เทศกาลชีซี
เทศกาล "ชีซี" ตรงกับวันแรม 7 ค่ำ เดือน 7 ซึ่งจะตรงกับเดือนสิงหาคม ตามปฏิทินสากลในแต่ละปีวันจัดงานเทศกาลดังกล่าวจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าขึ้น 7 ค่ำตรงกับวันที่เท่าไรในเดือนสิงหาคมของแต่ละปีนั่นเอง ตามตำนานของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า ถือเป็น "วันวาเลนไทน์จีน" ยังมีชื่อเรียกอื่นเช่น "ชีเฉี่ยวเจี๋ย" เทศกาลขอให้ประสิทธิประสาทความประณีตละเอียดอ่อน "เซ่าหนี่ว์เจี๋ย" เทศกาลเด็กสาว หรือ "หนี่ว์เอ๋อร์เจี๋ย" หรือเทศกาลหญิงสาว
พอถึงวันที่ 7 เดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน บรรดาหญิงสาวก็จะเตรียมด้ายหลายๆ สีและเข็ม 7 เล่ม หากใครสามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มทั้ง 7 เล่มได้ ก็จะเป็นผู้มีฝีมือในด้านการเย็บปักถักร้อยเหมือนสาวทอผ้าในนิทาน และจะมีการอวยพรให้มีความสุข ร่างระหงของจ้าวมี่อิงเดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยๆ แถวหุยหมินเจีย ซึ่งเป็นถนนคนเดินดั้งเดิมของชาวจีนมุสลิม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซีอาน สองข้างทางบนถนนมีร้านรวงขายของทั้งอาหารพื้นเมืองอย่างของแห้งและขนมมากมาย มี่อิงทานอาหารเช้า กลางวันและเย็นรวดเดียวเสร็จสรรพในมื้อเดียว ภายในมือของหญิงสาวถือถ้วยไอศกรีมเดินตักกินไปด้วยตามท้องถนนที่ถูกประดับประดาด้วยแสงสีมากมายเนื่องด้วยเทศกาลชีซี และสองขาเรียวยาวหยุดลงทันใดเมื่อสายตามองตรงไปเบื้องหน้า เห็นแผ่นป้ายขนาดใหญ่ระบุสถานที่จัดงานเทศกาลชีซีในปีนี้ “เทศกาลชีซีในปีนี้จัดขึ้นที่กำแพงเมืองซีอานอย่างนั้นเหรอ”หญิงสาวอ่านข้อความบนป้ายประกาศ และแผนที่เดินทางไปสถานที่จัดงานก่อนจะรีบตักไอศกรีมที่ถืออยู่ในมือใส่ปากของตัวเองจนหมด พร้อมเรียกแท็กซี่เดินทางไปยังสถานที่จัดงานเทศกาลชีซีในปีนี้อย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานร่างระหงของจ้าวมี่อิง มาหยุดยืนมองกำแพงเมืองซีอานซึ่งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังและถูกบูรณะมาเรื่อยๆ จากหลายราชวงศ์และสร้างต่อเติมครั้งใหญ่ในสมัยราชวงศ์หมิงบริเวณทางเข้าของประตูโบราณถูกตกแต่งด้วยไฟหลากสีมากมายตลอดความยาวของกำแพง อีกทั้งยังถูกประดับประดาด้วยโคมแดงและดอกไม้นานาพรรณไปทั่วทั้งงาน ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปตลบอบอวลเป็นวงกว้างและสวยงามตระการตาอย่างยิ่งยวด ภายในงานเต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างย้อนไปในสมัยโบราณตั้งแต่เดินเข้าลอดเข้าประตูกำแพงยาวไปตลอดแนวเลยทีเดียว