Share

Chapter 8

ดนตรีผ่อนคลาย แต่การเต้นรำกับเขาให้ความรู้สึกเหมือนสวรรค์มากขึ้น วันที่นี้สมบูรณ์แบบจนถึงตอนนี้ แต่ฉันยังคงรอให้เขาพูดคำวิเศษสามคำนั้น

“แบลร์ ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” ในที่สุดเขากำลังจะพูดสิ่งที่ฉันคิดเหรอ

“อืม...ฉันฟังอยู่” ฉันพูด

“ฉันรักเธอ” เขาพูดออกมาแล้ว ในที่สุดเขาก็สารภาพ คำพูดที่ฉันอยากได้ยิน แต่ทำไมเขาดูไม่มีความสุขตอนที่พูดเลยนะ หน้าของเขาเรียบเฉย

“เซน ฉันก็รักนาย...”

“หยุด...แบลร์” เขาไม่ให้ฉันพูดประโยคของฉัน

“เธอคงไม่อยากพูดตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เธอพูดตอนนี้ เพราะมีบางอย่างที่เธอต้องรู้เกี่ยวกับตัวฉันก่อน”

"อะไร?"

“ความจริงคือ...” เขาตอบ

“ไม่ใช่ตอนนี้เซน...มันไม่สำคัญแล้ว”

"ไม่... มันสำคัญมากที่เธอจะต้องรู้ก่อน ที่จะพูดแบบนั้นกับฉัน” จากใบหน้าของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เขาดูจริงจังมาก

“โอเค งั้นบอกมา!! ”

"ไม่ใช่ตรงนี้ ฉันอยากให้เธอมากับฉัน”

“ที่ไหนล่ะ? แล้วทำไมไม่อยู่ที่นี่ล่ะ” ฉันถาม แต่เขาก็เงียบ เขาเอาผ้าสีดำออกจากกระเป๋า แล้วปิดตาฉัน

"เธอกำลังทำอะไรเนี่ย?" ฉันถามอย่างงุนงงกับการกระทำของเขา

“เชื่อใจผมเถอะ” เขาบอกแบบนั้น และพาฉันขึ้นไปบนรถ

“เซน..อีกไกลไหม และฉันต้องปิดตาแบบนี้อีกนานแค่ไหน? ฉันไม่ชอบแบบนี้นะ”

"เราจะไปที่ไหน? มีอะไรจะบอกฉันไหม??”

“อีกไม่นานเธอจะได้รู้” เขาตอบ

“อย่างน้อยก็บอกฉันว่าปลายทางอยู่ไกลแค่ไหน”

"เกือบจะถึงแล้ว"

เขาหยุดรถหลังจากผ่านไปประมาณห้านาที และเขาช่วยพาฉันลงจากรถ เราเดินกันอีกเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดที่ไหนสักแห่ง

“เอาผ้าที่ผูกตาออกได้แล้ว”

“เอาออกได้ซะทีนะ...” ฉันพูดแล้วถอดออก

ฉันตกใจ งุนงง และหวาดกลัวไปพร้อมๆ กันกับวิวตรงหน้าเมื่อถอดผ้าปิดตาออก เรากำลังยืนอยู่ในสุสาน และตรงหน้าฉันคือหลุมศพที่มีชื่อสลักอยู่บนนั้น และชื่อคือ – เซน กรีซมันน์

ฉันรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังเลื่อนอยู่ใต้เท้าของฉัน นี่มันอะไรกันเนี่ย? หลุมฝังศพของเซนเหรอ? เป็นไปได้อย่างไร? ฉันทั้งงง และก็กลัว นี่หมายความว่า…

“ใช่ แบลร์ นี่คือเรื่องจริงๆ ฉันไม่เหมือนเธอ ฉันตายแล้ว” คำพูดนั้นทำให้ฉันตกตะลึง และยืนนิ่งเป็นหิน ฉันหันไปมองเขา และตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูสง่างามและเปล่งประกาย กลายเป็นสีหน้าที่น่ากลัว ดวงตาสีฟ้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และนั่น...และเขี้ยวขนาดใหญ่สองอันนั้น ในใจฉันบอกให้วิ่งหนี แต่เท้าขยับไม่ได้ ฉันรู้สึกเหมือนถูกยึดติดกับพื้น

“ฉันเป็นแวมไพร์...”

