คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที
“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”
แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง
“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้
“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”
เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น
“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย
“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได้เมียอย่างคุณ สวยแต่ปากเสีย อย่างนี้ไงถึงไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ต้องแก้ผ้าหาเงิน”
กวินเยาะเย้ย แพรวรุ้งหน้าตึงเมื่อโดนเปรียบกับศัตรูเบอร์หนึ่งในอดีต
“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน ก็ไม่ได้เกิดมาเป็นลูกสาวเจ้าพ่อเหมือนเมียคุณวานี่ และถึงฉันจะแก้ผ้าหาเงินมันก็เป็นอาชีพสุจริตไม่ได้เบียดเบียดใคร ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไหร่ ทำมากกว่านี้ยังได้ อ้อ...ใครจะดีเหมือนเมียนายล่ะ!”
“อย่าพาดพิงถึงเมษาถ้าคุณไม่รู้จักเธอดีพอ” กวินไม่พอใจ
“ฉันจะยุ่ง!” แพรวรุ้งไม่มียอมความ
“ขอร้องล่ะ อย่าแตะต้องแม้แต่ชื่อของเธอ” กวินยืนยัน
“ทำไม เมียนายเป็นใครฉันถึงแตะต้องไม่ได้ เป็นนางฟ้านางสวรรค์หรือไง!”
เผียะ!
ใบหน้าเนียนหันตามแรงตบ แพรวรุ้งหน้าชาน้ำตาคลอเบ้า ถามทางสายตาว่าเธอทำผิดอะไรตรงไหน ทำไมต้องถึงกับตบเธอด้วย ร่างงามถอยห่างจากเขามากกว่าเดิม
“ผมบอกแล้วว่า อย่า! แตะต้องเมียผม! เธอเสียไปตั้งแต่เจ้ามีนเกิดแล้ว อย่ายุ่งกับเธอ ขอร้อง!”
กวินบอกเสียงห้วน จ้องหน้านางแบบสาวเขม็ง นัยน์ตาสีนิลเปล่งประกายกรุ่นโกรธราวกับว่าสามารถแผดเผาร่างบอบบางที่อยู่ตรงหน้าให้ไหม้เป็นจุณได้ในพริบตา
แพรวรุ้งใจหาย นี่ภรรยาเขาเสียไปแล้วเหรอ แต่มันไม่เกี่ยวกันนี่ เขาตบเธอนะ เขาทำเกินไป
“เออ! ไม่แตะก็ได้วะ! จำเอาไว้ว่านายก็อย่ามาแตะฉันเหมือนกัน!”
ตะโกนออกไปแล้ววิ่งขึ้นสะพานไม้ที่ทอดตัวเข้าสู่คฤหาสน์หลังงาม มันถูกเนรมิตขึ้นท่ามกลางเกาะแสนสวย สถานที่ส่วนตัวที่น้อยครั้งกวินจะยอมให้คนนอกได้ก้าวเข้ามา
____________
ภายในห้องพักแขกห้องหนึ่งที่กวินสั่งให้คนจัดเตรียมไว้สำหรับกองถ่ายของเพิร์ล เจ๊แจงกำลังดูคิวงานของเด็กในสังกัดผ่านสมาร์ตโฟนเครื่องบางเฉียบ ในนั้นมีรายละเอียดของเด็กทุกคนที่เจ๊ดูแลอยู่ รวมถึงแพรวรุ้งด้วย ทว่าดูไปเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตู และพอเจ้าตัวเปิดเข้ามา
“ยัยคุณแพรว! หล่อนไปโดนหมาที่ไหนฟัดมายะ!”
ผู้จัดการสาวร่างชายทักเสียงดังลั่นในทันทีที่แพรวรุ้งถูกสาวใช้พามาส่ง
“หมาหวงเมีย! แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้ มันน่า...”
“น่าอะไรยะคุณเธอ ท่องเอาไว้หน่อย หล่อนน่ะลูกคุณหญิงนะลูกคุณหญิง จะพูดจะทำอะไรให้มันนึกถึงหน้าสวยๆ ของคุณหญิงไว้บ้าง”
“เจ๊ก็อีกคน นึกว่าอยากเป็นนักเหรอลูกคุณหญิงน่ะ ถ้าเป็นแล้วต้องโดนบังคับให้ทำโน่นทำนี่อย่างนี้ ยอมเป็นลูกขอทานดีกว่า”
แพรวรุ้งโพล่งออกไปตามที่ใจคิด ความน้อยเนื้อต่ำใจในเรื่องมารดาทำให้เธอตัดพ้อออกมา โดยที่ผู้จัดการสาวร่างชายมิอาจเข้าใจ
“พอแล้วๆ พร่ำเพ้อน่ารำคาญ เดี๋ยวเจ๊ทายาให้ดีกว่า”
เจ๊แจงรีบหายามาทาบนแก้มนวลของนางแบบสาว ขณะที่เจ้าตัวสูดปากร้องโอยๆ จะกลับบ้านท่าเดียว
“เสร็จแล้วๆ อย่างนี้จะถ่ายได้เหรอ พรุ่งนี้ตอนสายๆ ก็เริ่มถ่ายกันแล้ว มีหวังได้บวมช้ำแน่ๆ หล่อนไปมีเรื่องกับใครมายะคุณแพรว มือหนักไม่ใช่เล่น”
กะเทยร่างถึกบ่นว่า สงสัยครามครันว่าแพรวรุ้งไปมีเรื่องกับใครมา
“จะมีใคร ก็อีตาบ้ากวินนั่นไง”
“ฮะ? แล้วหล่อนไปทำอะไรเขายะ”
“ก็...”
