Share

บทที่ 210

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
โดยปกติแม่ทัพเมิ่งเป็นคนอารมณ์ดี เวลานี้ก็สุดที่จะทนเช่นกัน

เขาขยำจดหมายจนเป็นลูกบอล ยังไม่บรรเทาโทสะ จึงนำไปเผาทิ้ง

“ฮูหยิน มิต้องสนใจ! จิ่วเหยียนเป็นลูกสาวของพวกเราตลอดไป! เว้นเสียแต่นางจะไม่ยอมรับพวกเราเอง ชั่วชีวิตนี้พวกเราก็ไม่ทอดทิ้งนางเด็ดขาด!”

ฮูหยินเมิ่งได้เห็นปฏิกิริยาของเขา จึงหลุดหัวเราะ “พรืด”

ความโกรธเมื่อครู่นี้บรรเทาลงเช่นกัน

แล้วนางก็ถามถึงอีกเรื่องหนึ่ง

“เฉียวม่อไปรายงานผลงานที่เมืองหลวงแทนจิ่วเหยียน สองวันนี้คงใกล้ถึงแล้วกระมัง?”

แม่ทัพเมิ่งผงกศีรษะ

“ใกล้มากแล้ว”

ฮูหยินเมิ่งถอนหายใจเบา ๆ

“เดิมข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เวลานี้ก็ได้แค่หวังว่านางจะสามารถทำได้อย่างราบรื่น”

แม่ทัพเมิ่งเกลี้ยกล่อมนางด้วยความอดทน

“ฝ่าบาทมีพระราชโองการหลายครั้ง ทุกครั้งได้แต่อ้างเรื่องความไม่สงบของชายแดน เลื่อนการไปรายงานผลงานที่เมืองหลวงตลอด เวลานี้มีคนยื่นฎีกาแล้ว กล่าวโทษพวกเราว่าเย่อหยิ่งในกองทัพ ทำคุณงามความดีได้ก็ลำพองตน

“ชัยชนะยิ่งใหญ่เหนือรัฐเหลียงครานี้ ชายแดนได้สงบสุข ฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพ มีแม่ทัพอื่น
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (5)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
บ้าบอ อย่าบอกนะว่า อีฮ่องเต้วางยาตัวเองเพื่อจับผิดฮองเฮา
goodnovel comment avatar
Sanita Sriphadej
อิเต้การละครแหงๆ 55555
goodnovel comment avatar
Prig Pannasa
ฮ่องเต้วางยาตัวเองปะ55555
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 211

    เซียวอวี้ลุกขึ้นมา พูดด้วยเสียงแหบแห้งทุ้มต่ำว่า“เตรียมขบวน กลับตำหนักจื้อเฉิน”เขาไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้ ออกมาจากตำหนักหย่งเหอโดยตรงเฟิ่งจิ่วเหยียนมองดูแผ่นหลังของเขา ด้วยแววตาเยือกเย็นชาเหลียนซวงไม่เข้าใจ“ฮองเฮา อยู่ดีๆ ทำไมฝ่าบาทถึงไปแล้ว?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่พูดอะไรช่วงยามไฮ่ ไฟในตำหนักฉางซิ่นสว่างไสว เซียวอวี้นั่งอยู่ในตำหนัก รออยู่หนึ่งชั่วยามเห็นว่าเวลาค่ำมืดแล้ว เฉินจี๋พูดขึ้นมาว่า“ฝ่าบาท น่าจะไม่มาแล้ว...”ทันใดนั้น ด้านนอกประตูมีเสียงเคาะประตูดัง “ตูมๆ ” ขึ้นมาแววตาเฉินจี๋เป็นประกายขึ้นมานักฆ่าหญิงคนนั้น จะเป็นฮองเฮาไหม?เซียวอวี้ส่งสายตาไปมอง เฉินจี๋เปิดประตูทันทีทว่าคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่นักฆ่าหญิงคนนั้น ทว่าเป็นขันทีน้อยธรรมดาคนหนึ่งขันทีน้อยคนนั้นเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในคือฝ่าบาท ก็รีบคุกเข่าอยู่บนพื้น ตัวสั่นเทาไม่หยุด“บ่าวๆ บ่าวๆ...บ่าวถวายบังคมฝ่าบาท!”แววตาเซียวอวี้ลึกล้ำเฉินจี๋รีบถามขันทีคนนั้นว่า “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!”อีกฝ่ายตอบอย่างสั่นเทาว่า“บ่าวเดินผ่านตำหนักฉางซิ่น เห็นว่าข้างในมีไฟสว่างอยู่และไม่มีคนเฝ้าดู จึงนึกว่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 212

