ชายหนุ่มหยุดนิ่งไม่ขยับร่างกายที่เขาเพิ่งจะฝ่าผ่านคับแคบมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ริมฝีปากหนาจูบลงไปที่ขมับอีกฝ่ายเบาๆ เป็นเชิงปลอบโยนก่อนจะไล้จูบไปตามแก้มนวลเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาวออกไป เมื่อดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสของเขาไปแล้ว
สองมือแกร่งก็จับเรียวขาที่ข้างหนึ่งพาดบ่าอีกข้างเกี่ยวไว้ที่เอวสอบออกก่อนจะแยกให้อ้าออกกว้างยิ่งกว่าเดิม แล้วกดสะโพกหนาโถมกายบุกทะลวงผ่านม่านพรหมจรรย์ที่คับแน่นเข้าไปจนสุดเพียงชั่วอึดใจ อ๊ะ!...กรี๊ด! หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดัง สองมือเรียวกำหมัดทุบลงที่ไหล่แกร่งเป็นพัลวันเพื่อระบายความเจ็บที่เกิดขึ้น หยาดน้ำตาเม็ดโตไหลรินออกมาทางหางตา ชายหนุ่มกอดรัดร่างงามเอาไว้แน่นจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เขารู้ว่าหญิงสาวเจ็บและตัวเขาเองก็ปวดหนึบไม่แพ้กันเมื่อช่องทางคับแคบของหญิงสาวบีบรัดแกนกายเขาเอาไว้จนแทบหายใจไม่ออกเช่นกัน สองร่างหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นไปพักใหญ่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มขยับสะโพกค่อยๆ กระแซะๆ เข้าออกอย่างช้าๆ สัมผัสเนิบนาบเป็นไปอย่างช้าๆ และทะนุถนอมจนหญิงสาวเริ่มผ่อนคลายและโอนอ่อนผ่อนตามชายหนุ่มอย่างว่าง่าย เพียงไม่นานจังหวะรักที่นุ่มนวลก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป ร่างงามเริ่มสั่นไหวขึ้นๆ ลงๆ ด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้น ปลายนิ้วทั้งสิบจิกลงที่แผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มเพื่อระบายความอึดอัดและทรมาน ทว่าในขณะเดียวกันก็บังเกิดความวาบหวิวจนแทบจะทนไม่ไหว มี่อิงหอบหายใจหนัก ทั่วทั้งร่างปริตึงจนเหมือนกับจะแตกสลาย อือ...อา...ร่างงามกระเด้งกระดอนขึ้นลงอย่างรุนแรง ก่อนที่อยู่ๆ ร่างสูงใหญ่จะลุกขึ้นพร้อมๆ กับช้อนสะโพกของหญิงสาวขึ้นอุ้มมาพาลงมายืนที่ข้างเตียงเช่นกัน ท่านี้ทำให้แกนกายใหญ่โตของชายหนุ่มสอดลึกเข้าไปภายในมากขึ้นกว่าเดิม หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังกระแทกกึกๆ ชนกับผนังมดลูกของนางอยู่ในตอนนี้ “ละ...ลึก...เกินไป...แล้วว...อา...” หญิงสาวร้องครางบอกเสียงกระท่อนกระแท่น สบหน้าลงกัดไหล่หนาเพื่อบรรเทาความเสียวซ่านที่เกิดขึ้น ยิ่งชายหนุ่มขยับสะโพกซอยเข้าออกถี่ๆ แถมเน้นหนักในทุกๆ จังหวะจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง อ๊า!... ร่างงามครางกระเส่าสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งเมื่อชายหนุ่มกระแทกเสียบเสยเน้นๆ เข้าไปที่จุดกระสันอย่างรุนแรงจนหญิงสาวแทบคลั่งเจียนบ้า ร่องรักภายในตอดตุบๆ บีบรัดถี่รัวไม่หยุด อึก...อ๊า...อ๊า หญิงสาวครวญครางไม่เป็นหยุดปาก “อิงอิง...