ก๊อกๆๆ
เสียงประตูถูกเคาะถี่ๆ เจ๊แจงได้แต่กลอกตาขึ้นฟ้าเพราะเสียอารมณ์ที่ถูกขัดจังหวะ
“น้าแพวคับ เปิด’ตูให้มินหน่อยค้าบ”
หนูน้อยจอมแสบยืนรอท่าที่หน้าประตู เจ้าหนูเพลียจนอยากหลับสักงีบแต่เนื่องด้วยบิดาที่รักใช้ให้มาทำเรื่องสำคัญ เลยต้องอดงีบโดยปริยาย
“อ้าว! น้องมินของป้าแจงมาหาน้าแพรวเหรอคะ” กะเทยสาวออกไปรับหน้า
“คับ ปะป๊าให้มินเอายามาทาให้น้าแพวคับ ฮ้าว...”
หนูน้อยพูดยังไม่ทันจบก็หาวหวอดๆ เดือดร้อนแพรวรุ้งต้องออกมาเจรจา เธอนั่งยองๆ ลงตรงหน้าพ่อหนู ดึงเอายาหลอดเล็กจากมือน้อยส่งให้เจ๊แจง
“ใครทำคนนั้นต้องมาเองสิ ใช้เด็กอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“ม่ายลู้ น้าแพว...มินง่วงจังเลย ฮ้าว...”
หนูน้อยหาวอีกรอบ แพรวรุ้งสงสารจับใจ ตอนเด็กๆ เธอก็เป็นอย่างนี้ พ่อแม่ไม่เคยใส่ใจ ชอบปล่อยเธอไว้กับพี่เลี้ยง อ้อมกอดของพวกท่านเป็นอย่างไรเธอก็ลืมๆ ไปหมดแล้ว แต่เจ้าหนูมีนนี่สิ คงขาดความอบอุ่นมากกว่าเธอ เพราะเจ้าหนูคงไม่เคยสัมผัสว่าอ้อมกอดของมารดานั้นอบอุ่นอย่างไร
“มีน! น้าแพรวไม่อยากเล่น มานี่เดี๋ยวนี้!” กวินขึ้นเสียง นึกเสียใจที่บุตรชายที่รักไปกวนใจแพรวรุ้งให้หล่อนรำคาญ“ม่าย! ปะป๊าเฉียงดัง มินไม่หาปะป๊า มินกัว ฮึกๆ น้าพะ...แพว ฮึก! มินกัว ปะป๊าจาตีมิน ฮือออ...”“มีนา!”กวินเริ่มหัวเสียเมื่อเจ้าหนูผู้เอาแต่ใจออกฤทธิ์ในเวลาที่ไม่สมควร“จะตะคอกทำไม! อยู่ใกล้กันแค่นี้!”แพรวรุ้งตวาดกลับ นึกสงสารเจ้าหนูตัวแสบขึ้นมา เธอไปอุ้มเอาเจ้าร่างตุ้ยนุ้ยขึ้นแนบอก ทว่าด้วยร่างกายที่ไม่ปกติบวกกับน้ำหนักตัวของเจ้าหนู ทำให้เธอถึงกับเซ จะล้มมิล้มแหล่“คุณ!” กวินรีบเข้าไปโอบทั้งสองไว้ ก่อนที่จะเสียหลักล้มลงไปให้เจ็บตัว“เอามือออกไปจากก้นฉัน!” แพรวรุ้งร้องลั่น เพราะเขาไม่ยอมปล่อย แถมยังบีบมันเน้นๆ ราวกับมันเขี้ยว“มีน! ปะป๊าจับก้นน้าแพรว” แพรวรุ้งหาแนวร่วม“อาลายนะ! ปะป๊า นี่แน่ะๆๆ มินจาฟ้องแม่ ป่อยนะ! ฮึบๆๆ”หนูน้อยผลักบิดาที่โอบตนกับน้าแพวเอาไว้ มือป้อมๆ ทั้งผลักทั้งทุบบิดาของตัวเอง“
แพรวรุ้งตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้าด้วยสภาพอิดโรยเต็มที วันนี้มีถ่ายแบบเครื่องเพชรอีกชุดใหญ่ๆ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานเธอว่าจะขอให้ช่างแต่งหน้าโปะแป้งหนาๆ ที่ซีกแก้ม มันคงพอลบรอยฝ่ามือเขาได้ แต่ตอนนี้เธอคิดว่าควรยกเลิกงานไปเลยดีกว่า เพราะรอยคิสมาร์กที่เขาทำไว้มันเกลื่อนอยู่ทั่วเนื้อตัวของเธอจนยากจะทาแป้งปกปิด“ตื่นแล้วหรือยะยัยคุณแพรว”เสียงเจ๊แจงโผล่หน้ามาทักทาย เจ๊คนงามร่างถึกอยู่ในชุดเสื้อผ้าทะมัดทะแมงประหนึ่งกำลังจะเดินทางไกล