มี่อิงหยุดชะงักพลางหันกลับมามองด้านหลังของเธอและพบว่า มีหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปลายๆ ยืนส่งยิ้มให้
“พี่สาวเรียกหนูเหรอคะ”มี่อิงถามพร้อมยกนิ้วชี้หันเข้าหาตัว ร่างอวบอิ่มเดินออกจากร้านดังกล่าวตรงเข้ามาหาหญิงสาวอย่างรวดเร็ว “เรียกน้องสาวนั่นแหละคะจะเรียกใครซะอีก”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไปท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่าย “มีอะไรหรือเปล่าคะถึงเรียก”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา “พี่สาวเห็นมายืนอยู่หน้าร้านก็เลยคิดว่าคงต้องการอยากได้ชุดโบราณเพื่อสวมเข้าไปชมงานเทศกาลชีซี แต่ก็แปลกใจที่ไม่เห็นเข้ามาภายในร้านจู่ๆ ก็เดินออกไปก็เลยรีบออกมาเรียกนะจ๊ะ”หญิงคนดังกล่าวตอบกลับไป และนั่นทำให้คนงามพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น “อ่อ...อย่างนี้เองถึงได้ออกมาเรียก หนูอยากมาเดินชมเทศกาลชีซีจริงคะเพราะยังไม่เคยมาเที่ยวงานนี้สักครั้งเลย และไม่รู้ว่าธีมปีนี้ต้องแต่งชุดโบราณเข้าชมงาน บริเวณหน้างานมีบริการให้เช่าชุดก็จริงแต่คิวยาวมาก เห็นร้านพี่สาวไม่มีคนหนูก็เลยเดินเข้ามา แต่พออ่านเงื่อนไขก็เลยคิดว่ากลับไปนอนต่อดีกว่า”มี่อิงตอบกลับไปอย่างไม่อ้อมค้อม ตามนิสัยที่เป็นคนพูดตรงไปตรงมา ครั้นวัยกลางคนซึ่งแลดูจะเป็นเจ้าของร่างได้ยินเช่นนั้น สองมือยกขึ้นทาบอกของตัวเองไว้ทันใด “อุ้ยตายแล้ว! ทำไมน้องสาวจึงคิดว่าตัวเองไม่สวยพอที่จะสวมชุดร้านพี่อย่างนั้นเหรอจ๊ะ”เจ้าของร้านถามกลับไปด้วยความอยากรู้ “ใครบอกละคะว่าไม่สวย ตรงกันข้ามหนูสวยมากๆ เลยแหละแต่ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของร้านพี่ก็อีตรงที่ สวยแบบโบราณนะสิพี่สาว หนูไม่ได้สวยแบบผู้หญิงโบราณแต่เป็นผู้หญิงสวยยุคใหม่และแบบธรรมชาติด้วยนะคะ”จ้าวมี่อิงอวยตัวเองอย่างภาคภูมิใจเป็นยิ่งนัก “โธ่! ทำไมถึงคิดมากเรื่องข้อความที่ระบุว่าสวยแบบโบราณด้วยนะ นี่แสดงว่าไม่เคยอ่านประวัติศาสตร์ของชนชาติเลยใช่ไหมว่าสี่สาวงามสวยที่สุดในแผ่นดินล้วนเป็นสตรีในยุคโบราณทั้งนั้น ไซซี ที่ได้ฉายาว่ามัจฉาจมวารี หวังเจาจวินที่ได้ฉายาว่า ปักษีตกนภา เตียวเสี้ยนที่ได้ฉายาว่าจันทร์หลบโฉมสุดา และแม้กระทั่งหยางกุ้ยเฟย ที่ได้ฉายาว่ามวลผกาละอายนาง ทั้งสี่นางล้วนเป็นคนสวยที่สุดในแผ่นดินของยุคโบราณเมื่อหลายพันปีก่อนทั้งสิ้นเลยนะ” คำกล่าวเสียยืดยาวของอีกฝ่ายทำให้มี่อิงก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่ยกขึ้นมาพูดให้ฟังอยู่ดี “แล้วสี่สาวงามเกี่ยวอะไรกับหนูด้วยเหรอคะ ฟังอย่างไงก็ไม่เข้าใจ”มี่อิงถามกลับไป และนั่นทำให้อีกฝ่ายยิ้มกว้างออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “ก็หมายความว่า น้องสาวเป็นผู้หญิงสวยที่สุดในแผ่นดินเหมือนในตำนานไงละจ๊ะ เหมาะสมมากที่จะสวมชุดโบราณของทางร้านพี่ พอเห็นหน้าน้องสาวรู้ไหมว่าพี่สาวแทบร้องกรี๊ดลั่นร้านเลย หน้าตาแบบนี้แหละหามานานหลายปีแล้วเพิ่งจะเจอ ก็วันนี้ พี่ให้บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ขอแค่อนุญาตให้ทางร้านพี่ถ่ายแบบน้องสาวเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมทร้านให้พี่ และอนุญาตนำภาพของน้องไปลงในเว่ยป๋อเพื่อเผยแพร่ ชุดของทางร้านซึ่งมีให้บริการครบจนถึงเครื่องประดับเลยละจ๊ะ” คำกล่าวของอีกฝ่ายเล่นเอามี่อิงกะพริบตาขึ้นลงปริบๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก่อนจะส่งยิ้มแห้งๆออกมา “พี่สาวก็พูดเกินไป หนูสวยก็จริงแต่ไม่ได้สวยที่สุดในแผ่นดินเหมือนสี่สาวงามในตำนานหรอกค่ะ”เธอตอบกลับไป “ไม่เกินจริงหรอกจ๊ะแต่เป็นความจริงที่สุดเลย และขอบอกเลยนะว่าน้องผู้หญิงคนไหนถ้าร้านพี่ถ่ายแบบส่งขึ้นเว่ย ป๋อแล้วละก็ ติดเทรนขึ้นมาทันทีรับรองว่าเอเจนซี่มากมายต้องติดต่อมาหาน้องสาวทันทีเลย”เจ้าของร้านพูดอย่างมั่นใจ “โอ้ย!