2 สัปดาห์ผ่านไป
มณฑลส่านซี ณ.เมืองซีอานซีอาน เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของโลกเมืองหนึ่ง มีความหมายว่า ความสงบสุขทางตะวันตก เป็นเมืองหลวงของมณฑลส่านซี ในประเทศจีน และเป็นหนึ่งในเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์จีน ในอดีตซีอานได้เป็นเมืองหลวงของ 13 ราชวงศ์รวมทั้ง โจว ชิน ฮั่น และ ถัง
ซีอานยังเป็นเมืองปลายทางของเส้นทางสายไหม ซีอานมีประวัติอันยาวนานมากกว่า 3,100 ปี โดยชื่อเดิมว่า ฉางอาน ซึ่งมีความหมายว่า "ความสงบสุขชั่วนิรันดร์" ซีอานเป็นเป็นเมืองที่เจริญและใหญ่ที่สุดในส่วนตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน และเป็น 1 ใน 10 เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน
ภายในโรงแรมขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองหลวงซีอาน ใกล้สนามบินนานาชาติซีอาน-เสียนหยาง ร่างของมี่อิงนอนหงายเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนของโรงแรม อากาศในเดือนสิงหาคมของเมืองซีอาน เป็นช่วงฤดูร้อนที่มีระยะเวลา 3.7 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึงวันที่ 9 กันยายน และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายวันสูงกว่า 26°C วันที่ที่มีอากาศร้อนที่สุดของปีคือเดือนกรกฎาคม โดยมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยเท่ากับ 32°C และต่ำสุดเฉลี่ยเท่ากับ 23°C
ภายในห้องพักของโรงแรมของหญิงสาวเปิดเครื่องปรับอากาศที่มีความเย็นอยู่ที่ 18 องศา ทั่วห้องเย็นสบายจนทำให้คนงามซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหลับสนิทชนิดที่เรียกว่านอนยาวตั้งแต่หกโมงเช้าจนเกือบถึงหกโมงเย็นเลยทีเดียว
ใบหน้าสวยของจ้าวมี่อิงกำลังปรากฏรอยยิ้มออกมาบางๆ เมื่อเธอกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝัน ในฝันนั้นเธอกำลังนอนอยู่ภายในห้องหอ เทียนคู่หงส์มังกรส่องสว่างไปทั่วทุกมุมห้อง มี่อิงหรี่ตาพลางลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่ ใบหน้าเรียวงามก้มลงมองร่างกายของตนเอง
หญิงสาวสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีแดงที่ตัดเย็บได้อย่างประณีตและงดงามยิ่งนัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษที่เปิดประตูก้าวเข้ามาภายในห้อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเจ้าบ่าว
‘นี่เรากำลังฝันอยู่ใช่ไหม’ หญิงสาวถามกับตัวเอง ร่างสูงใหญ่กำยำใบหน้าหล่อเหลาก้าวเดินเข้ามาหาช้าๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่โต๊ะที่มีสุรามงคลวางตั้งอยู่ มือเรียวใหญ่ยกแก้วสุราขึ้นมาทั้งสองมือ หันกลับมาแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ เจ้าสาว มี่อิงมองทุกท่วงท่ากิริยาของชายหนุ่มราวกับต้องมนตร์ ดวงตาหวานซึ้งจับจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่วางตาจนกระทั่งเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น “สุรามงคลของเราสอง” เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยขึ้นและมันบ่งบอกถึงความปรารถนาอย่างไม่ปิดบังพร้อมกับยื่นจอกสุรามาให้แก่เธอ มี่อิงยื่นมือออกไปรับสุรามงคลที่อีกฝ่ายส่งมาให้ พร้อมกับคล้องแขนสลับไขว้แขนกันเพื่อดื่มมันเข้าไป ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำด้วยความเขินอาย ในใจพร่ำถามตัวเองไม่หยุด ‘ดื่มสุราแล้วก็ต้องทำเรื่องอย่างว่าใช่ไหมๆ’ แขนเรียวค่อยๆ คลายออกจากวงแขนแข็งแกร่งช้าๆ ใบหน้างามยังคงก้มงุดไม่กล้าเงยมองอีกฝ่าย ก่อนที่จอกสุราในมือเรียวจะถูกชายหนุ่มดึงมันออกไปจากมือเบาๆ มี่อิงเงยหน้าขึ้นมองโดยอัตโนมัติ ดวงตาหวานซึ้งสบเข้ากับดวงตาคมกล้าที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว อิงอิงถึงกับสะเทิ้นอาย เพราะสายตาที่มองมามันช่างร้อนแรง แสดงออกถึงความรักใคร่ หลงใหลและหวงแหนอย่างไม่ปิดบัง แก้มนวลเห่อร้อนแดงปลั่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าแดงปลั่ง ริมฝีปากยกยิ้มนิดๆ มือเรียวใหญ่ยกขึ้นลูบไล้สัมผัสแก้มนวลที่แดงปลั่งอย่างชอบใจ หัวใจของมี่อิงเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ กับสัมผัสของอีกฝ่าย อยากจะผละถอยห่างหนีจากแต่ก็ถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งกอดกระชับรัดรอบเอวคอดกิ่วเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแน่น ก่อนที่มือที่ลูบไล้แก้มนวลอยู่ก่อนหน้านั้นจะเปลี่ยนมาเป็นกดรั้งท้ายทอยของหญิงสาวให้อยู่นิ่งพร้อมกับก้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากแทน อื้อ! ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำไปหมด อยากผลักไสให้อีกฝ่ายออกห่างแต่ก็ทำไม่ได้ ชายหนุ่มประกบปากแนบสนิท รุกไล่จู่โจมอย่างเอาแต่ใจ จุมพิตแสนเนิ่นนานจนหญิงสาวหายใจไม่ออก มือเรียวเกาะกุมไหล่หนาเอาไว้เพื่อใช้พยุงตัวไว้ ร่างสูงใหญ่โถมกายเข้าหาร่างงามระหงแล้วผลักให้เอนนอนลงบนเตียงโดยที่ริมฝีปากยังคงระดมจูบมาอย่างต่อเนื่อง มือเรียวใหญ่ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างงามอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องชุดเจ้าสาวออกให้พ้นกายจนร่างงามเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ใดปกปิด มือเรียวใหญ่ยังคงลูบไล้ต้นขานุ่มเนียนสัมผัสร่างกายของหญิงสาวไปเรื่อยๆ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสไปที่เนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาว เคล้นคลึงอย่างเบามือโดยมีมือเรียวสวยของอิงอิงคอยจับและพยายามผลักออกไม่ให้นิ้วแกร่งชำแรกแทรกผ่านเข้าไปข้างในได้ ในตอนที่ริมฝีปากของคนทั้งคู่ผละออกจากกัน ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่แดงก่ำและมีน้ำตาเอ่อคลอตรงหางตา ซึ่งนั่นล้วนเกิดจากการกระทำของชายหนุ่มทั้งสิ้น ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะก้มลงมากระซิบแผ่วที่ใบหูขาวสะอาดเบาๆ ว่า “ไม่ต้องกลัว” พูดจบมือข้างที่กอดรัดเอวบางไว้อยู่นั้นก็ถูกกอดรัดให้แน่นขึ้นไปอีก