LOGIN"ได้ก็ดีสิ แล้วเสือหามาให้น้องทานได้ไหมล่ะ อย่าดีแต่พูดเอาแต่ดื่มเหล้าเมามายนะเราเนี่ย" นางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด แต่คนฟังนั้นกลับฉีกยิ้ม เพราะเมื่อสักครู่เขาแค่พูดล้อเล่นมารดาออกไปไม่ได้จริงจังอะไรเลยสักนิด
"เฮ้ย! ไอ้เควิน บ้านมึงเปิดร้านอาหาร ไปหาหูฉลามมาให้น้องกูกินซิ" ชายหนุ่มยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียง และท่าทางทีเล่นทีจริง จนมารดานั้นทำตาขวางใส่อย่างหมั่นไส้ในตัวของลูกชาย
"เชิญคุณเสือไปหามาให้น้องรับประทานเองเถอะครับ วันนี้กูง่วงเต็มทีแล้ว เฮ้ยพวกเรา! แยกย้ายกันกลับแล้วค่อยพบกันใหม่โอกาสหน้า กลับแล้วนะไอ้เสือ หวัดดีครับแม่ ผมฝากเนื้อฝากตัวขอสมัครเป็นลูกเขยแม่สักคนนะคร๊าบ" เควินพูดพร้อมกับพนมมือขึ้นแล้วโน้มหน้าเข้าหาสมาร์ตโฟน เพื่อทักทายมารดาของเพื่อนรัก แต่ทว่าอัครเดชนั้นกลับใช้เท้ายันไปที่บั้นเอวของเพื่อนอย่างแรง
"ไอ้เชี้ยเสือ! มึงถีบกูทำไมเนี่ยเจ็บนะเว้ย" เควินพูดพร้อมกับเอามือลูบลงไปที่บั้นเอว
"ก็มึงจะจีบน้องมัน วิญญาณพี่ชายขาโหดเลยเข้าสิง มึงไม่รู้ตัวหรือไงไอ้เควิน มีน้องสาวสวยน่ารักก็ไม่บอก กูขอจองนะไอ้เสือ" ชาร์ลพูดออกมาพร้อมกับยกยิ้มแล้วยักคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่าเขานั้นจะไม่มีวันยอมเลิกรา ยังไงซะก็จะจีบขวัญข้าวมาเป็นแฟนให้ได้
"พวกมึงไปไกลๆ ตีนกูเลย ไป! กลับบ้านกลับช่องได้แล้ว พูดจาไร้สาระอยู่ได้" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยท่าทางที่หงุดหงิด สิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้ก็เกิดขึ้นจนได้
"เออ! กลับก็ได้วะ ไปเดียน่ากูจะไปส่ง" เควินพูดออกมา ในขณะที่เดียน่านั้นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม
"เดียน่ากลับแล้วนะคะคุณแม่สวัสดีค่ะ" หญิงสาวยังคงมีความพยายามโน้มใบหน้าเข้าหาสมาร์ตโฟน เพื่อทักทายมารดาของชายหนุ่ม ก่อนจะยกมือไหว้แล้วฉีกยิ้มกว้างให้กับนาง แล้วเดินตามเพื่อนออกไป ขณะนี้ที่ริมสระเต็มไปด้วยขวดเหล้า พร้อมทั้งถ้วยและจานกระดาษช้อนส้อมพลาสติกเต็มไปหมด แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ หันหน้ามาคุยกับมารดาต่อ ซึ่งทุกคนนั้นได้แยกย้ายทยอยกันกลับบ้านไปหมดแล้ว
"เป็นไงบ้างเพื่อนกินกลับหมดแล้วเหรอพ่อเสือหนุ่ม" ผู้เป็นมารดายังคงไม่ยอมหยุดที่จะแขวะลูกชายออกมา เพราะเขาจัดงานปาร์ตี้แต่ละครั้งสูญเงินไปหลายหมื่น หรือเหยียบแสนเลยทีเดียวแต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยสนใจในเงินจำนวนนี้ที่เสียไป เพราะมันดีต่อใจของเขามาก
"โธ่!...แม่เลี้ยงกวางกมล ทำไมบ่นเก่งจังเลยครับ" คราวนี้ชายหนุ่มพูดจาออดอ้อนออกมา เมื่อมารดากำลังรู้ทัน
"ฉันไม่ใช่แม่เลี้ยง... ฉันเป็นแม่แท้ๆ ของแก" คำพูดของมารดาทำให้ชายหนุ่มนั้นถึงกับอมยิ้ม และหัวเราะออกมาเบาๆ
"ผมลืมไป นึกว่าแม่มีแต่ลูกสาวซะอีก" คราวนี้อัครเดชแกล้งพูดแซวมารดาออกไป เพื่อให้นางนั้นอารมณ์ดีขึ้น
"นั่นแหละคือประเด็นสำคัญ ดูแลน้องให้ดีๆ นะพ่อเสือ เพื่อนของลูกแต่ละคนไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด แม่จริงจังไม่ได้พูดเล่นอย่ามาอมยิ้ม" คราวนี้หญิงสูงวัยถึงกับทำหน้างอออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะเพื่อนแต่ละคนของลูกชายนั้น ช่างหน้าหม้อเหลือเกิน
"คร๊าบ... ผมจะดูแลขวัญข้าวยังกับไข่ในหินมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม จะพาขวัญข้าวเข้านอนทุกคืนดีไหมครับแม่" คราวนี้ชายหนุ่มพูดพร้อมกับฉายแววตาเจ้าเล่ห์ออกมา จนมารดาของเขานั้นอดที่จะเป็นห่วงขวัญข้าวไม่ได้
"แกอย่าคิดทำอะไรบ้าๆ กับน้องนะเสือ ขวัญไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน เธอเป็นลูกสาวของแม่ อย่าคิดทำให้น้องเสียใจเป็นอันขาด แค่นี้แหละแม่จะเข้านอนแล้ว" พูดจบนางก็ตัดสายจากลูกชายเฉยเลย จนชายหนุ่มนั้นปรับอารมณ์ตามไม่ทัน แต่ทำให้เขานึกถึงประโยคที่มารดาได้กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ ถ้าเขาไม่ทำให้ขวัญข้าวเสียใจ ก็แสดงว่าสามารถที่จะคิดเกินเลยกับเธอได้ใช่ไหม
นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังคิดในตอนนี้ ก่อนจะสลัดมันทิ้งแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เพราะเขานั้นยังมีเวลาที่จะทำความคุ้นเคยกับเธออีกมากไม่ต้องรีบร้อนก็ได้ เมื่อมารดาได้ฝากแมวไว้กับปลาย่างฝากชิ้นเนื้อไว้กับเสืออย่างเขา อะไรจะเกิดขึ้นตัวเขาเองก็ไม่สามารถรับประกันว่าจะอดใจ ที่จะไม่คิดเกินเลยกับขวัญข้าวได้หรือไม่
พอเข้ามาในบ้านกลิ่นไข่เจียวได้โชยมาเตะจมูกของชายหนุ่ม เขารู้สึกหอมและเริ่มหิวขึ้นมาในทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาขวัญข้าวที่โต๊ะอาหาร
"อื้ม... เอาโทรศัพท์มาคืน" ชายหนุ่มพูดพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้กับขวัญข้าว ขณะที่เธอนั้นกำลังตักข้าวเข้าปาก แต่ก็ต้องหยุดวางช้อนลง
"ขอบคุณค่ะ คุยกับแม่เสร็จแล้วเหรอ" หญิงสาวถามชายหนุ่มออกไปอย่างไม่คิด เมื่อเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเขา ให้ได้ประโยคที่ยาวกว่าคำว่าขอบคุณ
"ถ้าไม่เสร็จคงไม่เอามาคืนหรอกมั้ง ถามอะไรโง่ๆ และนั่นทำอะไรกินทำให้ฉันบ้างสิ รู้สึกหิวข้าวแล้วเหมือนกัน" ชายหนุ่มพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่จานข้าวของหญิงสาว ซึ่งมีข้าวสวยร้อนๆ พร้อมกับไข่เจียวโปะหน้าเอาไว้อย่างน่ารับประทาน พร้อมกับกลิ่นของมันนั้นช่างหอมรัญจวน จนเขาแทบกลืนน้ำลายลงคอ
ในเวลานี้ขวัญข้าวเองก็อยากตอบเขากลับไปเหมือนกันว่า ไม่ลืมตาดูหรือไงถึงไม่รู้ว่านั่น เธอกำลังทานข้าวกับไข่เจียว แต่หญิงสาวก็เก็บคำพูดเหล่านั้นไว้ในใจ เพราะไม่กล้าพูดอะไรออกไป อย่างน้อยเขาก็ไม่ดุเธอ เรื่องที่เข้าไปงานปาร์ตี้เมื่อสักครู่
"แป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวขวัญไปทำมาให้" ขวัญข้าวพูดพร้อมกับรีบลุกเดินเข้าไปในครัว เพื่อจัดแจง ข้าวไข่เจียวให้กับพี่ชาย หญิงสาวทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วว่องไว บวกกับฝีมือด้านการทำอาหารเธอนั้นไม่เป็นรองใคร แค่ข้าวไข่เจียวสบายมากสำหรับเธอ ไม่กี่นาทีเธอก็ยกออกมาเสิร์ฟ พร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ
"พี่เสือ! " แต่แล้วขวัญข้าวก็ต้องตกใจกับภาพตรงหน้า ไม่คิดว่าชายหนุ่ม จะหยิบจานข้าวของเธอไปนั่งรับประทาน แถมช้อนส้อมนั่นเธอก็ใช้แล้วด้วย
หลายปีผ่านไป อัครเดชและขวัญข้าวได้แต่งงานกันที่ไร่ ทั้งสองไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไรมากมาย แขกที่มาร่วมเป็นสักขีพยานก็ล้วนเป็นคนที่สนิทกัน แต่นั่นมันไม่ใช่ส่วนสำคัญในชีวิตของคนทั้งคู่ เพราะทั้งสองไม่ได้มีความปรารถนาที่จะให้งานแต่งใหญ่โตมโหฬาร ขอแค่มีสักขีพยานมาร่วมแสดงความยินดีในวันงานก็เพียงพอ ตอนนี้อัครเดชได้ลูกสาวสมใจ เมื่อขวัญข้าวได้ให้กำเนิดลูกคนที่สอง ซึ่งเป็นลูกสาวมีชื่อว่าน้องแพนด้า ส่วนเจ้าสิงโตกันยาและตุลานั้นได้เข้าเรียนเตรียมอนุบาลเรียบร้อยแล้ว "ทำอะไรเหรอคะพี่ฮันน่า" ขวัญข้าวอุ้มลูกสาว เดินตรงมาที่เรือนหลังเล็ก ซึ่งอัครเดชได้ปลูกไว้ให้ฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้อาศัย เพราะเขาเข้าใจดีว่าหญิงสาวคงต้องการใช้ชีวิตส่วนตัว "พี่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ การทำร้านดอกไม้ ขวัญว่าพี่จะขายได้ไหม แต่รอให้เด็กๆ โตอีกสักหน่อยพี่อาจต้องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ" ฮันน่าพูดกับขวัญข้าว แต่ดวงตาของเธอกลับจ้องอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อหญิงสาวมีความปรารถนา อยากจะเปิดร้านดอกไม้ เพื่อเลี้ยงชีพและส่งลูกๆเรียน เพราะเงินในบัญชีที่เก็บเอาไว้ก็เริ่มจ
"ขอแย่งเจ้าสิงโตชิมสักวันนะครับคนดี" น้ำเสียงของชายหนุ่มช่างออดอ้อน ขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงละเลียดชิมอมแล้วดูดที่เม็ดบัวอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะไม่เหลือมันไว้ให้กับลูกชายเลยสักหยด"อุ๊ย! พี่เสือ" หญิงสาวร้องครางออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเจ้ามังกรยักษ์ที่แข็งเป็นลำตั้งชันขึ้นทิ่มหน้าท้องของเธอไปมา จนหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะแอ่นสะโพกขึ้นไปท้าทายกับท่อนเอ็นลำใหญ่หัวแดงบานเบ่ง ที่มันพร้อมจะเข้ามาสำรวจในถ้ำของเธอเต็มที "อืม...ขวัญ...ทำไมเมียพี่ถึงได้เซ็กซี่จัง" เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยชมผู้เป็นภรรยาออกมา เข้าอ้อยอิ่งละเลียดชิมอมแล้วดูดอยู่ที่สองเต้าเป็นนานสองนาน ก่อนจะก้มลงไปจับเจ้ามังกรยักษ์สอดเข้าไปในช่องแคบของเธอพรึบ!!! "อืมพี่เสือ...อ๊า" เมื่อชายหนุ่มดันเจ้ามังกรยักษ์เข้าไปในถ้ำของเธอ ทำให้หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความคับแน่น จนเธอร้องครางออกมา แต่ทว่ามันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดเลยสักนิด เมื่อความเสียวซ่านกำลังเกิดขึ้นภายในช่องแคบ เมื่อสามี
"เดี๋ยวก็รู้ตามพี่มา" อัครเดชจูงแขนภรรยาของเขาเดินเข้าไปในไร่กุหลาบ ส่วนฮันน่าและลูกๆ ของเธอได้นั่งเล่นที่สนาม โดยมีเอื้องคำเป็นพี่เลี้ยง หญิงสาวแอบอมยิ้มตามภาพของพ่อแม่ลูกที่ดูอบอุ่น เพราะเธอแน่ใจว่าบอสหนุ่มคงกำลังจะมีเซอร์ไพรส์ภรรยา อัครเดชพาขวัญข้าวเดินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงซุ้มกุหลาบที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม มันถูกออกแบบโดยชายหนุ่ม เมื่อเขาอยากจะขอภรรยาแต่งงาน และนั่นก็ทำให้ขวัญข้าวถึงกับน้ำตาคลอ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมีมุมที่อ่อนโยน แล้วโรแมนติกขนาดนี้มาก่อน "นั่งตรงนี้ก่อนครับคนดี" เขาจัดแจงให้ภรรยานั่งลงที่ขอนไม้ จากนั้นชายหนุ่มได้คุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาว โดยที่เขายังคงอุ้มเจ้าสิงโตเอาไว้ แล้วค่อยๆ หยิบแหวนออกมาจากกระเป๋ากางเกง "แต่งงานกับพี่นะครับ" "พี่เสือ..." ขวัญข้าวเรียกชื่อผู้เป็นสามีออกมา ด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ตื้นตันใจเพราะเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า เขาจะขอเธอแต่งงาน เมื่อหญิงสาวไม่เคยคาดหวังที่จะมีโมเม้นต์แบบนี้ "ขอให้เจ้าสิงโตเป็นพยาน พี่จะรักและซื่
จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งปีแล้ว ที่ขวัญข้าวใช้ชีวิตร่วมกับอัครเดชด้วยความผาสุก ชีวิตคู่ของเขาและเธอนั้น มีอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้ขวัญข้าวนึกไม่ถึง โดยเฉพาะสิ่งที่ชายหนุ่มทำให้เธอ มันเป็นมากกว่าคำว่ารัก ที่เขายืนยันพูดกับเธอซ้ำๆ ในทุกคืนวัน เพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนไหนผ่านเข้ามาใกล้ ชายหนุ่มก็ไม่เคยชายตาแลเลยสักครั้ง เขายังคงทำหน้าที่สามีและพ่อที่ดีให้กับเจ้าสิงโตได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนฮันน่าได้คลอดลูกแฝด หลังจากที่ขวัญข้าวคลอดเจ้าสิงโตได้หนึ่งเดือน ที่สำคัญเธอสามารถคลอดเองแบบธรรมชาติได้ และที่น่าแปลกก็คือลูกสาวของเธอคลอดเวลาเกือบเที่ยงคืน ของคืนวันที่สามสิบกันยายน ห่างจากลูกชายเพียงแค่ไม่กี่นาที แต่ทำให้ลูกอีกคนของเธอนั้นต้องแจ้งเกิดเป็นเดือนตุลาคม และนั่นก็คือที่มาของชื่อกันยาและตุลา ส่วนเจ้าสิงโตลูกของขวัญข้าวกับอัครเดชนั้นเกิดในเดือนสิงหาคม ช่างเหมาะเจาะกับชื่อสิงโต และทั้งสามคงจะเติบโตไปด้วยกัน อย่างไม่มีวันเหงาแน่นอน "สิงโตกลับบ้านได้แล้วลูก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกับกันยาและตุลาใหม่นะครับ" ขวั