เจ้ารัดข้าแน่นเหลือเกิน” ชายหนุ่มพูดบอกเสียงพร่า ก่อนจะเพิ่มแรงซอยถี่ๆ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ มือเรียวจิกข่วนลงบนแผ่นหลังกว้างเป็นทางยาว ปลายเท้ายกชี้ขึ้นสูงเกร็งกระตุกอยู่หลายทีเป็นการส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่านางกำลังจะเดินทางไปแตะขอบสวรรค์ในเวลาอันใกล้นี้แล้ว “ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว...” ใบหน้างามแหงนเชิดร้องบอกออกมาเมื่อไม่สามารถทนต่อความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นอีกต่อไปได้ ดวงตาคู่สวยพร่าเบลอ ในสมองขาวโพลนเลือนลอยไปหมดไม่สามารถรับรู้อะไรได้ชั่วขณะ ก่อนที่ร่างงามจะเกร็งกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปลายเท้าที่ชะงักค้างจิกขึ้นสูง ช่องทางรักตอดตุบๆ บีบรัดแกนกายใหญ่โตเอาไว้แน่น ชายหนุ่มกัดฟันกรอด หายใจถี่ด้วยความปวดหนึบ เขากัดฟันกระแทกสะโพกเข้าใส่หนักๆ สวนกลับเข้าไปอยู่อีกสี่ห้าครั้งก่อนที่น้ำสีขาวขุ่นจะถูกฉีดพุ่งเข้ามาภายในจนเต็มช่องทางรักของหญิงสาวเมื่อชายหนุ่มเองก็เดินทางมาแต่ขอบสวรรค์แล้วเช่นเดียวกัน “เจ้าเป็นของข้า...เป็นของข้า” ชายหนุ่มพร่ำบอกไม่หยุดในยามที่แกนกายใหญ่โตยังฝังอยู่ภายในช่องทางรักของหญิงสาว ก่อนจะค่อยๆ ประคองสะโพกสวยพาเดินกลับไปที่เตียงทั้งที่แกนกายใหญ่โตยังคงเชื่อมประสานอยู่ในช่องทางรักของหญิงสาว ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ นั่งลงบนเตียงก่อนจะเอนตัวลงนอนหงายโดยมีร่างงามนอนคร่อมทับอยู่ด้านบน ไม่ต้องบอกหญิงสาวก็รู้ว่าชายหนุ่มกำลังจะทำอะไรต่อ ‘ท่านี้มันช่างล่อแหลมนัก’ มี่อิงอ้าปากจะประท้วงแต่ก็ทำได้เพียงอ้าปากเท่านั้น เพราะในเวลาต่อมาเสียงครวญครางวาบหวามก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และอีกครั้ง กริ้ง!กริ้ง!กริ้ง! เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งเวลาเอาไว้ดังกระหึ่มขึ้นมาทันที เฮือกกก! ร่างที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นสะดุ้งจนสุดตัวก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวไปมา เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยรู้สึกว่ามีแสงยามเย็นส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาภายในห้องนอน หญิงสาวรีบดีดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที ก้มมองสำรวจไปทั่วร่างกายของตนเอง “นี่เราฝันไปเหรอเนี่ย” มี่อิงนึกถึงความฝันของตัวเองที่ได้ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายหนุ่มรูปงาม ใบหน้าหญิงสาวร้อนผ่าวแดงก่ำขึ้นมาทันที เมื่อนึกถึงภาพที่ร่วมรักกันอย่างดุเดือด มือเรียวสวยยกขึ้นมาปิดใบหน้าเอาไว้ด้วยความเขินอายแล้วพูดกับตัวเองเบาๆ “ฝันแบบนี้ถ้าเป็นผู้ชายเขาเรียกว่าฝันเปียก แต่ฉันเป็นผู้หญิงฝันแบบนี้จะเรียกว่าเปียกไหมเนี่ย! จ้าวมี่อิงเอ้ยจ้าวมี่อิงเธอมันเก็บกดเรื่องอย่างว่านักหรือไง จู่ๆ ก็ฝันเรื่องเห็นอะไรแบบนี้”หญิงสาวส่ายหน้าตัวเองไปมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความระอาหรือเป็นเพราะเสียดายที่สะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาเพราะนาฬิกาปลุกกันแน่ก็ไม่อาจรู้ได้ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากันด้วยรู้สึกว่าผู้ชายในฝันช่างคุ้นตายิ่งนัก “ว่าแต่ทำไมถึงรู้สึกว่าผู้ชายในฝันทำไมถึงดูคุ้นๆ จัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เสียงที่ได้ยินก็คุ้นหูคล้ายความฝันก่อนหน้านั้นเลย เพียงแต่เห็นหน้าไม่ชัดเท่าไร นี่อย่าบอกนะว่าเขาเป็นเนื้อคู่เรา โอโห่! ได้สามีหื่นเหมือนในฝันแบบนั้น...