Share

บทที่ 185

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้ลุกขึ้นยืนแบบพรวดพราด ประกายตาสีดำฉายแววของนักล่า

“เจ้านี่...ช่างพูดอย่างไม่ละอายใจ!”

ฟังดูคล้ายจะตำหนินาง ทว่ากับมองไม่เห็นความโกรธ

เฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกว่า เขาถูกตนโน้มน้าว เริ่มคันไม้คันมือ และพร้อมจะต่อสู้

นางก้มศีรษะอย่างเคารพ

“กองทัพชายแดนเหนือเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง เมื่อออกคำสั่งทางการทหาร กองทัพจะต้องพิชิตแคว้นอาณานิคมให้กับท่านได้อย่างแน่นอน!”

“พูดได้ดี!” เซียวอวี้รู้สึกสบายใจยิ่งนัก

เขาจึงออกคำสั่งทันที “เรียกแม่ทัพมาหารือเรื่องนี้!”

นี่เป็นการเรียกแม่ทัพมาเท่านั้นไม่ใช่หารือเรื่องสงครามหรือสงบศึก แต่เป็นการกำหนดแผนที่ชัดเจนและรอดำเนินการ

ณ เวลานี้เฟิ่งจิ่วเหยียนบรรลุจุดประสงค์แล้ว นางจึงสามารถกลับได้

ทว่านางยังมีบางอย่างจะพูด

“ฝ่าบาท สงครามครั้งนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันยินดีจะไปวัดต้าเจา เพื่ออธิษฐานขอพรให้ทหารหนานฉีของเรา จนกว่าสงครามจะยุติ”

เซียวอวี้เหลือบมองนาง และก้มคางลงเล็กน้อย

“ในเมื่อเจ้ามีเจตนาเช่นนี้ เราก็อนุญาต”

การอธิษฐานขอพรของฮองเฮา สิ่งนี้ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเหล่าทหารด้วย

จากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็โค้งคำนั
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
เวรกรรม ว่าแล้วว่านางเอกจะต้องออกไปทำสงคราม
goodnovel comment avatar
Ekachai05 krookung
ยาวเกิ้น...
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 186

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉยนางกลับเมืองหลวงในคราวนี้พกอาวุธติดตัวมาด้วยไม่กี่ชิ้น มีกริช ทวนยาวถอดประกอบได้ และแส้เก้าท่อน ทั้งหมดถูกเก็บไว้ในกล่องเดียวกันนางไม่ขาดแคลนอาวุธ ในตัวยังพกเข็มเงินชุดหนึ่ง รวมทั้งอาวุธลับฉะนั้นแม้เหลียนซวงจะลืมนำมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ทว่า ในวังผู้คนพลุกพล่าน หากคนที่มีเจตนาแอบแฝงล่วงรู้ เรื่องราวกลับจะยุ่งยากเฟิ่งจิ่วเหยียนถามด้วยน้ำเสียงขรึม“เจ้าวางกล่องใบนั้นไว้ที่ใด?”เหลียนซวงคิดไปคิดมาและตอบอย่างมั่นใจว่า“บ่าวลืมหยิบมา มันก็น่าจะอยู่ที่เดิมเพคะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนดูคลายกังวลนางหยิบถ้วยชาขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร”กล่องใบนั้นนางเป็นคนนำไปวางเอง ตำแหน่งมิดชิด จึงไม่น่ามีคนสังเกตเห็นวัดต้าเจามีคนนิยมมากราบไหว้มากมายทว่าก็มีคำสั่งห้ามออกจากเคหสถานยามวิกาลเช่นเดียวกับวัดอื่น ๆพอตกกลางคืน ประตูและหน้าต่างจะถูกปิด ไม่รับผู้ที่มากราบไหว้ และไม่ให้ผู้ใดออกมาเดินอยู่ด้านนอกห้องที่เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งทำสมาธิ ในยามปกติแทบจะไม่มีคนมารบกวนหลังอาหารมื้อเย็นเฟิ่งจิ่วเหยียนกระโดดปีนข้ามกำแพงหนีออกจากวัดโดย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 187

