แชร์

บทที่ 168

ผู้เขียน: อี้ซัวเยียนอวี่
ห้องทรงพระอักษร

เซียวอวี้ถามขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชาว่า

“ในเมื่อมีหลักฐานแล้ว ไยไม่ลงมือจับตัว หรือเป็นเพราะว่านางสนมเจียสนิทสนมกับเจ้า เจ้าจึงคิดอยากปกป้อง?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่เคยนำเรื่องส่วนตัว มาส่งผลกระทบทำให้สูญเสียการคิดวิเคราะห์

นางพูดขึ้นมาว่า

“ต้องสอบสวนนางสนมเจีย แต่ที่สำคัญที่สุด ต้องสอบสวนเส้นทางการนำยาพิษเข้ามา”

“ยาพิษนี้มาจากข้างนอกวัง หม่อมฉันสงสัยว่า ภายในวังมีสายลับ ทำการขายสิ่งของต้องห้ามโดยเฉพาะ หม่อมฉันจึงอยากฉวยโอกาสนี้ กวาดล้างพวกเขาให้เรียบ จึงมาขออนุญาตฝ่าบาท”

เซียวอวี้เห็นนางจัดการเรื่องราวอย่างเฉียบขาดกระจ่างชัดเจน ก็ค่อนข้างชื่นชมนาง

แน่นอนว่า ดูจากเรื่องที่นางจัดการหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ นางย่อมไม่เหมือนหญิงสาวเรียบร้อยธรรมดาทั่วไป

ดังนั้นแม้ว่าเขาไม่ชอบนาง และนางไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์ เขาก็ยินดีที่จะให้นางเป็นฮองเฮาต่อไป ช่วยเขาดูแลจัดการวังหลัง

“ทำตามที่เจ้าพูด”

เฟิ่งจิ่วเหยียนถวายความเคารพ พร้อมพูดตอบว่า

“น้อมรับพระบัญชา”

แล้วนางก็กลับออกไป

จู่ ๆ เซียวอวี้ก็รู้สึกขึ้นมาว่า ท่าทีของนาง...ไม่เหมือนเป็นฮองเฮาของเขา กลับเหมือนลูกน้องของเขามากกว่า

หวนคิด
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก
ความคิดเห็น (6)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
รู้จักฮองเฮาน้อยไป
goodnovel comment avatar
มณีจันทร์ จันทร์มณี
เข้าไปอ่านไม่ได้ค่ะ
goodnovel comment avatar
Chiraporn Muksreeprasert
เมื่อไหร่ฮองเฮาจะถูกจับได้
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 169

    ผงเหมาเกิ้นล่อมดและแมลง เป็นคำโกหกที่เฟิ่งจิ่วเหยียนแต่งขึ้นมา ทว่าก็เพียงพอที่จะหลอกล่อให้คนที่หวาดกลัวคนหนึ่งเผยพิรุธออกมามู่หรงฉานพูดยอมรับขึ้นมาเองว่า“ฮองเฮา ล้วนเป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันเป็นคนทำ...”หลิวซวี่มองดูนางอย่างไม่อยากเชื่อ คิดไม่ถึงว่า กุ้ยเหรินจะปกป้องตนเองขนาดนี้นางรีบโขกศีรษะลง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาโปรดทรงเมตตา ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับกุ้ยหริน บ่าวเป็นคนทำเอง! บ่าวอยากจะกำจัดศัตรูแข็งแกร่งให้กับนาย จึงใส่ร้ายนางสนมเจียง...กุ้ยเหรินไม่รู้เรื่อง!”จิ้งกุ้ยเหรินหันไปมองหลิวซวี่ น้ำตาร่วงไหลพร้อมพูดขึ้นมาว่า“ไม่ ไม่ใช่หลิวซวี่…”“ใช่บ่าว ฮองเฮา ท่านจะลงโทษก็ลงโทษบ่าวเถอะ!”เป็นบ่าวจงรักภักดีคนหนึ่งแววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนลึกล้ำมู่หรงฉานโอบกอดหลิวซวี่ ร้องไห้ขอความเมตตา“ฮองเฮา ถึงแม้หลิวซวี่จะมีความผิด แต่นางก็เป็นสาวใช้ที่ติดตามหม่อมฉันมา ผูกพันกับหม่อมฉันเหมือนพี่น้อง ขอฮองเฮาทรงโปรดเมตตา เป็นหม่อมฉันบกพร่องในการตรวจสอบ หม่อมฉันยินดีรับผิดแทนนาง”“ไม่ กุ้ยเหริน ไม่เอา! ล้วนเป็นความผิดของบ่าว...” หลิวซวี่ตื้นตันใจอย่างมาก ต่อให้ตายแทนกุ้ยเหริน นางก็ยอม!

