ใกล้พลบค่ำ การประลองจึงเสร็จสิ้นลง ผู้ชนะอันดับหนึ่งคือค่ายทหารทิศเหนือของเมือง ได้รับพระราชทานรางวัลอย่างงามจากฮ่องเต้ฮองเฮา หลังจากนำรางวัลไปไว้ที่ค่ายทหารทิศเหนือแล้ว เหล่าทหารก็โห่ร้องแสดงความยินดี เหล่าแม่ทัพนายกองในค่ายพลอยได้หน้าได้ตาด้วย ยังกำชับให้เหล่าทหารพยายามต่อไปอย่าหยุดยั้ง ฝั่งของผู้ที่แพ้การประลองคิดเพียงแต่จะแก้มือให้ได้ หลังจากกลับเข้าค่าย ก็ตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก ไม่ยอมให้ค่ายทหารทิศเหนือนำหน้าตนเองได้อีก และนี่คือเป้าหมายที่เฟิ่งจิ่วเหยียนจัดการประลองครั้งนี้ ภายในพระราชวัง องค์หญิงใหญ่และเฟิ่งจิ่วเหยียนพักอยู่ในตำหนักชั้นใน พูดคุยกันไม่หยุด “...ฮองเฮา คนที่ท่านเลือกให้ข้านั้น ล้วนแต่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น ข้าไม่รู้จะเลือกคนไหนดี จึงอยากจะรับพวกเขาทุกคนเข้าตำหนัก ให้พวกเขาผลัดกันเป็นราชบุตรเขย ฮ่าฮ่า!” จักเห็นได้ว่า องค์หญิงใหญ่พอใจมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนหวังจะให้นางไตร่ตรองดี ๆ และเลือกราชบุตรเขยที่ดี “หากท่านสนใจ พรุ่งนี้ข้าจะจัดการให้ท่านได้พบกับพวกเขาเป็นการส่วนตัว” “ดีเลย! ตกลงตามนั้น!” องค์หญิงใหญ่ทนรอไม่ไหวแ
เซียวอวี้ส่งลูกชายคนเล็กให้กับแม่นม พี่ชายคนโตเห็นเสด็จพ่อเดินออกมา และน้องชายยังดูร่าเริงสดใสดี จึงคลายความตื่นกลัว ดังนั้น เมื่อถึงตาที่เขาต้องอาบน้ำ เขาจึงไม่กลัวอีกแล้ว เซียวอวี้อุ้มเขาขึ้นมา พลางเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วย “พวกเจ้ามิอาจปิดบังนางได้ตลอดไป “เว้นแต่จะแน่ใจได้ว่าชั่วชีวิตนี้ของนางจะจำเรื่องนั้นไม่ได้อีก “แต่เห็น ๆ อยู่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ “ตอนอยู่ที่แคว้นซีหนี่ว์ อาการก็เกือบจะกำเริบแล้วมิใช่รึ “หากเป็นเช่นนั้น สมควรจะวางแผน ให้นางค่อย ๆ ยอมรับความจริงทีละน้อย อย่าให้นางจดจำเรื่องทั้งหมดได้ในคราวเดียว จนแบกรับไม่ไหว” เฟิ่งจิ่วเหยียนมักจะจัดการกับเรื่องอื่นได้อย่างง่ายดายเสมอ มีเพียงเรื่องของเวยเฉียง ที่นางห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่กล้าตัดสินใจ ทว่านางต้องยอมรับ คำพูดของเซียวอวี้นั้นสมเหตุสมผล “แงแง——” ลูกชายคนโตส่งเสียงร้องไห้อย่างกะทันหัน เฟิ่งจิ่วเหยียนพลันได้สติอีกครั้ง นางหันไปมองที่อ่างอาบน้ำทันที เห็นเซียวอวี้ยิ้มให้นางอย่างเคอะเขิน “ไม่มีอะไร แค่ทำน้ำเข้าตาเขาน่ะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบก้าวไปข้างหน้า “ร
