ยามอิ๋น
บริเวณบนกำแพงเมือง รอยฟันกัดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นแผลฝังลึกบนฝ่ามือของแม่ทัพหนุ่มรูปงามจางเย่วฉินเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำร้ายจุดอ่อนอันเป็นจุดตายของบุรุษทุกคนจนเกือบหมดรูปสิ้นชื่อไปเลยทีเดียว ดวงตาสีนิลกาฬคู่สวยเฝ้าจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผลรอบฝ่ามือใหญ่ท่ามกลางสายตาของทหารคนสนิท “ท่านแม่ทัพยังเจ็บอยู่อย่างนั้นเหรอ”กัวเหยียนไฉเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองไปมา ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามดังเบาๆ อยู่ในลำคอของแม่ทัพหนุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองทหารคนสนิทของตนเขม็ง เอือก!!! กัวเหยียนไฉกลืนน้ำลายลงคอทันใดเมื่อแม่ทัพหนุ่มหันกลับมาจ้องตนเช่นนั้น “แผลเล็กน้อยเพียงแค่แมวข่วนจะทำให้ข้ารู้สึกเจ็บเจียนตายได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเจ็บใจสิจึงจะถูกเสียมากกว่า! แล้วนี่อะไรหามาทั้งคืนแล้วยังไม่เจอตัวกันอีก สตรีตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่ทหารของข้านับร้อยชีวิตกลับหาไม่เจอช่างน่าละอายสิ้นดี!”แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย “โธ่! ท่านแม่ทัพหาจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดีแล้ว ค้นหาทั่วทุกบ้านและร้านค้าจนชาวเมืองพากันแตกตื่นกันไปทั่ว ถามกันให้วุ่นวายว่าเกิดเหต“เออจริงสิ! ผู้ชายคนที่มีเรื่องกับฉันนะเขามีอำนาจมากเลยเหรอถึงขนาดสั่งปิดประตูเมืองและออกคำสั่งให้ค้นหาได้ทั่วทั้งเมืองแบบนั้นนะ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรผิด ถุงเงินอะไรนั่นฉันก็เก็บได้ไม่ได้ไปขโมยของเขาเลยนะ” คุณหนูตระกูลเฉียนยิ้มออกมาบางๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น “ข้าเชื่อเจ้าว่าไม่ได้ทำผิด สบายใจเถอะเพราะว่าข้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าจะเห็นตั้งแต่ต้นเข้าใจว่าท่านแม่ทัพน่าจะถูกหัวขโมยล้วงถุงเงินแล้ววิ่งหนีออกมาทางประตูเมือง และบังเอิญช่วงนั้นจุดพลุไฟทำให้ท่านแม่ทัพไม่ทันได้ระวัง ข้ามาเห็นเหตุการณ์ตอนที่มีคนผู้หนึ่งวิ่งออกมาจากประตูเมืองและเห็นเจ้าเดินออกมาท่ามกลางกลุ่มคน เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่าคนผู้นั้นหายไปไหนเมื่อเดินชนกับเจ้าจนกระเด็นลอยออกไปไกลเลยเชียวนะ”คุณหนูตระกูลเฉียนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด ในขณะที่มี่อิงนั่งเอามือเท้าคางฟังเพื่อนใหม่ของเธอด้วยความรู้สึกว่าไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ “หรือว่าฉันพลัดหลงเข้ามาตอนเกิดมิติเวลาซ้อนทับ แบบนี้ก็ยิ่งแย่นะสิแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไงว่าจะได้กลับตอนไหน”หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยขึ้
