หน้าหลัก / รักโบราณ / แม่หมอแห่งซูโจว / 18. มิเชื่ออย่าลบหลู่ (1)

แชร์

18. มิเชื่ออย่าลบหลู่ (1)

ผู้เขียน: หมอนบนโซฟา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-26 21:41:28

“เรื่องคดีเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงเรียบทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยถามคนที่พึ่งเข้ามาใหม่

“ยังมิมีผู้ต้องสงสัยเลยขอรับ ท่านเจ้าเมือง” คำตอบรับจากผู้ใต้บัญชาทำเอา โจวอี้หาน เจ้าเมืองซูโจวถึงกับถอดถอนหายใจออกมา เรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองซูโจวเริ่มจะปิดไม่มิด ข่าวสารเริ่มแพร่กระจายไปเกือบทั่วเมืองซูโจวแล้ว แม้ว่าคดีฆาตกรรมหญิงสาวจะเกิดขึ้นเพียงในตัวเมือง แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในเมืองซูโจวไม่น้อย

“แล้วมีสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่”

“ขอรับ มีหญิงคณิกาตายเพิ่มอีกแล้วขอรับ เมื่อเช้าข้าน้อยพึ่งจะไปดูศพมา การลงมือเป็นลักษณะเดียวกัน คือ ถูกจ้วงแทงหลายแผล ทั้งยังถูกกรีดที่ใบหน้า” ผู้ช่วยท่านเจ้าเมืองอย่าง หรงจี ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย เมื่อเช้ามืดท่านฉือกงหัวหน้ามือปราบของเมืองซูโจว ได้รับแจ้งว่าพบร่างสตรีที่เต็มไปด้วยเลือดนอนแน่นิ่งอยู่ริมน้ำ ท่านฉือกงจึงมาเรียกเขา ให้ไปช่วยตรวจสอบ

ศพที่สามแล้วสินะ พบความเชื่อมโยงของผู้ตายหรือไม่” โจวอี้หานถึงกับกุมขมับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นในเมืองซูโจว เดิมที คิดว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ แต่ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์กลับมีเหตุการณ์เช่นเดิมเกิดขึ้น ทั้งผู้ที่ถูกฆ่ามักจะเป็นสตรีทั้งสิ้น มีทั้งหญิงชาวบ้านและหญิงคณิกา

“ไม่เลยขอรับ ส่วนข้อมูลข้าน้อยรวบรวมมาไว้ในนี้ทั้งหมดแล้ว” หรงจียื่นม้วนกระดาษที่เขาเขียนข้อมูลต่างๆ ให้กับท่านเจ้าเมือง

“ขอบใจเจ้ามาก เห็นทีเราคงต้องส่งฎีกาขอให้เมืองหลวงส่งคนมาจัดการเสียแล้ว” เมืองซูโจวเป็นเมืองทางตอนใต้ของแคว้นฉาง ซึ่งบัดนี้อยู่ในรัชสมัยขององค์ฮ่องเต้ฉางหลงที่เก่งกาจเรื่องการปกครอง ทั้งยังมีชินอ๋องฉางเล่อที่เชี่ยวชาญทางด้านการทหาร จวิ้นอ๋องฉางหรุ่ยช่ำชองเรื่องการค้า ทำให้มิมีผู้ใดกล้าเปิดศึกกับแคว้นฉางมานานกว่าเจ็ดปี

“ขอรับ แต่อย่างไรการทำเรื่องไปเมืองหลวงคงจะใช้เวลาหลายเดือนกว่าทางการจะส่งคนมา ระหว่างนี้เราจะทำอย่างไรขอรับ” หรงจีกังวลว่าการขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวงอาจล่าช้า

“คงต้องคอยลาดตระเวนต่อไป จะให้ชาวเมืองอยู่อย่างหวาดกลัวเช่นนี้มิได้”