เช้าวันรุ่งขึ้น ซ่งหลีได้แจ้งต่อท่านพ่อท่านแม่ รวมถึงท่านแม่ยายผู้มาเป็นแขก เรื่องที่พวกเขาคู่สามีภรรยาจะเดินทางไปที่เมืองหลวงด้วยกัน หลังจากนายหญิงเฟิ่งออกจากแคว้นซีหนี่ว์ ก็ตรงมาที่จางโจวต่อทันที โชคดีที่ช่วงเวลาเหล่านี้ เวยเฉียงมีนายหญิงเฟิ่งคอยอยู่เป็นเพื่อน จึงไม่มีวี่แววของอาการกำเริบ “ไม่ได้! จะปล่อยให้เวยเฉียงไปที่เมืองหลวงไม่ได้!” ท่าทีของนายหญิงเฟิ่งตื่นตระหนกเป็นพิเศษ ตอนนั้นเวยเฉียงได้เป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์ระยะสั้น ๆ เมื่อนึกถึงอดีต อาการป่วยเกือบจะกำเริบ หากกลับเมืองหลวงตอนนี้ ถือว่าเสี่ยงเกินไป นายหญิงเฟิ่งหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอม ซ่งหลีรู้สึกลำบากใจ “ทว่าข้าได้รับปากเวยเฉียงไว้แล้ว นางเองก็คิดถึงฮองเฮาเช่นกัน หากพวกเราขัดขวางไม่เลิก เกรงว่านางจะเริ่มระแคะระคาย?” นายหญิงเฟิ่งคิดไตร่ตรอง แล้วเสนอแนะ “เมื่อไม่นานนี้ ได้เกิดอุทกภัยในเขตเมืองหลวง เจ้าเพียงเอ่ยกับเวยเฉียงว่า ตอนนี้สถานการณ์ที่นั่นยังไม่คลี่คลาย ค่อยพานางไปทีหลัง ดีหรือไม่?” ซ่งหลีไม่รับประกันว่าวิธีนี้จะได้ผล เขาพูดได้เพียง “ข้าจะลองดู” ทว่า เข
หร่วนฝูอวี้กลืนกินอีกฝ่ายอย่างสุขสม อารมณ์จึงดีขึ้นมาก เพราะเตียงในห้องของนางพังแล้ว จึงให้รุ่ยอ๋องส่งคนไปซื้อเตียงหลังใหม่ รุ่ยอ๋องรับปาก ทว่าเขากลับส่งสายตาออกไปให้องครักษ์ วันนั้น องครักษ์กลับมามือเปล่า “ท่านอ๋อง พระชายา ในตำบลนี้ไม่มีร้านขายเตียงเลยขอรับ” รุ่ยอ๋องจึงแนะนำหร่วนฝูอวี้อย่างใจกว้าง “ก่อนจะซื้อเตียงใหม่ได้ เราก็นอนร่วมห้องกันเถอะ” เขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นบนใบหน้า ดูไม่เป็นพิษเป็นภัย หร่วนฝูอวี้ไม่อยากก่อปัญหาเพิ่มอีก จึงยอมรับข้อเสนอ เพียงแต่ นางก็ล่วงรู้ถึงแผนการในใจของรุ่ยอ๋องด้วย จึงตั้งกฎสามข้อกับเขา นางอยู่กับเขา เพื่อจะได้มีลูก หาใช่เพื่อความสำราญไม่ เวลากลางคืน เตียงนอนจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว หร่วนฝูอวี้นอนหลับอยู่ด้านใน โดยมีงูตัวโปรดนอนหลับอยู่ข้างหมอน เมื่อรุ่ยอ๋องนอนลงบ้าง มันยังหายใจใส่เขา คล้ายจะเป็นการทักทาย เขารู้สึกหมดหนทาง พยายามข่มกลั้นความไม่พอใจ และถามหร่วนฝูอวี้ด้วยรอยยิ้ม “มันจะนอนกับเราด้วยหรือ?” หร่วนฝูอวี้หาวหวอด และเอ่ยอย่างง่วงงุน “ข้าซื้อรังให้มันแล้ว มันกลับไม่ชอบ”
ท่าทางของเซียวอวี้ชัดเจน “รับสิ เมื่อเป็นการยกให้เปล่า ๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับ” เขาอาจจะไม่แตะต้องอาณาเขตของแคว้นซีหนี่ว์ได้ ทว่าแคว้นเสี่ยวโจวและแคว้นเจิ้งนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า หากไม่มีการต่อสู้นองเลือดของทหารหนานฉีแล้ว แคว้นซีหนี่ว์ก็เอาชนะไม่ได้! เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็รับได้อย่างสบายใจ ถึงแม้จะรู้สึกว่าน้อยเกินไปด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ห่วงคือ ความคิดของจิ่วเหยียน “เจ้าคิดอย่างไร?” เขาถามนาง เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้า “หม่อมฉันก็คิดว่าควรจะรับไว้เพคะ” ขณะที่เอ่ย นางก็กางแผนที่ออก และวางไว้บนเตียง ซึ่งทั้งสามเมืองได้ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้านบนแล้ว ครั้นเซียวอวี้ดูแล้ว