ในขณะเดียวกันทหารจำนวนสองนายเดินมาถึงรถม้าก่อนจะหยุดลงตรงหน้าประตู “ข้าน้อยทำตามหน้าที่ได้รับคำสั่งจากแม่ทัพจางให้ค้นหาคนร้าย ดังนั้นได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามผู้ที่อยู่บนรถม้าให้ครบทุกคนด้วย” กล่าวพร้อมตรงเข้าเปิดผ้าที่ปิดประตูทางเข้าของตัวรถม้าเอาไว้ทันใดบนรถม้าคันดังกล่าวล้วนเป็นสตรีทั้งสิ้น นั่งอยู่ด้วยกันสามนางพร้อมเสียงของอี๋นั่วเอ่ยขึ้นทันใด “รถม้าคันนี้คุณหนูของตระกูลเฉียนนั่งอยู่ พวกท่านยังต้องการทราบชื่อเสียงเรียงนามอยู่อีกอย่างนั้นรึ” ทหารสองนายที่ทำหน้าที่ตรวจค้นต่างหันกลับมามองหน้ากันครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะยกสองมือประสานเข้าหากันเพื่อขออภัยสตรีที่อยู่ในชนชั้นสูง “ข้าน้อยต้องขออภัย คุณหนูให้ความร่วมมือด้วยเถิดได้โปรดแจ้งชื่อเสียงเรียงนามของผู้ที่นั่งมาด้วยให้ครบเป็นคำสั่งของท่านแม่ทัพขอรับ”ทหารสองนายกล่าวอย่างนอบน้อม “แม่ทัพอีกแล้ว! เอะอะอะไรก็คำสั่งไอ้หมอนั่น”มี่อิงบ่รำพึงออกมาเบาๆพร้อมเสียงของทหารตรวจค้นเอ่ยขึ้น “ขอทราบนามผู้ที่นั่งอยู่บนรถด้วยว่ามีผู้ใดบ้าง”กล่าวพร้อมทหารที่มาด้วยกันกำลังใช้พู่กันเตรียมจดบันทึกลงในสมุดพร้อมเสียง
“โอ้ย! ค่อยยังชั่วดีนะที่ไฟดับแปปเดียวเพราะต้องการโชว์ดอกไม้ไฟ แต่ถ้าไฟดับเพราะระบบการจ่ายไฟขัดข้องท่าทางนายกเทศมนตรีเมืองซีอานได้โดนร้องเรียนแน่ว่าทำงานไม่ได้เรื่อง”สาวใหญ่เจ้าของร้านบ่นโวยวาย ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างครั้นเห็นคนสวยนั่งมองนางอยู่ในขณะนี้ “น้องสาวรอนานไหม พอดีพี่ต้องเดินกลับไปที่รถเอากล้องถ่ายรูปด้วยตัวเอง ผู้ช่วยพี่ดันมีเรื่องวุ่นวายทางบ้านเกิดขึ้นขอลากลับไปแล้ว พี่ก็เลยต้องทำเองคนเดียวหมดเลยว่าแต่...” สาวใหญ่เจ้าของร้านกล่าวได้เพียงเท่านั้นกลับต้องเงียบงันเมื่อสายตาของนางสังเกตชุดฮั่นฝูที่อยู่บนเรือนร่างของหญิงสาวแสนสวยตรงหน้ามิใช่ชุดของทางร้านที่เลือกไว้ให้ “คุณน้องชุดของพี่ที่แต่งให้หายไปไหนอย่างนั้นเหรอ แล้วเอาชุดจากไหนมาใส่แทนทำไมพี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไม่ใช่ชุดในร้านของพี่เลยนะ”เจ้าของร้านพูดพลางเอื้อมมือจับเนื้อผ้าพลางสังเกตลวดลายที่ปักอยู่บนตัวชุด ช่างงดงามและมีลายวิจิตรที่มิเคยเห็นมาก่อน “งาม! งามมากเลยพี่ยังไม่เคยเห็นลวดลายบนผ้าแบบนี้มาก่อนเลยนะ ฝีเข็มลงยากมากต้องใช้ความเชี่ยวชาญและทักษะสูงมากเลยทีเดียว”สาวใหญ่เจ้าของร้านพูดชมไม่ขาดปาก ใ
ในขณะเดียวกัน มิติแห่งกาลเวลาพลันเกิดซ้อนทับขึ้นมาโดยพลัน ห้วงเวลาในยุคปัจจุบันซึ่งกำลังจุดดอกไฟหนึ่งแสนนัดในงานเทศกาลชีซีอยู่ในขณะนั้นยังคงดำเนินต่อไปในโลกของอนาคต เสียงดอกไม้ไฟดังกระหึ่มกึกก้องดังแว่วเข้าหูของมี่อิง ปัง!ปัง!ปัง! เสียงกระหึ่มกึกก้องประหนึ่งฟ้าคำรามลั่นแทรกทะลุมิติเข้ามาในกาลเวลาแห่งอดีต พร้อมร่างระหงของจ้าวมี่อิงเลือนหายไปจากโลกอดีตทันที พร้อมเสียงกระโดดจากหลังคารถม้ามาหยุดอยู่ตรงประตูทางเข้า ผ้าม่านผืนใหญ่ที่กำลังปิดในขณะนั้นถูกแม่ทัพรูปงามเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พรึ่บ!!! ผ้าม่านผืนใหญ่ถูกมือหนาเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วติดตามด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “คิดหรือว่าซ่อนตัวในรถม้าของขุนนาง ข้าจะไม่ตรวจค้น!”