จนผู้คนที่มาเที่ยวงานดังกล่าวต่างใช้โทรศัพท์มือถือของตนหรือกล้องชั้นดีถ่ายภาพเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ครั้นแหงนหน้ามองไปด้านบนประตูของกำแพงเมืองพบป้ายขนาดใหญ่แขวนไว้เห็นอย่างเด่นชัด เชิญเที่ยวงานเทศกาลชีซี ณ เมืองจำลองฉางอาน ดื่มด่ำกลิ่นอายของแผ่นดินในยุคราชวงศ์ถัง “ว้าว! เข้าท่าแฮะที่ซีอานจัดเทศกาลชีซีแบบย้อนยุคไปในราชวงศ์ถังเสียด้วย น่าสน น่าสน”มี่อิงไม่รอช้าเดินตรงปรี่ไปยังกำแพงเมืองซีอานที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยคู่รักทั้งวัยหนุ่มสาว วัยผู้ใหญ่จนกระทั่งวัยชราต่างพากันทยอยเข้ามาร่วมชมและเดินเที่ยวงานเทศกาลชีซีกันอย่างคับคั่ง ในขณะที่ดวงตาสีชาเริ่มสังเกตเห็นคนที่มาร่วมงานต่างแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าในสมัยโบราณด้วยกันทั้งสิ้น บางคนที่มิได้ใส่ชุดโบราณดังกล่าวก็มาเช่าชุดอยู่ตรงหน้างานซึ่งมีให้บริการนับสิบๆ ร้าน แต่ละร้านตกแต่งและสร้างบรรยากาศในยุคโบราณสมัยราชวงศ์ถังราวกับว่ากำลังอยู่ในยุคนั้นก็มิปาน ครั้นมี่อิงเห็นเช่นนั้นอดไม่ได้ที่จะถามไถ่กลุ่มหญิงสาววัยแรกรุ่นที่มาด้วยกันหกคน ซึ่งกำลังต่อคิวเช่าชุดโบราณอยู่บริเวณประตูทางเข้าด้านหน้าก่อนจะเข้าไปภายใน คนสวยเดินตรงเข้าไปถามเด็กสาววัยรุ่นคะเนว่าน่าจะอยู่ระดับมัธยมปลาย “น้องสาวคะต่อแถวยาวเหยียดแบบนี้ทำอะไรกันเหรอ”มี่อิงถามกลับไปด้วยความอยากรู้ กลุ่มสาววัยรุ่นหันกลับมาก่อนจะหยุดชะงักครั้นเห็นหญิงสาวหน้าตาสวยจัดถามไถ่เช่นนั้น “อ่อ...พวกเราต่อแถวเช่าชุดโบราณค่ะพี่สาว จะได้เข้าไปชมเทศกาลชีซีข้างใน”กลุ่มเด็กสาวตอบเธอกลับมา ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นเธอแปลกใจอย่างยิ่งยวดพลางก้มลงมองชุดที่กำลังสวมใส่ของตัวเองพร้อมเอ่ยขึ้น “เข้าไปชมงานด้วยชุดที่เราใส่มาจากบ้านไม่ได้เหรอ จำเป็นต้องเช่าชุดโบราณเพื่อเข้าไปชมเทศกาลด้วยอย่างนั้นเหรอจ๊ะน้องสาว”มี่อิงอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปด้วยความสงสัย “อ่อ..ถ้าใครไม่อยากเช่าชุดก็ไม่ต้องเข้าไปในงานก็ได้ค่ะ ธีมจัดงานในปีนี้คือสวมชุดฮั่นฝูเพื่อเข้ามาร่วมงานในเทศกาลชีซีกันทั้งนั้น บางคนก็แต่งมาจากบ้านเลย บางคนก็มาเช่าชุดตามร้านที่มีให้บริการหรือจะมาเช่าด้านหน้าของงานก็ได้ค่ะ ค่าเช่าอยู่ที่ตัวชุดว่าจะมีเอาแบบธรรมดาชาวบ้านทั่วไปหรืออยากได้ระดับนางสนมชาววังก็มีค่ะพี่สาว แต่ถ้าใครไม่อยากเดินเที่ยวงานก็จะไม่เช่าชุดและพากันกลับค่ะ” กลุ่มเด็กสาวตอบได้ใจความและชัดเจนทำให้มี่อิงพยักหน้าขึ้นลง เมื่อเธอเข้าใจในสิ่งที่กลุ่มเด็กวัยรุ่นบอกกลับมาเช่นนั้น