หนูไม่รับหรอกค่ะพี่ เพราะหนูมีงานประจำทำแล้ว ไม่มีเวลามารับงานนอกอะไรแบบนี้”มี่อิงพูดพลางยกมือปฏิเสธกลับไปเป็นพัลวันท่ามกลางความแปลกใจของอีกฝ่ายเมื่อได้ยินเด็กสาวตรงหน้าไม่สนใจที่จะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง “เอาเป็นว่าเก็บเอาไปคิดก็ได้นะ ว่าแต่ที่พี่สาวพูดออกมาทั้งหมดตกลงจะสวมชุดร้านพี่และอนุญาตให้ถ่ายแบบตามที่บอกเมื่อครู่ได้หรือเปล่าจ๊ะ”เจ้าของร้านถามกลับไปเพื่อต้องการคำตอบอนุญาตจากหญิงสาวตรงหน้าทันที มี่อิงยืนครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ดวงตาสีชามองไปทั่วบริเวณงานเทศกาลชีซี ซึ่งเป็นงานที่เธออยากมาเที่ยวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนยังเด็กคิดว่าต้องมีแฟนแล้วจึงจะมาเที่ยวงานนี้ได้ครั้นเมื่อโตขึ้นและก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จึงได้เข้าใจว่าคนโสดและยังไม่มีแฟนเช่นเธอก็สามารถเดินเที่ยวเทศกาลนี้ได้เช่นกัน “ตกลงค่ะก็ไม่ได้เสียหายอะไร วินๆ ด้วยกันทั้งสองฝ่ายเพราะพี่ไม่คิดค่าใช้จ่ายของชุด มิหนำซ้ำยังมีบริการมาพร้อมชุดเครื่องประดับด้วย อีกอย่างอยากเห็นตัวเองในชุดฮั่นฝูเหมือนกันค่ะ ว่าแต่งออกมาแล้วจะเป็นอย่างไง”มี่อิงตอบตกลงกลับไปท่ามกลางความดีใจของอีกฝ่าย “ว้าย!ดีใจจังเลยขอบคุณมากนะ เชิญเข้าร้านเลยจ๊ะ เชิญเข้าไปเลยจะได้รีบแต่งตัวออกไปเดินชมงานและทันเปิดงานตอนสองทุ่ม งานปิดตีสองน้องสาวเดินได้อย่างเต็มที่ไม่จำกัดเวลา แต่จะต้องเอาชุดมาคืนที่ร้านหลังงานปิดแล้วนะจ๊ะ” อือ! หญิงสาวส่งเสียงตอบรับในลำคอก่อนจะถูกอีกฝ่าย เดินนำหน้าพาเข้าไปในร้านพร้อมนำป้ายมาแขวนไว้ด้านหน้า *ขออภัยลูกค้าเต็ม ชุดหมด* บานประตูชั่วคราวของร้านถูกปิดลงทันที พร้อมร่างระหงเริ่มถูกทางร้านจัดการแปลงโฉมจากสาวสวยในยุคใหม่ให้กลายมาเป็นสี่สาวงามในตำนานซึ่งถูกบันทึกเอาไว้ว่ามีความงามเป็นเลิศในแผ่นดิน ท่ามกลางสายตาของจ้าวมี่อิงกำลังมองเสื้อผ้าที่ถูกนำมาจัดเป็นชุดๆ ตามแบบที่ถ่ายอยู่ในหุ่นลงในภาพถ่ายซึ่งเป็นแคตตาล็อกของทางร้าน “พี่ค่ะหนูคิดว่าชุดพวกนี้พร็อบเยอะไปหน่อยและดูรกรุงรังมากเลย เอาแบบธรรมดาไม่ต้องเยอะมากขนาดนี้หรอกค่ะ อีกอย่างทรงผมเหล่าแบบอลังการเหมือนเอาพัดลมมาใส่บนหัว และเหมือนมีปีกสยายแบบนี้ไม่เอานะคะแก่ตายชัก”มี่อิงพูดติงออกไปโดยไม่เสียเวลาครุ่นคิดแต่อย่างใด เจ้าของร้านหยุดชะงักทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น เสื้อผ้าที่นางกำลังจัดสรรออกมาเพื่อเลือกให้หญิงสาวสวมพลันหยุดชะงักคาที่มือของนางไปทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “แต่ชุดที่พี่ขนมาวันนี้เป็นเสื้อผ้าที่เลียนแบบมาจากราชสำนักในราชวงศ์ถังทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ ส่วนใหญ่เป็นชุดของระดับพระสนมชั้นสูงจนไปถึงชั้นเอก พี่กำลังจะช่วยน้องสาวสวมเสื้อผ้าของพระสนมระดับกุ้ยเฟยอยู่นะคะคุณน้อง..ดูสิเนี่ยแต่ละชุดอลังการงานสร้างมากๆ เลยได้คุณน้องสวมเสื้อผ้าให้ต้องขายดีแน่ๆ ถ่ายรูปก็สวยด้วย”เจ้าของร้านพยายามคะยั้นคะยอให้มี่อิงสวมชุดที่นางจัดหามาให้ได้ ในขณะที่ใบหน้าแสนสวยของมี่อิงส่ายไปมาเป็นพัลวัน ยิ่งเห็นยิ่งไม่อยากสวมแม้แต่น้อย “ไม่เอาค่ะพี่สาวลำพังแค่แต่ละชุดมีเจ็ดสีในชุดเดียวกันก็ไม่ไหวแล้ว เอาแบบผสมผสานได้ไหคะเอาแบบพอดีๆ ไม่ต้องเวอร์วังอะไรมาก ขืนให้ใส่ชุดแบบนี้เดินเข้าไปในงานหนูคงเดินได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงหรอกรับรองคอหักตายคากำแพงเมืองลำพังเครื่องประดับบนหัวก็พาลทำให้หนักจะตายอยู่แล้ว แต่งแบบอย่างไงก็ได้ที่มิใช่พระสนมนางในของฮ่องเต้มากเมียแบบนั้น แต่ใส่แล้วสูงศักดิ์ประหนึ่งองค์หญิงหรือสตรีชั้นสูงในสมัยโบราณก็ได้พี่สาว” ครั้นอีกฝ่ายได้ยินเช่นนั้น สีหน้าที่ทำท่าอยากจะตายเสียให้ได้เมื่อครู่แปรเปลี่ยนไปทันที “เออก็เข้าท่านะ ทำไมถึงลืมคิดข้อนี้ไปได้ถ้าเช่นนั้นพี่จะออกแบบให้น้องสาวกลายเป็นสตรีชั้นสูงที่ใครเห็นก็ต้องตกตะลึงตั้งแต่เสื้อผ้ายันเครื่องประดับเลยสิเอา!”