ความเงียบงันครอบคลุมภายในรถยนต์คันงาม ราวกับว่ามันได้สิงสถิตในนั้น กระทั่งเข้าเขตเมือง หญิงสาวจึงขยับยืดตัวตรงแล้วกล่าวกับเขาในที่สุด
“จอดหน้าห้างก็ได้ค่ะ” เธอบอกสั้นๆ หยิบกระเป๋าถือมาแนบกาย ไม่มองหน้าเขาแม้แต่น้อย
วาคิมจอดรถตามคำขอ นึกสงสัยว่าบ้านของหล่อนอยู่แถวนี้หรืออย่างไร ในประวัติของพนักงานบอกว่าไม่ใช่แถวนี้นี่นา เขาไม่ได้เอ่ยถามในสิ่งที่ข้องใจ เมื่อหล่อนลงจากรถ เขาก็หมุนพวงมาลัย ขับรถต่อไปในทันที
เกล็ดมุกถอนใจเฮือกใหญ่ เธออยากให้เขาออกปากว่าจะไปส่ง แต่ว่าคงฝันเฟื่องเกินไป เธอหันซ้ายแลขวา ก่อนจะเดินเข้าไปหลบแดดใต้ต้นไม้ใกล้ๆ มือเรียวล้วงเอาสมาร์ตโฟนออกมากดเบอร์ที่บ้าน ไม่นานนักรถยุโรปคันหรูก็วิ่งมาเทียบริมฟุตบาท
เกล็ดมุกก้าวขึ้นไปนั่งด้วยท่าทีของนางพญา บ่าตั้งหลังตรง ใบหน้าเนียนเชิดน้อยๆ ไม่ได้ใกล้เคียงท่าทางของเกล็ดมุกคนเมื่อสักครู่สักกระผีก และหากใครทันสังเกตก็จะเห็นว่าที่ด้านข้างของตัวรถนั้น มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งสามารถการันตีฐานะความมั่งคั่งของคนที่เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี ‘เพิร์ล’
วาคิมกลับถึงคฤหาสน์กิติบวร ในตอนใกล้ค่ำ น้องสาวคนสวยร่างบอบบาง ยืนชะเง้อคอยาวเป็นยีราฟอยู่ที่หน้าประตู เหมือนว่ากำลังรอคอยบางอย่างด้วยใจจดจ่อ เขามั่นใจทีเดียวว่า วารินทร์ ไม่ได้รอเขาอย่างแน่นอน หล่อนรอคอยขนมเค้กเจ้าประจำ ที่เขากำลังหิ้วมันอยู่ต่างหาก
“มาช้าตั้งชั่วโมง น้องวางอนพี่วาแล้ว” สาวสวยค้อนขวับทำแก้มป่อง เหมือนเมื่อครั้งเด็กๆ ผิดกับความเป็นจริงที่หล่อนเป็นสาวสะพรั่งเต็มตัว บริสุทธิ์และงดงามปานดอกไม้แรกแย้ม
“ว้า...น่าเสียดายจัง คนสั่งมาเค้างอนไม่อยากกินแกแล้วล่ะ เจ้าขนมเค้กตกกระป๋อง เรารึก็ไม่ชอบกินของหวานซะด้วย อืม ถ้าอย่างนั้น ให้จิ๋วไปก็แล้วกัน” ชายหนุ่มรู้ทัน หยิบถุงขนมยี่ห้อดังออกมาแกว่งไปมายั่วน้ำลายคนยืนรอ
สาวใช้นามว่าจิ๋วยิ้มแป้นหน้าบานรอรับลาภปาก ทว่าก็ต้องรอเก้อ เมื่อคุณหนูคนงามของบ้านตรงรี่เข้าไปคว้าถุงนั้นไปต่อหน้าต่อตา
“บ้าน่าพี่วา น้องล้อเล่นหรอกน่า” วารินทร์แก้ตัว รีบคล้องแขนตนเองเข้ากับแขนของพี่ชายอย่างประจบ วาคิมส่ายหน้าระอา น้องสาวเขาไม่รู้จักโตเสียที ทั้งที่ตอนนี้เรียนจบ ป.โท มาได้เกือบปีแล้ว
“เข้าบ้านดีกว่าค่ะ คุณหญิงกำลังรอทานข้าว ท่านเข้าครัวเองเลยนะจะบอกให้”
วาคิมตาโตกับคำบอกเล่าของน้องสาว มารดาคงดีใจมากถึงขนาดเข้าครัวเอง ทั้งที่ท่านบอกเสมอว่าไม่ถนัดด้านนี้
ที่โต๊ะอาหาร
มารดาผู้แสนดีลุกขึ้นมาสวมกอดบุตรชายอย่างแสนรัก ท่านกุลีกุจอเรียกเด็กๆ ในบ้านมาเสิร์ฟข้าวเสิร์ฟน้ำวาคิมจ้าละหวั่น บรรยากาศของครอบครัวอบอวลไปด้วยความรัก วูบหนึ่งที่วาคิมรู้สึกผิดอยู่ในใจ ครึ่งปีมานี้ข้ออ้างที่เขาไม่ค่อยกลับบ้านในวันหยุดก็คืองานยุ่ง ทั้งที่ความจริงเป็นเพราะผู้หญิงอีกคน หล่อนทำให้เขาไม่อยากออกไปไหนนอกจากสวรรค์ส่วนตัวที่ชั้นบนสุดของตึก GB เท่านั้น