ดวงตาคู่สวยเหลือบมองผู้คนที่มาเที่ยวงานซึ่งกำลังยืนต่อแถวยาวเหยียดเพื่อเช่าชุดโบราณเข้าไปเที่ยวเทศกาลอันเป็นที่นิยมของประเทศและจัดขึ้นพร้อมกันทุกมุมเมือง “แถวยาวเหยียดแบบนี้ไม่ไหวจะต่อคิวกลับดีกว่า”มี่อิงรำพึงอยู่ภายในใจพลางส่งยิ้มสวยกลับไปให้กลุ่มเด็กสาว “ขอบใจมากจ๊ะที่อธิบายให้ฟัง”มี่อิงกล่าวขอบคุณพลางเดินเลี่ยงออกมา “เดี๋ยวคะพี่สาวคนสวย”เสียงของกลุ่มเด็กสาวหนึ่งในนั้นเรียกตามหลัง ร่างระหงหยุดชะงักหันกลับไปมองตามเสียงเรียก พร้อมร่างเล็กๆ ของเด็กสาวนางหนึ่งก้าวเดินออกมา “พี่สาวลองไปเที่ยวชมงานเทศกาลชีซีสักครั้งสิคะ เห็นพี่มาคนเดียวแสดงว่ายังไม่มีแฟนเข้าไปชมเทศกาลแล้วขอพรกับเทพจันทราและเทพธิดาทอผ้าที่อยู่ในงานสิคะ มีอยู่ร้านหนึ่งตรงใกล้ประตูทางเข้าไม่มีลูกค้าไปต่อแถวเลยสักคนเดียว ร้านนั้นแหละคะเขามีบริการเช่าชุดแต่เจ้าของร้านจะยอมให้เช่าก็ต่อเมื่อได้เห็นลักษณะของลูกค้าว่าสมควรสวมชุดของร้านเขาได้หรือเปล่า เงื่อนไขของร้านแบบนั้นก็เลยทำให้มีลูกค้าน้อยมากเลยค่ะ พี่สาวสวยขนาดนี้น่าจะได้สวมชุดของร้านนั้นนะคะ ลองดูนะคะแล้วพบกันในงานค่ะ”เด็กสาวแนะนำมี่อิงกลับมา ใบหน้าสวยพยักหน้าขึ้นลงครั้นได้ยินคำแนะนำเช่นนั้น “ขอบใจมากนะจ๊ะน้องสาวที่แนะนำ”มี่อิงกล่าวขอบคุณกลับไป เด็กสาวส่งยิ้มตอบกลับมาพร้อมหันหลังเดินกลับไปเข้าแถวต่อคิวตามเดิม เด็กสาวกลุ่มนั้นต่างส่งยิ้มให้เธอพลางชี้มือให้ไปร้านเช่าชุดดังกล่าวเป็นการใหญ่ ดวงตาสีชาคู่สวยมองตรงไปตามนิ้วของเด็กสาวกลุ่มนั้นพากันชี้ไม้ชี้มือเป็นการใหญ่ ร้านเช่าชุดดังกล่าวตั้งป้ายไว้หน้าร้านเขียนข้อความบางอย่าง ที่ผู้คนทั่วไปซึ่งตั้งใจมาร่วมงานและตั้งใจเช่าชุดต่างพากันหยุดอ่านก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว บางรายก็ก้าวเข้าไปภายในร้านและเพียงครู่ก็ต้องออกมาในเวลาไม่ถึงอึดใจเช่นกัน “อยากจะรู้เหมือนกันว่าร้านนั้นเขามีเงื่อนไขอะไรมากมายถึงกล้าปฏิเสธลูกค้าที่ต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมากขนาดนี้ เขาไม่อยากได้เงินค่าเช่าชุดอย่างนั้นเหรอแปลกจริงเชียว”มี่อิงพูดพลางก้มลงสำรวจตัวเองเพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง หญิงสาวพาเรือนร่างอรชรเดินตรงไปร้านเช่าชุดโบราณที่ติดป้ายขนาดใหญ่เอาไว้หน้าร้าน ก่อนจะมาหยุดยืนอ่านข้อความบนป้ายดังกล่าว หนุ่มหล่อ สาวสวย รูปร่างดี เชิญข้างใน บริการชุดฮั่นฝูฟรีไม่คิดค่าใช้จ่าย หากคุณคิดว่าหล่อและสวยจริงดั่งเช่นบุรุษและสตรีในยุคโบราณ “โอโห่! ตกลงให้บริการเช่าชุดหรือต้องการสแกนนายแบบ นางแบบกันแน่ เงื่อนไขเหมือนจะคัดเลือกไปถ่ายปกลงนิตยสารหรือถ่ายซีรีส์อย่างไงก็อย่างงั้น”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางหมุนตัวกลับเดินออกจากร้าน