แถมยังลากกระเป๋าเดินทางใบโตติดมือมาด้วย“เจ๊! แต่งตัวจะไปไหน” แพรวรุ้งร้องถามอย่างใคร่รู้ อย่าบอกนะว่าจะย้ายกอง แต่ถ้าย้ายก็ดีนะ เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแล้ว“เอ้า? เจ๊ก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ เรื่องมากจริงๆ บริษัทนี้ เดี๋ยวให้ถ่ายที่ทะเล เดี๋ยวน้ำตก นี่ให้ยกกองกลับไปที่สตูดิโออีกรอบ แถมยัง...”“อะไรเจ๊ บอกมาไวๆ”“อ่า...คือว่า เขาเปลี่ยน...เปลี่ยนตัวนางแบบน่ะ เป็นเด็กใหม่ของเจ๊เอง แหะๆ” เจ๊แจงบอกอย่างเกรงๆ“ได้ไง!? แล้วแพรวล่ะ!”&
“โอ...กวิน ละ...เลือด นั่นเลือด ฉันกะ...กะ...กลัว”“อย่ากลัวเลยที่รัก ไม่มีอะไร ครั้งแรกอาจจะเจ็บไปบ้าง เชื่อผม แพรว...ผมขอโทษ”กวินอ่อนโยนทั้งแววตา น้ำเสียง และการกระทำ เขาดันหล่อนให้เอนไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วเริ่มสอดแทรกแก่นกายเข้าออกเป็นจังหวะ ปากก็เฝ้าเลียไล้ดูดชิม รสชาติของหล่อนช่างหวานล้ำ วางปากลงไปที่ใดก็น่าจูบ น่าดูดไปหมด แล้วเขาจะอดใจไหวได้ยังไง จูบได้เลยจูบ ดูดได้ก็ดูดไปทั่ว ทั้งซอกคอ แผ่นหลัง ทั้งท่อนแขน ปากเขาแตะไปที่ใด ก็ได้ฝากรอยทิ้งไว้จนลายพร้อย ส่วนล่างก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สวมสอดเข้าออกเร็วพลัน จนได้ยินเสียงครางกระเส่าแว่วมาเริ่มแรกแพรวรุ้งเจ็บเจียนตาย ทว่าพอเขาทำเร็วขึ้น ถี่ขึ้น มันกลับทำให้เธอสุขอย่างประหลาด มันเจ็บปวดระคนซ่านเสียว ยิ่งเมื่อเขารั้งเอวเธอเข้าไปใกล้แล้วเร่งแรงกระแทกกระทั้น มันก็ทำให้เธอครางระงม แรงกระแทกนั้นยังส่งให้มวลน้ำอุ่นรอบตัวกระเพื่อมถี่ๆ แล้วในที่สุดมันก็กระฉอกออกไปนอกอ่าง“กวิน อา...” แพรวรุ้งครางกระเส่า เริ่มแลเห็นปลายรุ้งงามอีกครั้ง เธอแอ่นอกแอ่นสะโพกเข้าหาแก่นกายและฝ
[5]ผมแต่งงานกับคุณไม่ได้________________เวลา 20:00 นาฬิการ่างสูงใหญ่ของกวิน ก้าวเข้ามาภายในห้องพักของแพรวรุ้งอย่างเงียบเชียบ ในห้องกว้างมีแสงไฟจากหัวเตียงส่องเพียงรำไร มันช่วยพรางกายจนเขาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้องได้อย่างง่ายดาย ในอ้อมแขนของแพรวรุ้งมีร่างตุ้ยนุ้ยของมีนา ทั้งสองกำลังหลับอยู่บนเตียงใหญ่ เจ้าลูกชายตัวดีหลับอย่างเป็นสุขในอ้อมแขนของคนที่เขาเพิ่งตบหน้าไปหยกๆ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนผู้หญิงคนนี้มีกี่หน้ากันนะ มีกี่ตัวตนกันแน่ บางครั้งหล่อนก็วี้ดว้ายเสียงดังน่ารำคาญ ไม่มีเหตุผล และเอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้มันกลับต่างออกไป หล่อนช่างดู...อบอุ่นและอ่อนโยน“อือ...เหนียวตัวจังเลย ไม่ไหวแล้ว หลับไปก่อนนะเจ้าหนู น้าแพรวขอไปวิ่งผ่านน้ำแป๊บเดียว” แพรวรุ้งปรือตามาพึมพำ รู้สึกเหนียวตัวแม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ลมทะเลทำให้เนื้อตัวเหนียวหนึบจนต้องลุกมาอาบน้ำ“ซกมก” กวินพึมพำกับตัวเอง&