“ยิ้มจะฉีกถึงติ่งหูแล้วค่ะคุณหญิง เป็นปลื้มเชียวนะคะที่ลูกชายคนโปรดกลับบ้านได้” น้องน้อยของบ้านค่อนขอดมารดาพร้อมรอยยิ้ม มือของหล่อนเพียรตักขนมเค้กสุดโปรดเข้าปากไม่ยอมหยุด
“เอ๊ะ! ยัยวา นี่แม่นะ ประเดี๋ยวเหอะ”
คุณหญิงวารี เอ็ดบุตรสาวแต่กลั้วหัวเราะเมื่ออีกฝ่ายรู้ทัน
“นี่ก็ลูกนะคะคุณแม่ขา....”
วาคิมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นการหยอกล้อของน้องสาวกับมารดา นางยิ้มแก้มแทบปริตอนที่เขาเติมข้าวสวยอีกจาน พานให้คิดถึงใครอีกคนที่พาใบหน้าหวานๆ มาวนเวียนอยู่ในความคิดคำนึงอยู่ร่ำไป เกล็ดมุกหล่อนจะรู้สึกอย่างไรนะเวลาที่ทำอาหารไว้รอท่า แต่เขาไม่เคยเหลียวแล
คฤหาสน์เฉิน เวลาเดียวกัน
‘ขอให้ความรักครั้งแรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายของลูก พบเจอแต่สิ่งสวยงามมีแต่สุขสมหวังด้วยเถิด’
เกล็ดมุกพนมมือหลับตาอธิษฐานในใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อออกแรงเป่าเทียนบนเค้กก้อนสวยให้มันดับพร้อมกันทั้งยี่สิบห้าเล่ม เสียงปรบมือเปาะแปะของผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตทั้งสองคนดังขึ้นพร้อมๆ กับแสงไฟสีนวลตาถูกเปิดสวิตช์อีกครั้ง บิดาผู้แสนดีลูบกระหม่อมเธออย่างเอ็นดู ก่อนจะพูดว่า
“ลูกสาวป๋าโตขึ้นอีกปีแล้วนะ แต่ไม่รู้จะโตแต่ตัวหรือเปล่า”
ท่านค่อนขอดเล็กน้อยในเรื่องที่ทั้งสามรู้ดี
“โธ่...คุณป๋าคะ ไหนว่าจะไม่คุยเรื่องนี้ไง เดี๋ยวเฮียก็เอ็ดหนูเล็กหรอก” เตือนบิดาเสียงอ่อย ใบหน้างอง้ำช่างน่าเอ็นดู หันไปรับมีดพลาสติกจากมือแม่นมร่างท้วม มาตัดเค้กแบ่งให้ทุกๆ คน ไม่เว้นแม้แต่บรรดาบอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมของบิดา พวกเขาต่างได้รับน้ำใจจากนายน้อยคนงามกันถ้วนหน้า
งานเลี้ยงเล็กๆ ยังดำเนินต่อไป มีเพียงคนในครอบครัวที่มาร่วมยินดีในคราวนี้ ความจริง เจ้าสัวเมฆินทร์ อยากประกาศให้ใครๆ ได้รับรู้ว่าท่านยังมีบุตรสาวแสนสวยอีกหนึ่งคน ถ้าไม่ติดว่าเจ้าของวันเกิดห้ามไว้วันนี้คงมีแขกเหรื่อมาร่วมยินดีมากกว่านี้เป็นร้อยเท่า
“ที่เหมืองเป็นยังไงบ้างลูก ช่วงนี้ป๋าไม่ได้แวะไปดูเลย” เอ่ยถามบุตรชายที่วันนี้เอาแต่นั่งเงียบจนผิดปกติ
“ก็...เรียบร้อยดีครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เราได้สายแร่ดี คงทำเงินได้อีกมาก ยิ่งถ้าเจ้าของที่ดินผืนข้างๆ ยอมขายที่ให้เรา คุณป๋าคงได้นั่งนับเงินอย่างเดียวไม่ต้องตะลอนๆ ขึ้นเหนือลงใต้เป็นว่าเล่นอย่างนี้”
