“งั้นก็ลุกออกไปจากตัวฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้นที่คุณจะหิ้วไปทำอะไรที่ไหนก็ได้ อย่าลืมว่าฉันเป็นแม่เลี้ยงคุณและนี่ก็ยังเป็นบริษัทของพ่อคุณ สามีของฉัน ให้เกียรติคนตายบ้างเถอะคุณเทพ ฉันขอล่ะ”
“ฉัน...ฉัน”
ทัศเทพชั่งใจ บิดาเขาตายไปเจ็ดปีแล้วนะหล่อนเพิ่งจะให้เขาให้เกียรติท่านวันนี้หรือ คิดพลางไล้มือเรียวราวอิสตรีของตนไปบนแก้มนวล
“ฉัน...ไม่สน” เขาตอบฉะฉานแล้วกระทำอย่างที่ใจคิด
“อย่านะ!”
ชมจันทร์ตวาดลั่นห้ามมือไม้ที่อยู่ไม่สุข มือร้อนๆ ของเขาชอนไชเข้าไปใต้ร่มผ้า บีบเคล้นเนินเนื้อนวลอย่างถือสิทธิ์ ไม่อนาทรร้อนใจต่อกำปั้นน้อยๆ ที่ประท้วงหนักๆ บนเนื้อตัวเขา
ชมจันทร์กระหน่ำทุบตีที่แผงอกหนาแต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล แน่ล่ะขนาดยกพ่อเขาขึ้นมาอ้างยังไม่สามารถหยุดเขาได้ เธอตายแน่ชมจันทร์ ตายเพราะความหื่นของลูกเลี้ยงนี่ล่ะ
“ปล่อยนะคุณเทพฉันขอล่ะ อย่าทำอะไรฉันเลย อย่าทำจันทร์เลย จันทร์กลัว”
เธอวอนขออีกครั้ง น้ำตาใสๆ ไหลรินที่หางตาเมื่อทัศเทพกระทำต่อเธอเยี่ยงผู้หญิงข้างถนน เยี่ยงโสเภณีไร้ค่าที่เขาอยากจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ
“โธ่เว้ย! ร้องไห้ทำไมห๊ะ หมดอารมณ์ฉิบ!”
ชายหนุ่มสบถ อารมณ์หวามไหวเมื่อครู่พลันหดหายเพียงเพราะหยาดน้ำใสที่ไหลรินเปื้อนเปรอะบนแก้มเนียน
ชมจันทร์รีบตะครุบสาบเสื้อเข้าหากันเมื่อเขาผละห่าง เธอติดกระดุมเสื้อด้วยมืออันสั่นเทาขณะที่เขานั่งหันหลังให้
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำแบบนี้ซะทีคุณเทพ โกรธเกลียดฉันมากหรือไงถึงต้องเอาคืนฉันด้วยวิธีนี้ หรือเพราะรู้ว่าฉันไม่มีที่ไปใช่ไหม!?” ตัดพ้อเสียงเครือ ป้ายหยาดน้ำตาด้วยมืออันสั่นระริก
ทัศเทพหันกลับมา หล่อนร้องไห้เงียบๆ จนใบหน้าแดงก่ำดูไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอยากปลอบหล่อนจัง และเขาคิดว่ากำลังจะทำมันแล้วล่ะ
“ร้องไห้เป็นเผาเต่าไปได้ ทำอย่างกับจะเสียพรหมจรรย์ครั้งแรกอย่างนั้น ฉันไม่หลงกลหรอกน่า ยกผลประโยชน์ให้เธอก็แล้วกันที่ทำให้วันนี้เทพมณีได้งาน ฉันจะไม่ทำอะไรเธอก็ได้ แต่เธอต้องขยับมานั่งใกล้ๆ ฉัน” เขาสั่งอย่างเอาแต่ใจ ชมจันทร์กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี แล้วสิ่งที่เขากำลังทำก็ส่งผลให้เธอต้องนิ่งอึ้ง เขากอดเธอไว้ด้วยวงแขนล่ำๆ ลูบหลังเบาๆ ปลอบเธอให้หายสะอึกสะอื้น
“ร้องไห้อยู่ได้น่ารำคาญ”
เขาว่าแต่กลับกอดชมจันทร์แน่นขึ้น ถ่ายทอดไออุ่นจากร่างกายให้แก่หล่อน ปลอบประโลมด้วยมืออุ่นที่เพียรลูบหลังให้เบาๆ และเนิ่นนาน
“คุณเทพ อย่าไล่จันทร์ไปไหนนะ จันทร์ไม่มีที่ไปแล้วจริงๆ ให้จันทร์อยู่บ้านด้วยคนนะ จันทร์สัญญาว่าจะไม่ดื้อกับคุณเทพ จะทำตามที่คุณเทพสั่งทุกอย่างเลย” ร้องขอเสียงอู้อี้ ป้ายปาดน้ำตาที่ยังเจือบนแก้มนวล
“ถ้างั้นเรามา...”