ก็ดีอะดิ” ประโยคสุดท้ายจ้าวมี่อิงกลับมีความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ว่าการมีสามีหื่นๆ แบบนั้นคงจะดีไม่น้อยเลยเชียวละก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาทั้งๆ ที่ยังงัวเงีย นิ้วมือเรียวสวยจับแหกตาของตัวเองให้เปิดออกกว้าง ด้วยเพราะรู้สึกว่าหนังตายังหนักอึ้งดั่งกับหินอยู่เช่นเดิม เสมือนว่าเธอนอนไม่เคยอิ่มสักที หาววววว เสียงหาวนอนดังออกมาพร้อมโน้มกายจนศีรษะปักลงบนฟูกนอน กริ้ง! กริ้ง! กริ้ง! เสียงโทรศัพท์ภายในห้องพักดังกระหึ่มขึ้น“ใครโทรเข้ามาในห้อง! คนกำลังจะนอนขัดอยู่ได้”มี่อิงบ่นพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์จ้าวมี่อิงค่อยๆ หมุนตัวจากปลายเตียงคืบคลานไปทางหัวเตียงอย่างช้าๆ ด้วยเพราะเธอขึ้นชื่อในการนอนดิ้นชนิดที่ว่าตอนเข้านอนกับตอนตื่นนอนคนละเรื่องเลยทีเดียว มือเรียวสวยไขว้คว้าหาเครื่องรับโทรศัพท์ก่อนจะยกขึ้นจ่อเข้าที่ใบหู“ฮานโหลลลล”เสียงยานคางตอบปลายสายกลับไปพร้อมส่งเสียงหาวนอนตามติดมา“เสี่ยวอิงยังนอนอยู่อีกเหรอ ฉันโทรเข้ามือถือแต่เธอดันปิดเครื่องก็เลยกดโทรเข้าห้อง”เสียงปลายสายถามกลับมา“อือ...ยางนอนอยู่...มีอาราย”เธอยังตอบเสียงยานคางกลับไปด้วยยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ในขณะนั้น“อ่อ...ไม่มีอะไรหรอก วันนี้เป็นเทศกาลชีซีพี่ตงชวนฉันไปทานข้าวและบอกให้ชวนเธอไปด้วยกันนะจะได้มีเพื่อน ฉันก็ว่าดีนะได้มีเธอไปเป็นเพื่อนด้วยกัน ไปตามลำพังจะได้ไม่น่าเกลียด อีกอย่างพวกเราได้พักผ่อนตั้งสองวันมีเวลาว่างถือโอกาสไปเที่ยวซีอานด้วย”เสียงของเพื่อนร่วมงานอีกฝ่ายส่งเสียงปลายสายกลับมาและนั่นทำให้มี่อิงยกมือเกาศีรษะของเธอที่ยุ่งเหยิงอยู่แล้วยิ่งยุ่งเข้าไปอีก“เธอจะเอาฉันไปเป็นไม้กันหมาทำไม ไม่ดีเหรอที่พี่ตงรูปหล่อขวัญใจของเธอชวนไปกินข้าว
เทศกาลชีซีเทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาวพอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุขร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประ
มี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัวร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว“เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย“มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปและนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น“อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นค
ในขณะที่ใบหน้าไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มด้วยเพราะสวยเฉี่ยวอยู่แล้ว มีเพียงเติมแป้งผสมรองพื้นสีเดียวกับเนื้อผิวพร้อมลิปสติกสีกลีบบัวให้แน่นกว่าเดิมและแต้มสีแดงลงไปอีกตรงเนื้อปากบริเวณด้านในให้มีมิติแต่พองาม ร่างงามค่อยๆ ถูกสวมชุดฮั่นฝูสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาและสวมทับเสื้อคลุมตัวยาวทำมาจากผ้าไหมสีขาวเงาระยับปักลายหงส์สีเงินด้วยไหมที่สามารถสะท้อนแสงเงาวาวระยับ คาดทับด้วยเข็มขัดผ้าปักลายหงส์เพิ่มความทะมัดทะแมงทีละชิ้น ก่อนจะนำชายผ้าห้อยระย้าจากบริเวณหัวไหล่เสื้อคลุมมาผูกห้อยไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างลงบนเรือนร่างงาม ยามเวลาเคลื่อนไหวร่างกายชายผ้าจะพลิ้วไหวสวยงามเวลาก้าวเดิน“เสร็จแล้วเพอร์เฟคมาก นี่แหละเทพธิดาของเทศกาลชีซี”เจ้าของร้านพูดชมฝีมือตัวเองในขณะที่มี่อิงยืนกะพริบตามองตัวเองที่อยู่ในชุดฮั่นฝูสมัยโบราณ สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเธออยู่ในชุดโบราณเป็นครั้งแรกในชีวิต“นี่ตัวเราหรือนี่! ว้าว”มี่อิงได้แต่พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น ผู้หญิงในยุคถังจะต้องมีดอกไม้ตรงกลางหน้าผากด้วย แต้มสีแดงสดใสลงไปด้วยจะยิ่งสวยมากกว่าเดิมจนละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แกรบบบบ!!! ส้นเท้าสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างที่ไปเหยียบเข้าด้วยความบังเอิญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันใดด้วยรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเธอ“ไปเหยียบโดนอะไรเข้าก็ไม่รู้”มี่อิงพูดพร้อมถอนเท้าออกอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสายตามองพื้นเบื้องล่าง หากแม้นหญิงสาวสังเกตจะพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยพื้นเบื้องล่างในยุคปัจจุบันเป็นพื้นซีเมนต์แต่ในยุคอดีตเบื้องล่างคือพื้นดิน มี่อิงเอื้อมมือลงเก็บสิ่งที่อยู่ใต้เท้านำขึ้นมาจากพื้นก่อนจะพบว่ามีลักษณะเป็นถุงผ้าบรรจุบางอย่างเอาไว้ภายในมีน้ำหนักมากพอสมควร“มันคืออะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพลางชั่งน้ำหนักถุงผ้าดังกล่าวบนฝ่ามือ“หนักเหมือนก้อนหินเลยวุ้ย”พูดพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในประตูเมืองมองหาแสงสว่างเพื่อคลี่ถุงผ้าในมือของเธอ โดยไม่ได้มองทิศทางตรงหน้าแต่อย่างใดว่าบัดนี้มีร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนขวางหน้าเธออยู่ในขณะนั้นพลั่ก! ร่างของมี่อิงปะทะเข้ากับอกกว้างของผู้ชายตรงหน้า ซึ่งเธอมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น พรืดดด!!! จู่ๆ มี่อิงก็ถูกแรงมหาศาลกระชากท่อนแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้“เจ้านี่เอง!ที่ขโมยถุงเงินของข้าไป!เจ้าหัว
ระหงให้เดินออกมาจากทางเข้าของประตูเมืองฉางอาน หากแต่ครั้งนี้เบาแรงลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังถูกลากพยายามขืนตัวเองไปตลอดทางที่กำลังก้าวเดิน ดวงตาคู่งามกวาดสายตาหากลุ่มคนที่เธออาจจะพอรู้จักเพื่อขอความช่วยเหลือไปทั่วบริเวณงานก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมิทันที่จะเริ่มสังเกตอะไรต่อไป หูของเธอแทบดับเมื่อเสียงของผู้ชายที่กำลังใช้แรงลากเธออยู่ตะโกนก้องขึ้นมาโดยพลัน“เอาม้ามา!ข้าจะกลับจวน!!!”“โอ้ย! อยู่ก็ไม่ไกลแค่ไม่ถึง 50 เมตรด้วยมั้งอีตาบ้านี่ตะโกนออกมาทำไมหูดับแล้วฉัน”มี่อิงพูดพร้อมทำหน้าทำตาคล้ายกำลังหูจะตึงก็ว่าได้ ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการของผู้ชายตรงหน้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง“ไปแจ้งกรมอาญาด้วยว่าข้าจะนำส่งนักโทษจากแดนเหนือไปให้”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เสียงของชายมากมายที่อยู่บนหลังม้าต่างส่งเสียงขานรับ ท่ามกลางความแปลกใจของมี่อิง“นี่พวกเขาแสดงละครเวทีอยู่อย่างนั้นเหรอ ถึงได้พูดจาสมัยย้อนยุคแบบนั้น”เธอยืนบ่นพึมพำพร้อมกับรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันพร้อมเชือกกำลังจะนำมามัดมือเรียวสว