    เซียวอวี้ไม่ได้ไวต่อกลิ่นขนาดนั้น ถึงแม้เขาเคยได้กลิ่นบนตัวนักฆ่าหญิงคนนั้น แต่กลิ่นนั้นจางมาก ครู่เดียวก็ลืมแล้วเขาก็เคยบีบคอ บีบข้อมือผู้หญิงคนนั้นจริง ทว่ามือของเขาไม่ใช่สายวัด เป็นไปไม่ได้ที่ลองจับแล้วก็ทราบทันทียิ่งไปกว่านั้น ข้อมือผู้หญิงไม่ได้ต่างกันมาก อาศัยการคาดเดาด้วยมือตนเอง ไม่มีทางทำได้อย่างแม่นยำเขาเพียงแค่ แต่งเรื่องหลอกฮองเฮาเท่านั้นวิธีนี้ใช้กับคนอื่นได้ผลทว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นผู้ใด?นางผ่านการรบมาเป็นร้อยครั้ง สอบสวนไส้ศึกบ่อยครั้งวิธีการต่างๆ นั้น นางเชี่ยวชาญอย่างมากหากเซียวอวี้มั่นใจว่านางคือนักฆ่าหญิงคนนั้น ก็จะไม่มีอ้อมค้อมเช่นนี้เบาะแสเพียงอย่างดียวที่มีในมือเขา ก็คือแส้เก้าท่อนนั้นสีหน้าของนางนิ่งสงบเหมือนน้ำ แฝงไปด้วยความสงบเห็นเป็นเรื่องง่าย“หม่อมฉันอธิบายได้“ข้างกายหม่อมฉัน นอกจากเหลียนซวงแล้ว ยังมีองครักษ์ลับหญิงผู้หนึ่ง ติดตามหม่อมฉันเข้ามาในวัง คอยปกป้องตลอดเวลา“สิ่งของพวกนั้น ล้วนเป็นของนาง”แววตาเซียวอวี้เยือกเย็นเล็กน้อย“องครักษ์ลับ?”คำโกหกของเฟิ่งจิ่วเหยียน พูดขึ้นมาได้ง่ายดายตามอำเภอใจ“ข้าช่วยนางไว้โดยบังเอิญ สถานะตั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 213