พร้อมกับริมฝีปากที่ประกบปิดลงมาอีกครั้งโดยไม่รอฟังว่าหญิงสาวจะพูดอะไรออกมาทั้งสิ้น ส่วนอีกมือก็ยังคงทำหน้าที่เคล้นคลึงลูบวนที่เนินเนื้ออวบอูมด้วยปลายนิ้วอย่างเบามือ ก่อนจะชำแรกแทรกผ่านเข้าไปภายในได้ในเวลาต่อมา นิ้วแกร่งค่อยๆ คลึงเคล้าสลับกับบดขยี้ลงน้ำหนักมือจนร่างงามระหงสั่นสะท้านและหดเกร็งไปทั้งตัว เส้นสีเงินยวงยืดยาวออกมาจากริมฝีปากของคนทั้งคู่ในวินาทีที่แยกออกจากกัน กว่าชายหนุ่มจะยอมผละริมฝีปากออกได้มี่อิงก็แทบจะหมดลมหายใจ อะ...อา! มี่อิงร้องครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ใจเต้นโครมคราม เนื้อตัวสั่นระริกเมื่อชายหนุ่มจงใจขยับนิ้วเข้าออกกระตุ้นหยอกเย้าตรงส่วนไวสัมผัสที่สุดของหญิงสาว มี่อิงรีบเบือนหน้าหลบด้วยความอาย แต่อีกฝ่ายกลับก้มลงมาจุมพิตเข้าที่ซอกคอแล้วลากไล้ริมฝีปากถูไถไปมาโดยที่นิ้วใหญ่ยังขยับว่องไวไม่ยอมหยุดสร้างความกระสันอยากให้กับหญิงสาวเป็นยิ่งนัก ใบหน้างามแดงก่ำ มือเรียวค่อยๆ ยกขึ้นโอบรอบคอของชายหนุ่มแล้วสบใบหน้าลงกับไหล่กว้างพร้อมกับแยกขาออกให้กว้างขึ้นอีกอย่างลืมตัว อืม...อา... เสียงครวญครางดังขึ้นเมื่อนิ้วเรียวใหญ่ของชายหนุ่มเริ่มขยับเร่งจังหวะถูไถเข้าออกจากเนิบช้าเปลี่ยนให้มันเร็วขึ้นมากว่าเดิมหลายเท่า น้ำหวานหลั่งไหลออกมาจนเอ่อล้นกลีบกุหลาบแสนสวย ร่างกายมี่อิงร้อนผ่าวไปทั้งตัว สะโพกสวยแอ่นลอยขึ้นสูงตามแรงขยับเข้าออกของเรียวนิ้วใหญ่ ริมฝีปากถูกขบกัดกลั้นเสียงครางเอาไว้อย่างเต็มที่ สมองเริ่มเบลอพอๆ กับอารมณ์ข้างในที่ใกล้จะล้นทะลักออกมาในอีกไม่ช้า อะ...อ๊ะ...อื๊อออ...อ๊า! มี่อิงเนื้อตัวสั่นสะท้านพร้อมกับร้องครางออกมา ช่องทางอ่อนนุ่มขมิบตอดตุบๆ ที่บีบรัดนิ้วเรียวใหญ่ของเขาเอาไว้อย่างแสนร้ายกาจ น้ำหวานหลั่งรินออกมาอย่างไม่อาจบังคับร่างกายเอาไว้ได้ ทำให้เส้นความอดกลั้นของชายหนุ่มแทบขาดสะบั้นลง หากเปลี่ยนเป็นแกนกายของเขาแทนที่กำลังถูกบีบรัดแทนนิ้วมันจะสุดแสนวิเศษสักเพียงไหนกัน และเมื่อสัมผัสได้ถึงความพร้อมในร่างกายของหญิงสาวแล้ว ร่างสูงใหญ่จึงผละลุกขึ้นเพื่อเปลื้องอาภรณ์ของตัวเองออกในทันที ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่าของชายหนุ่มที่ปรากฏต่อหน้าทำให้มี่อิงมองจ้องตาค้าง เพราะมันเต็มไปด้วยกล้ามเป็นมัดๆ แผงอกกว้างที่แสนจะบึกบึน ไหนจะกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนสวยช่างจัดวางได้อย่างเหมาะเจาะแบบไม่ขาดไม่เกินเสียนี่กระไร ดวงตาคู่งามที่ฉ่ำปรือมองร่างเปลือยเปล่าของชายหนุ่มอย่างสำรวจ ก่อนที่หัวใจดวงน้อยแทบจะหยุดเต้นไปในทันที เมื่อสายตาซุกซนเลื่อนต่ำลงไปปะทะเข้ากับเจ้าสิ่งที่อยู่กลางหว่างขาของชายหนุ่ม มี่อิงถอยหนีอย่างหวาดกลัว แต่ร่างสูงใหญ่กลับขึ้นมาทาบทับตัวเธอเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ พร้อมกับมอบจุมพิตแสนวาบหวามให้อีกเพื่อให้หญิงสาวได้ผ่อนคลายจากอาการตื่นกลัว “ข้าจะอ่อนโยนต่อเจ้า เราจะมีความสุขด้วยกัน” ชายหนุ่มก้มลงกระซิบเสียงพร่าที่ข้างใบหู เจ้าบ่าวสุดหล่อถูไถจมูกโด่งคมสันไปตามซอกหูไล้เล็มไปทั่วก่อนจะมาจบลงที่ริมฝีปากอิ่มเบาๆ อย่างหลงใหล มือใหญ่บีบเคล้นคลึงอกอวบหยุ่นสู้มือไม่ยอมหยุดจนมันเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มด้วยฝีมือของเขา ปลายลิ้นร้อนจัดเข้าครอบดูดดึงยอดอกอวบอิ่มเข้าไว้ในปาก ดูดเลียอยู่ซ้ำๆ ราวกับว่าจะมีน้ำนมไหลออกมาได้ หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำ กัดปากข่มกลั้นเสียงครางเอาไว้ด้วยความอาย ความรู้สึกซาบซ่านวาบหวิวจนนางแทบอดกลั้นความกระสันอยากเอาไว้ไม่ได้ เพียงไม่นานทั่วร่างงามก็ปรากฏรอยจ้ำสีกุหลาบไปทั่ว ดวงตาชายหนุ่มเข้มจัดด้วยแรงอารมณ์ปรารถนา ชายหนุ่มช้อนเรียวขาหนึ่งของอิงอิงขึ้นพาดบ่า นำพาแกนกายใหญ่โตเกินมาตรฐานกว่าปกติค่อยๆ ขยับเคลื่อนเข้าไปภายในช่องทางที่คับแคบของหญิงสาวไปอย่างช้าๆ ชายหนุ่มไม่ต้องการให้หญิงสาวเจ็บมากจนเกินไปเพราะเขารู้ดีว่าอาวุธของตัวเองนั้นมันใหญ่เกินที่หญิงสาวจะรับไหวในครั้งแรกแบบนี้ “เจ็บ!...เจ็บ!” มี่อิงร้องบอกออกมาด้วยความเจ็บยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ร่างงามก็ถูกคร่อมทับกักตัวไว้ใต้ร่างของสามี ก่อนจะโดนประกบจูบลงมาอย่างเรียกร้องและร้อนแรง ร่างงามสั่นสะท้านไปกับรสจูบที่ถูกมอบให้ เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวรัดดูดดึง จุมพิตแสนวาบหวามถูกบดเคล้าคลึงลงบนริมฝีปากอิ่มช้ำที่บวมเป่งของนางอย่างเร่าร้อน แม่ทัพหนุ่มเฝ้าจูบพลางขบเม้มเคลียคลอไม่ห่างกาย ก่อนจะประคองใบหน้าสวยไว้ในมือ มองจ้องสบดวงตาสวยหวานก่อนจะก้มลงที่ข้างหูของหญิงสาวเพื่อบอกรัก “ข้ารักเจ้ามากเลยรู้ไหมอิงอิง” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกรักอย่างเว้าวอน แม่ทัพหนุ่มจับเรียวขาคู่งามให้แยกออกจากกันแล้วพาร่างใหญ่ของเขาแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างขาแทน “เป็นของข้านะ” จางเย่วฉินกระซิบบอกเสียงแหบโหย มี่อิงนอนมองสามีของนางอย่างเขินอายยามเมื่ออีกฝ่ายบอกรักออกมา หัวใจของนางพองโตจนคับอก ในเมื่อเธอเองก็แต่งงานกับเขาแล้ว จะยังไงก็ต้องตกเป็นภรรยาของเขาอยู่วันยังค่ำนี่ยังต้องมาขอกันอีกเหรอ หญิงสาวคิดในใจพลางก้มหน้างุดด้วยความอาย “ข้าก็เป็นของท่านคนเดียวมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่”หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบออกไปด้วยความเขินอาย แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประคองท่อนล
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จางเย่วฉินจับตัวมี่อิงให้พลิกกลับมาแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากของนางทันที แม่ทัพหนุ่มพรมจูบเนิ่นนานหมายดูดกลืนความหอมหวานอย่างไม่รู้เบื่อ จูบของจางเย่วฉิน กำลังจะทำให้อิงอิงแทบหมดลมหายใจเสียให้ได้เลยทีเดียว นางต้องอ้าปากหอบอย่างอ่อนแรงเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาลงไปสูดดมซอกคอหอมละมุนแล้วขบเม้มแผ่วเบาด้วยความหลงใหล ไฟปรารถนาของแม่ทัพหนุ่มโหมกระหน่ำลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะยกมือขึ้นประคองดวงหน้าหวานที่เริ่มแดงขึ้นมา