เจ้าของร้านพูดด้วยความมั่นใจในฝีมือของนาง “แหะ..แหะ...ดะ..ได้พี่สาวขอแค่อย่าให้มันดูรกรุงรังจนเกินไป แต่ออกมาแล้วสวยสง่าดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นพอ”มี่อิงย้ำกลับไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ “รับรองค่ะคุณน้องว่าสวยเริ่ดยิ่งกว่านางเอกในซีรีส์อีก พี่ขอสัญญาด้วยเกียรติฝ่ายคอสตูมในกองซีรีส์ที่ฟันยอดวิวห้าหมื่นล้านวิวในประเทศของเรามาแล้ว”เสียงของอีกฝ่ายยืนยันสวนกลับมาเช่นกัน จ้าวมี่อิงได้แต่พยักหน้าขึ้นลงครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะยืนมองตัวเองค่อยๆ ถูกจับเกล้าเส้นผมดำขลับยาวสลวยกำลังถูกผู้ช่วยเจ้าของร้าน เกล้าขึ้นเพียงครึ่งศีรษะพร้อมถักเปียเล็กๆ สลับไขว้ไปมาให้เกิดลวดลายปล่อยเส้นผมส่วนที่เหลือยาวสยายและเครื่องประดับผมที่ทำมาจากหยกและทองคำห้อยระย้าในขณะที่ใบหน้าไม่ต้องแต่งเติมอะไรเพิ่มด้วยเพราะสวยเฉี่ยวอยู่แล้ว มีเพียงเติมแป้งผสมรองพื้นสีเดียวกับเนื้อผิวพร้อมลิปสติกสีกลีบบัวให้แน่นกว่าเดิมและแต้มสีแดงลงไปอีกตรงเนื้อปากบริเวณด้านในให้มีมิติแต่พองาม ร่างงามค่อยๆ ถูกสวมชุดฮั่นฝูสีขาวเนื้อผ้าโปร่งบางเบาและสวมทับเสื้อคลุมตัวยาวทำมาจากผ้าไหมสีขาวเงาระยับปักลายหงส์สีเงินด้วยไหมที่สามารถสะท้อนแสงเงาวาวระยับ คาดทับด้วยเข็มขัดผ้าปักลายหงส์เพิ่มความทะมัดทะแมงทีละชิ้น ก่อนจะนำชายผ้าห้อยระย้าจากบริเวณหัวไหล่เสื้อคลุมมาผูกห้อยไว้ที่ข้อมือทั้งสองข้างลงบนเรือนร่างงาม ยามเวลาเคลื่อนไหวร่างกายชายผ้าจะพลิ้วไหวสวยงามเวลาก้าวเดิน“เสร็จแล้วเพอร์เฟคมาก นี่แหละเทพธิดาของเทศกาลชีซี”เจ้าของร้านพูดชมฝีมือตัวเองในขณะที่มี่อิงยืนกะพริบตามองตัวเองที่อยู่ในชุดฮั่นฝูสมัยโบราณ สะท้อนผ่านกระจกเงาด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นตัวเธออยู่ในชุดโบราณเป็นครั้งแรกในชีวิต“นี่ตัวเราหรือนี่! ว้าว”มี่อิงได้แต่พูดเพียงแค่นั้นก่อนจะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายเอ่ยขึ้น ผู้หญิงในยุคถังจะต้องมีดอกไม้ตรงกลางหน้าผากด้วย แต้มสีแดงสดใสลงไปด้วยจะยิ่งสวยมากกว่าเดิมจนละสายตาไม่ได้เลยเชียว
แกรบบบบ!!! ส้นเท้าสัมผัสกับสิ่งของบางอย่างที่ไปเหยียบเข้าด้วยความบังเอิญ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันใดด้วยรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างอยู่ใต้รองเท้าของเธอ“ไปเหยียบโดนอะไรเข้าก็ไม่รู้”มี่อิงพูดพร้อมถอนเท้าออกอย่างรวดเร็วพลางเพ่งสายตามองพื้นเบื้องล่าง หากแม้นหญิงสาวสังเกตจะพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ด้วยพื้นเบื้องล่างในยุคปัจจุบันเป็นพื้นซีเมนต์แต่ในยุคอดีตเบื้องล่างคือพื้นดิน มี่อิงเอื้อมมือลงเก็บสิ่งที่อยู่ใต้เท้านำขึ้นมาจากพื้นก่อนจะพบว่ามีลักษณะเป็นถุงผ้าบรรจุบางอย่างเอาไว้ภายในมีน้ำหนักมากพอสมควร“มันคืออะไร”หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความสงสัยพลางชั่งน้ำหนักถุงผ้าดังกล่าวบนฝ่ามือ“หนักเหมือนก้อนหินเลยวุ้ย”พูดพร้อมหันหลังกลับเดินเข้าไปในประตูเมืองมองหาแสงสว่างเพื่อคลี่ถุงผ้าในมือของเธอ โดยไม่ได้มองทิศทางตรงหน้าแต่อย่างใดว่าบัดนี้มีร่างสูงใหญ่ของบุรุษยืนขวางหน้าเธออยู่ในขณะนั้นพลั่ก! ร่างของมี่อิงปะทะเข้ากับอกกว้างของผู้ชายตรงหน้า ซึ่งเธอมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของเขาเท่านั้น พรืดดด!!! จู่ๆ มี่อิงก็ถูกแรงมหาศาลกระชากท่อนแขนเรียวของหญิงสาวเอาไว้“เจ้านี่เอง!ที่ขโมยถุงเงินของข้าไป!เจ้าหัว