“เอ่อ…ข้าน้อยพอจะมีวิธีขอรับ เมื่อไม่นานมานี้มีผู้มาร้องเรียนว่า มีคนอ้างตนว่าเป็นแม่หมอ เห็นนิมิตของผู้คนขอรับ” ได้ยินดังนั้นอี้หานก็ขมวดคิ้วแน่น เขามิชอบใจผู้ที่คิดออกอุบายหลอกลวงชาวบ้านเช่นนี้

มิมีสิ่งอื่นให้ทำมาหากินแล้วหรืออย่างไร

“ส่งฉือกงไปจับกุมเสีย ขังไว้ในคุกมืดสักสิบวันจะได้หลาบจำเสียบ้าง”

“ท่านเจ้าเมืองใจเย็นลงก่อนขอรับ เรื่องนี้ข้าตรวจสอบแล้ว แม่หมอผู้นี้มิได้หลอกลวงชาวบ้านขอรับ ทั้งชาวบ้านยังเอ่ยว่า นิมิตของนางนั้นแม่นยำราวกับไปยืนอยู่เหตุการณ์นั้นจริงๆ”

“แล้วอย่างไร…” อี้หานเงยหน้ามองผู้ช่วยของตนด้วยสายตางุนงง

“ข้าน้อยว่าเราลองไปขอดูภาพนิมิตจากนางดีหรือไม่-”

“ไม่! เจ้าก็รู้ว่าข้ามิเชื่อเรื่องทางไสยเวท ไร้สาระ มิมีหลักการ มิมีเหตุมีผล” คำด่าทอแสนซื่อตรงของผู้เป็นนาย ทำเอาหรงจีถึงกับหน้าชา แต่ก็มิได้คิดสิ่งใดมาก เพราะเขาทำงานกับท่านเจ้าเมืองมานาน ย่อมชินชากับคำพูดแสนจะซื่อตรงและเจ็บแสบเหล่านี้

“แต่เพื่อชาวเมืองของเรา ท่านเจ้าเมืองก็ควรลองมิใช่หรือขอรับ หากว่าภาพนิมิตของนางเป็นจริง เราก็อาจได้ข้อมูลของคนร้ายเพิ่ม แต่หากว่ามิเป็นความจริง เราก็จับนางเข้าคุกเสีย มิมีสิ่งใดเสียหายเลยขอรับ” อี้หานฟังคำของผู้ช่วยก็นิ่งคิดอยู่นาน

ตั้งแต่เกิดมาจากครรภ์มารดา เขาก็เกิดมาพร้อมกับความอับโชค มารดาเป็นอนุฐานะต่ำต้อย บิดามิได้ใส่ใจดูแลสักเท่าใด ไม่ว่าจะเรื่องใด เขาก็ต้องลำบากยากเย็นกว่าจะได้มา แม้จะมิใช่ความลำบากเฉกเช่นชาวบ้านที่มิมีกินมีใช้ แต่ก็ใช่ว่าจะมิเหนื่อยใจ ตำแหน่งท่านเจ้าเมืองก็เช่นกัน เขาใช้ความสามารถทุกอย่างที่มีเพื่อได้ตำแหน่งนี้มา ฐานะทางสังคมของเขาจึงดีขึ้นบ้าง มารดาก็ได้ขึ้นเป็นฮูหยินรองเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงมิอยากจะศรัทธาผู้ที่อ้างตนว่าได้รับพรจากสวรรค์ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าสวรรค์นั้นลำเอียง แต่เมื่อเป็นเรื่องความเป็นความตายของชาวบ้าน เขาจะลองดูสักครา…

“…อืม เช่นนั้นก็ได้”

“มี่เอ๋อร์ วันพรุ่งจะเปิดสำนักหรือไม่” เหมาไป่เอ่ยถามหลานสาว เพราะวันพรุ่งจะเป็นวันที่หลานสาวของนางอายุครบสิบห้าหนาว นางจึงคิดจะจัดพิธีปักปิ่นให้กับหลานสาว