คนหน้าแดงยิ้มเอียงอายกับสายตาร้อนแรงของสามี มือเรียวใหญ่ตรึงใบหน้าของอิงอิงเอาไว้พร้อมมอบจุมพิตแสนวาบหวามและเร่าร้อนมาให้กับนางอีกครั้ง อิงอิงเองเผยอปากรับจูบและตอบสนองสามีหมาดๆ กลับไปอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ลิ้นร้อนระอุดูดดึงเกี่ยวรัดกับลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม แม่ทัพใหญ่เฝ้าวนเวียนจูบเอา จูบเอา จนความวาบหวามตีขึ้นมาจุกอยู่ตรงช่องท้องของมี่อิง ร่างงามเหมือนโดนมอมเมาด้วยรสจูบจนเหมือนกับว่าร่างกายกำลังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยึดเกาะกายสูงใหญ่เอาไว้แล้วเบียดร่างของตนเข้าหา สติแทบกระเจิดกระเจิงเพราะรสจูบ มือเรียวใหญ่ลูบไล้สร้างความวาบหวามให
จวนสกุลจางจดหมายด่วนส่งมาจากจวนสกุลหลัวเมื่อช่วงหัวค่ำ พร้อมการหายตัวไปของหลัวอี้หลางตั้งแต่ช่วงเช้าของการทำพิธี หนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อไปจัดการสิ่งสำคัญในชีวิต ก่อนจะมีจดหมายมาส่งถึงมือจางเย่วฉินเพื่อบอกทุกอย่างอยู่ในจดหมายดังกล่าว กระดาษเนื้อบางเบาถูกดึงออกจากซองปิดผนึก พร้อมถูกคลี่ออกอ่านใจความด้านในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจบลงพร้อมรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาอย่างแรงของจางเย่วฉินที่ได้อ่านเนื้อหาดังกล่าวจนหมดสิ้น “เจ้าตัดสินใจเช่นนั้นจริงๆ หรือนี่อี้หลาง ในเมื่อต้องการมีชีวิตแบบนั้นมีหรือที่ข้าจะไม่ส่งเสริมตามคำร้องขอของเจ้าผู้เป็นสหาย ยังไม่ทันมีพิธีแต่งงานแต่เจ้ากลับมีลูกแซงหน้าก่อนข้าไปอีกแล้ว เห็นทีข้าต้องรีบจัดการเรื่องมีทายาทกับอิงอิงเสียแล้ว”แม่ทัพใหญ่พูดพร้อมนำกระดาษจดหมายที่อยู่ในมือจ่อเข้าที่โคมไฟ จนเปลวเพลิงลุกลามเลียเนื้อกระดาษก่อนจะปล่อยลงในภาชนะรองรับที่ทำมาจากกระเบื้องเคลือบ จางเย่วฉินหันกลับไปสำรวจห้องหอของตัวเองที่คืนนี้จะต้องอยู่ร่วมห้องกับ
6 ปีผ่านไป งานเทศกาลชีซี“มาสิ! มาสิ! วิ่งตามข้ามา!” “คุณชายใหญ่! คุณชายรอง! คุณชายสาม คุณชายสี่ คุณชายห้า คุณหนูเล็ก รอบ่าวด้วย!!!!”เสียงของพี่เลี้ยงดังเอ็ดอึงไล่ตามหลัง เด็กชายตัวน้อยทั้งห้าคนและเด็กหญิงตัวน้อยสุดวัยเพียงหนึ่งขวบเท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินได้ไม่นาน ในยามนี้ภายในจวนสกุลจางล้วนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆ ตัวน้อยๆ มากมายซึ่งเป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง แม้ว่าจะแต่งงานช้าแต่กลับมีลูกๆ ที่น่ารักไล่ตามทันบรรดามิตรสหายที่ออกเรือนไปก่อนหน้านั้นหลายปีอย่างน่าอิจฉา ด้วยฮูหยินคนงามให้กำเนิดทายาทติดต่อกันมิหนำซ้ำยังเป็นลูกชายถึงห้าคนเลยทีเดียว ในเวลานี้จวนตระกูลจางไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้วเมื่อทายาทสกุลจาง ได้ถือกำเนิดติดต่อกันไม่หยุด ซึ่งฮูหยินคนงามได้มอบบุตรชายฝาแฝดให้แก่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังถึงสองคู่ ท้องสองครั้งแต่ได้ลูกชายมาด้วยกันห้าคน ซึ่งมี่อิงตั้งครรภ์ครั้งแรกก็คลอดลูกชายฝาแฝดถึงสามคนซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายพ่อและแม่แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด ครั้นตั้งครรภ์ครั้งที่สองนางก็คลอดบุตรชายชายฝาแฝดสองคนซึ่งมีใบหน้าเหม