หนึ่งชั่วยามผ่านไปท่ามกลางสายตาของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจางเยว่ฉิน กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกของประตูเมืองฉางอาน ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพร้อมกวาดสายตาไปทุกทิศทาง แม่ทัพหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นปกติหากแต่อาการจุกและเจ็บหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขายังไม่ทุเลาเสียเท่าใดนัก พร้อมเสียงของทหารคนสนิทซึ่งคอยติดตามรับใช้เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพนั่งก่อนดีไหมขอรับ ยืนอยู่เช่นนี้จะทำให้อาการเจ็บหน่วงตรงหว่างขาปะทุขึ้นมาอีกได้จะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรือว่าจะให้ข้าน้อยไปตามหมอมาดูอาการ”ทหารรับใช้คนสนิทนามว่ากัวเหยียนไฉถามด้วยความเป็นห่วงทว่าดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจะมิได้ฟังคำของคนสนิทแต่อย่างใด ด้วยเพราะภายในใจตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและต้องการพบสตรีอาภรณ์ขาวเป็นยิ่งนัก“สตรีผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก..อีกทั้งมีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงขนาดทำร้ายท่านแม่ทัพผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียม แต่นี่นางกลับเล่นกระหน่ำเข้าจุดดวงใจท่านแม่ทัพจนนิ่งสนิท จุกไปถึงอกเลยทีเดียว”เหยียนไฉรำพึงออกมาเบาๆโป๊ก!!! ปลายดาบที่อยู่ในมือของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังถูกเอ่ยถึงกระหน่ำลงบนศีรษะทหารคนสนิททันที“พูดมากจริงนะ!แล้วนี่มายืน
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”มี่อิงตัดสินใจถามกลับไปด้วยความอยากรู้และเพื่อให้แน่ใจอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น“เจ้าอยากจะถามอะไรข้าเหรอ!”เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบกลับมา ในขณะที่คนเป็นบ่าวนั่งเม้มปากสนิทอยู่ใกล้ๆ“ที่นี่คือเมืองอะไร!ตั้งอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวในโลกอนาคตถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“ที่นี่คือเมืองฉางอาน เมืองหลวงของต้าถัง...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ล่วงรู้แท้จริงแล้วกำลังอยู่ที่ไหน”เสียงของอีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมาใบหน้าแสนสวยของสาวยุคใหม่เกิดอาการเหวอขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ทว่าก็ยังเข้าข้างตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นในขณะนี้คือความจริง“เมืองหลวงฉางอานของต้าถัง! ใช่เมืองที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังหรือเปล่า”มี่อิงถามกลับไปอือ! อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอพร้อมพยักหน้าขึ้นลง“ดูท่าเจ้าคงไม่เคยมาที่ฉางอานจึงตั้งคำถามเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าในฐานะชาวเมืองฉางอานก็จะแนะนำเมืองหลวงที่แสนภาคภูมิใจแห่งนี้ให้เจ้าฟัง ว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังอยู่ในเวลานี้คือเมืองหลวงฉางอาน แห่งแผ่นดินต้าถังปกครองโดยพระเจ้าถังไท่จงฮ