เสียงตวาดดุดันดังก้อง ใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของผู้มีชัยเลือนหายไปทันที ครั้นดวงตาสีนิลเห็นสตรีสาวสองนางกำลังซุกตัวกอดกันจนตัวกลมด้วยความหวาดกลัว อะ...เออ จางเย่วฉินได้แต่ส่งเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอเมื่อภายในรถนั้น มีสตรีเพียงสองนางมิใช่สามนางตามรายงาน แต่ถึงกระนั้นเพื่อความแน่ใจก็ต้องตรวจค้น “เจ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้น”เสียงกร้าวสั่งการออกไป
ในขณะเดียวกัน ยุคอนาคตร่างระหงของจ้าวมี่อิงกำลังนั่งยองๆ หลับตาปี๋อยู่ตรงประตูโค้งซึ่งเป็นทางเข้าออกของประตูเมืองตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ท่ามกลางผู้คนมากมายกำลังแหงนหน้าชื่นชมกับดอกไม้ไฟในพิธีเปิดงานเทศกาลชีซี ฟิ้ว!ฟิ้ว!ฟิ้ว! เสียงหวีดหวิวแหวกว่ายขึ้นสู่ท้องฟ้า ปัง!ปัง!ปัง!กลุ่มก้อนเล็กๆ ต่างพากันแตกตัวเป็นสีสันมากมายอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด เสียงดังกระหี่มกึกก้องไปทั่ว ในขณะที่ร่างของมี่อิงที่กำลังนั่งหลับตาปี๋อยู่ในขณะนั้นได้ยินเสียงดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้า ซึ่งอยู่บนเหนือศีรษะของเธอก็ว่าได้ “เสียงดอกไม้ไฟ! นั่นมันเสียงของดอกไม้ไฟมิใช่เหรอ แต่ว่าในฉางอานงานชีซีสิ้นสุดลงแล้วจะมีการจุดดอกไม้ไฟอีกทำไมกันอีก”หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ฉับพลันเสียงจากไมโครโฟน ซึ่งดังมาจากด้านในของการจัดงานหลังประตูเมืองดังกล่าวแผดเสียงดังก้องขึ้นมาทันใด “ขอต้อนรับผู้เข้าชมงานทุกท่าน เทศกาลชีซีประจำปีนี้ของเมืองซีอานในบรรยากาศของเมืองจำลองโบราณในสมัยราชวงศ์ถังบัดนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สวมชุดฮั่นฝู เที่ยวชมงานกับบรรยากาศในยุคต้าถัง ดื่มด่ำกับดอกไม้ไฟหนึ่งแสนนัดซึ่งทางซี
ยุคอดีต รัชสมัยถังเกาจงฮ่องเต้แผ่นดินในยุคโบราณขณะนี้ตรงกับยุคของราชวงศ์ถัง เข้าสู่รัชศกซ่างหยวนปีที่ 5 รัชสมัยของถังเกาจงฮ่องเต้พระนามเดิมหลี่จื่อ ทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อจากถังไท่จงฮ่องเต้ จักรพรรดิลำดับที่ 3 แห่งราชวงศ์ถังซึ่งในประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นช่วงยุคสมัยของราชวงศ์ถังตอนต้น ในยามนี้แม่ทัพจางเย่วฉินได้รับพระราชทานโปรดเกล้าแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทหาร ควบคุมกองกำลังทหารและกองทัพทั้งหมด และยังรั้งตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารราชองครักษ์ เป็นขุนนางฝ่ายบู้ขั้น 2 ระดับเสนาบดีด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น นับได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งทางราชการสูงสุดในเวลาอันรวดเร็ว หากแต่แม่ทัพหนุ่มชื่อกระฉ่อนกลับใช้ชีวิตอยู่แต่ในสนามรบคอยเฝ้าระวังเขตชายแดนอยู่ทางด่านนอกตอนเหนือมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ทางราชสำนักและชาวเมืองนครฉางอานต่างพากันเรียกร้องให้แม่ทัพลือชื่อผู้นี้กลับคืนสู่เมืองหลวงอันมั่งคั่ง ช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา จางเย่วฉินสร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงทั้งให้แก่ตัวเองและเอื้อประโยชน์ต่อตระกูลจางเป็นยิ่งนัก ชื่อเสียงกระฉ่อนล่วงรู้
“ข้าจะมีคนรักเหมือนเช่นผู้อื่นได้อย่างไรในเมื่อไม่รู้จักคำๆ นี้ หากอาการโหยหาความรักของข้าดั่งที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเพียงเพาะไม่รู้จักคำว่ารัก เจ้ากล่าวผิดแล้วเหยียนไฉ”แม่ทัพหนุ่มพูดพลางหันกลับมามองใบหน้าคนสนิท “ข้าน้อยพูดผิดอย่างนั้นหรือขอรับ”เหยียนไฉพูดพลางหันนิ้วชี้เข้าหาตน ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลงติดๆ กันเป็นคำตอบที่ส่งกลับมา “สาเหตุเพราะไม่มีหญิงใดทำให้ข้ารู้จักกับคำว่ารักนี้ได้ ไม่มีสตรีนางใดสามารถเข้าไปนั่งในหัวใจของข้าแม้แต่คนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนี้อาการโหยหารักของข้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล”จางเย่วฉินพูดออกมาจากความรู้สึกส่วนลึกภายใน ท่ามกลางความเงียบ กระแสลมเย็นยะเยือกพาดผ่านเรือนกายกำยำ พร้อมเกล็ดหิมะค่อยๆ โปรยปรายลงมาตรงเบื้องหน้าของจางเย่วฉิน ก่อนจะยกมือหนาขึ้นรองรับหิมะแรกของฤดูเหมันต์ที่มาถึงแล้วในยามนี้ ดวงเนตรสีนิลกาฬมองไปที่ฝ่ามือของตนเองที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะ ภาพในอดีตหวนคืนกลับมาเมื่อครั้งรอยฟันที่ถูกกัดอย่างแรงบนฝ่ามือเมื่อห้าปีก่อนยังปรากฏอยู่ ทุกครั้งที่เห็นบาดแผลดังกล่าว จะทำให้จางเย่วฉินนึกถึงสตรีที่เป็นต้นเหตุของรอยแผลบนฝ่าม
“ถ่ายคนเดียวไม่มีคู่ แต่ให้เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างนั้นเหรอคะ ทำแบบนั้นมันได้ด้วยเหรอ”มี่อิงถามสวนกลับไป “ได้แน่นอน! ก็บอกแล้วไงว่าทำงานโดยเลือกจากคนที่มาเป็นแบบ เดี๋ยวช่วงเช้าจะเซตแรกแต่งเป็นผู้ชายและถ่ายซีรีสสั้นๆ ช่วงบ่ายแต่งเป็นผู้หญิงและทำซีรีสสั้นๆ เหมือนกัน ชุดเซตช่วงบ่ายจะเป็นนางพญามาร แนวนางเอกแต่ร้ายโทนสีของผ้าจะเป็นสีดำและสีแดงเป็นหลักนะ เดี๋ยวไปหาช่างแต่งหน้าจะลงมือเซตผมเลยนะ ต้องทำงานแข่งกับเวลาเสร็จแล้วจะได้กลับบ้าน”สาวใหญ่เจ้าของร้านบอกหญิงสาวพลางส่งยิ้มให้ก่อนจะเดินไปทางอื่นเพื่อตรวจดูงาน ในขณะที่เด็กสาวได้แต่ยืนทำตาปริบๆ ครั้นได้ยินเช่นนั้น “ว้าว! นี่ฉันจะได้สวมชุดนางมารอย่างนั้นเหรอ...เออก็ดีแฮะซีรีสสั้นแนวนางเอกร้ายๆ แบบนี้ก็ดีเหมาะเลยจะได้รู้ว่าแต่งออกมาแล้วเป็นอย่างไงจะเข้าท่ากับเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้...ว่าแต่เพิ่งจะรู้ว่าใกล้เมืองลั่วหยางมีอุทยานแบบนี้ด้วย ทิวทัศน์และบรรยากาศเหมือนอยู่ในยุคโบราณจริงๆเลย”มี่อิงพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองทันที “บ้าเอ้ย! จะมาพูดเรื่องแบบนี้ทำไมกันอีกนะ”มี่อิงพึมพำเบาๆ “น้องมี่อิง
“รีบเข้าไปดูที่เรือนขังทาส! เมื่อครู่ข้าได้ยินเสียงร้องหัวหน้าดังอยู่ข้างใน” ครั้นได้ยินเช่นนั้นจางเย่วฉินรีบคว้าข้อมือร่างของตัวเองลากออกจากห้องขังดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้มลงเก็บของบางอย่างที่กระเด็นตกมาจากศพของหยวนซือเปาท่ามกลางเสียงร้องถามของคนที่กำลังเดินตามอยู่ด้านหลัง “นี่..นี่..นี่..บอกกันก่อนจะไปไหน! ลากออกมาจากห้องขังแบบนี้รู้แล้วเหรอว่าจะหนีไปได้อย่างไง”มี่อิงถามกลับไป “อยากนอนอยู่ในคุกต่อก็ได้นะ! เจ้าอยู่ในร่างของข้าที่เป็นบุรุษแน่นอนว่าถ้าไม่โดนทรมานก็ต้องถูกนำไปใช้แรงงานอย่างหนัก หลังจากนั้นก็ถูกขาย ไม่อยากหนีออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีเสียอีกข้าจะได้ไม่มีตัวถ่วง”จางเย่วฉินพูดประชดกลับไป คำพูดของอีกฝ่ายทำให้จ้าวมี่อิงเกิดอาการขยาดขึ้นมาทันที หากต้องถูกกระทำเช่นนั้น “อึ้ยยย! ไม่เอาหรอก...ฉันเป็นผู้หญิงนะถึงตอนนี้จะอยู่ในร่างของคุณก็ตามแต่จะให้มีสภาพแบบนั้น ฉันไม่เอา!!!”จ้าวมี่อิงส่ายหัวไปมา ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายจ้องเขม็งกับสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อครู่ “ขอโทษที..ข้าลืมตัวอีกแล้ว...สัญญาว่าจะไม่ลืมอีก...แ
“NO WAY!!!!” เสียงห้าวก้องกังวานหลุดออกจากปากทันทีด้วยความตกใจ ในขณะที่จางเย่วฉินได้ฟังแล้ว ต้องส่ายหน้าไปมาติดๆ กันเพราะฟังคำพูดของอีกฝ่ายไม่เข้าใจ “พูดจาแปลกประหลาดอีกแล้วนางมารน้อย! นี่เจ้ากำลังพูดอะไร! และได้ยินที่ข้าบอกหรือเปล่า”จางเย่วฉินถามเสียงขุ่นกลับไป จ้าวมี่อิงซึ่งกำลังตกใจและงุนงงอยู่ในคราวเดียวกัน รีบสะบัดศีรษะไปมาอย่างแรงเพื่อให้หายจากอาการสับสนที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อครู่ที่ผ่านมา “ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้ว้า แทนที่จะเป็นจินเอ๋อแต่ทำไมกลับต้องเจออีตาบ้านี่แทนด้วย”มี่อิงบ่นพึมพำแต่แล้วเพียงครู่ดวงตากลับเบิกกว้างขึ้นมาทันทีพร้อมก้มลงมองใบหน้าของตัวเองที่มีดวงจิตของจางเยว่ฉินอยู่ในร่างของเธอในขณะนั้น “เดี๋ยวนะ! เมื่อครู่บอกว่าข้าทำร้ายท่านเมื่อห้าปีก่อนอย่างนั้นเหรอ! แต่ว่างานชีซีที่ท่านกับข้าพบกันเพิ่งจะผ่านมาเมื่อสองวันก่อนเองนะทำไมถึงกลายเป็นห้าปีไปได้! มี่อิงถามกลับไปด้วยความตกใจระคนสงสัย ทว่าคำพูดของจ้าวมี่อิงที่ถามกลับมาแบบนั้น ทำให้แม่ทัพหนุ่มแห่งต้าถังขัดเคืองใจอย่างยิ่งยวดที่นางลืมเลือนการกระทำในวันนั้นไปอย่างสิ้นเชิง “สองวันอ
ตุบ! ตุบ! สองมือตกลงข้างลำตัว อาการดิ้นรนพยายามตะเกียกตะกายค่อยๆ สงบลงและหยุดนิ่งไปในที่สุดเมื่อลมหายใจของมันหลุดลอยออกจากร่าง ครั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ เช่นนั้น สองมือที่ออกแรงดึงสายแส้ดังกล่าวปล่อยลงทันใด พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือดังกล่าว สายแส้บาดลึกเข้าไปในฝ่ามือนุ่มนิ่มคู่นั้นจนทำให้เกิดบาดแผล เต็มไปด้วยโลหิตแดงฉาน จางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงถึงกับส่ายหน้าไปมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น “เพียงแค่ออกแรงน้อยนิดมือนี้กลับแตกยับเต็มไปด้วยโลหิตถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วกลับต้องตาเหลือกลานขึ้นมาทันที รีบวิ่งออกจากห้องขังตรงดิ่งไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว “นางมารน้อย!”จางเย่วฉินร้องเรียกจ้าวมี่อิง ก่อนจะหยุดยืนมองโซ่ตรวนที่ใช้คล้องอยู่หน้าประตูมีแม่กุญแจขนาดใหญ่ในยุคสมัยนั้นคล้องเอาไว้ ครั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องขังและได้เห็นทุกอย่างชัดเจนและเต็มตาเช่นนั้น จางเย่วฉินค่อยๆ ส่ายใบหน้าแสนสวยของจ้าวมี่อิงไปมาติดต่อกัน พร้อมกับเงยหน้ามองร่างของตัวเองที่กำลัง
“ว้าว! ทำไมตัวของฉันถึงได้เก่งอะไรเช่นนี้! เก่งจัง! เก่งจัง!”หญิงสาวชื่นชมตัวเองออกมาไม่ขาดปากพลางส่ายตัวที่ทั้งใหญ่และหนาของจางเย่วฉินไปมาตรงหน้าเจ้าของร่าง “นี่เจ้าทำอะไรนะ! หยุดส่ายตัวของข้าไปมาแบบนั้นได้แล้ว! ช่างน่าเกลียดสิ้นดี..ข้าเป็นถึงชายชาติบุรุษกลับแสดงอาการดั่งเช่นสตรีแบบนี้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”จางเย่วฉินคำรามเสียงต่ำๆ อยู่ในลำคอบอกจ้าวมี่อิงกลับไป “จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็เชิญเถอะยะ! ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย บังเอิญหน้าไม่เยอะมีหน้าเดียวแต่ดันหน้าหนามากกว่าชาวบ้านทั่วไปก็เลยไม่สะทกสะท้าน และอย่าหวังว่าจะเอาร่างของฉันไปทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายนะเพราะฉันจะตามติดคุณไม่ให้คลาดสายตาเลย”มี่อิงยืนลอยหน้าลอยตาตอบอีกฝ่ายกลับไป “นะ...นี่..นี่เจ้า!”จางเย่วฉินอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้เมื่อถูกร่างของตัวเองแต่เป็นวิญญาณของคนอื่นตอกหน้ากลับมาเช่นนั้น โดยเฉพาะในเวลานี้วิญญาณของทั้งสองดันมาสลับอยู่คนละร่างด้วยแล้ว หนทางแก้อื่นใดก็ยังไม่มี มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพื่อหาหนทางให้ดวงวิญญาณกลับคืนเข้าร่างตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แม่
“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
บ้านพ่อค้าทาสบริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว
ดวงตาปูดโปนจ้องเขม็งไปที่ร่างของหญิงสาวชาวบ้านทั้งสามนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด มือใหญ่กำแส้ที่อยู่ในมือยกขึ้นชี้หน้าทันที “บังอาจมากนักนะ! ที่หนีจากการปกครองของข้าไป! เป็นทาสของข้าหาญกล้าหลบหนีเช่นนี้เห็นทีจะเลี้ยงต่อไปไม่ได้เสียแล้ว”เจ้าคนร่างยักษ์พูดโกหกหน้าตาเฉยในขณะที่หญิงชาวบ้านต่างพากันกลัวจนลนลานครั้นได้ยินเช่นนั้น “โกหก!”เสียงของสตรีดังแทรกขึ้นมาทันที ทุกสายตาหันกลับไปยังทิศทางของเสียงเป็นตาเดียวกัน และพบว่าร่างของสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์ดำสลับแดงกำลังกระโดดข้ามหน้าแดงมาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากซ่อนตัวอยู่ในถังไม้แต่แล้วก็ทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าด้านกลุ่มนั้นที่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่า หญิงชาวบ้านทั้งสามเป็นทาสของตนที่หนีมา “โอโห่!”เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นครั้นเห็นความงามของสตรีสาวชุดดำ แต่แล้วผู้คนภายในโรงเตี๊ยมกลับต้องเงียบงันเมื่อหลายอย่างเป็นตัวสตรีสาวตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมาจากพรรคมารโลหิต โดยเฉพาะปานแดงรูปเปลวไฟตรงกลางหน้าผาก แต่ละคนพร้อมใจก้าวเดินถอยหลังไปยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให
โรงเตี๊ยมมือบุรุษทั้งใหญ่และหนาหากแต่มีนิ้วเรียวยาวสวย ทว่ากลับผ่านการทำศึกสงครามมาแล้วอย่างโชกโชน กำลังเอื้อมหยิบจับถ้วยชาตรงหน้าที่มีไอควันขาวลอยขึ้นสูง ก่อนจะยกขึ้นจิบทีละน้อยเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ผู้บัญชาการทหารแห่งต้าถังจางเย่วฉิน กำลังนั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาไถ่ซานไม่ถึง 100 ลี้ หากมองจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาไถ่ซานสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าควบม้าเร็วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน อีกทั้งบริเวณแถบนี้หิมะยังไม่ตกลงมามีเพียงความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่แผ่ปกคลุมจนจับขั้วหัวใจ ภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวมีคนเข้าพักประปราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเดินทางจากเมืองลั่วหยางไปนครฉางอาน เทือกเขาไถ่ซานอยู่นอกเมืองลั่วหยาง เป็นเส้นทางลัดที่จะผ่านไปเมืองหลวงฉางอาน จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เคยขาดไร้ผู้เข้าพักแรมค้างคืนแต่อย่างใด ทุกคนที่จะเดินทางไปฉางอานจะต้องแวะพักที่นี่กันแทบทั้งสิ้น และผู้คนจากนครอันมั่งคั่งจะเข้าเมืองลั่วหยางก็จะพากันแวะพักที่นี่เช่นเดียวกัน “อาหารที
ในขณะที่แส้ถูกเหวี่ยงตรงเข้าตวัดร่างของจ้าวมี่อิง แม่ทัพแห่งต้าถังซึ่งยืนสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังของจ้าวมี่อิงตลอดเวลา รีบเร้นกายกระโดดข้ามศีรษะของหญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างของตนเองตรงเข้าตวัดปลายแส้ก่อนจะถึงร่างมี่อิงเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “นางมารน้อยหลบไป!!!”จางเย่วฉินตะโกนบอกมี่อิงเสียงดังก้อง จ้าวมี่อิงซึ่งยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ในขณะนั้น ได้ยินผู้ชายร่างใหญ่ที่กระโดดเข้ามาขวางตรงหน้าและจับสายแส้ที่กำลังจะตวัดร่างของเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ครั้นได้ยินเสียงสั่งดังก้องออกมาเช่นนั้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบหลบตามคำสั่งอย่างว่องไว “OK! OK! รีบหลบเดี๋ยวนี้เลย! วิ่งก่อนแล้วเว้ย!!!!”จ้าวมี่อิงพูดพร้อมรีบวิ่งหนีให้ตัวเองพ้นไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเจ้าอ้วนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตกำลังจับจ้องมี่อิงตาไม่กระพริบ เมื่อมีคนออกหน้ากระโดดรับสายแส้แทนเหยื่อของมัน “แส้สามสายจัดการ!!!”เจ้าอ้วนตะโกนสั่งลูกสมุนของมันดังก้อง ทันทีที่เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนสั่งเช่นนั้น ลูกสมุนที่เหลือตวัดแส้ที่อยู่ในมือของทุกคนพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างมี