สักพักอัครเดชก็เดินเข้ามาในห้องคลอด โดยมีคุณหมอและพยาบาลยืนข้างๆ เตียง ที่มีขวัญข้าวนอนหายใจเข้าถี่ ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เมื่อหญิงสาวพยายามเบ่งคลอดหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และดูเหมือนว่าเธอนั้นเริ่มจะหมดแรง "ขวัญ...ขวัญต้องอดทนนะครับคนดี เพื่อลูกของเรา อีกไม่กี่นาทีเจ้าสิงโตก็จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว พี่รู้ว่าขวัญเจ็บมาก อดทนไว้นะครับ""คุณพ่อมาให้กำลังใจแล้ว คุณแม่หายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งนะคะ แล้วเตรียมเบ่ง หายใจเข้าลึกๆ ค่ะ หนึ่ง สอง สาม เบ่งค่ะ...อื้ดดด!!" คุณหมอและนางพยาบาลต่างก็ช่วยกันให้กำลังใจขวัญข้าว เมื่อปากมดลูกของเธอเริ่มเปิดสิบเซนติเมตรพร้อมคลอดเต็มทีแล้ว กรี๊ด!!! หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาจนสุดแรงเกิด แม้ว่าคุณหมอจะบอกให้เก็บเสียง แต่ในเวลานี้คงไม่มีคุณแม่คนไหนเก็บอาการเจ็บปวดปางตายนี้ไว้ได้ ใบหน้าของหญิงสาวฉายแววความเจ็บปวดออกมาอย่างทรมาน จนอัครเดชนั้นถึงกับน้ำตาซึมเพราะสงสารภรรยา"อูเว้! อูเว้! อูเว้! " เสียงทารกน้อยดังขึ้น พร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อยของขวัญข้าว ที่ดูเหมือนว่าเธอนั้นกำลังหมดเรี่ยวแรงพอดี แต่รอยยิ
"ทำไมอ้อนแบบนี้ครับ ถ้าพี่อดใจไม่ไหวจะให้ทำยังไง...หื้ม"คำพูดและแววตาของชายหนุ่มฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างชัดเจน ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วโอบกอดหญิงสาวร่างอวบเอาไว้หลวมๆ แต่ขวัญข้าวก็เชื่อว่าเขาคงไม่กล้าทำอะไรมากไปกว่ากอด เพราะตั้งแต่กลับมาที่ไร่ก็ทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้ มีมุมอ่อนโยน และเขาก็ทะนุถนอมห่วงใยเธอมาก จนมองข้ามความต้องการของตัวเองออกไป ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วหากเขาจะทำอะไรในแบบที่พูดออกมาก็ย่อมทำได้ "พี่เสือ... ขวัญขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ" ขวัญข้าวพลิกตัวตะแคงข้างเข้าหาชายหนุ่ม พร้อมกับ สบตากับเขา "ไหนบอกว่าง่วงไง ทำไมตาแป๋วเลยตอนนี้ จะถามอะไรพี่ละครับ...หื้ม...จุ๊บ! จุ๊บ! จุ๊บ! " ดวงหน้ากลมของภรรยาที่ดูอวบอิ่มเพราะการตั้งครรภ์ ทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ที่จะจุ๊บลงไปที่เรียวปากของเธอหลายที ก่อนจะเอามือปัดปอยผมออกจากแก้ม แล้วยิ้มแฉ่งให้กับความน่ารักของเธอ ขณะที่ขวัญข้าวก็ยิ้มร่าให้กับความรักที่ผู้เป็นสามีมอบให้มาด้วยความสุขใจ