ตั้งใจจะเดินทางกลับเข้าที่พัก “น้องสาวเดี๋ยวก่อนค่ะ”เสียงเรียกรั้งร่างไว้ให้รอดังอยู่ด้านหลังยังไม่ทันที่จะได้คำตอบ ร่างงามก็ถูกคร่อมทับกักตัวไว้ใต้ร่างของสามี ก่อนจะโดนประกบจูบลงมาอย่างเรียกร้องและร้อนแรง ร่างงามสั่นสะท้านไปกับรสจูบที่ถูกมอบให้ เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวรัดดูดดึง จุมพิตแสนวาบหวามถูกบดเคล้าคลึงลงบนริมฝีปากอิ่มช้ำที่บวมเป่งของนางอย่างเร่าร้อน แม่ทัพหนุ่มเฝ้าจูบพลางขบเม้มเคลียคลอไม่ห่างกาย ก่อนจะประคองใบหน้าสวยไว้ในมือ มองจ้องสบดวงตาสวยหวานก่อนจะก้มลงที่ข้างหูของหญิงสาวเพื่อบอกรัก “ข้ารักเจ้ามากเลยรู้ไหมอิงอิง” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกรักอย่างเว้าวอน แม่ทัพหนุ่มจับเรียวขาคู่งามให้แยกออกจากกันแล้วพาร่างใหญ่ของเขาแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างขาแทน “เป็นของข้านะ” จางเย่วฉินกระซิบบอกเสียงแหบโหย มี่อิงนอนมองสามีของนางอย่างเขินอายยามเมื่ออีกฝ่ายบอกรักออกมา หัวใจของนางพองโตจนคับอก ในเมื่อเธอเองก็แต่งงานกับเขาแล้ว จะยังไงก็ต้องตกเป็นภรรยาของเขาอยู่วันยังค่ำนี่ยังต้องมาขอกันอีกเหรอ หญิงสาวคิดในใจพลางก้มหน้างุดด้วยความอาย “ข้าก็เป็นของท่านคนเดียวมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่”หญิงสาวอ้อมแอ้มตอบออกไปด้วยความเขินอาย แม่ทัพหนุ่มยกยิ้มขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะประคองท่อนล
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จางเย่วฉินจับตัวมี่อิงให้พลิกกลับมาแล้วประกบจูบลงบนริมฝีปากของนางทันที แม่ทัพหนุ่มพรมจูบเนิ่นนานหมายดูดกลืนความหอมหวานอย่างไม่รู้เบื่อ จูบของจางเย่วฉิน กำลังจะทำให้อิงอิงแทบหมดลมหายใจเสียให้ได้เลยทีเดียว นางต้องอ้าปากหอบอย่างอ่อนแรงเมื่อเขาเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาลงไปสูดดมซอกคอหอมละมุนแล้วขบเม้มแผ่วเบาด้วยความหลงใหล ไฟปรารถนาของแม่ทัพหนุ่มโหมกระหน่ำลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ก่อนจะยกมือขึ้นประคองดวงหน้าหวานที่เริ่มแดงขึ้นมา คนหน้าแดงยิ้มเอียงอายกับสายตาร้อนแรงของสามี มือเรียวใหญ่ตรึงใบหน้าของอิงอิงเอาไว้พร้อมมอบจุมพิตแสนวาบหวามและเร่าร้อนมาให้กับนางอีกครั้ง อิงอิงเองเผยอปากรับจูบและตอบสนองสามีหมาดๆ กลับไปอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ลิ้นร้อนระอุดูดดึงเกี่ยวรัดกับลิ้นนุ่มอย่างดูดดื่ม แม่ทัพใหญ่เฝ้าวนเวียนจูบเอา จูบเอา จนความวาบหวามตีขึ้นมาจุกอยู่ตรงช่องท้องของมี่อิง ร่างงามเหมือนโดนมอมเมาด้วยรสจูบจนเหมือนกับว่าร่างกายกำลังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยึดเกาะกายสูงใหญ่เอาไว้แล้วเบียดร่างของตนเข้าหา สติแทบกระเจิดกระเจิงเพราะรสจูบ มือเรียวใหญ่ลูบไล้สร้างความวาบหวามให
จวนสกุลจางจดหมายด่วนส่งมาจากจวนสกุลหลัวเมื่อช่วงหัวค่ำ พร้อมการหายตัวไปของหลัวอี้หลางตั้งแต่ช่วงเช้าของการทำพิธี หนึ่งในเพื่อนเจ้าบ่าวหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อไปจัดการสิ่งสำคัญในชีวิต ก่อนจะมีจดหมายมาส่งถึงมือจางเย่วฉินเพื่อบอกทุกอย่างอยู่ในจดหมายดังกล่าว กระดาษเนื้อบางเบาถูกดึงออกจากซองปิดผนึก พร้อมถูกคลี่ออกอ่านใจความด้านในอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจบลงพร้อมรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง เฮ้อ! เสียงถอนหายใจออกมาอย่างแรงของจางเย่วฉินที่ได้อ่านเนื้อหาดังกล่าวจนหมดสิ้น “เจ้าตัดสินใจเช่นนั้นจริงๆ หรือนี่อี้หลาง ในเมื่อต้องการมีชีวิตแบบนั้นมีหรือที่ข้าจะไม่ส่งเสริมตามคำร้องขอของเจ้าผู้เป็นสหาย ยังไม่ทันมีพิธีแต่งงานแต่เจ้ากลับมีลูกแซงหน้าก่อนข้าไปอีกแล้ว เห็นทีข้าต้องรีบจัดการเรื่องมีทายาทกับอิงอิงเสียแล้ว”แม่ทัพใหญ่พูดพร้อมนำกระดาษจดหมายที่อยู่ในมือจ่อเข้าที่โคมไฟ จนเปลวเพลิงลุกลามเลียเนื้อกระดาษก่อนจะปล่อยลงในภาชนะรองรับที่ทำมาจากกระเบื้องเคลือบ จางเย่วฉินหันกลับไปสำรวจห้องหอของตัวเองที่คืนนี้จะต้องอยู่ร่วมห้องกับ
6 ปีผ่านไป งานเทศกาลชีซี“มาสิ! มาสิ! วิ่งตามข้ามา!” “คุณชายใหญ่! คุณชายรอง! คุณชายสาม คุณชายสี่ คุณชายห้า คุณหนูเล็ก รอบ่าวด้วย!!!!”เสียงของพี่เลี้ยงดังเอ็ดอึงไล่ตามหลัง เด็กชายตัวน้อยทั้งห้าคนและเด็กหญิงตัวน้อยสุดวัยเพียงหนึ่งขวบเท่านั้นที่เพิ่งจะเริ่มหัดเดินได้ไม่นาน ในยามนี้ภายในจวนสกุลจางล้วนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กเล็กๆ ตัวน้อยๆ มากมายซึ่งเป็นผลงานสุดภาคภูมิใจของแม่ทัพใหญ่แห่งต้าถัง แม้ว่าจะแต่งงานช้าแต่กลับมีลูกๆ ที่น่ารักไล่ตามทันบรรดามิตรสหายที่ออกเรือนไปก่อนหน้านั้นหลายปีอย่างน่าอิจฉา ด้วยฮูหยินคนงามให้กำเนิดทายาทติดต่อกันมิหนำซ้ำยังเป็นลูกชายถึงห้าคนเลยทีเดียว ในเวลานี้จวนตระกูลจางไม่เงียบเหงาอีกต่อไปแล้วเมื่อทายาทสกุลจาง ได้ถือกำเนิดติดต่อกันไม่หยุด ซึ่งฮูหยินคนงามได้มอบบุตรชายฝาแฝดให้แก่แม่ทัพใหญ่แห่งต้าถังถึงสองคู่ ท้องสองครั้งแต่ได้ลูกชายมาด้วยกันห้าคน ซึ่งมี่อิงตั้งครรภ์ครั้งแรกก็คลอดลูกชายฝาแฝดถึงสามคนซึ่งมีใบหน้าละม้ายคล้ายพ่อและแม่แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด ครั้นตั้งครรภ์ครั้งที่สองนางก็คลอดบุตรชายชายฝาแฝดสองคนซึ่งมีใบหน้าเหม