“เปิดเจ้าค่ะท่านยาย เราจัดพิธีปักปิ่นเพียงช่วงเช้าได้หรือไม่เจ้าคะ มิต้องเชิญผู้ใดมาก็ได้ เพียงแค่ท่านยายปักปิ่นให้ข้า เท่านี้ข้าก็ดีใจแล้วเจ้าค่ะ” ลี่มี่ที่หยุดพักจากการดูชะตาชีวิตของชาวบ้านเอื้อนเอ่ยตอบท่านยาย

“จะเอาเช่นนั้นหรือ เจ้ามิอยากให้ผู้ใดมาหรือ”

“เจ้าค่ะ เพียงแค่บอกชาวบ้านที่จะมาสำนัก ว่าช่วงเช้าเราจะปิด เพื่อทำพิธีปักปิ่นเท่านั้นก็พอแล้วเจ้าค่ะ” ลี่มี่มิได้คิดว่าพิธีปักปิ่นนั้นสำคัญ ถึงขั้นต้องเสียเงินทองเพื่อเลี้ยงแขกเหรื่อ ตลอดหนึ่งเดือนที่นางเริ่มตั้งสำนักและหาเงินเอง นางตระหนักได้ว่าเงินทองกว่าจะได้มาช่างยากลำบาก หากจะเสียเงินไป นางก็ควรจะเสียเงินไปเพราะใช้จ่าย ซื้อความสุขให้กับท่านยายและน้องชายมากกว่า

“เช่นนั้นยายจะไปบอกชาวบ้านให้ เจ้าจะให้ยายเรียกคนถัดไปเข้ามาเลยหรือไม่”

“เรียกเข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าพร้อมแล้ว” ลี่มี่ลุกขึ้นนั่ง เตรียมตัวดูชะตาชีวิตของชาวบ้านคนถัดไป

บัดนี้ชื่อเสียงด้านการดูนิมิตของนางเริ่มดีขึ้น ผู้คนที่เคยมาดูในช่วงแรกๆ แล้วพบเจอกับเหตุการณ์ตามที่นางเอ่ยก็นำเรื่องราวไปเล่าต่อ จนทำให้มีผู้คนสนใจที่จะมาดูชะตาชีวิตกับนางมากขึ้น และแน่นอนว่าเงินทองก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงศรัทธา

จนบัดนี้ลี่มี่เก็บเงินทองได้มากถึง 4 ตำลึงทอง กับอีก 7 ตำลึงเงิน แต่อย่างว่า คนเราย่อมต้องมีค่าใช้จ่าย ค่ากินค่าอยู่ ค่าเสื้อผ้าอาภรณ์ นางจึงเสียเงินไปกว่า5 ตำลึงเงินเพื่อซื้ออาภรณ์เนื้อดีและเครื่องนอนให้กับครอบครัว เพราะช่วงนี้เข้าสู่เหมันตฤดูแล้ว ในช่วงกลางคืนมีหิมะตกจนหนาวกัดไปหมด

ลี่มี่ยังคงตรวจดูชะตาชีวิตของผู้ศรัทธาจนถึงช่วงเย็น จากนั้นจึงทานอาหารกับน้องชายและท่านยายอย่างอิ่มหนำแล้วจึงพากันเข้านอน

“อุ่น อุ่น อุ่น น้องชอบมากขอยับ” เด็กน้องซุกตัวอยู่ในเครื่องนอนชุดใหม่ที่พี่สาวซื้อมาอย่างสุขใจ

“หึๆ อาหมิงน้องพี่อายุสี่หนาวครึ่งแล้ว เหตุใดยังพูดมิชัดอีกนะ”

“น้องเองก็มิยู้ขอยับ แต่พูดเช่นนี้น้องมิน่าเอ็นดูหยือ” ใบหน้าเล็กหมองลงจนพี่สาวต้องรีบเอ่ยปลอบ

