“เฉียวเอ๋อร์ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่?” เฟิ่งเหยียนเฉินถามด้วยความกังวล บนท้องถนนมีผู้คนเดินกันอย่างพลุกพล่าน ซ่งหลีจึงแนะนำให้หาโรงน้ำชาเพื่อพูดคุย ในห้องส่วนตัวของโรงน้ำชา เฟิ่งเหยียนเฉินเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “ข้าได้ยินว่าเฉียวเอ๋อร์ได้ตบตีกับคุณชายน้อยจวนเสนาบดี...” “ไม่มีอะไรร้ายแรง เฉียวเอ๋อร์เฉลียวฉลาด อีกฝ่ายไม่อาจทำร้ายนางได้ ยิ่งไม่กล้าโจมตีรัชทายาทหญิงด้วย” ซ่งหลีอธิบายอย่างใจเย็น “ไยจึงเป็นเช่นนั้นได้? เฉียวเอ๋อร์น่ารักรู้ความ ไม่ใช่คนที่จะลงไม้ลงมือได้ง่าย ๆ เวยเฉียง...ไม่สิ ประมุขแคว้น เพราะยุ่งกับราชกิจ จึงละเลยการอบรมสั่งสอนเฉียวเอ๋อร์หรือไม่?” เฟิ่งเหยียนเฉินใส่ใจกับการอบรมสั่งสอนบุตรสาวมาก เดิมเขายินยอมที่จะยกเฉียวเอ๋อร์ให้กับน้องสาวเวยเฉียง เป็นเพราะคิดว่าตนเองไม่สามารถเลี้ยงดูเฉียวเอ๋อร์อย่างดีได้ แต่ตอนนี้ เขาเสียใจจริง ๆ ที่ไม่สามารถอยู่เคียงข้างเฉียวเอ๋อร์จนเติบโตได้ ถึงแม้จะเสียใจเขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว... ซ่งหลีตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ประมุขแคว้นรักเอ็นดูเฉียวเอ๋อร์มาก เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย “ส่
เฉียวเอ๋อร์เอ่ยอย่างตะกุกตะกัก “เสด็จแม่ ลูกไม่ได้ทำอะไร แค่ลงมือเท่านั้นเอง...” ครั้นเห็นนางไม่ยอมรับ ซ่งหลีจึงเอ่ยแทน “นางไปตบตีกับคุณชายน้อยของจวนเสนาบดี ข้าดูบาดแผลของเขาแล้ว ดั้งจมูกหัก” “รุนแรงขนาดนั้นเชียว?” เฟิ่งเวยเฉียงตกใจมาก เฉียวเอ๋อร์อายุเพียงหกขวบ มีแรงมากขนาดนั้นเชียวหรือ? ตอนนี้ เฉียวเอ๋อร์รีบแก้ตัวทันที “มิใช่อย่างนั้น เป็นเขาที่ทนแรงกระแทกไม่ไหว จมูกจึงไปกระทบกับขั้นบันไดจนดั้งหัก เสด็จแม่ ลูกไม่ได้ตั้งใจ เขาเป็นฝ่ายเริ่มพูดใส่ลูกก่อน ล้อเลียนว่าลูกไม่แข็งแรงเท่าเขา!” ซ่งหลีส่ายศีรษะไม่หยุด “ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าก็ลงมือแบบนั้นไม่ได้” หากเป็นลูกแท้ ๆ ของเขาเอง เขาคงจะตำหนิไปนานแล้ว แต่เฉียวเอ๋อร์ไม่ใช่สายเลือดของเขากับเวยเฉียง จึงยากที่จะอบรมสั่งสอน เฟิ่งเวยเฉียงไม่ได้ตำหนิเฉียวเอ๋อร์ทันที แต่จดจ้องซ่งหลี และถาม “นอกจากดั้งจมูกหักแล้ว มีอย่างอื่นหรือไม่?” “ที่เหลือเป็นเพียงบาดแผลภายนอก” เฟิ่งเวยเฉียงผงกศีรษะ “ก็จริง เด็ก ๆ ทะเลาะกัน คงมิได้รุนแรงนักหรอก ถ้าเช่นนั้น ท่านไปที่จวนเสนาบดี เพื่อปล
คนที่เดินนำหน้าคือหนิงเฟย——หลานสาวแท้ ๆ ของไทเฮา และปัจจุบันเป็นนางสนมที่ตำแหน่งสูงสุดในวังหลัง รองลงมาจากฮองเฮา“ถวายบังคมไทเฮา! หม่อมฉันได้ยินว่าฮองเฮากับเหล่าองค์ชายกลับวัง จึงตั้งใจมา…”เมื่อหนิงเฟยเห็นเหล่าองค์ชาย ก็เดินต่อไม่ไหวแล้วครั้นเห็นพวกเขานั่งอยู่บนตักแม่นม ใช้ตะเกรียบและช้อน ตักอาหารเข้าปากเอง“องค์ชายน้อยกินข้าวเองได้แล้วหรือ!!!” หนิงเฟยทั้งสงสารและตกใจให้ตาย!นางพลาดอะไรไป!ไทเฮา:จบกัน! มีอีกคนแล้วที่รู้ว่าฮองเฮากับองค์ชายกลับวัง แล้วจนลืมฝ่าบาท……ณ ท้องพระโรงเซียวอวี้นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ยังอยู่ในชุดลำลองถึงจะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อาจปิดบังรังสีน่าเกรงขามของฮ่องเต้ของเขาได้เขาฟังรายงานหน้าที่ของเหล่าขุนนางในราชสำนัก สีหน้าท่าทางเคร่งขรึมหนึ่งปีที่เขาไม่อยู่ เหล่าขุนนางผู้สำเร็จราชการแทนฮ่องเต้ทุ่มเทสร้างผลงานครั้งใหญ่หลวงเขาจึงมอบรางวัลให้ตามลำดับก็มีบางคนปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ย่อมหนีไม่พ้นถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างหนักขุนนางทั้งหลายอกสั่นขวัญแขวน จนกระทั่งเลิกประชุมนอกประตูวัง เหล่าขุนนางแอบถกเถียงกันส่วนตัว“ก่อนหน้านี้ข้า
หลิวหวาโกรธตัวเองที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี ไม่สามารถพูดคำพูดดี ๆ มากต่อหน้าท่านอ๋องขณะที่กำลังโทษตัวเองและรู้สึกผิด หลิวหวาก็หลุดพูดออกไป“ท่านอ๋องเสียใจด้วยนะขอรับ!”รุ่ยอ๋องพลันเงยหน้าขึ้นมา จดจ้องหลิวหวาหร่วนฝูอวี้เดิมทีก็เย็นชาเด็ดเดี่ยวอยู่แล้ว หลิวหวานี่ก็ช่างโง่เขลาจริง ๆข้างกายเขาไม่มีคนที่มีความสามารถเลยหรือไร!“เจ้าไปถึงหนานเจียง เจอพระชายาแล้ว พูดอะไรกับนางไปบ้าง?”ตอนนี้รุ่ยอ๋องเริ่มมีเหตุผลให้สงสัย ว่าหลิวหวาพูดจาไร้สาระ จนทำให้หร่วนฝูอวี้จะหย่ากับเขาอย่างเด็ดขาดซึ่งเขากำลังปรักปรำหลิวหวา“ท่านอ๋อง ข้าน้อยยังไม่ได้พูดอะไร พระชายาก็หยิบหนังสือหย่าออกมา!”หลิวหวามีท่าทีจริงจัง แสดงออกว่าตนไม่มีความผิดรุ่ยอ๋อง “ยังไม่ได้พูดอะไร? แล้วนี่ไม่ใช่ปัญหาหรือไร!”เขายิ้มตอบอย่างโมโห“ดังนั้น การที่ข้าส่งเจ้าไปในครั้งนี้ เพื่อให้เจ้าไปรับหนังสือหย่ามาหรือ?”หลิวหวาพูดอะไรไม่ออกดูจากผลลัพธ์แล้ว เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริง ๆเขาคุกเข่าเสียงดัง “ตุบ” “ท่านอ๋อง ข้าน้อยทำหน้าที่ได้ไม่ดี!”รุ่ยอ๋องส่ายหน้า ยิ้มขมขื่นออกมา“ช่างเถอะ ช่างมัน ออกไปได้แล้ว”เขาคงต้องไปที่หนานเ