    ฮูหยินเมิ่งไม่ทันได้ล้างหน้าแปรงผม นางลุกขึ้นนั่ง และรีบสอบถามสาวใช้ว่า“เกิดอะไรขึ้น!”“กองทัพถูกปิดล้อม มีเพียงครึ่งหนึ่งที่กลับมาได้! ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพกลับมาไม่ได้...”ฮูหยินเมิ่งพลันรู้สึกเจ็บที่ใจ แต่นางยังคงรักษาอาการสงบนิ่งของฮูหยินแม่ทัพไว้ รีบสวมเสื้อคลุมและเตรียมออกไปดูด้านนอก ขณะที่นางกำลังจะออกไป เฉียวม่อก็เดินเข้ามาเฉียวม่อไล่สาวใช้ให้ออกไป จากนั้นถึงกล้าถอดหน้ากากออก และโผเข้ากอดฮูหยินเมิ่งด้วยความตระหนก“อาจารย์หญิง...ท่านอาจารย์นำทัพขนาบหลัง เพื่อให้ข้าสามารถบุกเข้าไป แต่เขา...เขาไม่สามารถออกมาได้ และติดกับอยู่ในวงล้อมของศัตรู!“ชาวเหลียงชั่วช้า และวางกับดักตั้งแต่เนิ่น ๆ“อาจารย์หญิง เราควรทำอย่างไรดี?”เฉียวม่อใจไม่กล้านัก ก่อนหน้านี้มีเฟิ่งจิ่วเหยียนคอยปกป้อง ทว่าพอเจอกับเหตุการณ์แบบนี้จึงตื่นตระหนก ฮูหยินเมิ่งแตะที่หลังนางเบา ๆ“อย่าร้องเลย บอกมาให้ชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดขึ้นอย่างไร พวกเราถึงจะคิดหาวิธีช่วยคนได้”ฮูหยินเมิ่งจะแบ่งขอบเขตความสัมพันธ์ชัดเจนมาตั้งแต่แรกนางเป็นทั้งอาจารย์หญิงของเฟิ่งจิ่วเหยียน และเป็นแม่บุญธรรม นางจะมองเฟิ่งจิ่วเหยียน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 188

    ราชทูตรัฐเหลียงท่าทางเย่อหยิ่ง เขาเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อมว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง หากท่านไม่ถอยทัพ ก็ทำได้แค่เก็บศพของแม่ทัพเมิ่งเท่านั้น ถึงแม้จะชนะการสู้รบในครั้งนี้ แต่ไม่มีบิดาของเจ้า ชีวิตนี้จะขมขื่นปานใด“ข้าขอพูดบางประโยคที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนัก ดินแดนที่สู้รบกันแห่งนี้ ไม่ได้มีไว้เพื่อท่านเลย”“เฉียวม่อที่สวมหน้ากากผู้นี้ ลักษณะท่าทางคล้ายเฟิ่งจิ่วเหยียนในอดีตนางลุกขึ้นยืน ดวงตาทั้งคู่ที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากเต็มไปด้วยความแค้น“ฝ่าบาทมีรับสั่งว่า หนานฉีของเราจะต้องสู้รบจนถึงที่สุด เชิญราชทูตกลับไปเถอะ ข้าไม่อาจถอนกำลังทหารเพื่อช่วยบิดาได้!”ในแง่หนึ่งเหล่าทหารชื่นชมความกล้าหาญของนาง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ไม่อาจทนเสียสละแม่ทัพเมิ่ง รวมถึงเหล่าทหารที่ถูกจับไปพร้อมกันทว่าอยู่ต่อหน้าราชทูตรัฐเหลียง พวกเขาก็ต้องทำตามเฉียวม่อ“สู้จนตัวตายและไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”“ใช่แล้ว ไม่ถอยทัพเด็ดขาด!”ราชทูตเห็นพวกเขาแต่ละคนเป็นเช่นนี้จึงหัวเราะด้วยความโกรธเขายกนิ้วโป้งให้เฉียวม่อ และเอ่ยประชดประชันว่า“แม่ทัพน้อยเมิ่ง ท่านเป็นลูกกตัญญูจริง ๆ!”เมื่อพูดจบประโยค ราชทูตก็เดินออกไปไม่ว่าเขาจะเดิน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 189

    ฮูหยินเมิ่งเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างหนักแน่น“อยากไปก็ให้พวกเขาไป แต่ข้าจะอยู่ที่นี่”หลีฮวาคุกเข่าลง“นายหญิง ท่านอยู่ที่ไหน บ่าวก็จะอยู่ที่นั่นด้วย!”“ท่านแม่” จู่ ๆ เฉียวม่อก็เดินเข้ามา และส่งสัญญาณให้หลีฮวาออกไปก่อนนางเดินมาข้างหน้าฮูหยินเมิ่ง คุกเข่าข้างหนึ่งแล้วทำความเคารพแบบทหาร“ท่านแม่ สถานการณ์โดยรวมสำคัญกว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ควรอยู่นาน จึงขอให้ท่านย้ายออกจากค่ายไปพร้อมกับกองทัพด้วย”ฮูหยินเมิ่งก้มหน้าอ่านตำราต่อไป ท่าทางอ่อนโยนแต่แน่วแน่“หากไปกันหมด ผู้ใดจะเก็บศพสามีของข้า?”ม่านตาของเฉียวม่อหดลง เผยให้เห็นความเจ็บปวด“อาจารย์หญิง...”ฮูหยินเมิ่งเป็นสตรีองอาจ นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เฉียวม่อจึงทิ้งทหารม้าเบาราวสิบกว่านายไว้คอยคุ้มกัน จากนั้นจึงนำกองทัพย้ายออกจากค่ายไปก่อน ก่อนจะแยกย้าย นางนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์ และสั่งกับทหารใต้บังคับบัญชาว่า“ต้องคุ้มกันฮูหยินให้ดี! มิเช่นนั้นจะตัดหัวของเจ้า!”“ขอรับ แม่ทัพน้อย!”ทุกคนออกไปหมดแล้ว ค่ายที่คึกคักแต่เดิม เหลือเพียงกองถ่านที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมฮูหยินเมิ่งมองไปยังที่ไกล ๆ และกลับไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 190