ก็พอใจอย่างยิ่ง ทว่า มีเรื่องหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจ เขาเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วเหยียน และถามอย่างจริงจัง “เจ้าได้แผนที่มากมายเหล่านี้มาจากที่ใด?” เฟิ่งจิ่วเหยียน : นี่ไม่ใช่ประเด็น! เวลานี้ ลูกชายคนเล็กก็คลานเข้ามาอย่างทุลักทุเล และนั่งทับแผนที่ไว้ใต้บั้นท้าย ก่อนจะปัสสาวะ... “เจ้าเด็กดื้อ!” เซียวอวี้พูดเสียงสูงทันที พร้อมกับอุ้มลูกชายคนเล็กตัวดีขึ้นมา เทียบกับเซี
เยี่ยนอ๋องถูกสังหาร ฆาตกรคืออดีตองค์ชายรองแห่งเป่ยเยี่ยน ฝ่ายหลังได้สะบั้นเยื่อใยกับญาติพี่น้องมานานแล้ว การทำเช่นนี้ ไม่ถือว่าแปลกอันใด เซียวอวี้มีสีหน้าเย็นชา “องครักษ์ข้างกายของเยี่ยนอ๋องอยู่ที่ใด ตายกันหมดแล้วรึ” “ทูลฝ่าบาท ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่บ้าง เป็นพวกเขาที่ชี้ตัวองค์ชายรอง และขอร้องให้ฝ่าบาทช่วยตัดสินแทนเยี่ยนอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” นี่เป็นความประสงค์ของเขาเช่นกัน การสร้างความวุ่นวายในเป่ยเยี่ยนบรรลุเป้าหมายแล้ว เดิมเขาก็ตั้งใจที่จะกำจัดหมากตัวนี้ทิ้งเสียแล้ว ดังนั้น เซียวอวี้จึงอ้างเหตุผลนี้ โดยสั่งให้คนไปจับตัวองค์ชายรองแห่งเป่ยเยี่ยน และประหารโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ชายรองเพียงต้องการใช้ประโยชน์จากหนานฉี เพื่อกลับไปที่เป่ยเยี่ยน และครองอำนาจเช่นเดิม คาดไม่ถึงว่าหนานฉีจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ เพียงสองวันเท่านั้น เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่ทางการจับกุมตัวได้ “ข้าเป็นขุนนางประจำชายแดนที่ฮ่องเต้ฉีแต่งตั้ง! พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ฆ่าข้า!” ตอนที่เขาถูกจับได้ ยังคงวางอำนาจบาตรใหญ่ เจ้าหน้าที่ทางการได้ตัดสินชี้ขาด “เจ้าสังหารเยี่ยนอ๋อง หากไม่ป
ข่าวลือฝาแฝดสร้างหายนะให้แคว้นนับวันยิ่งหนาหูขึ้นเรื่อย ๆแม้นเซียวอวี้จะส่งคนไปสยบข่าว ก็ปิดปากประชาชนได้ยากในวังหลวงเหล่าขุนนางเก่าแก่ร่วมกันลงนามส่งคำร้อง ต้องการให้ฮ่องเต้และฮองเฮาปฏิบัติตามระบอบเดิม ด้วยการส่งองค์ชายรองออกไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข่าวโคมลอยจากภายนอกมีมากเกินไป จำต้องสกัดไว้ก่อน เพื่อให้ประชาชนสงบลงภายในห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้พิโรธคำรามเขาโยนสาส์นฉบับนั้นลงบนพื้น ไม่เสียเวลาอ่านทว่า ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด อัดอั้นในอกจนลนลาน ลมหายใจเริ่มถี่กระชั้นหลิวซื่อเหลียงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ฝ่าบาทสงบลง พลางส่งสายตาให้บุตรบุญธรรมของตนเองไม่นาน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็มานางออกคำสั่งให้คนอื่นออกไป แล้วก้มลงเก็บสาส์นร้องทุกข์บนพื้นขึ้นมาเมื่อเซียวอวี้เห็นนาง คิ้วที่ขมวดมุ่นก็คลายออก ทว่ากลับยิ้มอย่างฝืน ๆ ไม่อยากให้นางกังวล“จิ่วเหยียน เจ้ามาทำไมหรือ?”เขารีบซ่อนสาส์นร้องทุกข์ฉบับอื่นทันที เฟิ่งจิ่วเหยียนก้มลงกวาดสายตาอ่านสาส์นร้องทุกข์ในมือ น้ำเสียงสบาย ๆ“ลงนามส่งคำร้องงั้นหรือ? ตัวอักษรของใต้เท้าเหล่านี้ ช่างเขียนไม่ได้เรื่อง”เซียวอวี้กล่าวเสริม “เห็นด้วย อ่