ระหงให้เดินออกมาจากทางเข้าของประตูเมืองฉางอาน หากแต่ครั้งนี้เบาแรงลงไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกขึ้นมาเลยทีเดียว ในขณะที่กำลังถูกลากพยายามขืนตัวเองไปตลอดทางที่กำลังก้าวเดิน ดวงตาคู่งามกวาดสายตาหากลุ่มคนที่เธออาจจะพอรู้จักเพื่อขอความช่วยเหลือไปทั่วบริเวณงานก่อนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ แต่ยังมิทันที่จะเริ่มสังเกตอะไรต่อไป หูของเธอแทบดับเมื่อเสียงของผู้ชายที่กำลังใช้แรงลากเธออยู่ตะโกนก้องขึ้นมาโดยพลัน“เอาม้ามา!ข้าจะกลับจวน!!!”“โอ้ย! อยู่ก็ไม่ไกลแค่ไม่ถึง 50 เมตรด้วยมั้งอีตาบ้านี่ตะโกนออกมาทำไมหูดับแล้วฉัน”มี่อิงพูดพร้อมทำหน้าทำตาคล้ายกำลังหูจะตึงก็ว่าได้ ก่อนจะได้ยินเสียงสั่งการของผู้ชายตรงหน้าเธอขึ้นมาอีกครั้ง“ไปแจ้งกรมอาญาด้วยว่าข้าจะนำส่งนักโทษจากแดนเหนือไปให้”“ขอรับท่านแม่ทัพ!”เสียงของชายมากมายที่อยู่บนหลังม้าต่างส่งเสียงขานรับ ท่ามกลางความแปลกใจของมี่อิง“นี่พวกเขาแสดงละครเวทีอยู่อย่างนั้นเหรอ ถึงได้พูดจาสมัยย้อนยุคแบบนั้น”เธอยืนบ่นพึมพำพร้อมกับรู้สึกว่ามือทั้งสองข้างถูกรวบเข้าหากันพร้อมเชือกกำลังจะนำมามัดมือเรียวสว
หนึ่งชั่วยามผ่านไปท่ามกลางสายตาของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจางเยว่ฉิน กำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกของประตูเมืองฉางอาน ร่างสูงใหญ่ยืนกอดอกพร้อมกวาดสายตาไปทุกทิศทาง แม่ทัพหนุ่มเริ่มกลับมาเป็นปกติหากแต่อาการจุกและเจ็บหน่วงๆ ตรงบริเวณหว่างขายังไม่ทุเลาเสียเท่าใดนัก พร้อมเสียงของทหารคนสนิทซึ่งคอยติดตามรับใช้เอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพนั่งก่อนดีไหมขอรับ ยืนอยู่เช่นนี้จะทำให้อาการเจ็บหน่วงตรงหว่างขาปะทุขึ้นมาอีกได้จะไม่เป็นผลดีต่อตัวท่านหรือว่าจะให้ข้าน้อยไปตามหมอมาดูอาการ”ทหารรับใช้คนสนิทนามว่ากัวเหยียนไฉถามด้วยความเป็นห่วงทว่าดูท่าท่านแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังจะมิได้ฟังคำของคนสนิทแต่อย่างใด ด้วยเพราะภายในใจตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองและต้องการพบสตรีอาภรณ์ขาวเป็นยิ่งนัก“สตรีผู้นี้ช่างหาญกล้ายิ่งนัก..อีกทั้งมีวรยุทธ์ล้ำเลิศถึงขนาดทำร้ายท่านแม่ทัพผู้ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไม่มีผู้ใดทัดเทียม แต่นี่นางกลับเล่นกระหน่ำเข้าจุดดวงใจท่านแม่ทัพจนนิ่งสนิท จุกไปถึงอกเลยทีเดียว”เหยียนไฉรำพึงออกมาเบาๆโป๊ก!!! ปลายดาบที่อยู่ในมือของแม่ทัพหนุ่มที่กำลังถูกเอ่ยถึงกระหน่ำลงบนศีรษะทหารคนสนิททันที“พูดมากจริงนะ!แล้วนี่มายืน
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”มี่อิงตัดสินใจถามกลับไปด้วยความอยากรู้และเพื่อให้แน่ใจอีกฝ่ายพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันพร้อมเอ่ยขึ้น“เจ้าอยากจะถามอะไรข้าเหรอ!”เสียงของคนเป็นเจ้านายตอบกลับมา ในขณะที่คนเป็นบ่าวนั่งเม้มปากสนิทอยู่ใกล้ๆ“ที่นี่คือเมืองอะไร!ตั้งอยู่ที่ไหนอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวในโลกอนาคตถามกลับไปทันทีด้วยความอยากรู้ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบกลับมา“ที่นี่คือเมืองฉางอาน เมืองหลวงของต้าถัง...นี่เจ้าอย่าบอกนะว่าไม่ล่วงรู้แท้จริงแล้วกำลังอยู่ที่ไหน”เสียงของอีกฝ่ายตั้งคำถามกลับมาใบหน้าแสนสวยของสาวยุคใหม่เกิดอาการเหวอขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น ทว่าก็ยังเข้าข้างตัวเองไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินและได้เห็นในขณะนี้คือความจริง“เมืองหลวงฉางอานของต้าถัง! ใช่เมืองที่อยู่ในสมัยราชวงศ์ถังหรือเปล่า”มี่อิงถามกลับไปอือ! อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับอยู่ในลำคอพร้อมพยักหน้าขึ้นลง“ดูท่าเจ้าคงไม่เคยมาที่ฉางอานจึงตั้งคำถามเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นข้าในฐานะชาวเมืองฉางอานก็จะแนะนำเมืองหลวงที่แสนภาคภูมิใจแห่งนี้ให้เจ้าฟัง ว่าที่ซึ่งเจ้ากำลังอยู่ในเวลานี้คือเมืองหลวงฉางอาน แห่งแผ่นดินต้าถังปกครองโดยพระเจ้าถังไท่จงฮ
