คฤหาสน์เฉิน
เกล็ดมุกกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในห้องรับรองแขกของคฤหาสน์ เธอเพิ่งกลับมาถึงพร้อมโทนี่ และดูเหมือนว่าพี่ชายจะไม่พอใจที่เธอเกิดเรื่อง เขาเล่นงานคนที่เขาสามารถสาดอารมณ์โกรธเกรี้ยวใส่ได้
โทนี่ บอดี้การ์ดร่างยักษ์ก้มหน้าน้อมรับความผิด ก็อยากทำตามที่เจ้าสัวใหญ่สั่งไว้อย่างเคร่งครัด แต่บางครั้งคุณหนูเล็กก็ไม่อยากให้มีผู้ติดตาม เขาพยายามระวังเต็มที่แล้ว แต่คุณหนูเล็กก็ยังมิวายเกิดเรื่อง
“นายดูแลกันยังไงถึงปล่อยให้เกิดเรื่อง ฉันบอกไม่รู้กี่ครั้งว่าอย่าให้คลาดสายตา แต่ยังพลาดอีกจนได้ แล้วต่อไปฉันจะไว้ใจใครได้!”
บอดี้การ์ดหัวทองของบิดายังก้มหน้านิ่งเงียบ เกล็ดมุกจึงออกหน้าไกล่เกลี่ย
“เฮีย อย่าโวยโทนี่นักเลยน่า ไม่มีใครทำอะไรหนูเล็กได้หรอก โทนี่ทำตามหน้าที่ดีแล้ว อย่าเข้มงวดอะไรนักเลย”
“แต่โทนี่ปล่อยให้น้องอยู่บ้านไอ้เลวนั่นตามลำพังนะ แถมยังตกเลือดอีก”
“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ มีเลือดซึมนิดหน่อยเพราะแรงกระแทก หมอมาดูอาการให้แล้ว ถ้าเฮียไม่สบายใจพรุ่งนี้หนูเล็กจะไปหาหมอนะคะ”
เธอหยุดชั่วครู่แล้วหันไปมองหน้าเจ้าบ่าวเล็กน้อย เขาดูหล่อเหลาเอาการ ไม่แพ้พี่ชายเธอเลย เขาดูสุขุมเยือกเย็นแต่แววตาเต็มไปด้วยแววบางอย่างที่เธอมองแล้วอบอุ่นหัวใจ อบอุ่น...เหมือนวันนั้นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด“ตอนมุกไปเรียนที่อังกฤษ มุกได้เจอกับวีวี่ เอ่อ...น้องวา ที่มหาวิทยาลัย เราสองคนเป็นเพื่อนรักกันนับแต่วันแรกที่พบหน้า แล้วอยู่ๆ วันหนึ่ง กามเทพก็เล่นตลก คือตอนนั้นมุกไม่รู้จริงๆ ว่าคุณวาเป็นพี่ชายของวีวี่ ตอนนั้นมุกเกิดอุบัติเหตุตกลงไปในทะเลสาบหน้ามหาวิทยาลัย น้ำนี่เย็นเฉียบเลยค่ะ มุกยังจำได้ดี ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย อัศวินขี่ม้าขาวก็ยื่นมือเข้ามาช่วย และตั้งแต่นั้นมา ใบหน้าของอัศวินคนนั้นก็ไม่เคยเลือนหายไปจากหัวใจของมุก หัวใจของมุกไม่เคยลืมผู้ชายคนนั้นแม้สักวินาที มุกยอมแลกแม้กระทั่ง...ศักดิ์ศรี”เกล็ดมุกสะดุดถ้อยคำที่เตรียมเอาไว้ในใจเมื่อวาคิมแย่งไมโครโฟนจากมือเธอ เขาคงกลัวว่าเธอจะเอ่ยในสิ่งที่ต้องทำร้ายหัวใจตัวเองอีกครั้งวาคิมเอื้อมมือไปรั้งเอวของเจ้าสาวเข้ามาใกล้ ดันตัวหล่อนให้ซบใบหน้ากับอกอุ่นของเขา เป็นเหมือนสัญญาณเตือนบอกว่าให้เลิกพร่ำเสียที“พอแล้ว...พอเถอะมุก ผมรู้แล
“เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว ไปอยู่บ้านเขาต้องเป็นแม่บ้านที่ดีรู้หรือเปล่า อย่าวู่วามอย่าใจร้อน หัดคิดก่อนพูด ระลึกเอาไว้เสมอว่านั่นไม่ใช่บ้านเรา จะทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังให้ถี่ถ้วน ไม่ใช่ทำแล้วมาเสียใจสำนึกผิดทีหลัง ลูกต้องอดทนให้มากๆ หัดฟังพี่เขาให้จบ อย่าตีโพยตีพายเหมือนตอนที่อยู่บ้านเรา พ่อเมฆคนนี้แม่ดูออก แม่มั่นใจ หัวใจของเขามีลูกสาวของแม่แล้ว จงรักษาไว้ให้ดี รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พิจารณาให้ถ้วนถี่ อย่าใช้แต่อารมณ์เหมือนที่ผ่านมา สุดท้ายนี้แม่ก็ขอให้ลูกสาวแม่...