เขาขออย่างหน้าด้านๆ ใบหน้าบึ้งตึงเมื่อครู่ระริกระรี้มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“ยกเว้นเรื่องอย่างว่า จันทร์ไม่ทำ!” รีบแย้งเมื่อเห็นนัยน์ตากรุ้มกริ่มที่ส่งมา
“สองมาตรฐานเห็นๆ”
ทัศเทพปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเมื่อหล่อนคลายสะอื้น เกรงว่าถ้ากอดนานกว่านี้เขาคงต้องเป็นไอ้คนสารเลวที่ข่มขืนผู้หญิง เขาเปิดประตูรถออกมาเพื่อจะอ้อมไปนั่งยังหลังพวงมาลัย ชมจันทร์ลุกตามมาเงียบๆ เข้ามานั่งข้างเขายังที่นั่งทางตอนหน้าของรถ
ชายหนุ่มเคลื่อนรถออกจากบริษัทได้สักระยะ เขาจึงได้ยินเสียงหญิงสาวอีกครั้ง
“ผู้หญิงของคุณเทพเยอะแยะเรียกมาสักคนสิ เอาไหม...จันทร์มีเบอร์” เธอให้คำชี้แนะพร้อมทางออก ก็กลัวว่าเขาจะอารมณ์ค้างนี่นา
“ถ้ายังไม่เลิกออกความคิดเห็นห่วยๆ ของเธอ เห็นทีว่าฉันคงต้องเลื่อนนัดลูกค้าแล้วพาเธอแวะที่โรงแรมม่านรูดดีไหมชมจันทร์”
เท่านั้นล่ะชมจันทร์ก็นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับลูกเลี้ยงจอมหื่นไปจนถึงโรงแรมที่นัดลูกค้าเอาไว้ ไม่มีหืออือ ไม่เอ่ยอะไร นั่งอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวราวกับเป็นตุ๊กตาไปแล้วจริงๆ
เวลาไล่เลี่ยกัน ที่สตูล
“กรี๊ดดด!”
เสียงร้องดังปานหวูดรถไฟของแพรวรุ้งกำลังเปล่งออกจากริมฝีปากของหล่อน กวินถอนหายใจ เขาอุตส่าห์พาหล่อนเข้ามาหลบในห้องนอนแล้วนะ เจ้ามีนตัวแสบกลับหาเจอจนได้ ไม่รู้ว่าจะหวงพ่ออะไรนักหนาเจ้าลูกคนนี้
“กรี๊ด! เอามันออกไปทีได้โปรดเถอะ นี่คุณ! ช่วยเอามันออกไปทีเซ่ ฉันกลัวนะ! ฉี่จะราดอยู่แล้ว ฮือ...”
กวินส่ายศีรษะอย่างระอาเมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบปีนขึ้นไปนั่งทับบนหน้าท้องของสาวเจ้าแล้วปล่อยเจ้าเขียดตัวน้อยสีเขียวเข้มลงบนหน้าอกอวบๆ ของหล่อน
“มีน! เอาเจ้าตัวนั้นออกจากตัวน้าแพรวเดี๋ยวนี้!”