“น่าเอ็นดูๆ จะพูดชัดหรือไม่ พี่ก็รักและเอ็นดูเจ้าที่สุด นอนได้แล้วพรุ่งนี้พี่ต้องตื่นแต่เช้า” ลี่มี่กดจุมพิตลงบนหน้าผากของน้องชาย แล้วจึงพากันเข้าสู่ห้วงนิทราไป

เช้าวันรุ่งขึ้นเหมาไป่และลี่มี่ตื่นขึ้นมาเตรียมของจัดพิธีปักปิ่นกันเล็กๆ แต่ทว่ากลับมีชาวบ้านเข้ามาร่วมพิธีปักปิ่นของลี่มี่กันตั้งแต่เช้า ชาวบ้านที่ศรัทธาในแม่หมอต่างนำอาหารมาร่วมฉลองพิธีปักปิ่นของลี่มี่ เดิมที คิดว่าจะจัดพิธีกันเพียงสามคนยายหลาน แต่เมื่อมีชาวบ้านเข้ามาร่วมด้วย ลี่มี่ก็มิได้ขัดอันใด เชิญทุกคนเข้ามาร่วมพิธีปักปิ่นของนางอย่างนอบน้อม

หลังจากที่ได้รับคำสอนจากท่านยาย ลี่มี่ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับคนหมู่มากได้ดีขึ้น รู้ว่าควรพูดหรือปฏิบัติตนเช่นไร จากคำพูดที่แข็งกร้าวดูไร้มารยาทเปลี่ยนเป็นการเหน็บแนมอย่างเชือดเฉือนแทน

ขั้นตอนพิธีต่างๆ เป็นไปอย่างเรียบง่ายตามขนบธรรมเนียม มีการเลี้ยงฉลองร่วมกันเล็กน้อย ไม่นานทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานของตน ลี่มี่เองก็จัดเตรียมสถานที่ เพื่อเปิดสำนักในช่วงบ่าย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • แม่หมอแห่งซูโจว   21. ฮูหยินสกุลอัน (2)

    วันนี้ลี่มี่ตั้งใจพาท่านยายและอาหมิงไปเลือกซื้อวัตถุดิบปรุงอาหาร เนื่องจากนางเปิดสำนักทุกวัน มิได้ออกไปเก็บของป่า ทำให้อาหารที่กักตุนไว้เริ่มหมดลง ทั้งลี่มี่ยังตั้งใจจะซื้ออาภรณ์ผืนใหม่ไว้ให้ท่านลุงชุนไห่และท่านพี่ชุนเต๋อใส่ยามอากาศหนาวเย็น แม้ว่านางจะตัดขาดจากสกุลชุนแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังดีกับนางและน้อง อย่างไรก็ต้องตอบแทน“ท่านยาย ข้าว่าเราไปนั่งดื่มน้ำชาให้ท่านหายเมื่อยก่อนดีหรือไม่” ลี่มี่พยุงท่านยายลงจากเกวียน ท่าทีปวดเมื่อยทำให้ลี่มี่นึกกังวล“มิต้องๆ ยายพึ่งจะได้ลุกยืน จะให้นั่งอีกคงมิไหว เราไปเลือกซื้ออาหารกันก่อนเถิด”“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ อาหมิงจับมือท่านยายไว้ ประเดี๋ยวจะหลงเอาได้” ลี่มี่พาท่านยายและน้องชายเดินไปซื้อของสด ที่ชาวบ้านเอามาตั้งร้านขายตามรายทาง มีทั้งผัก ผลไม้ ปลา หรือแม้แต่สัตว์ทะเลตั้งแต่เปิดสำนักแม่หมอ ลี่มี่ก็มีเงินใช้จ่ายอย่างคล่องมือ มิต้องประหยัดจนอดอยาก แต่นางก็มิได้ฟุ่มเฟือย เครื่องประดับงดงามนางก็ยังมิคิดจะซื้อใส่ แต่สิ่งใดจำเป็นจะต้องกินต้องใช้ นางก็จะซื้อโดยมิเสียดาย“ท่านยายเอาปูตัวใหญ่ด้วยได้หยือไม่ขอยับ”“ได้ๆ เอาตัวนี้ดีหรือไม่” สายตาออดอ้อนจากน้