    ประตูเมืองเปิดกว้าง คนทุกบ้านพากันออกมาจากตรอกซอย ต้อนรับกองทัพกลับมาอย่างมีชัยชนะพวกชาวบ้านยืนอยู่ข้างทาง เงยหน้าขึ้นมองดู“แม่ทัพน้อยเมิ่งล่ะ? เขาคือคนไหน?”“คือคนที่ขี่ม้าอยู่ข้างหน้าสุดคนนั้น!”“ทำไมถึงสวมหน้ากากไว้? ดูไม่เห็นว่ารูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร!”“เจ้าไม่รู้เสียแล้ว แม่ทัพน้อยเมิ่งหน้าตาหล่อเหลาสง่าเกินไป จึงสวมหน้ากากบดบังไว้ เพื่อเสริมความทรงพลัง”“ไม่ถูก เพราะบนใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็น อัปลักษณ์อย่างมาก จึงไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงต่อสาธารณะ!”ความเห็นที่แตกต่าง จมอยู่ในเสียงคำรามของผู้คนทั้งหมดแม่ทัพน้อยเมิ่งที่ทุกคนต่างสงสัยนั้น เวลานี้คือเฉียวม่อปลอมตัวมานางมองดูชาวบ้านพวกนั้นอยู่บนที่สูง ตลอดการเดินทางนี้ ทุกหนแห่งที่ไปถึง ล้วนมีชาวบ้านต่างออกมายืนรอต้อนรับตามถนนอยู่ตรงชายแดน บางคนถึงขั้นคุกเข่าอยู่บนข้างถนน โขกศีรษะขอบคุณนาง“ชายแดนเหนือ ไม่มีแม่ทัพน้อยเมิ่งไม่ได้!”“แม่ทัพน้อยเมิ่ง สมกับที่เป็นเทพสงครามจริงๆ !”ความกระตือรือร้นของประชาชน มาถึงเมืองหลวงก็ยังไม่ลดน้อยลงพวกเขานำผลไม้ ผักสดให้กับทหาร ยังมีพวกพ่อค้าผู้มั่งคั่ง นำจี้หยก อัญมณีล้ำ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 214

    วันต่อมา เหล่าขุนนางมารวมตัวกันอยู่ในวัง มาร่วมงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพจักรพรรดิหฮองเฮานั่งอยู่บนตำแหน่งสูง เหล่านางสนมนั่งตามลำดับตำแหน่งทว่าการปรากฏตัวของแม่ทัพทั้งหลาย จึงจะเป็นสิ่งสำคัญในงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพนี้เฉียวม่อเดินอยู่ข้างหน้าสุด พาพวกแม่ทัพถวายความเคารพ“ฮ่องเต้อายุยืนหมื่นปี!”เซียวอวี้ยกมือขึ้นมา อาภรณ์ยาวคลุมอยู่กับพื้น“ทุกท่าน ไม่ต้องมากพิธี!”ทุกคนล้วนดูออก ความชื่นชมที่ฝ่าบาทมีต่อเมิ่งสิงโจวนั้น ไม่มีการปกปิดหลังจากเฉียวม่อยืนตรงแล้ว สายตาสบกับเฟิ่งจิ่วเหยียน ที่นั่งบนตำแหน่งฮองเฮาเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำนางได้ทั้งสองคนไม่ได้สื่อสารผ่านสายตาอะไรกันมาก แล้วก็หลบเลี่ยงกันไปงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพนี้ หนิงเฟยเป็นคนรับผิดชอบจัดงาน ตามกฎตามจรรยาบรรณ ทว่าก็ไม่เป็นที่พอใจมากระหว่างงานเลี้ยงมีการเต้นรำเพิ่มความสนุกสนาน และมีเพลงบรรเลงประกอบการดื่มสุราสาวงามสุราดี สามารถชะล้างความเหนื่อยล้าของทหารที่ได้รับชัยชนะกลับมาพวกเขากินดื่มอย่างอิสระรื่นรมย์ ไม่ยึดติดกับกฎหนิงเฟยยังไตร่ตรองถึงนิสัยการกินของแม่ทัพแต่ละคนด้วย มีการเตรียมของว่างต่าง ๆ ไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 215