    “ท่านแม่ทัพ! เขาคือเมิ่งสิงโจว เมิ่งสิงโจวตัวจริง เขากลับมาแล้ว!”หัวหน้าแม่ทัพเหลียงตะลึงงันเมิ่งสิงโจว?เป็นไปได้อย่างไร!เขาไม่ได้นำกองกำลังแสนกว่านายเคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันออกหรอกหรือ! ทว่าบุกกลับมาโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้!ก่อนที่แม่ทัพเหลียงจะทันได้ตั้งสติ พลันได้ยินเสียงร้องน่าเวทนามาจากทางเข้าค่ายทหารฝ่ายตรงข้ามคือทหารม้าเพียงสิบกว่านาย ทว่าราวกลับม้าป่าข้ามแดน ย่ำเท้าเข้ามาหาพวกเขาหัวหน้าแม่ทัพตะโกนว่า “ตกใจอะไร ตั้งแถวและขวางพวกเขาไว้!!”เชลยศึกหนานฉีเห็นทหารกำลังเสริมมาแล้ว จึงเข้ามาร่วมสู้รบ คอยติดตามอยู่ข้างหลังกลุ่มของเฟิ่งจิ่วเหยียน และต่อสู้อย่างเต็มที่ทวนเงินพู่แดงของเฟิ่งจิ่วเหยียนด้ามนั้นดื่มเลือดมาจนนับไม่ถ้วนเมื่อหัวหน้าแม่ทัพและบรรดารองแม่ทัพเห็นเหตุการณ์ พลันสร่างเมาในทันทีคำพูดคุยโวเมื่อครู่ ที่เอ่ยว่าจะบุกเข้าไปในเจ๋อเทียนเชวี่ย ทั้งหมดราวกับเป็นความฝันก็ไม่ปานเมิ่งสิงโจวผู้นี้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก!เขาฆ่าคนจนตาพร่ามัวไปหมดเขาไม่ใช่มนุษย์อย่างสิ้นเชิง!เมื่อเหล่าทหารเหลียงได้ยินว่าเมิ่งสิงโจวมาแล้ว พวกเขายังไม่ทันสู้รบก็หมดแรงเสียก่อน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 191

    แม่ทัพสองสามนายส่งคนไปเชิญเมิ่งสิงโจว กลับได้รับแจ้งว่าในกระโจมนั้นไม่มีคนอยู่มานานแล้วใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงปนชื่นชม “หรือจะเป็นเมิ่งสิงโจวนำทหารไปจริง ๆ ?”ขณะเดียวกันนั้นเองเวลานี้เฉียวม่อที่เดิมอยู่ในกระโจมได้ออกไปจากฐานที่มั่นด้วยวิชาตัวเบานานแล้ว โดยใช้ความเร็วสูงสุดเพื่อขึ้นไปบนเนินเขาหานซานยามที่ทหารสอดแนมตัวน้อยพูดว่า ‘ชนะแล้ว’ นางก็รู้สึกได้ว่าเรื่องนี้ผิดปกติพอได้ยินว่าเป็นคนของแม่ทัพน้อยก็รู้ทันทีว่าศิษย์พี่กลับมาแล้วเช่นนั้นหากนางยังอยู่ที่นี่จะต้องถูกเปิดโปงเป็นแน่ดังนั้นนางจึงต้องรีบกลับไปณ ฐานที่มั่นแม่ทัพสองสามท่านทั้งรู้สึกประหลาดใจ ทั้งรู้สึกอัดอั้นพวกเขารวมตัวอยู่ด้วยกัน แต่ละคนล้วนไม่รู้ว่าจากนี้ไปควรทำอะไรต่อ“กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิมของเมิ่งสิงโจวนี้ใช้ได้ดี ทว่าเขาไม่มีศีลธรรมเกินไปแล้ว ปิดบังแม้กระทั่งพวกเรา”“นั่นหมายความว่า การที่ทำเป็นถอนทัพครั้งยิ่งใหญ่นั้น สุดท้ายตัวเขาพาทหารสิบกว่านายไปบุกโจมตีค่ายทหารรัฐเหลียงเอง...แล้วยามนี้ก็หาตัวเขาไม่เจอ เช่นนั้นพอถึงเวลายามเช้า พวกเราควรเดินทัพต่อหรือรอเขาอยู่ที่เดิมดีเล่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 192

    เฉียวม่อถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ท่าทางโล่งอก“ศิษย์พี่ ท่าน...ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนจ้องมองนางด้วยสายตาจริงจัง“เจ้าทอดทิ้งอาจารย์และอาจารย์หญิง รวมถึงทหารทั้งหมดเกือบสองหมื่นนาย แล้วนำทหารแสนกว่านายถอนทัพไปทางตะวันออก นี่เจ้าคิดอะไรอยู่กัน!”เฉียวม่อทำท่าจะร้องไห้ และอธิบายอย่างรีบร้อน“ข้าไม่ได้อยากจะทอดทิ้งพวกเขา โดยเฉพาะท่านอาจารย์...แต่ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วจริง ๆ“นั่นเป็นผลลัพธ์หลังจากปรึกษากับแม่ทัพมาหลายท่าน“ข้า...ข้าไม่ใช่ท่าน ศิษย์พี่ ข้าเพียงมาแทนท่านชั่วคราวเพื่อทำให้กำลังใจทหารมั่นคงเท่านั้น“ข้าไม่มีความสามารถ ทำอะไรไม่ได้เลย...”เฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าใจนิสัยศิษย์น้องของนางคนนี้ดี เกรงกลัวปัญหา ไม่มีความคิดเป็นของตนเองคราแรกที่พบกับเฉียวม่อ นางอายุเพียงหกเจ็ดขวบเท่านั้น นางหิวจนเกือบตาย ล้มอยู่หน้าประตูจวนสกุลเมิ่งหลังจากท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงช่วยนางเอาไว้ เดิมคิดจะส่งตัวไปที่อื่นเป็นเฟิ่งจิ่วเหยียนที่ขอร้องไม่หยุดจนพวกท่านอาจารย์ยอมให้เฉียวม่ออยู่ต่อ ทั้งยังรับไว้เป็นศิษย์เฉียวม่อกลัวคนแปลกหน้า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 193

    กองทัพใหญ่แสนกว่านายปักหลักฐานที่มั่นอยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ จะว่าใกล้ก็ใกล้ จะว่าไกลก็ไกลอยู่“พวกเขาต้องรู้เรื่องการปะทะที่ค่ายทหารรัฐเหลียงแล้วเป็นแน่ ช้าสุดวันพรุ่งนี้ฟ้าสว่างย่อมส่งคนมาสอบถาม“จิ่วเหยียน นี่ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องกลยุทธ์ศึกการโจมตีรัฐเหลียง เจ้ามีความคิดอย่างไรบ้าง?“กองทัพใหญ่มากกว่าแสนนายนี้ จะต้องเคลื่อนพลไปทางตะวันออกต่อหรือจะย้อนกลับมา แล้วผ่านเนินเขาหนานซานมุ่งหน้าไปทางเหนือ?”เฟิ่งจิ่วเหยียนมองโต๊ะทรายแล้วครุ่นคิดอยู่เป็นนานผ่านไปไม่นาน นางก็มีความคิดหนึ่งอยู่ในใจ“ศึกคืนนี้รัฐเหลียงต้องพ่ายแพ้ยับเยินเท่านั้น“ดังนั้นพวกเราจะต้องทำให้ศึกนี้จบโดยเร็วที่สุดให้กองทัพอินทรีเหิน[1]ออกปฏิบัติการก่อนเพื่อเปิดประตูใหญ่ทางใต้ของรัฐเหลียง จากนั้นให้กองทัพใหญ่แสนกว่านายเร่งเคลื่อนพลแล้วบุกเข้าไป เป้าหมายคือเมืองหลวงของรัฐเหลียง!”นางดึงธงเมืองหลวงรัฐเหลียงออก แววตาสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการคว้าชัยชนะแม่ทัพเมิ่งลูบเคราและพยักหน้า “นี่เหมือนกับกลยุทธ์ที่พวกเราคิดจะใช้ในตอนแรก“ยามนั้นรัฐเหลียงพักรบแล้วขอสงบศึกกะทันหัน กองทัพเราหยุดการรบทั้งที่กำลังได้เ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status