ตุบ! ตุบ! สองมือตกลงข้างลำตัว อาการดิ้นรนพยายามตะเกียกตะกายค่อยๆ สงบลงและหยุดนิ่งไปในที่สุดเมื่อลมหายใจของมันหลุดลอยออกจากร่าง ครั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ เช่นนั้น สองมือที่ออกแรงดึงสายแส้ดังกล่าวปล่อยลงทันใด พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือดังกล่าว สายแส้บาดลึกเข้าไปในฝ่ามือนุ่มนิ่มคู่นั้นจนทำให้เกิดบาดแผล เต็มไปด้วยโลหิตแดงฉาน จางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงถึงกับส่ายหน้าไปมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น “เพียงแค่ออกแรงน้อยนิดมือนี้กลับแตกยับเต็มไปด้วยโลหิตถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วกลับต้องตาเหลือกลานขึ้นมาทันที รีบวิ่งออกจากห้องขังตรงดิ่งไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว “นางมารน้อย!”จางเย่วฉินร้องเรียกจ้าวมี่อิง ก่อนจะหยุดยืนมองโซ่ตรวนที่ใช้คล้องอยู่หน้าประตูมีแม่กุญแจขนาดใหญ่ในยุคสมัยนั้นคล้องเอาไว้ ครั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องขังและได้เห็นทุกอย่างชัดเจนและเต็มตาเช่นนั้น จางเย่วฉินค่อยๆ ส่ายใบหน้าแสนสวยของจ้าวมี่อิงไปมาติดต่อกัน พร้อมกับเงยหน้ามองร่างของตัวเองที่กำลัง
“ว้าว! ทำไมตัวของฉันถึงได้เก่งอะไรเช่นนี้! เก่งจัง! เก่งจัง!”หญิงสาวชื่นชมตัวเองออกมาไม่ขาดปากพลางส่ายตัวที่ทั้งใหญ่และหนาของจางเย่วฉินไปมาตรงหน้าเจ้าของร่าง “นี่เจ้าทำอะไรนะ! หยุดส่ายตัวของข้าไปมาแบบนั้นได้แล้ว! ช่างน่าเกลียดสิ้นดี..ข้าเป็นถึงชายชาติบุรุษกลับแสดงอาการดั่งเช่นสตรีแบบนี้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”จางเย่วฉินคำรามเสียงต่ำๆ อยู่ในลำคอบอกจ้าวมี่อิงกลับไป “จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็เชิญเถอะยะ! ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย บังเอิญหน้าไม่เยอะมีหน้าเดียวแต่ดันหน้าหนามากกว่าชาวบ้านทั่วไปก็เลยไม่สะทกสะท้าน และอย่าหวังว่าจะเอาร่างของฉันไปทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายนะเพราะฉันจะตามติดคุณไม่ให้คลาดสายตาเลย”มี่อิงยืนลอยหน้าลอยตาตอบอีกฝ่ายกลับไป “นะ...นี่..นี่เจ้า!”จางเย่วฉินอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้เมื่อถูกร่างของตัวเองแต่เป็นวิญญาณของคนอื่นตอกหน้ากลับมาเช่นนั้น โดยเฉพาะในเวลานี้วิญญาณของทั้งสองดันมาสลับอยู่คนละร่างด้วยแล้ว หนทางแก้อื่นใดก็ยังไม่มี มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพื่อหาหนทางให้ดวงวิญญาณกลับคืนเข้าร่างตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แม่
“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
บ้านพ่อค้าทาสบริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว
ดวงตาปูดโปนจ้องเขม็งไปที่ร่างของหญิงสาวชาวบ้านทั้งสามนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด มือใหญ่กำแส้ที่อยู่ในมือยกขึ้นชี้หน้าทันที “บังอาจมากนักนะ! ที่หนีจากการปกครองของข้าไป! เป็นทาสของข้าหาญกล้าหลบหนีเช่นนี้เห็นทีจะเลี้ยงต่อไปไม่ได้เสียแล้ว”เจ้าคนร่างยักษ์พูดโกหกหน้าตาเฉยในขณะที่หญิงชาวบ้านต่างพากันกลัวจนลนลานครั้นได้ยินเช่นนั้น “โกหก!”