    สีหน้านางสนมเจียงขาวซีด เมื่อได้ยินเสียงฮองเฮาดังขึ้นมา แววตาเต็มไปด้วยความรอคอยหนิงเฟยก็หันไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างมุ่งร้ายเวลานี้ หากฮองเฮาปฏิเสธการถวายการเต้นรำของนางสนมเจียง ถือเป็นการทำร้ายจิตใจของพวกทหารนางพูดขึ้นมาอย่างท้าทายว่า “ฮองเฮา หรือท่านคิดว่า เหล่าทหารไม่คู่ควรที่จะชมการรำกลองของนางสนมเจียง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่สนใจหนิงเฟย เพียงพูดขึ้นมาอย่างนอบน้อมว่า“ฝ่าบาท ใช้กลองทงเทียน[1]ไหม?”กลองทงเทียนมักจะใช้ในการเซ่นไหว้ดังชื่อที่บ่งบอก ใช้สื่อสารกับเทพเจ้าผ่านเสียงกลอง ไม่ว่าจะอธิษฐานหรือแก้บนกลองทงเทียนนี้แลดูไม่ได้แตกต่างอะไรกับกลองปกติธรรมดา แต่หน้ากลองที่ทำขึ้นเป็นพิเศษ สามารถทำให้เสียงกลองดังก้องขึ้กว่ากลองธรรมดาพวกทหารรักษาการณ์อยู่ชายแดน ไม่เคยเห็นกลองทงเทียน ล้วนรู้สึกแปลกใหม่เซียวอวี้ขมวดคิ้วเข้ม“ฮองเฮาหมายความว่าอย่างไร”เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงอธิบายขึ้นมาว่า“หม่อมฉันได้อธิฐานขอพรให้กับเหล่าทหาร ยามนี้ได้ชัยชนะกลับมา เดิมควรที่จะแก้บน แต่ด้วยสุขภาพไร้เรี่ยวแรง”“พอดีที่จะได้ใช้โอกาสในวันนี้ พวกทหารล้วนก็อยู่ด้วย ให้นางสนมเจียงตีกลองทงเทียนแทนหม่อม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 216

    สีหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียนสงบนิ่ง“เมื่อวาสนามาถึง ทุกอย่างก็มีความเป็นไปได้”กลับกัน หากไม่มีวาสนา เรื่องนี้ก็จะประสบความสำเร็จไม่ได้แต่เหล่าขุนนางคิดเพียงว่าได้คำรับประกันแล้ว ต่างยิ้มแย้มอย่างพอใจเซียวอวี้เอียงศีรษะมองดูนาง มุมปากกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยหนิงเฟยกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่น แววตาแทบจะพ่นเป็นไฟออกไปนางจัดงานเลี้ยงรับรองแม่ทัพ ความโดดเด่นกลับถูกฮองเฮากับนางสนมเจียงแย่งชิงไป!มู่หรงฉานมองดูทุกอย่างนี้ราวกับไม่ใส่ใจ แววตาสงบเรียบเฉยบรรยากาศแลดูกำลังดี ทว่าไม่มีทางรู้ว่า มีการต่อสู้แย่งชิงกันต่างๆ อยู่อย่างลับๆหลังจากดื่มสุราวนไปหลายรอบ นายพลคนหนึ่งลุกขึ้นมา ท้าต่อสู้กับเฉียวม่อต่อหน้าทุกคน“แม่ทัพน้อยเมิ่งมีฝีมือการต่อสู้เยี่ยมยอด กล้าที่จะประลองกับข้าสักรอบไหม!”ทุกคนต่างร้องโห่ขึ้นมา“จะได้เห็นถึงความหาญกล้าของแม่ทัพน้อยเมิ่ง ถือเป็นบุญตาของพวกเรา!”“ฝ่าบาท ขออนุญาตตั้งเวทีประลองขึ้นมา เพื่อให้คนที่ต้องการท้าประลองกับแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ขึ้นเวทีประลองอย่างต่อเนื่อง! เช่นนี้ให้พวกเราได้เห็นถึง ความสามารถของเทพสงครามแคว้นหนานฉีอย่างแท้จริง!”เซียวอวี้รู้ว่าเมิ่งสิงโจวได