เมฆาตอบนิ่มๆ จงใจว่ากระทบเจ้าของวันเกิดที่มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระไม่ยอมเข้าไปดูงานที่บริษัทเสียที
“ดีแล้ว ไม่เสียแรงที่เสียสัมปทานไปมากโข” เจ้าสัวเปรยยิ้มๆ เมื่อนึกถึงเม็ดเงินที่จะงอกเงยจากการทำเหมืองที่กาญจนบุรี
“แล้วเราล่ะหนูเล็ก เมื่อไหร่จะเลิกเล่นซะที มาช่วยงานคุณป๋าได้แล้ว ฟาร์มไข่มุกนั่นของตัวเองไม่ใช่เหรอ” นายเหมืองหน้าเหี้ยมประชดน้องสาวกลายๆ
“หนูเล็กไม่ได้เล่นนะเฮีย หนูเล็กเอาจริง”
คนเป็นน้องค้านเสียงดังฟังชัด คนเป็นพี่เบะปากหมั่นไส้ในความรักบ้าๆ บอๆ ของน้องสาว
“ระวังจะโดนเขี่ยทิ้งไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มซ้ำอีกรอบ
“เฮีย! คุณป๋าดูเฮียสิ ไม่ให้กำลังใจกันเลย”
“เอาน่าๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เฮียเขาเป็นห่วงหรอก หนูก็รู้ดี ป๋าเองก็ได้ยินได้ฟังอะไรมาไม่ใช่น้อย พวกคุณหญิงคุณนายที่สมาคมลือกันให้แซด เรื่องที่คุณหญิงวารีจะดองกับเพื่อนตัวเองที่ลูกสาวเขาเป็นนางแบบน่ะ ชื่ออะไรนะ อ้อๆ แพรวรุ้ง ใช่ๆ ป๋าอยากให้หนูทำใจไว้บ้างนะลูกนะ เวลาผิดหวังหนูจะได้มีภูมิคุ้มกัน ถ้าจะให้ดีละก็รีบตัดใจแล้วกลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า”
อดีตเจ้าพ่อตะล่อมบุตรสาวอย่างใจเย็น การสูญเสียสตรีอันเป็นที่รักอย่างมารดาของลูกๆ ทำให้ท่านล้างมือจากวงการนักเลงอย่างจริงจัง หันมาเอาดีทางด้านเพชรพลอย กระทั่งชื่อของเจ้าพ่อเมฆินทร์เลือนหายไปตามกาลเวลา เหลือเพียงเจ้าสัวเมฆินทร์แห่งเพิร์ลคนนี้
คนสวยฟังคำสอนของบิดาเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว และมันก็ทำให้เธอสะเทือนใจได้ทุกครั้ง การเป็นลูกอกตัญญูที่บิดาแสนรักกำลังบีบคั้นในหัวใจอย่างแรง
ในที่สุดเกล็ดมุกก็ไม่อาจฝืนทนได้อีก เธอต้องขอตัวขึ้นห้องโดยอ้างว่าไม่ค่อยสบายและต้องการพักผ่อน
“ป๋าครับ น้องคงเสียใจและกำลังรู้สึกผิด”
เมฆาเอ่ยตามที่เห็น น้องสาวเดินซึมขึ้นห้องไปทั้งที่งานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองยังไม่เลิกราด้วยซ้ำ
“ป๋ารู้ ลื้อเองก็เจ็บปวดที่น้องสาวลื้อรักผู้ชายคนนั้นตั้งมากมาย ป๋าใจดีกับน้องมามากแล้ว มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าเราช่วยน้องออกมาจากวังวนแห่งความลุ่มหลง แทนที่จะเห็นดีเห็นงามอย่างที่ผ่านมา ลูกสาวอดีตเจ้าพ่อต้องเข้มแข็งกล้ายอมรับความจริง ไม่ใช่หลอกตัวเองว่ายังมีหวังไปวันๆ เหมือนคนขี้ขลาด”
“จริงครับ”
“ลื้อเองก็เหมือนกัน คุณชายใหญ่แห่งเพิร์ล อย่าทิ้งลายนักเลงที่มีอยู่ในสายเลือด อย่าให้คนอื่นมารังแกเราฝ่ายเดียว ถ้าวันใดมันทำน้องลื้อเจ็บ ลื้อต้องชำระแค้นให้สาสม แม้ว่าบางครั้งวิธีการที่เราทำจะผิดวิสัยชายชาตรี แต่ถ้ามันจะทำให้อีกฝ่ายเจ็บเจียนตายได้ ลื้อก็อย่ารอ!”