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 170

    เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาอย่างเชื่องช้าว่า“กำจัดสองคนในคราเดียวเช่นนั้น ทั้งสองคนนี้ต้องมีสิ่งบางอย่างเหมือนกัน”“มีเหมือนกัน?” เหลียนซวงสงสัย ทันใดนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พร้อมพูดขึ้นมาอย่างตกใจว่า “ฮองเฮา หรือว่า...บุคคลลึกลับคนนั้น ต้องการตำแหน่งฮองเฮา!”คุณหนูเวยเฉียงเป็นฮองเฮาที่ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนกำหนดไว้ตอนนั้นหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ เป็นที่โปรดปรานผู้เดียว มีตำแหน่งเหมือนฮองเฮา ยังมีข่าวลือว่า ฝ่าบาทตั้งใจจะแต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮานานแล้วดังนั้น ไม่ผิดแน่นอน!คิดถึงเมื่อครู่ที่ฮองเฮาพูดถึงรุ่ยอ๋องกับจิ้งกุ้ยเหริน เหลียนซวงเข้าใจขึ้นมาทันที“ฮองเฮา ท่านสงสัยว่า บุคคลลึกลับกับจิ้งกุ้ยเหรินมีความเกี่ยวข้องกัน! หากไม่มีคุณหนูเวยเฉียงกับหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ เช่นนั้น ด้วยรูปลักษณ์ชาติตระกูลของจิ้งกุ้ยเหริน จะต้องได้เป็นฮองเฮาอย่างไม่ต้องสงสัย!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ออกความเห็นใด“นำความไปให้รุ่ยอ๋อง ข้าต้องการพบเขา”“เพคะ...”เหลียนซวงเงยหน้าขึ้นมา แล้วก็เห็นในมือของนางมีกริชเพิ่มขึ้นมาเฉียบคมอย่างมาก!นางอดขนหัวลุกไม่ได้สนามม้าหลวงภายในป่าทั้งสองคน “พบกันโดยบังเอิญ”รอบด้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 171

    กริชตกลงที่พื้น หกเนตรจ้องมองกันไปมารุ่ยอ๋องปริปากเล็กน้อยทว่า เฟิ่งจิ่วเหยียนชิงพูดก่อนนางถอยหลังมาหนึ่งก้าว โน้มกายทำความเคารพให้กับเซียวอวี้“ฝ่าบาท หม่อมฉันหลงทางอยู่ในป่า ดังนั้นจึงลงจากม้า เดิมทีคิดว่าจะใช้กริชทำเครื่องหมายบนต้นไม้ ป้องกันไม่ให้ตนเองเดินกลับมาทางเดิม“เห็นมีเงาที่เข้าใกล้มาอย่างไม่ทันตั้งตัว และคิดถึงเรื่องที่ช่วงก่อนในวังมีนักฆ่าปรากฏตัว ยังไม่สามารถจับตัวได้ จึงคิดว่าเป็นนักฆ่า จึง...”รุ่ยอ๋องช่วยกลบเกลื่อนคำโกหก“ที่แท้พระนางเข้าใจผิดว่ากระหม่อมเป็นนักฆ่า มิน่าล่ะ”เขาเก็บกริชขึ้นมา ส่งคืนให้เฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยความเคารพแววตาของเซียวอวี้เย็นยะเยือกมองร่างสองคนสลับไปมาคำพูดของฮองเฮา เขาไม่หลงเชื่อทว่ารุ่ยอ๋องเป็นพี่น้องที่ดีของเขามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย...“ฝ่าบาท พระนาง กระหม่อมกราบบังคมลา”รุ่ยอ๋องจูงม้าจากไป สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนยังคงมองไปที่ร่างของเขาเซียวอวี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ออกไป ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่สตรีนางหนึ่งเยี่ยงเจ้าควรจะอยู่”“เพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบด้วยความเคารพเพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็หันกายกลับมาอีกครั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 172