บริเวณนอกประตูเมืองร่างอวบอิ่มของหลี่เพ่ยหลิน ในชุดสตรีสาวสามัญชนสีขาวเรียบๆ มีเพียงปิ่นปักผมที่ทำจากหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นของพระบิดาทรงประทานให้เสียบอยู่บนมวยผมเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น เครื่องประดับมีค่าอื่นๆ นางปลดออกจากกายไม่นำออกมาสวมใส่ แม้ว่าพระบิดาจะทรงมีเมตตาประทานเครื่องประดับและอัญมณีที่เคยเป็นของนางให้ติดตัวมาด้วย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่นางเลือกนั่นก็คือปิ่นปักผมที่เสียบอยู่บนศีรษะในเวลานี้เท่านั้น อายุครรภ์สามเดือนกว่าทำให้หน้าท้องเริ่มนูนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ท้องกลมน้อยๆ และร่างอวบในวัยสาว ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ด้วยเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์ ใบหน้างดงามนวลเนียนหมดจดด้วยมีเพียงแป้งผัดหน้าทาไว้เพียงแค่บางเบา ริมฝีปากอิ่มอมชมพูไม่ต้องแต้มสีชาดปากก็น่าจูบอยู่แล้ว คนสวยไม่ต้องแต่งอะไรมากจะสวยน่ามอง แต่ถ้าหากแต่งเกินความพอดีแทนที่จะงามกลับถูกชายตาอย่างหมางเมิน หลี่เพ่ยหลินยืนเล่นก้านดอกหญ้าอยู่ข้างๆ รถม้า เฝ้ารอหลินซีบ่าวรับใช้คนสนิทของนางกลับมาจากซื้อยาในเมืองหลวง หลังจากนั้นก็จะเดินทางบ่ายหน้าไมุ่งตรงไปที่อู่อี้ซาน โดยหันหลังให้กับประตูเมืองจึงไม่ได้เห็
ในยามนี้ทั่วทั้งนครฉางอานต่างโจษขานเรื่องราวของจวนสกุลอัน ซึ่งเป็นสถานที่พำนักอีกทั้งยังเป็นที่ทำการใหญ่ของกลุ่มกบฏกู้ชาติต้าสุย ถูกกำลังทหารของจางเยว่ฉินร่วมกับกรมอาญา บุกเข้ากวาดล้างได้อย่างราบคาบ โดยหัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏหยางผิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟคลอกภายในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดเพลิงไหม้สังหารขึ้นภายในห้องดังกล่าวนั้นได้ ทว่าหัวหน้ากลุ่มกบฏแม้ว่าจะรอดพ้นจากการถูกไฟคลอกตาย แต่บาดแผลไฟไหม้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก ผิวหนังถูกทำลายเกือบทั้งหมดจนทำให้ใบหน้าผิดรูปจนเสียโฉม ทนทรมานเจ็บปวดจากบาดแผลดังกล่าวเพียงแค่สามวันก็สิ้นใจตายปิดฉากทายาทจากราชวงศ์สุยที่ต้องการกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนอย่างถาวร และทำให้ผู้คนล่วงรู้ความจริงว่าพรรคมารโลหิตแท้จริงแล้วนั้นถูกกลุ่มกบฏกู้ชาติสวมรอยแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จนทำให้พรรคมารโลหิตถูกทำลายชื่อเสียงอย่างย่อยยับ และกลายเป็นพวกเลวร้ายในสายตาชาวประชามานานหลายสิบปีเหตุการณ์กวาดล้างในครั้งนี้ทำให้ พรรคมารโลหิตหลุดพ้นจากข้อครหาที่ผ่านมาทั้งหมดและได้รับการนับถือยกย่องดั่งเดิม ในขณะเดี