เสียงของสตรีดังแทรกขึ้นมาทันที ทุกสายตาหันกลับไปยังทิศทางของเสียงเป็นตาเดียวกัน และพบว่าร่างของสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์ดำสลับแดงกำลังกระโดดข้ามหน้าแดงมาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากซ่อนตัวอยู่ในถังไม้แต่แล้วก็ทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าด้านกลุ่มนั้นที่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่า หญิงชาวบ้านทั้งสามเป็นทาสของตนที่หนีมา “โอโห่!”เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นครั้นเห็นความงามของสตรีสาวชุดดำ แต่แล้วผู้คนภายในโรงเตี๊ยมกลับต้องเงียบงันเมื่อหลายอย่างเป็นตัวสตรีสาวตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมาจากพรรคมารโลหิต โดยเฉพาะปานแดงรูปเปลวไฟตรงกลางหน้าผาก แต่ละคนพร้อมใจก้าวเดินถอยหลังไปยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให
โรงเตี๊ยมมือบุรุษทั้งใหญ่และหนาหากแต่มีนิ้วเรียวยาวสวย ทว่ากลับผ่านการทำศึกสงครามมาแล้วอย่างโชกโชน กำลังเอื้อมหยิบจับถ้วยชาตรงหน้าที่มีไอควันขาวลอยขึ้นสูง ก่อนจะยกขึ้นจิบทีละน้อยเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ผู้บัญชาการทหารแห่งต้าถังจางเย่วฉิน กำลังนั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาไถ่ซานไม่ถึง 100 ลี้ หากมองจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาไถ่ซานสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าควบม้าเร็วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน อีกทั้งบริเวณแถบนี้หิมะยังไม่ตกลงมามีเพียงความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่แผ่ปกคลุมจนจับขั้วหัวใจ ภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวมีคนเข้าพักประปราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเดินทางจากเมืองลั่วหยางไปนครฉางอาน เทือกเขาไถ่ซานอยู่นอกเมืองลั่วหยาง เป็นเส้นทางลัดที่จะผ่านไปเมืองหลวงฉางอาน จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เคยขาดไร้ผู้เข้าพักแรมค้างคืนแต่อย่างใด ทุกคนที่จะเดินทางไปฉางอานจะต้องแวะพักที่นี่กันแทบทั้งสิ้น และผู้คนจากนครอันมั่งคั่งจะเข้าเมืองลั่วหยางก็จะพากันแวะพักที่นี่เช่นเดียวกัน “อาหารที
ในขณะที่แส้ถูกเหวี่ยงตรงเข้าตวัดร่างของจ้าวมี่อิง แม่ทัพแห่งต้าถังซึ่งยืนสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังของจ้าวมี่อิงตลอดเวลา รีบเร้นกายกระโดดข้ามศีรษะของหญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างของตนเองตรงเข้าตวัดปลายแส้ก่อนจะถึงร่างมี่อิงเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “นางมารน้อยหลบไป!!!”จางเย่วฉินตะโกนบอกมี่อิงเสียงดังก้อง จ้าวมี่อิงซึ่งยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ในขณะนั้น ได้ยินผู้ชายร่างใหญ่ที่กระโดดเข้ามาขวางตรงหน้าและจับสายแส้ที่กำลังจะตวัดร่างของเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ครั้นได้ยินเสียงสั่งดังก้องออกมาเช่นนั้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบหลบตามคำสั่งอย่างว่องไว “OK! OK! รีบหลบเดี๋ยวนี้เลย! วิ่งก่อนแล้วเว้ย!!!!”จ้าวมี่อิงพูดพร้อมรีบวิ่งหนีให้ตัวเองพ้นไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเจ้าอ้วนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตกำลังจับจ้องมี่อิงตาไม่กระพริบ เมื่อมีคนออกหน้ากระโดดรับสายแส้แทนเหยื่อของมัน “แส้สามสายจัดการ!!!”เจ้าอ้วนตะโกนสั่งลูกสมุนของมันดังก้อง ทันทีที่เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนสั่งเช่นนั้น ลูกสมุนที่เหลือตวัดแส้ที่อยู่ในมือของทุกคนพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างมี