    การเป็นองครักษ์ลับของฮ่องเต้ เป็นสิ่งหลายคนใฝ่ฝันที่จะทำเฟิ่งจิ่วเหยียนกลับเพิกเฉยต่อตัวเลือกนี้ไปเสียอย่างนั้นเซียวอวี้มองนางอย่างพินิจพิเคราะห์“เจ้าไม่ยินยอมรับใช้เรา มีนายแล้วงั้นหรือ”หากนางไม่ใช้พลังภายในถอนพิษให้เขา นักฆ่าที่ลักลอบเข้าวังเช่นนาง คงจะตายนับครั้งไม่ถ้วนไปนานแล้วเขากำลังให้โอกาสนางกลับตัวเฟิ่งจิ่วเหยียนส่ายหน้า“ในยุทธภพข้าเป็นอิสระไร้นาย”เซียวอวี้กล่าวต่อ: “เราให้เจ้าเลือกที่สองคือ——ไปรับใช้ชาติที่ค่ายเป่ยต้า”เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างไม่รีบร้อน“ทราบข่าวว่าค่ายเป่ยต้ามีกองกำลังหญิงอยู่กลุ่มหนึ่ง”เซียวอวี้กดคางลงเล็กน้อย“ใช่”เห็นนางสนใจในกองกำลังหญิง เขากล่าวเตือนด้วยเสียงเย็นยะเยือก“กองกำลังหญิงเป็นเมิ่งสิ่งโจวจัดตั้งขึ้นมา เขาอารมณ์ดุร้าย กฎค่ายทหารเข้มงวด จะไม่จัดการอย่างเบามือกับเจ้าเพราะเจ้าเป็นสตรีหรอก”นางที่เป็นอิสระจนเคยชิน จะรับไหวได้อย่างไร?หารู้ไม่ว่าคนที่เขาบรรยายว่า “อารมณ์ดุร้าย” นั้น ยืนอยู่ด้านหน้าเขาแล้วนางกล่าวอย่างไม่ต้องคิด“เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โปรดอนุญาตข้าได้พิจารณา”พิจารณา?ไม่มีอยู่จริงทั้งสองเส้

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 173

    เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่ามีคนสะกดรอยตามนาง คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเป็นรุ่ยอ๋องและคาดไม่ถึงว่า นางแต่งกายเป็นชาย ใบหน้าสวมหน้ากาก เขายังจำได้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ยอมรับ ใช้กริซขู่เขาให้ออกไปจากตรอกอย่างนิ่งเงียบรุ่ยอ๋องก็แต่งกายอำพรางเช่นกัน ดวงตาคู่นั้นอบอุ่นเป็นพิเศษ ดั่งเติมเต็มไปด้วยสายน้ำวสันตฤดูโมงยามนี้เป็นเวลาห้ามออกเรือนแล้วถนนการค้าไร้ซึ่งผู้คนเขาถอยหลังไปพลางพูดไปพลาง“คาดไม่ถึงว่า ไม่เพียงแต่ศิลปะการขี่ม้าของท่านจะเลิศล้ำ วิชาตัวเบาก็ยอดเยี่ยมเพียงนี้เช่นกัน“ท่านพี่รู้หรือไม่ว่าท่านแอบลอบออกจากวัง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนกดเสียงต่ำลง เปลี่ยนเส้นเสียงในการพูด“ใครเป็นพี่สะใภ้เจ้ากัน! รนหาที่ตาย!”กล่าวจบ นางก็ยกเท้าถีบไปทางเขาทันทีรุ่ยอ๋องปฏิกิรยาว่องไวอย่างมาก หมุนกายเพื่อหลบเลี่ยงเมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง คนก็หายไปแล้วแววตาของรุ่ยอ๋องนั้นมีนัยนะเล็กน้อยหนีไปเช่นนี้งั้นหรือ?ทว่า ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ.........หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนสะบัดรุ่ยอ๋องหลุดแล้ว ความสงสัยในหัวก็วนเวียนไม่หายรุ่ยอ๋องตามนางออกมาตั้งแต่ในวังแล้วเขาสวมชุดอำพรางทำอันใดในวัง?และช่วง

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 174

    หลิงเยี่ยนเอ๋อร์มองเฟิ่งจิ่วเหยียนราวคนเสียสติ“เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น! นางสารเลว ส่งข้ากลับวัง ข้าต้องการพบฝ่าบาท!”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สะทกสะท้าน“ข้าทำได้มากที่สุดคือให้เจ้าจากที่แห่งนี้ไป”“ข้าต้องการพบฝ่าบาท!” ท่าทีหลิงเยี่ยนเอ๋อร์แน่วแน่เฟิ่งจิ่วเหยียนกล่าวอย่างสุขุม“เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ให้เจ้าไปพบฝ่าบาท ข้ายังจะมีชีวิตรอดงั้นรึ?”หลิงเยี่ยนเอ๋อร์พยายามทำให้สถานการณ์แย่ลงอีก แสยะยิ้ม “เช่นนั้นก็ไปตายให้หมด ตายให้หมด——”นางคิดที่จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนมองออก สายตาเย็นยะเยือกทันที“เจ้ารักฝ่าบาทเพียงนั้น จะปล่อยให้เขาตายได้จริงหรือ?“ทว่าข้าทำได้“เพราะข้าไม่มีความรู้สึกอันใดกับฝ่าบาท และไม่สนใจว่าจะเขาจะอยู่หรือตาย“ข้าเข้าวัง เพื่อแก้แค้นเท่านั้น“ขอเพียงแค่จับบุคคลลึกลับนั้นได้อีก ข้าก็สมความปรารถนาแล้ว“ด้วยเหตุนี้ ข้าสามารถแสร้งทำเป็นเชื่อฟัง สังหารฝ่าบาทก่อน ดังนั้น คนที่จะตายคือพวกเจ้า และข้าจะมีชีวิตอยู่จนวาระสุดท้าย”พูดจบ นางแสร้งว่าจะจากไปหลิงเยี่ยนเอ๋อร์ตกใจอย่างมาก“ไม่! เจ้ามิกล้า!“หรือว่าเจ้าไม่ต้องการจดหมายสองฉบับนั้น