จวนสกุลเฉียน“โอโห่! คุณหนูเจ้าขางามจังเลยเจ้าค่ะ บ่าวยังไม่เคยพานพบสตรีที่มีความงดงามเช่นนี้มาก่อนเลย”อี๋นั่วพูดออกมาทันใดครั้นเห็นใบหน้าของมี่อิงอย่างชัดเจนในขณะที่เจ้าตัวก้มลงสำรวจตัวเองไปทั่วก่อนจะเงยหน้ามองเพื่อนใหม่ต่างยุคที่กำลังยืนนิ่งมองใบหน้าของเธอจนตาค้างเลยทีเดียว“นี่พวกเธอเป็นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ไม่เคยเห็นผู้หญิงที่มีลักษณะแบบฉันเลยหรือไง”มี่อิงถามกลับไปอย่างสงสัย“ไม่เคยมีเช่นเจ้าแม้แต่ผู้เดียว!”สองนายบ่าวพูดพร้อมต่างส่ายหน้าไปมาอย่างพร้อมเพรียงฉับพลันเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นอยู่ภายในประตูจวน“คุณหนูกลับมาแล้วอย่างนั้นหรือขอรับ”เสียงนั้นดังออกมาก่อนที่ตัวจะมาถึงพร้อมร่างสันทัดสูงไม่ถึง 165 เซนติเมตรก้าวออกมาจากประตูจวนสกุลเฉียน“คุณหนูมาพอดีเลยใต้เท้ากำลังถามหาอยู่ อีกอย่างคุณชายสกุลวะ..หวัง”เอ่ยได้เพียงเท่านั้นพลันต้องเงียบงันครั้นดวงตากระทบเข้ากับร่างงามระหงของมี่อิงซึ่งยืนอยู่เคียงข้างคุณหนูของตนและนั่นทำให้เฉียนจินเอ๋อต้องรีบแก้สถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยเพราะพ่อบ้านประจำตระกูลดันมาเห็นเพื่อนใหม่ของนางเข้าให้ด้วยความบังเอิญ“ถ้าเช่นนั้นข้าจะเข้าไปหาท่านพ่อภายหลัง วัน
หากแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่นิ้วมือเรียวสวยของมี่อิงบริเวณเล็บมือซึ่งถูกฉาบด้วยสีนู้ดชมพูกลีบบัว นิ้วเรียวดั่งลำเทียนและเล็บมือที่ตัดได้รูปสวยครั้นเคลือบด้วยสีสันหวานลออตาดังกล่าว ทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนเฝ้าจับจ้องมิรู้คลายราวกับว่านางอยากแต่งแต้มเช่นนั้นบ้างท่ามกลางสายตาของมี่อิงจนอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “เธอเอาแต่มองเล็บมือของฉันอยู่ตลอดเวลาเลยแสดงว่าอยากมีเล็บแบบนี้ใช่ไหม”หญิงสาวถามกลับไป และนั่นทำให้คุณหนูตระกูลเฉียนตาลุกวาววับขึ้นมาทันที “อือ...เจ้าคาดเดาได้ถูกแล้ว ข้าอยากเรียนรู้การแต่งแต้มเล็บมือเช่นนี้บ้าง อีกทั้งอยากรู้ด้วยว่าจะสามารถหาซื้อสิ่งที่นำมาประทินโฉมนี้ได้จากที่ใดกัน อีกทั้งเครื่องประทินโฉมที่เจ้าใช้จนขับดวงหน้าสวยงามอะไรเช่นนี้ซื้อมาจากแหล่งใดบอกข้าได้หรือไม่ ข้าอยากรู้บางทีถ้ามีเครื่องประทินโฉมดั่งเจ้าอาจทำให้ข้าได้ออกเรือนเร็วขึ้น”คุณหนูตระกูลเฉียนพูดออกไปอย่างไม่อ้อมค้อมต่อหน้าเพื่อนใหม่ของนาง มี่อิงแทบจะสำลักน้ำชาที่กำลังจิบอยู่ในขณะนั้นออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “นี่เธอ!อะไรจะรีบด่วนออกเรือน ปีนี้อายุเท่าไรกันเชียวทำไมถึงอยากมีสามีเร็วถึงเพียงนี้ทั้งๆ ที่อา
ยามอิ๋น บริเวณบนกำแพงเมือง รอยฟันกัดอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นแผลฝังลึกบนฝ่ามือของแม่ทัพหนุ่มรูปงามจางเย่วฉินเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของเขา มิหนำซ้ำยังทำร้ายจุดอ่อนอันเป็นจุดตายของบุรุษทุกคนจนเกือบหมดรูปสิ้นชื่อไปเลยทีเดียว ดวงตาสีนิลกาฬคู่สวยเฝ้าจับจ้องอยู่กับผ้าพันแผลรอบฝ่ามือใหญ่ท่ามกลางสายตาของทหารคนสนิท “ท่านแม่ทัพยังเจ็บอยู่อย่างนั้นเหรอ”กัวเหยียนไฉเอ่ยถามพร้อมเอียงคอมองไปมา ฮึ่มมม!!! เสียงคำรามดังเบาๆ อยู่ในลำคอของแม่ทัพหนุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับมามองทหารคนสนิทของตนเขม็ง เอือก!!! กัวเหยียนไฉกลืนน้ำลายลงคอทันใดเมื่อแม่ทัพหนุ่มหันกลับมาจ้องตนเช่นนั้น “แผลเล็กน้อยเพียงแค่แมวข่วนจะทำให้ข้ารู้สึกเจ็บเจียนตายได้อย่างไร! ถ้าบอกว่าเจ็บใจสิจึงจะถูกเสียมากกว่า! แล้วนี่อะไรหามาทั้งคืนแล้วยังไม่เจอตัวกันอีก สตรีตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวแต่ทหารของข้านับร้อยชีวิตกลับหาไม่เจอช่างน่าละอายสิ้นดี!”แม่ทัพหนุ่มกล่าวอย่างหัวเสีย “โธ่! ท่านแม่ทัพหาจนไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดีแล้ว ค้นหาทั่วทุกบ้านและร้านค้าจนชาวเมืองพากันแตกตื่นกันไปทั่ว ถามกันให้วุ่นวายว่าเกิดเหต