มีความสุข มีเวลาก็กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง...นะลูกนะ”นางกลั้นก้อนสะอื้น วารินทร์กอดรัดมารดาแนบแน่น น้ำตาไหลพรากๆ ไม่หยุดเกล็ดมุกหยิบกระดาษเช็ดหน้าไปซับหยาดน้ำตาให้เพื่อนรักและแม่สามี ก่อนที่ทั้งสามจะสวมกอดกันอีกครั้งเกล็ดมุกยังคิดถึงมารดา แม่ขา...หนูเล็กมีความสุขเหลือเกิน แม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูเล็กจะดูแลตัวเองและหลานของแม่ให้ดีที่สุด แม่มองมาจากสวรรค์เอาใจช่วยหนูเล็กด้วยนะคะ______________คุณหนูคนเล็กของสองตระกูลในชุดเจ้าสาว เดินกรุยกรายผ่านประตูบานใหญ่เข้ามา เจ้าสัวรีบไปรับบุตรสาวจากมือคุณหญิงเพื่อไปส่งให้ถึงมือเจ้าบ่าว
[18]วิวาห์หวาน___________อาทิตย์ถัดมา วันแต่งงานใบหน้าของเจ้าสาวคนงาม ถูกแต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางราคาแพงจนเนียนกริบ พร้อมพรั่งด้วยเสื้อผ้าทรงผมที่ถูกช่างหลายชีวิตเนรมิตให้เธอสวยที่สุดในงานวันนี้ วารินทร์เพ่งพินิจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ภาพที่สะท้อนผ่านกระจกเงาบานใหญ่ช่างงดงามประดุจเจ้าหญิงในเทพนิยาย ไม่น่าเชื่อว่าชุดเจ้าสาวจะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งดูสง่างามได้ถึงเพียงนี้ มันช่างมีมนต์ขลังเมื่อเธอจะได้ใส่ชุดนี้เดินกรุยกรายอยู่เคียงข้างเจ้าบ่าว มวลความสุขคงอบอวลไปทั่ว แต่จะดีกว่านี้ หากเจ้าบ่าวของเธอมีหัวใจรักให้เธอบ้างเพื่อนรักของวารินทร์ก็เช่นกัน เกล็ดมุกกำลังจ้องอยู่กระจกเงาอีกบานที่สูงใหญ่ไม่แพ้กัน ผิดก็แต่ชุดเจ้าสาวของเธอฟูฟ่องกว่าของวารินทร์ ช่วยพรางหน้าท้องนูนน้อยๆ ของว่าที่คุณแม่ได้ดีเหลือเกิน เกล็ดมุกกำลังคิดว่าวันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็วนัก อาทิตย์ที่แล้วเธอเพิ่งไปถ่ายรูปและลองชุดที่สตูดิโอแท้ๆ แต่วันนี้กลับเป็นวันงานจริงๆ แล้ว พิธีตักบาตรและพิธีหมั้นผ่านพ้นไปด้วยดีในตอนเช้า รวมทั้งพิธียกน้ำชาด้วย บรรดาแขกเหรื่อมาร่วมยินดีกันล้นหลาม ทุกคนต่างอวยพรให้ชีวิ
“โธ่เอ๋ย ฉันก็เลยปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม ริสอนเขาทำกับข้าว แถมยังบอกให้เขากลับไปทำให้น้องมีนผู้น่ารักกินอีก”‘นั่นละว่าที่ลูกเขยเรานะที่รัก’วาคิมคิดอยู่ในใจ แต่เรื่องสำคัญเขาต้องหาเวลาเคลียร์กับเจ้าบอดี้การ์ดหน้าตี๋เสียก่อน มันมาให้เมียเขาสอนทำกับข้าวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“ฉันเอ็นดูพ่อหนูนั่นนะ ฉันทำขนมไปฝากแกบ่อยๆ พวกกับข้าวแล้วก็อาหารที่ฉันทำให้คุณแต่คุณไม่เคยแตะ ฉันก็เคยชวนสองพ่อลูกนั่นมาร่วมวงกินด้วยกัน” บอกอย่างอยากประชดเขา แต่ประชดออกมาแล้วกลับเป็นตัวเองที่เจ็บหัวใจ“ผมสัญญา หลังแต่งงานผมจะรอกินฝีมือคุณทุกวันเลย”หากเป็นคู่รักคู่อื่น ฝ่ายหญิงคงได้ยิ้มแก้มปริ แต่ไม่ใช่คู่ของเกล็ดมุก ยิ่งเขาพูดออกมาอย่างนั้นเธอก็ยิ่งช้ำใจ เหมือนว่าเขามาสะกิดแผลใจให้มันปริแยกแตกออกอย่างไรอย่างนั้น“ไม่ละ ฉันเบื่อที่ต้องเอาใจคนอื่น”“แม้แต่สามีงั้นเหรอ”“ใช่! อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ทำ”เขาพยักหน้า รับรู้และเข้าใจความเจ็บปวดที่หล่อนสื่อออกมาทางแววตา“แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากให้หล่อนคิดมากในเรื่องอดีต เขากลับไปแก้ไขมันไม่ได้จริงๆ“ก็นิดหน่อย แค่ช่วงนี้ไม่ชอบกินของหวาน”“อืม...เห
เกล็ดมุกหน้าเจื่อน เธอแค่อยากประชดคนที่มานั่งรอเท่านั้นเอง“หนูเล็กขอโทษค่ะคุณป๋า หนูเล็กหงุดหงิดนิดหน่อย ความจริงหนูเล็กไปลองชุดกับวีวี่ก็ได้ เห็นเขาบ่นๆ ว่างานยุ่งหนูเล็กก็เลยไม่อยากให้เขาเสียเวลา”“ไม่หรอก ป๋ารู้ดี ที่เขามาเพราะอยากให้เกียรติหนูนะลูก”“คุณป๋าแน่ใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะถูกบังคับทางอ้อม เขาอาจจะทำเพื่อเด็กที่กำลังจะเกิดมาก็ได้ แล้วเรื่องในอดีตคุณป๋าลืมมันได้เหรอ ไม่โกรธแล้วหรือคะ”“โกรธสิ โกรธมากด้วย แต่ถ้าอนาคต เขาสามารถทำให้ลูกสาวป๋ามีความสุขได้ ป๋าก็จะทำลืมๆ ไปซะ หนูเองก็เหมือนกัน อย่าทิฐิให้มากนัก คิดถึงวันแรกที่หนูตัดสินใจไปอยู่กับเขาให้มากๆ หนูรู้ดีอยู่แก่ใจว่าอยากให้มีงานแต่งงานเกิดขึ้นมากแค่ไหน ป๋าพูดถูกใช่ไหมลูกรัก”ท่านให้ข้อคิด มือลูบศีรษะบุตรสาวให้กำลังใจ เกล็ดมุกยอมตัดขาดจากวาคิมช่วงหนึ่งก็เพราะเห็นแก่พ่อคนนี้ แล้วท่านจะใจร้ายทำลายความรักของบุตรสาวได้อย่างไร“หนูเล็กขอโทษนะคะ รู้ทั้งรู้ว่าคุณป๋าไม่ชอบเขาแต่หนูเล็กก็ยังตกลงแต่งงาน”“ป๋ารู้ว่าหนูไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว ไม่ต้องรู้สึกผิดกับป๋า ตราบใดที่หนูมีความสุข ป๋าก็มีความสุขนะลูกรัก เปิดใ
“บ้าน่ะสิ ฉันเพิ่งท้อง”“อ้อ...แล้วลูกจะอยู่ในท้องเธออีกหลายเดือนเลยเหรอ”นัยน์ตาคมกล้าจับจ้องที่หน้าท้องบางๆ อีกหน“ใช่...น่าร้อนปีนี้ฉันอดใส่ทูพีชแหงๆ” ว่าที่คุณแม่ทำหน้าปุเลี่ยน เมื่อนึกถึงสภาพตัวเองตอนท้องป่องแล้วใส่ทูพีชสีชมพูแปร๋นตัวโปรด“หึๆๆ ดี” เขาตอบสั้นๆ หัวเราะในลำคออย่างสมใจ พออดไม่ไหวก็เอื้อมมือไปวางบนหน้าท้องของหล่อนไอร้อนที่ซึมผ่านเนื้อผ้าลงมาทำให้วารินทร์ถึงกับน้ำตาซึม เขาคงอยากสัมผัสลูกบ้าง“คุณเคยคิดฆ่าลูกจริงๆ หรือเปล่า” ถามออกไปแล้วก็หวั่นใจในคำตอบ ว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด“ฉันแค่ขู่ไปอย่างนั้นเอง เธอนั่นแหละบ้าดีเดือดเกือบทำให้ฉันกลายเป็นฆาตกรฆ่าลูกตัวเอง” เขาพูดความจริง โบ้ยความผิดมาให้หล่อนซึ่งหน้า แต่วารินทร์กลับยิ้มรับทั้งน้ำตา“ฉันขอโทษที่ทำบ้าๆ อย่างนั้น ก็...มันโมโหนี่นา”เมฆาปาดน้ำตาให้วารินทร์ด้วยปลายนิ้วอย่างอ่อนโยน เขารวบร่างบางที่สะอื้นน้อยๆ มาไว้ในอ้อมแขน ปลอบประโลมหล่อนด้วยการลูบแผ่นหลังขึ้นลงเป็นจังหวะ ทำแบบนั้นอยู่นานก่อนจะดันหล่อนออกเพื่อเผชิญหน้าอีกครั้งริมฝีปากอวบอิ่มที่เม้มเข้าหากันเพื่อกลั้นสะอื้นของวารินทร์ ช่างยั่วยวนเมฆาด้วยเจตนาบริสุ