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 175

    เจียงหลินไม่ได้ล้อเล่น กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างมาก“เหล่าฝานส่งจดหมายมาหาข้า เมื่อครึ่งเดือนก่อน คนของเจ้าไปหาพันธมิตรอู่หลิน ขอให้พวกเขาทำธุระเรื่องหนึ่งให้เจ้า ทว่าไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเป็นเรื่องอันใด เพียงให้พวกเขามุ่งขึ้นเหนือไป“ตามหลักแล้ว การเดินทางไปกลับต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่า เจ้าทำธุระเสร็จแล้ว หรือว่ากลับมาก่อนกำหนดรึ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนสายตาเคร่งขรึม ไม่ได้อธิบายอันใดมากมายในตอนนี้เรื่องที่นางอยู่ในวังหลวง เจียงหลินและซ่งหลีไม่รู้เสียหน่อยควรจะไม่ทำให้พวกเขาตกใจเสียดีกว่า หลีกเลี่ยงการทำให้เรื่องใหญ่โตก่อนที่จะกลับวัง เฟิ่งจิ่วเหยียนแวะไปหาอู๋ไป๋อู๋ไป๋ได้ฟังเรื่องนี้แล้ว รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก“แม่ทัพน้อยท่านอยู่ในวังมาโดยตลอด ข้างกายก็มีแค่ข้าน้อยผู้เดียว จะส่งผู้ใดไปพันธมิตรอู่หลินได้? จะต้องมีผู้แอบอ้างท่านเป็นแน่!”เฟิ่งจิ่วเหยียนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไปสืบสอบมาให้กระจ่าง”“พ่ะย่ะค่ะ!” ......หลังจากกลับไปที่วังแล้ว เฟิ่งจิ่วเหยียนกินยาบำรุงเม็ดนั้น และฝึกพลังลมปราณภายในอีกครั้ง พลังภายในฟื้นฟูกลับมารวดเร็วดังคาดเพื่อหลีกเล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 176

    หลังจากรุ่ยอ๋องมา เซียวอวี้ก็ไม่ได้อ้อมค้อมแต่อย่างใด เอ่ยถามเข้าประเด็นว่า“เจ้ากับฮองเฮาแอบมีความสัมพันธ์ลับ ๆ หรือ?”ฮ่องเต้ทรงมีอำนาจยิ่ง จนรุ่ยอ๋องผงกหัวอย่างนอบน้อม“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่เคยพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้ลุกขึ้น เดินลงมาจากที่สูง ยืนตรงหน้ารุ่ยอ๋อง เงาร่างอันสูงใหญ่ ปกคลุมจนมืดดำเป็นวงกว้าง“เจ้ารู้จักขอบเขตเรื่องชู้สาวเป็นอย่างดีมาตลอด ย่อมจะไม่เสวนากับสตรีเกินงาม“เหตุการณ์ในป่าหลวงครานั้น เรารู้สึกว่าระหว่างเจ้ากับฮองเฮาดูผิดปกติ“หากเจ้าลงจากม้าเพื่อบอกทาง โดยระยะห่างทั่วไปแล้ว แม้นฮองเฮาจะดึงกริซออกมา ก็ไม่มีทางเข้าใกล้เจ้าได้“เพียงเจ้าก้าวถอยหลัง ก็จะปลอดภัย“แต่สิ่งที่เราเห็น เจ้าสองคนห่างกันเพียงสองก้าว“นอกเสียจากว่า ฮองเฮาจะหันหลังมาแล้วเห็นเจ้า ยังตามแทงเจ้าต่อ“เจ้าจะอธิบายเช่นไร”คนที่เซียวอวี้ไว้ใจที่สุด คือรุ่ยอ๋องดังนั้นตั้งแต่วันนั้นสังเกตเห็นความผิดปกติ ก็ไม่ได้เปิดโปงทันทีเขารอรุ่ยอ๋องมาอธิบายด้วยตัวเองทว่า รุ่ยอ๋องก็ไม่ได้มากล่าวอะไร วันนี้ยังพูดคุยกับฮองเฮามากเกินงาม จึงไม่กลัวว่าหากข้าหลวงมาพบเห็น จะมีข่าวลือที่ไม่เป็นผลดีต่อเขาเผยแพร่อ

บทล่าสุด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status