ตุบ! ตุบ! สองมือตกลงข้างลำตัว อาการดิ้นรนพยายามตะเกียกตะกายค่อยๆ สงบลงและหยุดนิ่งไปในที่สุดเมื่อลมหายใจของมันหลุดลอยออกจากร่าง ครั้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ เช่นนั้น สองมือที่ออกแรงดึงสายแส้ดังกล่าวปล่อยลงทันใด พร้อมยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดูเมื่อรู้สึกเจ็บที่ฝ่ามือดังกล่าว สายแส้บาดลึกเข้าไปในฝ่ามือนุ่มนิ่มคู่นั้นจนทำให้เกิดบาดแผล เต็มไปด้วยโลหิตแดงฉาน จางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงถึงกับส่ายหน้าไปมาทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น “เพียงแค่ออกแรงน้อยนิดมือนี้กลับแตกยับเต็มไปด้วยโลหิตถึงเพียงนี้เชียวเหรอ”แม่ทัพหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่แล้วกลับต้องตาเหลือกลานขึ้นมาทันที รีบวิ่งออกจากห้องขังตรงดิ่งไปที่ห้องฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว “นางมารน้อย!”จางเย่วฉินร้องเรียกจ้าวมี่อิง ก่อนจะหยุดยืนมองโซ่ตรวนที่ใช้คล้องอยู่หน้าประตูมีแม่กุญแจขนาดใหญ่ในยุคสมัยนั้นคล้องเอาไว้ ครั้นมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าห้องขังและได้เห็นทุกอย่างชัดเจนและเต็มตาเช่นนั้น จางเย่วฉินค่อยๆ ส่ายใบหน้าแสนสวยของจ้าวมี่อิงไปมาติดต่อกัน พร้อมกับเงยหน้ามองร่างของตัวเองที่กำลัง
“ว้าว! ทำไมตัวของฉันถึงได้เก่งอะไรเช่นนี้! เก่งจัง! เก่งจัง!”หญิงสาวชื่นชมตัวเองออกมาไม่ขาดปากพลางส่ายตัวที่ทั้งใหญ่และหนาของจางเย่วฉินไปมาตรงหน้าเจ้าของร่าง “นี่เจ้าทำอะไรนะ! หยุดส่ายตัวของข้าไปมาแบบนั้นได้แล้ว! ช่างน่าเกลียดสิ้นดี..ข้าเป็นถึงชายชาติบุรุษกลับแสดงอาการดั่งเช่นสตรีแบบนี้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”จางเย่วฉินคำรามเสียงต่ำๆ อยู่ในลำคอบอกจ้าวมี่อิงกลับไป “จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนก็เชิญเถอะยะ! ไม่เกี่ยวกับฉันเสียหน่อย บังเอิญหน้าไม่เยอะมีหน้าเดียวแต่ดันหน้าหนามากกว่าชาวบ้านทั่วไปก็เลยไม่สะทกสะท้าน และอย่าหวังว่าจะเอาร่างของฉันไปทำอะไรไม่ดีไม่ร้ายนะเพราะฉันจะตามติดคุณไม่ให้คลาดสายตาเลย”มี่อิงยืนลอยหน้าลอยตาตอบอีกฝ่ายกลับไป “นะ...นี่..นี่เจ้า!”จางเย่วฉินอยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้เมื่อถูกร่างของตัวเองแต่เป็นวิญญาณของคนอื่นตอกหน้ากลับมาเช่นนั้น โดยเฉพาะในเวลานี้วิญญาณของทั้งสองดันมาสลับอยู่คนละร่างด้วยแล้ว หนทางแก้อื่นใดก็ยังไม่มี มีทางเดียวเท่านั้นคือต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเพื่อหาหนทางให้ดวงวิญญาณกลับคืนเข้าร่างตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แม่
“นี่พวกเจ้าสองคนคิดว่าข้าจะหลงเชื่อแผนการตื้นๆ ที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ! บอกเลยนะว่าพวกข้าล้วนเป็นคนฉลาดไม่มีทางหลงกลผู้ใดง่ายๆ หรอกนะ เถียงกันมากนักจับพวกมันกรอกยาสะจะได้เลิกบ้าเสียที!”เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนก้องแทรกขึ้นมา ร่างของลูกสมุนของเจ้าอ้วนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ต่างพากันเดินออกมาข้างหน้าพร้อมถาดไม้ซึ่งมีชามสองใบ มีกลิ่นของตัวยาโชยออกมาลอยฟุ้งเป็นควันขาว จนจางเย่วฉินซึ่งอยู่ในร่างของจ้าวมี่อิงได้กลิ่นยาดังกล่าวอย่างชัดเจน “นี่มันกลิ่นจี้หยี่หวัน ยาลบเลือนความทรงจำ”จางเย่วฉินรำพึงอยู่ภายในใจ ด้วยเพราะในสงครามจะใช้ตัวยาดังกล่าวนำมาลบเลือนความจำของศัตรูอีกฝ่าย เมื่อสามารถสอบเค้นความจริงออกมาได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะใช้ยาตัวดังกล่าวให้อีกฝ่ายดื่มเพื่อทำลายความทรงจำซึ่งเป็นตัวตนดั้งเดิมทั้งหมดเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายของตัวเอง ก่อนจะปล่อยตัวกลับไปเพื่อหาข่าวและรายงานให้กับต้าถัง “จัดการให้นางผู้หญิงกินยาก่อนแล้วค่อยไปจัดการผู้ชาย นางคนนี้พิษสงของมันไม่มีสมคำร่ำลือหรอก คนของพรรคมารโลหิตมันมีดีก็แค่เปลือกนอกที่แลดูน่ายำเกรงเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ม