“นึกเอาไว้แล้วว่าทำไมจึงมีรอยแปลกๆ ที่แท้ก็มีโพรงนี่เอง ลำต้นใหญ่ขนาดนี้ท่าทางข้างในคงจะมีพื้นที่พอจะเข้าไปหลบได้สามสี่คนเลยทีเดียว”เสียงของพ่อค้าทาสเอ่ยพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบท่อนไม้ไผ่เล็กๆ เปิดจุกออกเป่าลมลงไปเพียงไม่กี่ครั้งเกิดประกายไฟขึ้นมาทันใด “หัวหน้าท่านระวังด้วยนะภายในโพรงมีอะไรบ้างก็ไม่รู้”เสียงลูกน้องร้องเตือนตามหลัง “ข้ารู้แล้วนะไม่งั้นจะเป็นเจ้านายพวกเจ้าได้อย่างไงในเมื่อข้าเฉลียวฉลาดกว่าอยู่แล้ว”พ่อค้าทาสตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปในโพรงไม้ตรงหน้า ฟู้วววว!!! ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในโพรงมีบางอย่างพวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรง อ๊าคคคค!!! เสียงโหยหวนดังกึกก้องด้วยบริเวณใบหน้าและดวงตาถูกสเปรย์พริกไทยของมี่อิงฉีดเข้าให้อย่างจัง เกิดอาการแสบร้อนไปทั่วผิวหน้า โดยเฉพาะดวงตา ร่างของพ่อค้าทาสนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น “ข้าถูกงูพ่นพิษ! ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงพ่อค้าทาสร้องคร่ำครวญให้ช่วยจนเสียงหลง ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น “ไอ้พวกโง่ไม่ได้ยินหรืออย่างไง! มาพยุงข้าออก
ยุคอดีต หยุนไถ่ซานในอดีตคือป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงอายุนับพันปีสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก สายลมพาดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจับไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว ด้วยเพราะเวลานี้คือฤดูหนาวเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จนใบไม้และยอดหญ้าเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยสีขาวโพลนทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันร่างระหงของจ้าวมี่อิงค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นมานานหลายร้อยปีจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังและยังคงยืนสูงตระหง่านท่ามกลางกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปจวบจนถึงปัจจุบันมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียว ร่างระหงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่เช่นนั้น กล่องกระดาษที่มีข้าวของสำคัญต่างๆ ก็ปรากฏติดตามมาด้วยเช่นกัน เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายหนักขึ้นอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปทุกขณะ เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเกาะพราวตามขนตาและเริ่มกะพริบขึ้นลง พร้อมร่างแน่งน้อยเริ่มขดตัวงอเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ในขณะที่เธอสวมชุดโบราณในบทบาทนางมารเพื่อถ่ายทำซีรีสสั้นๆ เพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น จะสามารถป้องกันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ได้อย่างไรกันเชียว “อือ! อือ! ทำไมหนาวจัง..หนา