวเปิดประตูกระจกเข้าไปในห้อง“เปล่าสักหน่อย เฟิร์นคุยกับเพื่อนที่ทำงาน” เธอเดินไปนั่งบนโซฟายาวสำหรับให้แขกนอนเฝ้าคนป่วย“วันนี้ตาเวฟจะมาเยี่ยมแม่รึเปล่า”“ไม่มามั้ง เห็นบอกว่าติดงานนี่นา ทำไมแม่ต้องให้เวฟมาทุกวันด้วยเนี่ย ไม่เกรงใจเขาหรือไง วันหยุดทั้งทีเขาก็อยากพักผ่อนอยู่ห้องบ้าง”“อีกหน่อยก็ต้องมาเป็นลูกเขยแม่อยู่แล้ว เขาก็ต้องมาคอยดูแลแม่สิ”เฟิร์นถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ต้องให้เฟิร์นพูดอีกกี่ครั้งแม่ถึงจะเข้าใจเนี่ย เราเลิกกันแล้ว เฟิร์นไม่ได้เป็นแฟนกับเวฟแล้ว ทุกวันนี้คือเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แม่หยุดทำให้เขาลำบากใจได้ไหม แม่ไม่เห็นหน้าเวฟเวลาแม่พูดเรื่องเก่า ๆ บ้างหรือ ทุกอย่างมันจบไปแล้วแม่ และเวฟก็มีแฟนใหม่ไปแล้วด้วย”“แล้วแกจะยอมหรือยายเฟิร์น ตาเวฟน่ะดีจะตาย คบกับแกมาตั้งสิบกว่าปีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิงมาให้กวนใจแกสักครั้ง แกจะยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน แม