บ้านพ่อค้าทาสบริเวณรอบนอกของเมืองลั่วหยาง เป็นหมู่บ้านชนบทตั้งอยู่ประปรายกระจัดกระจายไปตามพื้นที่ก่อนจะเข้าเขตเมืองที่เคยถูกสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงมาแล้วหลายราชวงศ์ในยุคก่อนหน้านั้น และหนึ่งในจำนวนหมู่บ้านที่อยู่รอบนอกของเมืองลั่วหยางเป็นสถานที่พำนัก ของกลุ่มพ่อค้าทาสซึ่งมีอาชีพจับชาวบ้านทั่วไปนำไปขายที่ตลาดค้าทาสในเมืองฉางอานโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่เต็มใจขายตัวเองแต่อย่างใด พวกมันไม่ใช้เงินซื้อตัว แต่กลับใช้กำลังของชายฉกรรจ์ที่มีมากกว่าจับคนทั่วไปที่มีชีวิตอิสระนำมากักขังจนไร้สิ้นอิสรภาพ จากคนธรรมดาทั่วไปต้องกลายเป็นทาสของผู้อื่นด้วยความจำยอม พวกพ่อค้าทาสโดยการนำของหยวนซือเปา ชายร่างยักษ์ที่มีความอ้วนและร่างสูงใหญ่เป็นเอกลักษณ์ กรอบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครายาวรกรุงรังไร้สิ้นการตัดแต่งแต่อย่างใด เอกลักษณ์ของคนผู้นี้คือเคราที่ยาวเฟื้อยจะถักเปียแยกออกเป็นสามสาย มีเสียงใหญ่และโวยวายชอบใช้น้ำเสียงของตนข่มขวัญผู้อื่นให้กลัวเกรง แต่ในความเป็นจริงแล้วโดยเนื้อแท้หยวนซือเปาเต็มไปด้วยความขลาดและโง่เขลา ภายในบ้านพ่อค้าทาสมีขนาดพื้นที่กว้างขวาง ใหญ่โตกว
ดวงตาปูดโปนจ้องเขม็งไปที่ร่างของหญิงสาวชาวบ้านทั้งสามนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งยวด มือใหญ่กำแส้ที่อยู่ในมือยกขึ้นชี้หน้าทันที “บังอาจมากนักนะ! ที่หนีจากการปกครองของข้าไป! เป็นทาสของข้าหาญกล้าหลบหนีเช่นนี้เห็นทีจะเลี้ยงต่อไปไม่ได้เสียแล้ว”เจ้าคนร่างยักษ์พูดโกหกหน้าตาเฉยในขณะที่หญิงชาวบ้านต่างพากันกลัวจนลนลานครั้นได้ยินเช่นนั้น “โกหก!”เสียงของสตรีดังแทรกขึ้นมาทันที ทุกสายตาหันกลับไปยังทิศทางของเสียงเป็นตาเดียวกัน และพบว่าร่างของสตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์ดำสลับแดงกำลังกระโดดข้ามหน้าแดงมาอย่างคล่องแคล่ว หลังจากซ่อนตัวอยู่ในถังไม้แต่แล้วก็ทนไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้ชายหน้าด้านกลุ่มนั้นที่พยายามทำให้ทุกคนเชื่อว่า หญิงชาวบ้านทั้งสามเป็นทาสของตนที่หนีมา “โอโห่!”เสียงเอ็ดอึงดังขึ้นครั้นเห็นความงามของสตรีสาวชุดดำ แต่แล้วผู้คนภายในโรงเตี๊ยมกลับต้องเงียบงันเมื่อหลายอย่างเป็นตัวสตรีสาวตรงหน้าบ่งบอกว่าเป็นคนมาจากพรรคมารโลหิต โดยเฉพาะปานแดงรูปเปลวไฟตรงกลางหน้าผาก แต่ละคนพร้อมใจก้าวเดินถอยหลังไปยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเข้าให
โรงเตี๊ยมมือบุรุษทั้งใหญ่และหนาหากแต่มีนิ้วเรียวยาวสวย ทว่ากลับผ่านการทำศึกสงครามมาแล้วอย่างโชกโชน กำลังเอื้อมหยิบจับถ้วยชาตรงหน้าที่มีไอควันขาวลอยขึ้นสูง ก่อนจะยกขึ้นจิบทีละน้อยเพื่อบรรเทาความหนาวเย็น ผู้บัญชาการทหารแห่งต้าถังจางเย่วฉิน กำลังนั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยมซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเทือกเขาไถ่ซานไม่ถึง 100 ลี้ หากมองจากโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะเห็นเทือกเขาไถ่ซานสูงเสียดฟ้าอยู่ตรงหน้าไม่ไกลเท่าใดนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วถ้าควบม้าเร็วจะใช้เวลาประมาณครึ่งวัน หากเดินเท้าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน อีกทั้งบริเวณแถบนี้หิมะยังไม่ตกลงมามีเพียงความเย็นยะเยือกเท่านั้นที่แผ่ปกคลุมจนจับขั้วหัวใจ ภายในโรงเตี๊ยมดังกล่าวมีคนเข้าพักประปราย ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเดินทางจากเมืองลั่วหยางไปนครฉางอาน เทือกเขาไถ่ซานอยู่นอกเมืองลั่วหยาง เป็นเส้นทางลัดที่จะผ่านไปเมืองหลวงฉางอาน จึงทำให้โรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่เคยขาดไร้ผู้เข้าพักแรมค้างคืนแต่อย่างใด ทุกคนที่จะเดินทางไปฉางอานจะต้องแวะพักที่นี่กันแทบทั้งสิ้น และผู้คนจากนครอันมั่งคั่งจะเข้าเมืองลั่วหยางก็จะพากันแวะพักที่นี่เช่นเดียวกัน “อาหารที