  • แม่หมอแห่งซูโจว   20. ฮูหยินสกุลอัน (1)

    ภาพนิมิตที่ลี่มี่เห็นทำให้นางรีบดึงมือออกจากมือใหญ่ทันที ท่าทีร้อนรนและสีหน้าที่ตกใจ ทำให้อี้หานอดสงสัยมิได้“เจ้าเห็นสิ่งใด เลวร้ายหรือ”“มะ มะ มิได้เจ้าค่ะ ข้าเห็นเช่นเดิม มิ- มิมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง” ใบหน้ากลมสวยแดงก่ำขึ้น เมื่อชายหนุ่มเคลื่อนขยับเข้ามาใกล้‘ขะ ข้าต้องถูกบังคับเป็นแน่ แต่…ใบหน้าข้าก็ดูมีความสุขนะ ฮื่อ~’ ลี่มี่ใช้มือทุบตีศีรษะตนเองที่มิอาจลบเลือนภาพน่าอายเหล่านั้นออกไปได้ จนผู้ที่อยู่ในห้องนั้นถึงกับงุนงงในท่าทีของนางกันหมด“เจ้าเป็นอันใดของเจ้า”‘จริงสิ ใช่ว่าเราจะเปลี่ยนนิมิตไม่ได้ ต้องหนี ต้องหนีให้ห่าง! แล้ว…ข้าจะหนีไปที่ใดอีกเล่า ฮื่ออออ’ ตากลมเดี๋ยวก็เบิกกว้าง เดี๋ยวก็เศร้าสร้อย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนอี้หานนึกสงสัยว่าหญิงสาวกำลังทำหน้าตาเช่นใดอยู่มือใหญ่เอื้อมเข้าไปดึงผ้าปิดหน้าของลี่มี่จนหลุดติดมือมา ใบหน้าน่ารักของหญิงสาวที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่น ทำเอาดวงใจที่แข็งแกร่งดั่งหินผาของท่านเจ้าเมืองสั่นไหวไม่น้อย ดวงตากลมโต ปากแดงเล็กเป็นกระจับ ปลายจมูกรั้นขึ้นพอน่ารัก“ทะ ท่านทำสิ่งใด” ลี่มี่ที่ถูกดึงผ้าปิดหน้าออกก็มิสติขึ้นมา“อะแฮ่ม ข้า- มิมีอันใด ว่าแต่เจ้าเห็นสิ่งใด

  • แม่หมอแห่งซูโจว   19. มิเชื่ออย่าลบหลู่ (2)