หร่วนฝูอวี้ยังไม่ได้คิดอย่างถี่ถ้วน ว่าต้องไปชายแดนใต้หรือไม่นางเขียนหนังสือหย่าเสร็จนานแล้ว ทว่าไม่มีเวลาส่งไปสักทีด้วยเหตุนี้ พวกเขายังนับว่าเป็นสามีภรรยากันอยู่ทว่าในใจของนาง พวกเขากลายเป็นคนแปลกหน้าที่แค่เดินผ่านมาเท่านั้นหากพบกันอีก จะยังมีความหมายอะไร?เก๋อสือชีเอ่ยโน้มน้าว “ศิษย์พี่ ชายแดนใต้ของแคว้นหนานฉีอยู่ใกล้เพียงนี้ ต่อให้ท่านไปที่นั่น ก็ไม่มีผลกระทบต่อหมอกพิษหนานเจียงกระมัง? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านต้องฝืนตัวเองด้วยล่ะ? ท่านอายุยังน้อย มีทั้งสามี และลูก…”หร่วนฝูอวี้ส่งสายตาคมกริบไปให้เขา“นี่เจ้าอยากให้ข้าออกไปจากหนานเจียงขนาดนี้ มีจุดประสงค์อะไรหรือ!”สีหน้าของเก๋อสือชีเปลี่ยนไปอย่างมาก รู้สึกถูกปรักปรำเกินไปแล้ว“ศิษย์พี่! นี่ข้าอุตส่าห์คิดเผื่อท่านนะ!“ทำไมท่านถึงสงสัยว่าข้ามีจุดประสงค์อย่างอื่น?“หรือสงสัยว่าข้าอยากแย่งชิงกู่ราชา? เจ้าเว้นข้าไว้เถอะ ของสิ่งนี้มีแค่ท่านเท่านั้นที่ควบคุมมันได้!”ไม่ใช่ว่าทุกคนจะควบคุมกู่ราชาได้ คนที่วิชาและพลังบำเพ็ญเพียรไม่มากพอ จะถูกกู่ราชาโจมตีกลับ จนอวัยวะภายในแหลกสลายและตายไปในที่สุดแม้แต่ศิษย์พี่ ยังต้องฝึ
เซียวอวี้ตื่นขึ้นมาทันที แล้วลุกขึ้นนั่งถึงได้พบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น!หันไปมองอีกที ยังดีที่เด็กทั้งสองไม่ตกจากเตียง ยังนอนหลับอยู่ข้างมารดาของพวกเขาดี ๆสรุปคือมีแค่เขาคนเดียวที่ถูกเบียดลงมาตอนนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ลงจากเตียงแล้ว กำลังใส่เสื้อคลุมตัวนอก“ยังเช้าอยู่ ท่านไปนอนบนเตียงสักพัก หม่อมฉันจะไปอ่านจดหมายจากแคว้นซีหนี่ว์ ว่ามีเรื่องอันใด”นางรู้จักกาลเทศะดี หากเป็นจดหมายจากแคว้นอื่น นางจะไม่ข้ามหน้าข้ามตาฮ่องเต้อย่างเซียวอวี้ ทว่าจดหมายจากแคว้นซีหนี่ว์ นางสามารถรับมาอ่านก่อนได้เซียวอวี้ไม่คัดค้านตอนนี้เขาต้องการนอนต่อสักพักจริง ๆเด็กสองคนบนเตียงตื่นง่ายอย่างมาก เขาขึ้นเตียงได้ไม่ทันไร พวกเขาก็ตื่นขึ้นมา จากนั้นก็จ้องตาแป๋วนึกอยู่นาน ถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าเป็นเสด็จพ่อ จึงพากันมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขายิ่งบุตรชายคนเล็กได้ทำน้ำลายหกเลอะชุดบรรทมของเขาด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนอาบน้ำล้างหน้าอย่างง่าย ๆ เสร็จ กลับมาเห็นภาพนี้ ดวงตาก็เผยแววอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัวไม่นาน นางก็เปิดประตูออกไปเฉินจี๋ก้มหน้าลง ไม่สบตาตรง ๆ แล้วยื่นจดหมายไปให้นางอย่างนอบน้อมจดหมายนี้เวยเฉีย