บริเวณนอกประตูเมืองร่างอวบอิ่มของหลี่เพ่ยหลิน ในชุดสตรีสาวสามัญชนสีขาวเรียบๆ มีเพียงปิ่นปักผมที่ทำจากหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นของพระบิดาทรงประทานให้เสียบอยู่บนมวยผมเพียงแค่อันเดียวเท่านั้น เครื่องประดับมีค่าอื่นๆ นางปลดออกจากกายไม่นำออกมาสวมใส่ แม้ว่าพระบิดาจะทรงมีเมตตาประทานเครื่องประดับและอัญมณีที่เคยเป็นของนางให้ติดตัวมาด้วย แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่นางเลือกนั่นก็คือปิ่นปักผมที่เสียบอยู่บนศีรษะในเวลานี้เท่านั้น อายุครรภ์สามเดือนกว่าทำให้หน้าท้องเริ่มนูนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ท้องกลมน้อยๆ และร่างอวบในวัยสาว ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ด้วยเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์ ใบหน้างดงามนวลเนียนหมดจดด้วยมีเพียงแป้งผัดหน้าทาไว้เพียงแค่บางเบา ริมฝีปากอิ่มอมชมพูไม่ต้องแต้มสีชาดปากก็น่าจูบอยู่แล้ว คนสวยไม่ต้องแต่งอะไรมากจะสวยน่ามอง แต่ถ้าหากแต่งเกินความพอดีแทนที่จะงามกลับถูกชายตาอย่างหมางเมิน หลี่เพ่ยหลินยืนเล่นก้านดอกหญ้าอยู่ข้างๆ รถม้า เฝ้ารอหลินซีบ่าวรับใช้คนสนิทของนางกลับมาจากซื้อยาในเมืองหลวง หลังจากนั้นก็จะเดินทางบ่ายหน้าไมุ่งตรงไปที่อู่อี้ซาน โดยหันหลังให้กับประตูเมืองจึงไม่ได้เห็
ในยามนี้ทั่วทั้งนครฉางอานต่างโจษขานเรื่องราวของจวนสกุลอัน ซึ่งเป็นสถานที่พำนักอีกทั้งยังเป็นที่ทำการใหญ่ของกลุ่มกบฏกู้ชาติต้าสุย ถูกกำลังทหารของจางเยว่ฉินร่วมกับกรมอาญา บุกเข้ากวาดล้างได้อย่างราบคาบ โดยหัวหน้าใหญ่กลุ่มกบฏหยางผิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกไฟคลอกภายในห้องนอนของตัวเอง ซึ่งไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงเกิดเพลิงไหม้สังหารขึ้นภายในห้องดังกล่าวนั้นได้ ทว่าหัวหน้ากลุ่มกบฏแม้ว่าจะรอดพ้นจากการถูกไฟคลอกตาย แต่บาดแผลไฟไหม้ช่างแสนสาหัสยิ่งนัก ผิวหนังถูกทำลายเกือบทั้งหมดจนทำให้ใบหน้าผิดรูปจนเสียโฉม ทนทรมานเจ็บปวดจากบาดแผลดังกล่าวเพียงแค่สามวันก็สิ้นใจตายปิดฉากทายาทจากราชวงศ์สุยที่ต้องการกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนอย่างถาวร และทำให้ผู้คนล่วงรู้ความจริงว่าพรรคมารโลหิตแท้จริงแล้วนั้นถูกกลุ่มกบฏกู้ชาติสวมรอยแอบอ้างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์จนทำให้พรรคมารโลหิตถูกทำลายชื่อเสียงอย่างย่อยยับ และกลายเป็นพวกเลวร้ายในสายตาชาวประชามานานหลายสิบปีเหตุการณ์กวาดล้างในครั้งนี้ทำให้ พรรคมารโลหิตหลุดพ้นจากข้อครหาที่ผ่านมาทั้งหมดและได้รับการนับถือยกย่องดั่งเดิม ในขณะเดี