ในขณะที่แส้ถูกเหวี่ยงตรงเข้าตวัดร่างของจ้าวมี่อิง แม่ทัพแห่งต้าถังซึ่งยืนสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังของจ้าวมี่อิงตลอดเวลา รีบเร้นกายกระโดดข้ามศีรษะของหญิงสาวใช้มือทั้งสองข้างของตนเองตรงเข้าตวัดปลายแส้ก่อนจะถึงร่างมี่อิงเอาไว้ได้อย่างฉิวเฉียด “นางมารน้อยหลบไป!!!”จางเย่วฉินตะโกนบอกมี่อิงเสียงดังก้อง จ้าวมี่อิงซึ่งยืนขาแข็งทำอะไรไม่ถูกอยู่ในขณะนั้น ได้ยินผู้ชายร่างใหญ่ที่กระโดดเข้ามาขวางตรงหน้าและจับสายแส้ที่กำลังจะตวัดร่างของเธอเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ครั้นได้ยินเสียงสั่งดังก้องออกมาเช่นนั้น หญิงสาวไม่รอช้ารีบหลบตามคำสั่งอย่างว่องไว “OK! OK! รีบหลบเดี๋ยวนี้เลย! วิ่งก่อนแล้วเว้ย!!!!”จ้าวมี่อิงพูดพร้อมรีบวิ่งหนีให้ตัวเองพ้นไปจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาของเจ้าอ้วนร่างยักษ์ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตกำลังจับจ้องมี่อิงตาไม่กระพริบ เมื่อมีคนออกหน้ากระโดดรับสายแส้แทนเหยื่อของมัน “แส้สามสายจัดการ!!!”เจ้าอ้วนตะโกนสั่งลูกสมุนของมันดังก้อง ทันทีที่เจ้าอ้วนร่างยักษ์ตะโกนสั่งเช่นนั้น ลูกสมุนที่เหลือตวัดแส้ที่อยู่ในมือของทุกคนพุ่งตรงเข้าไปที่ร่างมี
“นึกเอาไว้แล้วว่าทำไมจึงมีรอยแปลกๆ ที่แท้ก็มีโพรงนี่เอง ลำต้นใหญ่ขนาดนี้ท่าทางข้างในคงจะมีพื้นที่พอจะเข้าไปหลบได้สามสี่คนเลยทีเดียว”เสียงของพ่อค้าทาสเอ่ยพร้อมล้วงเข้าไปในอกเสื้อหยิบท่อนไม้ไผ่เล็กๆ เปิดจุกออกเป่าลมลงไปเพียงไม่กี่ครั้งเกิดประกายไฟขึ้นมาทันใด “หัวหน้าท่านระวังด้วยนะภายในโพรงมีอะไรบ้างก็ไม่รู้”เสียงลูกน้องร้องเตือนตามหลัง “ข้ารู้แล้วนะไม่งั้นจะเป็นเจ้านายพวกเจ้าได้อย่างไงในเมื่อข้าเฉลียวฉลาดกว่าอยู่แล้ว”พ่อค้าทาสตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะมุดศีรษะเข้าไปในโพรงไม้ตรงหน้า ฟู้วววว!!! ทันทีที่ยื่นหน้าเข้าไปในโพรงมีบางอย่างพวยพุ่งเข้าใส่เต็มแรง อ๊าคคคค!!! เสียงโหยหวนดังกึกก้องด้วยบริเวณใบหน้าและดวงตาถูกสเปรย์พริกไทยของมี่อิงฉีดเข้าให้อย่างจัง เกิดอาการแสบร้อนไปทั่วผิวหน้า โดยเฉพาะดวงตา ร่างของพ่อค้าทาสนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่กับพื้น “ข้าถูกงูพ่นพิษ! ช่วยข้าด้วย! ช่วยด้วย!”เสียงพ่อค้าทาสร้องคร่ำครวญให้ช่วยจนเสียงหลง ท่ามกลางอาการตื่นตระหนกของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ในขณะนั้น “ไอ้พวกโง่ไม่ได้ยินหรืออย่างไง! มาพยุงข้าออก
ยุคอดีต หยุนไถ่ซานในอดีตคือป่าดงดิบเต็มไปด้วยต้นไม้สูงอายุนับพันปีสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก สายลมพาดผ่านมาพร้อมกับความหนาวเหน็บเย็นยะเยือกจับไปจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว ด้วยเพราะเวลานี้คือฤดูหนาวเกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จนใบไม้และยอดหญ้าเริ่มปกคลุมเต็มไปด้วยสีขาวโพลนทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันร่างระหงของจ้าวมี่อิงค่อยๆ ปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งยืนต้นมานานหลายร้อยปีจนถึงยุคสมัยราชวงศ์ถังและยังคงยืนสูงตระหง่านท่ามกลางกาลเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปจวบจนถึงปัจจุบันมีอายุพันกว่าปีเลยทีเดียว ร่างระหงยังคงนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องอยู่เช่นนั้น กล่องกระดาษที่มีข้าวของสำคัญต่างๆ ก็ปรากฏติดตามมาด้วยเช่นกัน เกล็ดหิมะเริ่มโปรยปรายหนักขึ้นอากาศเย็นยะเยือกเข้าไปทุกขณะ เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเกาะพราวตามขนตาและเริ่มกะพริบขึ้นลง พร้อมร่างแน่งน้อยเริ่มขดตัวงอเข้าหากันด้วยความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู ในขณะที่เธอสวมชุดโบราณในบทบาทนางมารเพื่อถ่ายทำซีรีสสั้นๆ เพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น จะสามารถป้องกันอากาศหนาวเหน็บเช่นนี้ได้อย่างไรกันเชียว “อือ! อือ! ทำไมหนาวจัง..หนา