“มานี่มาคนเก่ง”แพรวรุ้งอ้าแขนรอ เจ้ามีนตัวแสบขยับเข้าไปหาแล้วคล้องแขนเล็กๆ กับคอเรียวของนางแบบสาวที่บิดาให้เขาเรียกว่า น้าแพรว“ง่วงแล้วทำไมไม่นอนฮึ ปะป๊ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่พาหนูมีนจอมแสบของน้านอนดีๆ” ถามพลางกอดพ่อหนูผู้น่ารักแล้วอุ้มขึ้นไปนั่งด้วยกันที่ปลายเตียง“ปะป๊าบอกว่าถ้าน้าแพวไม่ยกโทษให้ คืนนี้ปะป๊าจาไม่ให้มินนอนด้วย มินขอนอนห้องน้าแพวนะ” พ่อหนูออดอ้อน แก้มยุ้ยๆ น่ารักน่าหยิกเป็นที่สุด“ได้เลย แต่มีนต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่เอาเจ้าเขียดสีเขียวๆ มาใส่น้าแพรว”“โอเคคับผม อกหน้าแพวอุ่นจัง”หนูน้อยรับคำแล้วค่อยๆ ผล็อยหลับในท่าที่ยังนั่งอยู่บนตักของแพรวรุ้ง น้าแพรวก็กอดมีนาไว้ กันมิให้เจ้าหนูร่วงหล่น“ทำเป็นนางงามรักเด็กไปได้” เจ๊แจงแขวะ“ชู่ว์...เจ๊อย่ามาชักใบให้เรือเสียนะ ฉันก็อยากเป็นคนดีบ้างจะทำไมฮึ”“ก็ไม่ทำไมหรอกย่ะ แค่ไม่ชินเท่านั้นเอง”เจ๊แจงจีบปากจีบคอตอกกลับ แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว
คนสวยตาเขียวขุ่น ใบหน้าเนียนใสที่ปราศจากเครื่องสำอาง ทำให้กวินอดใจไม่ไหวก้มลงแตะปลายจมูกกับพวงแก้มสาวไปหนึ่งที“นี่! กล้าดียังไงมาหอมแก้มฉัน! ตาบ้าเอ๊ย! นี่แน่ะๆๆ”แพรวรุ้งดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่งทั้งทุบตีแผ่นอกหนาอยู่ปึกๆ จนเหนื่อยหอบถึงได้เพลามือ ขณะที่กวินไม่ทุกข์ร้อน ยังคงอุ้มหล่อนเดินลุยน้ำต่อไปถึงแม้ว่าพ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้วเขาก็ยังไม่ยอมวาง“วางฉันลงได้แล้ว” เป็นแพรวรุ้งเสียเองที่เริ่มกระดากเพราะสายตาหลายสิบคู่ของเหล่าคนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนี้ พวกเขาต่างจ้องมองมาด้วยสายตาใคร่รู้“ไม่วาง อยากอุ้ม นึกเสียว่ากำลังแข่งขันยกน้ำหนักก็ไม่เลว”เขาแกล้งแซวทั้งที่เจ้าหล่อนตัวเบาราวปุยนุ่น“ปากหมา!” แพรวรุ้งโพล่งออกไปแล้วก็ต้องรีบวาดเรียวแขนรอบคอเขาเมื่ออยู่ๆ พ่อจอมหื่นก็ปล่อยร่างเธอลงแบบปัจจุบันทันด่วน เธอรีบถอยห่างเมื่อเท้าแตะพื้นทราย“ตัวเองนั่นแหละปากหมา! เป็นถึงลูกคุณหญิงคุณนายพูดจาไม่น่าฟังเอาเสียเลย มิน่าถึงไม่มีใครเอา ดีนะที่คุณวาเขาเลือกคุณมุก ไม่อย่างนั้นคงเจริญตายละที่ได