    “ผู้คนมารอมากเลยทีเดียว คงเป็นเพราะยายแจ้งว่าต่อจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์เราจะหยุดเพื่อซ้อมหลังคาเรือน”“เช่นนั้นก็เชิญคนแรกเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ” ลี่มี่ยกผ้าคาดหน้าเข้ามาสวมใส่และเตรียมพร้อมเช่นเคย ชาวบ้านคนแล้วคนเล่าเข้ามาดูนิมิตกับท่านแม่หมอ บ้างก็ผิดหวังกลับไปเพราะมิมีวาสนาต่อสวรรค์ แต่บางคนกลับได้รับคำเตือนที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต ชาวบ้านที่มาที่สำนักมีทั้งคนในหมู่บ้านและผู้คนนอกหมู่บ้าน จนมาถึงผู้ศรัทธาคนสุดท้ายที่ท่านยายเอ่ยว่า เขาเดินทางมาจากตัวเมืองเพื่อขอคำชี้แนะจากแม่หมอแห่งซูโจว“เอ่อ ผู้ใดที่จะดูนิมิตหรือ เหตุใดจึงเข้ามากันเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้เล่า” ลี่มี่จ้องมองชายหนุ่มทั้งสามคนตรงหน้าอย่างพิจารณา โดยเฉพาะผู้ที่นั่งอยู่ด้านหน้าสุด คนผู้นี้หล่อเหลา ท่าทางราวกับบัณฑิตมีความรู้ และดูเหมือนว่าคนผู้นี้คงจะเป็นนายของทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง“ข้าเป็นเจ้าเมืองซูโจว มีนามว่า โจวอี้หาน”“ทะ ท่านเป็นเจ้าเมืองหรือ แล้วมีกิจธุระอันใดกับข้าหรือ” ลี่มี่ได้ยินดังนั้นก็ตกใจไม่น้อย หญิงสาวตื่นกลัวอยู่ตลอด เพราะการงานของนางเสี่ยงที่จะถูกทางการจับกุมยิ่งนัก“รู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้าทำถือเป็

  • แม่หมอแห่งซูโจว   18. มิเชื่ออย่าลบหลู่ (1)

    “เรื่องคดีเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงเรียบทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยถามคนที่พึ่งเข้ามาใหม่“ยังมิมีผู้ต้องสงสัยเลยขอรับ ท่านเจ้าเมือง” คำตอบรับจากผู้ใต้บัญชาทำเอา โจวอี้หาน เจ้าเมืองซูโจวถึงกับถอดถอนหายใจออกมา เรื่องคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองซูโจวเริ่มจะปิดไม่มิด ข่าวสารเริ่มแพร่กระจายไปเกือบทั่วเมืองซูโจวแล้ว แม้ว่าคดีฆาตกรรมหญิงสาวจะเกิดขึ้นเพียงในตัวเมือง แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในเมืองซูโจวไม่น้อย“แล้วมีสิ่งใดเพิ่มเติมหรือไม่”“ขอรับ มีหญิงคณิกาตายเพิ่มอีกแล้วขอรับ เมื่อเช้าข้าน้อยพึ่งจะไปดูศพมา การลงมือเป็นลักษณะเดียวกัน คือ ถูกจ้วงแทงหลายแผล ทั้งยังถูกกรีดที่ใบหน้า” ผู้ช่วยท่านเจ้าเมืองอย่าง หรงจี ยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย เมื่อเช้ามืดท่านฉือกงหัวหน้ามือปราบของเมืองซูโจว ได้รับแจ้งว่าพบร่างสตรีที่เต็มไปด้วยเลือดนอนแน่นิ่งอยู่ริมน้ำ ท่านฉือกงจึงมาเรียกเขา ให้ไปช่วยตรวจสอบ“ศพที่สามแล้วสินะ พบความเชื่อมโยงของผู้ตายหรือไม่” โจวอี้หานถึงกับกุมขมับ เมื่อสองสัปดาห์ก่อนหน้า เกิดเหตุการณ์ฆาตกรรมขึ้นในเมืองซูโจว เดิมที คิดว่าเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ แต่ผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์กลับมีเหตุการณ์เช่นเดิม