เฉินจี๋ใส่เสื้อกันฝน สวมหมวกสาน รีบถอดหมวกออก แล้วประสานมือคารวะฮ่องเต้และฮองเฮา“ถวายบังคมฝ่าบาท ฮองเฮา! กระหม่อมกลับมาในครานี้ เพื่อมารับโทษ!”ก่อนหน้านี้เขาคุ้มกันฝ่าบาทได้ไม่ดี เป็นเหตุให้ฝ่าบาทถูกคนเป่ยเยี่ยนจับตัวไป ตนเองยังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาเพิ่งฟื้นคืนสติกลับมา เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้าไม่รอให้บาดแผลหายดี เขาก็รีบกลับมารู้ตัวว่ากระทำผิดครั้งใหญ่ ไม่คู่ควรแก่การเป็นราชองครักษ์เซียวอวี้มองไปทางเฉินจี๋ อย่างไรเสียก็เคยติดตามตนเองมาหลายปี ย่อมรู้สึกผูกพัน“กลับมาก็ดีแล้ว” ในฐานะฮ่องเต้ จึงไม่มีคำพูดชวนซึ้งแต่อย่างใดเฉินจี๋คำนับ รีบมายืนคุ้มกันข้างหลังฝ่าบาทอู๋ไป๋ยืนอยู่ด้านหลังเฟิ่งจิ่วเหยียน ใช้ศอกกระทุ้งเฉินจี๋เบา ๆ ยักคิ้วหลิ่วตาให้เขา ถามเสียงเบา“เจ้าคงเจ็บหนักไม่เบาล่ะสิท่า? ยังสามารถยกดาบขึ้นหรือไม่?”เฉินจี๋มีสีหน้ามั่นคง“แน่นอน”ในคืนนั้น คนกลุ่มหนึ่งเข้าพักในโรงพักแรมเมื่ออู๋ไป๋พูดเรื่องเป่ยเยี่ยนกับเฉินจี๋ เฉินจี๋ถึงได้รู้ที่มาที่ไปที่แท้ ต้องสำหรับกลุ่มคนภายนอกต้องพูดให้ตรงกัน ว่าฝ่าบาทไปทำภารกิจราชทูตที่เป่ยเยี่ยนอย่างลับ ๆฮองเฮาทรงคิดอย่างรอ
เซียวจั๋วไม่ได้หมายปองฮองเฮาจริง ๆ เพียงแค่อยากเอาคืนที่เซียวอวี้เร่งให้แต่งงานเท่านั้นยิ่งเซียวอวี้โกรธมากเท่าไร เขายิ่งสะใจมากเท่านั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนเองก็ดูออก เซียวจั๋วผู้นี้ไม่ต่างอะไรกับรุ่ยอ๋อง เป็นพวกเสือหน้ายิ้มเหมือน ๆ กันคนนิสัยตรงไปตรงมาอย่างเซียวอวี้ ไม่มีทางเอาชนะได้“ฝ่าบาทแค่เป็นห่วงเจ้า คุณชายเซียวไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ส่วนเรื่องชิงบัลลังก์ ล้วนเป็นการกุเรื่องขึ้นมาโดยไร้มูลความจริง ถึงจะแค่ล้อเล่น ก็ไม่ควรนำเรื่องนี้มาพูด” เฟิ่งจิ่วเหยียนเอ่ยเตือนอีกฝ่ายอย่างปกป้องสามีล้อเล่นก็ส่วนล้อเล่น เรื่องสำคัญไม่ควรมองข้ามเพลิงโกรธของเซียวอวี้พลันได้รับการปลดปล่อย กอบกุมมือของเฟิ่งจิ่วเหยียนไว้เซียวจั๋วประสานมือคารวะ“กระหม่อมกล่าววาจาล่วงเกินแล้ว”เซียวอวี้กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ใช่แค่เรื่องบัลลังก์ เจ้าต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน ว่าคนที่อดีตฮ่องเต้เลือกไว้ให้เจ้าคือเฟิ่งเวยเฉียง มาบอกว่าเราแย่งภรรยาของเจ้าได้อย่างไรกัน?”เซียวจั๋วพูดด้วยรอยยิ้มประดับหน้า “ฝ่าบาททรงพูดถูก”……อีกด้านณ เมืองหลวงจากการค้นหาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ในที่สุดเหล่าทหารก็ตามหาเจี