หน่วยตาคู่เดิมของบิดาที่ทอดมองน้องสาวเขาอยู่เมื่อครู่นี้ ไม่มีอีกแล้วซึ่งความอ่อนโยน มันฉายชัดเพียงความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นที่เขาได้เห็นจนชินเมื่อครั้งยังเด็ก บิดาที่รักไม่เคยทิ้งลายเจ้าพ่อได้เลยสักวัน น้ำเสียงเด็ดขาด แววตาเย็นเฉียบ ยังคงฉายชัดบนใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัย
เมฆาพยักหน้ารับคำแทนสัจจะวาจา ความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าลุกโชนดั่งเปลวเพลิงในหัวใจเขา
สักวันเถอะ มันจะต้องเจ็บเหมือนอย่างที่เขาเจ็บ มันจะได้รู้ว่าการที่น้องสาวที่รัก ถูกเด็ดดมแล้วเขี่ยทิ้งเหมือนดอกไม้รายทาง มันน่าอดสูสักเพียงใด สักวันวาคิม และวันนั้นใกล้เข้ามาเต็มที!
เปลือกตาอันหนักอึ้งของเกล็ดมุกเปิดขึ้นช้าๆ กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาล โชยเข้าจมูกจนเธออยากจะอาเจียน เธอขยับกายด้วยความเมื่อยล้า แต่ร่างกายที่ผิดปกติทำให้ไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจคิด หัวใจดวงน้อยหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบแตะที่หน้าท้อง“ลูก...ลูกจ๋า...ฮือออ...”“หนูเล็ก อย่าร้องลูกอย่าร้อง”เจ้าสัวใหญ่รีบเข้าปลอบบุตรสาวที่เริ่มโวยวายด้วยความเข้าใจผิด“คุณป๋าขา...ฮึกๆ ลูก...”“เขายังอยู่ลูก หลานของป๋าเขาเข้มแข็งมากรู้ไหม”คำบอกเล่าเพียงเท่านั้น ก็สามารถทำให้คนกำลังจะเป็นแม่ยิ้มได้ทั้งน้ำตา เกล็ดมุกไม่ขออะไรมากมาย เธอขอแค่ให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยเท่านั้น“มุก! คุณฟื้นแล้ว” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดีใจดังขึ้นทันทีที่ประตูถูกผลักเข้ามา เจ้าสัวหน้าตึงใส่โทนี่ที่ไม่สามารถรั้งหมาบ้าตัวนี้เอาไว้ได้ การ์ดหนุ่มได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิดอยู่หน้าประตู“มุก...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม คุณปลอดภัยแล้วนะที่รัก”วาคิมพร่ำพูด เข้าไปเกาะขอบเตียง จับมือแม่ของลูกมากุมไว้อย่างแสนรักเกล็ดมุกใจเสีย ใบหน้าที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลทำเอาเ
[12]น้ำตาของวาคิม___________ร่างอวบท้วมของนมน้อมเดินออกมาจากห้องของนายเหมืองหนุ่ม นางถือกะละมังใบเล็กมีผ้าผืนหนึ่งวางพาดบนปากขอบ มันเป็นภาพที่เมฆาเฝ้ามองมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วารินทร์เป็นไข้และยังไม่มีทีท่าว่าจะหาย“เสียใจด้วยนะคะคุณชาย ดิฉันยืนยันว่าแม่หนูคนนั้นยังมีลมหายใจ”นางน้อมค้อนให้เจ้านายอย่างเคย แต่วันนี้มีหน้างอง้ำและคำแทนตัวประชดประชันแถมมาด้วย