  • แม่หมอแห่งซูโจว   17. ตามหาเสี่ยวทู่

    “ท่านยายขอยับ น้องขอออกไปวิ่งเล่นที่ลานกว้างของหมู่บ้านได้หยือไม่ขอยับ” วันนี้เรือนสกุลเหมาปิดสำนักแม่หมอ เนื่องจากเหมาไป่อยากให้หลานสาวได้พักผ่อนเสียบ้าง จึงมีเวลาให้ลี่หมิงไปเที่ยวเล่นกับเด็กวัยเดียวกัน ยามที่อยู่สกุลชุน เด็กชายก็ต้องช่วยพี่สาวทำงานบ้าน พอย้ายมาอยู่สกุลเหมาก็ต้องช่วยพี่สาวต้อนรับผู้ศรัทธา ลี่หมิงจึงมิค่อยมีเพื่อนในวัยเดียวกันเลย วันนี้เขาจึงตัดสินใจไปที่ลานกว้างของหมู่บ้านที่มักจะมีเด็กๆ มาเล่นกันบริเวณนั้น“ไปเถิด อีกประเดี๋ยวยายจะตามไป ขอยายตากปลาไว้ก่อน” เหมาไป่เห็นว่าลานกว้างของหมู่บ้านมิได้ห่างไกลเรือนมากนัก ทั้งยังเป็นที่มีผู้คนพลุกพล่าน จึงปล่อยให้หลานไปก่อน หากนางตากปลาเสร็จ จึงจะตามไปภายหลัง“ขอบพระคุณขอยับ” ขาเล็กสั้นเดินออกมานอกเรือน หวังจะไปเล่นกับเพื่อนวัยเดียวกัน แม้จะมิค่อยรู้จักผู้ใด แต่อย่างน้อยไปนั่งดูพวกเขาวิ่งเล่นกันก็ยังดีลี่หมิงมาถึงลานกว้างก็พบว่ามีเด็กชายและเด็กหญิงในวัยเดียวกันอยู่สี่ห้าคน เขาจึงเข้าไปทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ที่ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็ต้องหลง“พวกเจ้าเล่นอันใดกันอยู่หยือ ข้าขอเล่นด้วยได้หยือไม่ขอยับ”“พวกข้ามิได้เล่นอันใดทั้งส

  • แม่หมอแห่งซูโจว   16. มิเป็นดั่งหวัง (2)

    “เป็นอย่างไร เห็นข้าได้แต่งงานกับท่านพี่อู๋ท่งใช่หรือไม่” ลี่มี่ชักสีหน้าใส่ซูเม่ยอย่างรำคาญ หลังจากเริ่มตั้งสำนักมากว่าหนึ่งสัปดาห์ ลี่มี่มิเคยพบผู้ศรัทธาที่น่ารำคาญเท่านี้มาก่อนเช้าวันนี้ซูเม่ยมายืนรอหน้าสำนักตั้งแต่เรือนสกุลเหมายังไม่เปิด เดิมทีลี่มี่มิคิดจะดูนิมิตให้คนสกุลชุน แต่เมื่อเห็นถุงเงินที่ซูเม่ยนำมาด้วย ลี่มี่ก็เปลี่ยนใจทันที เวลานี้ยังจะมีเรื่องใดสำคัญไปกว่าเรื่องเงินอีกหรือ“ข้ามิเห็นว่าเจ้าจะได้ออกเรือน แต่เห็นพี่อู๋ท่งแต่งกับสตรีงดงามผู้หนึ่ง มิเห็นหน้าตาชัด แต่รู้เพียงว่างดงาม” ลี่มี่แตะปลายนิ้วไปที่กลางฝ่ามือของซูเม่ย ในหัวพยายามเค้นภาพนิมิตให้เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ลี่มี่จึงหยุดเพียงเท่านั้น เพราะคงเป็นลิขิตสวรรค์ที่มิอยากให้นางรับรู้“เจ้าดูผิดหรือไม่ คนผู้นั้นอาจจะเป็นข้า เจ้าดูอีกที” ซูเม่ยกล่าวเสียงแข็ง จะให้นางเชื่อว่าท่านพี่อู๋ท่งสนใจสตรีอื่นได้อย่างไร ในเมื่อท่านพี่อู๋ท่งมีท่าทางเอ็นดูนางถึงเพียงนั้น“เห้อออ วางเงิน” ซูเม่ยจำใจโยนเหรียญอีแปะใส่ในขัน ลี่มี่เห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปแตะฝ่ามือของเด็กสาวตรงหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status