เด็กชายมีนาส่ายหน้าดิก กำลังจะจับเจ้าลูกกบออกมาจากถุงอีกตัว แต่เสียงกรีดร้องของคนใต้ร่างดังขึ้นเสียก่อน
“กรี๊ด! ไม่นะ! ตาเบื๊อกเอ๊ย! ยืนแอคท่าอยู่นั่น ฉันบอกว่าเอาเจ้าเด็กบ้านี่กับเจ้าตัวเขียวออกไปจากตัวฉ้าน!”
แพรวรุ้งร่ำร้อง เขียดตัวน้อยกระโดดหย็องแหย็งบนทรวงอกเธออย่างมีความสุข มันสุดจะทนจริงๆ
“มีน!” กวินร้องเรียกบุตรชายอีกหนแต่เจ้าหนูก็ยังเฉย
“ทำมายน้าแพวมาอยู่ห้องปะป๊า มินจาฟ้องแม่ ปะป๊าพาฉาวเข้าห้อง!”
เจ้าหนูน้อยจ้องตาบิดาแน่วนิ่งอย่างเอาเรื่อง กวินหมดความอดทนเข้าไปยกเจ้าหนูออกจากร่างนางแบบสาวพร้อมกับจัดการให้เจ้าตัวเขียวกลับไปอยู่ในถุงพลาสติกเหมือนเดิม
“ปะป๊าทำให้น้าแพรวไม่สบาย ปะป๊าเลยต้องพาน้าแพรวมาอยู่กับเรา”
เขาตอบชัดเจนให้เหตุผล ก็เรื่องจริงมันเป็นอย่างนั้นนี่นา
“ปะป๊า เปนบอดี้ ปะป๊ามะใช่หมอ”
หนูน้อยเถียง ใบหน้าเล็กๆ มีแววหล่อเหลาเอาการเมื่อโตขึ้น
“มีนต้องพูดว่า บอดี้การ์ด ครับคนเก่ง ปะป๊าไม่ได้ตรวจหมอ ปะป๊าแค่พาน้าแพรวมานอนพัก” กวินอธิบาย
“นี่คุณ ตอบฉันทีว่าทำไมฉันต้องมาติดแหงกอยู่ที่นี่ แต่ก่อนอื่นขอเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม เจ้าเด็กบ้านี่เอาตัวอะไรมาใส่ฉันก็ไม่รู้” นางแบบสาวเอ่ยแทรก เมือกลื่นๆ ที่มากับขาเขียดกำลังทำให้เธอคันคะเยอจนอยากอาบน้ำล้างตัว
“ชื่อ มิน มะใช่ เดกบ้า” เจ้าตัวชี้แจงแม้ว่าจะพูดไม่ชัดก็ตาม
แพรวรุ้งกลอกตาขึ้นฟ้า เดาว่าคงได้เจอคู่ปรับสมน้ำสมเนื้อก็คราวนี้
“โอเคค่ะโอเค น้องมีนก็น้องมีน เอาเป็นว่าเรามาเจรจาอย่าศึกกันนะ ฉัน...เอ่อ...น้าแพรวไม่สบายนะคะ น้าแพรวแบบว่าบังเอิญจมน้ำ บังเอิญโดนกดขี่แรงงานจากเจ้านายใจร้ายไม่ยอมให้กินข้าวเที่ยง น้าแพรวเลยเป็นลม แล้วก็บังเอิญอีกที่หมดสติจนไม่รู้ว่ามีคนคิดไม่ซื่อพาน้าแพรวมาที่นี่ อย่างนี้แสดงว่าน้าแพรวไม่ผิดใช่ไหม? เพราะฉะนั้นน้องมีนเอาเจ้าเขียดนั่นไปทิ้งข้างนอกหน้าต่างแล้วเปิดทางให้น้าแพรวเข้าห้องน้ำสักทีจะได้ไหมจ๊ะคนเก่ง”
แพรวรุ้งอ้อนวอนยืดยาว หนูน้อยมองเจ้าหล่อนตาแป๋ว
“พูดยาวไปมะเข้าจาย แต่ทิ้งเขียดให้ก็ได้ถ้าม่ายด้ายอยากมาเปนแม่อีกคนของมิน”
“แน่นอนจ้ะหนูน้อย นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่น้าจะทำ”
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได