หยวนตั๋วถ่ายอย่างหนักครั้งนี้ ควบคุมไม่ได้เสียจน แทบกลิ้งไปกับกองอุจจาระและปัสสาวะตัวเองเซียวเหิงเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อต้องไม่ปกติแน่!“รีบไปตามหมอมา!”พวกเขาทำอะไรกับลูกชายของเขา!กลับมาถึงจวนตระกูลหยวนองครักษ์แบกหยวนตั๋วกลับเข้าห้องฮูหยินนั่วเฝ้ารอการกลับมาของลูกชายตลอด ยามนี้ลูกชายกลับมาแล้ว นางดีใจอย่างมากแต่ไม่นานนางก็พบความผิดปกติของลูกชายกลิ่นเหม็นคละคลุ้งจนนางแทบเปิดปากไม่ได้ หายใจไม่ออก“ตั๋วเอ๋อร์เป็นอะไร!” นางทำได้เพียงคว้าจับแขนเอ่ยถามสามีสีหน้าเซียวเหิงเองก็เต็มไปด้วยความกระวนกระวายลูกชายที่ดีของเขา สูญเสียแขนไปก่อน ตอนนี้ยังกลายเป็นสภาพแบบนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะคนพวกนั้น!เซียวอวี้! เฟิ่งจิ่วเหยียน!เขาจะไม่มีวันปล่อยพวกเขาไว้แน่!“ท่านบอกมาสิ! ตั๋วเอ๋อร์เป็นอะไร!” ฮูหยินนั่วร้อนใจร้องไห้น้ำตาไหลไม่ขาดสายนางมีลูกชายเพียงคนเดียว เขาเป็นชีวิตของนาง!หลังหมอประจำตำหนักตรวจดูอาการ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเขารีบรายงานทั้งสองคน“นายท่าน ฮูหยิน ร่างกายของคุณชายหยวนตั๋ว เหมือนถูกคว้านกลวงไปทั้งตัวแล้วขอรับ!”ริมฝีปากฮูหยินนั่วสั่นเท
หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับถึงห้อง ก็เห็นเซียวอวี้นั่งอยู่ที่โต๊ะ และดื่มชาติดต่อกันถ้วยแล้วถ้วยเล่าท่าทางนี้ คล้ายกับกำลังดื่มสุราคลายทุกข์เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกสงสัย“เหตุใดยังไม่นอนอีกเพคะ?”นิ้วเรียวยาวของเซียวอวี้โอบรอบถ้วยชา และยกชาในถ้วยดื่มรวดเดียวหมดจากนั้น เขาวางถ้วยลงบนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองไปทางเฟิ่งจิ่วเหยียน และถามนางอย่างจริงจัง“เซี่ยหวั่นเฉินมาทำสิ่งใด?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้ปิดบังเขา“เขาคิดจะพาซุนโฉวไปไว้ในคุกลับ แต่หม่อมฉันไม่ตกลง อย่างไรเขาก็ทำไปตามความรู้สึกปกติของคนทั่วไป...”“จิ่วเหยียน บางทีเจ้าอาจไม่อยากฟัง แต่เราก็ยังอยากจะพูด เซี่ยหวั่นเฉินเป็นรัชทายาทของแคว้นตงซาน มิใช่คนที่เดินเส้นทางเดียวกับพวกเรา”เซียวอวี้สายตาดูเคร่งขรึมเฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งลง “อย่างน้อยตอนนี้ พวกเรายังถือว่าลงเรือลำเดียวกันอยู่ รอจนถามให้รู้ถึงต้นตอของพิษมนุษย์โอสถ พวกเราก็จะกลับหนานฉี”นางให้คำมั่นกับเขา ด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเซียวอวี้มองออกไปนอกหน้าต่าง“พูดตามตรง เราไม่ชอบสายตาที่เขามองเจ้า”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยิน ก็หัวเราะด้วยความโกรธ“นี่เวลาใดแล้ว ท่านยังจะคิดเรื่องพวก