นางรู้เรื่องที่เจ้านายทำกับวารินทร์เมื่อเช้า หลังจากคะยั้นคะยอว่าไปแกล้งเจ้าหล่อนท่าไหนถึงได้ป่วยนอนซม แล้วความจริงก็ทำให้นางอดเคืองไม่ได้ คุณชายใหญ่ของนางทำเกินไปจริงๆเมฆามัวแต่กังวลเรื่องคนที่นอนซมตั้งแต่เมื่อวาน เลยมองผ่านการประชดประชันของแม่นมคนดี เขากลับเข้าห้องอีกครั้ง หลังจากรบกวนแม่นมให้ช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้วารินทร์ หล่อนยังนอนแบ็บอยู่บนเตียง ดวงตาสีนิลปิดสนิท มีคราบน้ำตาจางๆ ติดอยู่ที่พวงแก้ม สีหน้าหล่อนดีขึ้นมาก ลองเอามืออังที่หน้าผากก็พบว่าหล่อนไม่มีไข้แล้วนายเหมืองหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก กวาดไล้สาย
เมฆายิ้มร้าย มัดเชือกที่ข้อมือน้อยแน่นหนึบ ชนิดที่ว่ามันไม่มีวันหลุดออกหากว่าไม่มีคนแกะมัน“ทีนี้ก็เดินลงไปในน้ำ”วารินทร์งุนงง น้ำตายังไหล กลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า น้ำไหลเชี่ยวมาก และเธอ...ว่ายน้ำไม่เป็น“ฝนมันกำลังจะตกหนัก น้ำก็ไหลเชี่ยว ฉันกลัว” วารินทร์สารภาพ แม้จะอยากตายแต่ความกลัวก่อนตายมันก็รังแกหัวใจเธออยู่ดี“นั่นแหละที่ฉันต้องการ ลงไปเดี๋ยวนี้!”วารินทร์กัดฟันแน่น เดินลุยน้ำลงไปอย่างน้อยใจ เขาอยากให้เธอเจ็บปวด อยากให้เธอกลัว ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว สายน้ำช่างเย็นเฉียบและไหลแรงเหลือเกิน น้ำตกก็ร่วงหล่นอย่างหนักแน่นราวกับจะทับถมมนุษย์ตัวเล็กๆ เช่นเธอ“เดินลงไปอีก อย่างนั้น เดินลงไปเรื่อยๆ หันหน้ามาทางนี้ด้วย”เขาสั่งอยู่บนท่าน้ำ วารินทร์ร่ำไห้ หันหน้ากลับมาหาเขา น้ำลึกลงไปทุกคราที่ก้าวถอยหลัง เธอถอยลงไปจนระดับน้ำปริ่มที่ริมฝีปาก น้ำเย็นมากและไหลแรงจนขาเธอแทบจะยืนไม่ติดพื้น ด้านล่างฝ่าเท้ามีแต่ก้อนหิน ทั้งลื่นทั้งแหลม เจ็บเท้าไปหมด“ยกมือซ้ายขึ้นมาให้ฉันเห็น”
“เอาเลยหมอ ชีวิตลูกสาวผมสำคัญกว่า”เจ้าสัวตัดสินใจโดยไม่ต้องคิด อย่างไรเสียชีวิตของบุตรสาวต้องมาก่อน“ไม่! เอาไว้ทั้งสองคนเถอะ ขอร้อง”วาคิมสวนเสียงกร้าว ไม่นำพาต่อสายตาขุ่นเคืองของเจ้าสัว“ลื้อไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง นั่นมันลูกสาวอั๊ว” โวยลั่นด้วยความโกรธ มันเริ่มปะทุตั้งแต่เห็นสีหน้าท่าทางของคนจองหองอวดดีคนนี้“นั่นก็เมียกับลูกผมเหมือนกัน มุกรักลูกมากแค่ไหนเจ้าสัวน่าจะรู้ ถ้าไม่มีลูกก็เหมือนฆ่าเธอทั้งเป็น”เจ้าสัวไม่อยากฟัง แทบจะเบือนหน้าหนี“คนไข้อาการแย่มาก แถมเลือดของเธอก็เป็นเลือดกรุ๊ปหายาก หมอเกรงว่าถ้าช่วยเด็กด้วย....”“ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับเธอ! ผมจะให้เลือดเธอเอง เร็วเข้าสิครับหมอ!” ชายหนุ่มเร่งเร้าในที่สุดก็ไม่มีใครขัดประกาศิตเจ้าชายน้ำแข็งได้ ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจึงได้มานอนให้เลือดแก่หญิงสาวในขณะนี้ หยาดโลหิตจากตัวเขาถูกถ่ายเทให้เกล็ดมุกหยดแล้วหยดเล่า กระทั่งใบหน้าซีดเซียวเริ่มซับสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย ทีมแพทย์ที่ทำการรักษา เร่งป