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 217

    พัฟ!หน้ากากตกลงบนพื้นเสียเช่นนี้ในขณะเดียวกัน แม่ทัพน้อยเมิ่งที่ลึกลับ โฉมหน้าที่แท้จริงของเขาปรากฏต่อหน้าทุกคน...ในฝูงชนเกิดความโกลาหลรุนแรง ตกตะลึงอย่างไม่อยากเชื่อ“รีบดู! นางเป็นผู้หญิง!”ต่อให้เฉียวม่อแต่งตัวเป็นชาย และก็ได้รวบผมขึ้นมา แต่ใบหน้าเป็นชายหรือหญิงนั้น ดูแล้วรู้ทันทีเทพสงครามแคว้นหนานฉีที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แท้เป็นสตรีคนหนึ่ง?!!เหล่าบุรุษต่างรู้สึกถึงความอัปยศเหมือนถูกหักหลังขึ้นมาทันทีคนที่พวกเขาเคารพนับถือ ชื่นชมมาตลอด เป็นผู้หญิง!ไม่เพียงผู้คนที่มองดูอยู่ แม้แต่ซุนเต๋อฟางก็ตกตะลึงอย่างยิ่งเมิ่งสิงโจว...เป็นผู้หญิง!สีหน้ารุ่ยอ๋องที่นั่งอยู่เปลี่ยนไป เขาก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็นแม่ทัพหนุ่มคนนั้น กลายเป็นผู้หญิงได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอึ้งอยู่บนที่นั่ง สายตาจับจ้องมองดูเฉียวม่อหน้ากาก ถูกกระชากลงเสียแบบนี้แล้ว...ความตื่นตระหนกแวบผ่านบนใบหน้าของเฉียวม่อ จากนั้นสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือเก็บหน้ากากขึ้นมาซุนเต๋อฟางรู้ตัวอย่างรวดเร็ว ใช้เท้าเตะหน้ากากทิ้งไปจากนั้นเขาก็หันไปฟ้องฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มันก่อนว่า“ฝ่าบาท คนผ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 218

    ไม่นาน หมัวมัวที่รับผิดชอบตรวจร่างกายก็มารายงานในท้องพระโรงว่า“ฝ่าบาท ตรงท้องของผู้หญิงคนนั้นมีบาดแผลจากมีด ซึ่งเป็นแผลเพิ่งเกิดขึ้น ยังมีร่องรอยพิษด้วย อีกอย่าง ได้ค้นเจอคำสั่งทหารในตัวนาง”คำสั่งทหาร โดยเฉพาะป้ายคำสั่งอินทรีเหินนั่น เพียงพอที่จะยืนยันสถานะของเฉียวม่อหากเมิ่งสิงโจวตัวจริงยังอยู่ หรือเมิ่งฉวีสั่งให้ผู้คนปลอมตัวเป็นลูกชายตนเอง ก็ไม่มีทางที่จะนำคำสั่งทหารอันเป็นสิ่งของที่สำคัญเช่นนี้ให้กับเฉียวม่อผลที่ออกมาเป็นแบบนี้ ต่อให้ผู้คนไม่อยากยอมรับก็ต้องยอมรับเหลียนซวงยืนคอยปรนนิบัติอยู่ข้างหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนนางเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่รู้เรื่อง เวลานี้ก็ค่อนข้างแปลกประหลาดใจแม่นางเฉียวม่อคนนั้น ทำได้เด็ดขาดจริงๆ แม้แต่บาดแผลก็สามารถปลอมขึ้นมาได้แต่หากเรื่องเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็จะไม่เอาเรื่องต่อไป ฮองเฮาก็จะปลอดภัยแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม สีหน้าของฮองเฮาแลดูค่อนข้างย่ำแย่เฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นเหมือนเพียงผู้ชมตั้งแต่ต้นจนจบ มองดูหน้ากากเฉียวม่อตกลงพื้น แล้วก็มองดูผลการตรวจร่างกายของเฉียวม่อมีเพียงตัวนางเองที่รู้ดี มีความจริงบางอย่าง กำลังจะเปิดเผยออกมาแต่นั่นก็เป็น

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status