“ฮัดชิ้ว!”เสียวอู่จามออกมาสองวันที่ผ่านมาเขาคอยเฝ้าหยวนตั๋วอยู่ตลอดเวลานับหลังจากถูกเลี่ยอู๋ซินสอบสวน หยวนตั๋วก็กลายเป็นคนเสื่อมสภาพไปแล้วไม่เพียงเสื่อมสภาพทางร่างกาย ยังเสื่อมสภาพทางจิตใจอีกด้วยคนผู้นี้แม้แต่เรื่องการกินดื่มและขับถ่ายก็ไม่อาจควบคุมได้ คนทั้งคนกลายเป็นเซื่องซึมไปแล้วเสียวอู่เคยเลี้ยงไก่ตัวหนึ่งที่ภูเขาหวูหยา ไก่ตัวนั้นจะดูเซื่องเป็นพิเศษ เวลาจับมัน มันจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ทันทีหยวนตั๋วตอนนี้ เซื่องซึมยิ่งกว่าไก่ตัวนั้นเสียอีกไม่ว่าจะทำอะไรกับเขา เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆเสียวอู่เผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ รู้สึกเบื่อหน่ายยังดีที่อู๋ไป๋คอยเฝ้าอยู่ด้วยกันกับเขาเขาชอบอู๋ไป๋อย่างมาก และยอมรับเขาเป็นพี่ใหญ่แล้ว“พี่ใหญ่ ข้าคงมิใช่บุตรชายของหยวนเฟย หรือน้องชายแท้ ๆ ของศิษย์พี่ฮ่องเต้หรอกกระมัง?”อู๋ไป๋ตอบไม่ตรงคำถาม“ข้าก็อยากรู้ว่าท่านพ่อท่านแม่ข้าเป็นผู้ใด”เสียวอู่อยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง“ท่านเป็นเด็กกำพร้าหรือ?”“อืม ตั้งแต่ข้าจำความได้ ก็เติบโตมาในค่ายทหาร เป็นแม่ทัพเมิ่งที่รับเลี้ยงข้า ให้อาหารข้ากิน ให้ข้าฝึกยุทธ์อยู่ในค่ายทหาร ต่อมา ข้าจึงได้ติดตา
เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากที่ฟังความหมายของเซียวอวี้เมื่อครู่ ซุนโฉวยังไม่ตายหรือ?อย่าว่าแต่เฟิ่งจิ่วเหยียนเลย แม้แต่เฉินจี๋ก็สงสัยอย่างมากเช่นกันเขาเข้าใจมาตลอดว่าที่ตนเองนำมาด้วยนั้นคือศพ ยังสงสัยมาตลอดทางว่า เหตุใดแม้แต่ศพฝ่าบาทก็ยังต้องการอีกเซียวอวี้อธิบาย“มีบทเรียนจากความผิดพลาดของเลี่ยอู๋ซิน เราก็ต้องระวังมากขึ้นเป็นธรรมดา“หลังจากเราจับซุนโฉวได้ ก็สอดชิ้นส่วนของศพไว้ที่หน้าอกเขา ลูกธนูดอกนั้นจึงไม่ถึงกับเอาชีวิตเขา”เฟิ่งจิ่วเหยียนเผยรอยยิ้ม“สมกับเป็นฮ่องเต้ของพวกเรา รู้จักเรียนรู้จากความผิดพลาดดีกว่าเลี่ยอู๋ซินเสียอีก”เฉินจี๋ก็เข้าใจแล้วเช่นกัน มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ตอนที่รับตัวซุนโฉวมา จึงรู้สึกว่าทรวงอกของคนผู้นี้ใหญ่เป็นพิเศษยังดีที่ฝ่าบาททรงคาดการณ์ได้ล่วงหน้า มิเช่นนั้นคงพลาดพลั้งไปแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนกวาดตามองรอบ ๆ“กลับไปเรือนพักบนเขาก่อนดีกว่า”......อีกด้านหนึ่งนอกวังใต้ดินฮูหยินนั่วจับปกคอเสื้อของเซียวเหิงไว้แน่น รู้สึกผิดหวังในตัวเขาที่สุด“สิ่งที่ท่านพูดเมื่อครู่ ข้าได้ยินหมดแล้ว! ท่านกล้าพูดว่า ไม่สนใจความเป็นความตายของตั๋ว