[11]ตัวจริงของเกล็ดมุกตัวปลอมของเมฆา______________________‘ห้อง 211 น.ส. เกล็ดมุก เฉิน’วาคิมกัดฟันกรอดๆ จ้องประตูห้องพักฟื้นไม่วางตา ป้ายเลขห้องไม่ยอกแสยงใจเท่านามสกุลที่แปะอยู่ข้างชื่อของหล่อน มันไม่ใช่นามสกุลที่หล่อนใช้ตอนสมัครงาน แต่เป็นนามสกุลของเจ้าสัวแห่งเพิร์ล“นี่ขนาดจดทะเบียนสมรสกับผัวแก่เลยเหรอ เธอนี่มันแน่จริงๆ’สายตาคมมองผ่านช่องกระจกของบานประตู ก่อนจะหันมาสั่งกวิน“นายรออยู่ข้างนอก อย่าให้ไอ้หัวทองมันเข้าไปจนกว่าฉันจะออกมา”“ครับ เจ้านาย” กวินรับคำ เอื้อมมือไปเปิดประตูให้เจ้านายและปิดมันลงเบาๆ เมื่อชายหนุ่มก้าวเข้าไปในนั้นเรียบร้อยบอดี้การ์ดหนุ่มยืนปักหลักเฝ้าหน้าห้อง เตรียมพร้อมรับมือไอ้หมียักษ์หัวทองที่อาจโผล่มาได้ทุกเมื่อ______________ภายในห้องพักฟื้นร่างเล็กบอบบางนอนแบ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล หลังมือด้านขวาของหล่อนถูกพันธนาการไว้ด้วยเข็มน้ำเกลือ ใบหน้าสวยหวานที่คุ้นเคยบัดนี้ซีดเซียวไร้สีสัน
“นี่! นายจะเอาอะไร ทำไมไม่ยอมพูดล่ะ เอ๊ะ...หรือว่านายเหนียวตัว อยากอาบน้ำ ไม่ๆๆ นายห้ามอาบน้ำเด็ดขาด! อากาศเย็นเกินไปเดี๋ยวไข้ขึ้น หรือว่านายหิวข้าว? เดี๋ยวฉัน...เดี๋ยวฉัน ฉัน...กลับห้องดีกว่า...”วารินทร์สะดุดกึกเมื่อเห็นสายตาเต็มไปด้วยคำถามของเมฆา เธอรีบหยุดความห่วงใยที่ส่งผ่านคำพูดรัวเป็นชุด รีบดึงมือน้อยออกจากการเกาะกุม เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเตรียมตอบคำถามว่าเพราะเหตุใด เธอถึงยังอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อคืนเขาไล่กลับห้องไปแล้ว“ฉะ...ฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะแอบเข้ามานะ พอดีฉันได้ยินเสียงนายคราง คงเพราะพิษไข้ ฉันก็เลย...” แก้ตัวไม่ทันจบก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง วารินทร์นิ่งอึ้งไม่ขัดขืน ยินยอมให้ไหล่น้อยๆ ของเธอเป็นที่พักพิงแก่นายเหมืองผู้เอาแต่ใจ เขากอดเธอแน่น เกยศีรษะได้รูปบนบ่าของเธอ“นายเหมือง...เป็นอะไร” เธอถามแต่ไร้ซึ่งคำตอบ เลยนั่งอยู่อย่างนั้นนิ่งนาน กระทั่งแรงสะท้านจากคนตัวใหญ่ทำให้เธอใคร่รู้ เธอดันเขาออกห่าง และได้รู้ว่าบ่าน้อยๆ กำลังเปียกชุ่ม“นะ...นายร้องไห้ทำไม ไม่อยากจะเชื่อ! สงสัยนายคงยัง