ซุนโฉวถูกธนูยิงทันทีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว!เซียวอวี้มองไปทางซุนโฉว ด้วยสายตาคมกริบดุจคมมีดในวินาทีนั้น โดยรอบปรากฏคนชุดดำหลายร้อยคนคนที่เป็นหัวหน้า ก็คือเซียวเหิงเซียวอวี้รู้จักเขาถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะไม่เคยเห็นเซียวเหิงมาก่อน แต่หลังจากได้รู้ประวัติของเซียวเหิงในวันนั้น เขาก็สงสัยว่าเซียวเหิงคงเคยถูกลงโทษโดยการสักหน้า ใบหน้าควรจะเสียหาย จิ่วเหยียนยังเคยวาดภาพของเซียวเหิงให้เขาดูเซียวเหิงอยู่ในชุดคลุม มองเซียวอวี้ด้วยสายตาเยือกเย็น“ฮ่องเต้ฉี ท่านมาที่แคว้นตงซานของข้า เหตุใดถึงได้ดูย่ำแย่เพียงนี้เล่า?”เซียวอวี้ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แสดงการเย้ยหยัน“บางคนหนีมาไกลเป็นพันลี้จนมาถึงที่นี่ หากจะเทียบกับคนผู้นั้น เรายังเทียบไม่ติดเลย”สีหน้าของเซียวเหิงหมองคล้ำลงทันทีตัวตนของเขา นอกจากบุตรชายหยวนตั๋วแล้ว ก็ไม่เคยบอกผู้ใดมาก่อนเซียวอวี้เพิ่งมาถึงแคว้นตงซานไม่นาน จะรู้ได้อย่างไรว่าเดิมเขาเป็นชาวหนานฉี?หรือว่า นี่จะเป็นความบังเอิญ?เซียวเหิงไม่มีเวลาพูดเรื่องไร้สาระเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฮ่องเต้ฉี พวกท่านจับบุตรชายข้าไป ตอนนี้ขอเพียงส่งเขาค
ในวังใต้ดินบนเสื้อผ้าของเลี่ยอู๋ซินเต็มไปด้วยเลือดบนพื้นมีสัตว์ประหลาดล้มตายจำนวนหนึ่ง ที่มีชีวิตอยู่ก็ยังมีอีกมากพวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าพวกมนุษย์โอสถ ซ้ำยังมีข้อได้เปรียบของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด สังหารให้ตายได้ยากเรื่องการหากลไก เลี่ยอู๋ซินพยายามอย่างเต็มที่แล้วเขาไม่อาจช่วยได้จริง ๆ จึงได้แต่ช่วยเซียวอวี้สังหารสัตว์ประหลาดเหล่านั้น เพื่อช่วงชิงเวลาให้เขามากขึ้นทางด้านซุนโฉว นอกกรงเหล็กเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดและยังมีอีกสองคนที่จับจ้องตาเขม็ง พร้อมกับกำลังค้นหากลไกเขาขยับหน้ากากบนใบหน้าให้ตรง เผยรอยยิ้มเยือกเย็นสัตว์ประหลาดมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาตายอย่างแน่นอนเมื่อเทียบกับตัวเองที่อยู่ในกรงเหล็ก สถานการณ์ของพวกเขาอันตรายยิ่งกว่าขณะที่เขายืนยันกับตนเองด้วยความมั่นใจอยู่นั้น เซียวอวี้ก็ตะโกนบอกเลี่ยอู๋ซิน“ล่อสัตว์ประหลาดนอกกรงให้ออกไปที่อื่น!”ในตอนแรกเลี่ยอู๋ซินไม่เข้าใจ แต่หลังจากนั้นก็มองเห็น มือของเซียวอวี้วางอยู่ที่ตำแหน่งหนึ่ง หรือว่า...นั่นคือกลไกที่จะเปิดกรงเหล็ก!?ในตอนนั้น เลี่ยอู๋ซินไม่มีความลังเลใด ๆ เขารีบใช้ร่างกายเป็นเหยื