(เซน)

เธอกลัวความจริงตรงหน้านี้ และนี่ความเป็นจริงของฉัน

“ฉันเป็นแวมไพร์...” ฉันรู้ว่ามันจะทำให้เธอตกใจ แต่ฉันคิดว่าจะทำให้เธอตกใจมากจนเธอสลบไป เธอนอนอยู่บนพื้น อยู่ข้างหลุมศพของฉัน ฉันอุ้มเธอขึ้นมาและพาเธอไปอยู่ใต้ต้นไม้ มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอที่จะรู้ความจริง ฉันรักเธอและฉันรู้ว่าเธอก็รักฉันเหมือนกัน

แต่ฉันสงสัยว่าเธอจะรักฉันอยู่หรือไม่ หลังจากรู้ความจริงของฉัน หรือเธอไม่เคยรักฉันเลย เธอรักเซน ซึ่งเธอคิดว่าเป็นมนุษย์ และนั่นไม่ใช่ตัวตนของฉัน ฉันเป็นสัตว์ประหลาดและไม่มีใครรักสัตว์ประหลาด ฉันยอมเสียเธอไปโดยพูดความจริง ดีกว่ามีเธอด้วยการโกหก

(แบลร์)

“ฉันไม่ใช่มนุษย์แล้วหรือ”

"ฉันตายหรือยัง"

“ฉันเป็นแวมไพร์ใช่ไหม”

ฉันตื่นขึ้นด้วยความหอบ นั่นเป็นความฝันหรือความจริง ? ฉันขอให้มันเป็นเพียงความฝัน ฉันมองไปรอบๆ และรู้สึกว่าฉันกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ และยังอยู่ในสุสานที่เซนได้พาฉันไป แสดงว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ทุกสิ่งคือความจริง แวมไพร์มีจริงหรือเนี่ย?

“พวกเราเป็นอย่างที่มนุษย์เป็น” ฉันหันไปหาเซนตามเสียงของเขา เขานั่งอยู่ข้างๆ กำลังจับเส้นผมของฉันด้วยความทะนุถนอม ฉันรีบสะบัดผมออกจากมือเขาแล้วมัดไว้

“มันไม่ใช่ความฝัน...แบลร์” เขากล่าว “เธออยากรู้ความลับที่ฉันซ่อนไว้ไม่ใช่เหรอ? นี่คือความลับดำมืดของฉัน ฉันเป็นแวมไพร์ และมันเป็นเรื่องจริง” ฉันตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ในขณะที่เขาพูด

“อย่ากลัวเลย ฉันไม่มีทางทำร้ายเธอ” เขาพูด และเข้ามาใกล้ฉัน มือของเขากำลังจะแตะแก้มฉัน ฉันผลักเขาออกไป และพยายามวิ่งหนี แต่เขาปรากฏตัวต่อหน้าฉัน เขาเร็วมาก เร็วจนมองไม่ทัน ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือว่าแวมไพร์ มีความว่องไวมาก

“พวกเราเร็วที่สุด” เขาตอบฉัน ในขณะที่เขาอ่านใจของฉันอีกครั้ง นี่คือเหตุผลที่เขาสามารถรู้ทุกสิ่งที่อยู่ในใจของฉันได้ซินะ

"นี่ก็ใช่ การอ่านใจก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่งของเรา” เขาพูด และขยับเข้ามาใกล้ฉัน

"ปล่อยฉันไป. คุณคือสัตว์ประหลาด” ฉันตะโกนใส่หูเขา ในขณะที่ความคิดก็ไปนึกถึงการถูกสังหารของคนหลายคน ที่สวนแห่งนั้น ใช่... สัตว์ไม่ดื่มเลือด มีแต่แวมไพร์เท่านั้น!!!

“คะ คะ คุณ... ฆ่าพวกนั้นทั้งหมดใช่ไหม?” เขาก้มลงมองที่พื้น แล้วมองมาที่ฉัน

“ใช่...ฉันทำ” เขาพูดโดยไม่ลังเล คำตอบที่ได้ยินจากเขา ทำให้ร่างกายของฉันสั่นสะท้านด้วยความกลัว ร่างกายฉันเย็นลง ที่ผ่านมาตลอดเวลานี้ ฉันไปไหนมาไหนกับสัตว์ประหลาดที่ฆ่าคนไปมากมายหรือ!?

“ฉันสามารถใช้ชีวิตรอดจากการดื่มเลือดสัตว์ และเคยกินสัตว์ จนกระทั่งฉันพบว่าคุณรักสัตว์ การตายของสัตว์ทำร้ายคุณมากกว่าความตายของมนุษย์”

"อะไร!?"

“คุณมันโรคจิต!” ฉันตะโกน. “คุณเป็นนักฆ่าโรคจิต” ฉันคิดว่าความโกรธของฉันจะเอาชนะความกลัวของฉันได้ แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้น ฉันยังคงหวาดกลัวอย่างมาก

“แบลร์ ฉัน…” เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉัน แต่ฉันก้าวถอยหลัง

“อย่ามาใกล้ฉัน! อยู่ห่างๆ!"

“แบลร์เชื่อฉัน ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ”

“ไปให้พ้นเซน ออกไปจากชีวิตฉัน ฉันไม่อยากเห็นคุณอีก” ฉันตะโกนออกไปทั้งน้ำตา

เขาถอยออกไป และนั่งคุกเข่า เอามือปิดหน้าร้องไห้

ฉันไม่ได้ออกจากบ้าน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ฉันขาดเรียนมาหลายวัน ฉันไม่อยากเห็นใคร และไม่อยากเห็นเซน ไม่อยากไปไหน แต่วันนี้ต้องไปเรียนแล้ว เพราะใกล้จะสอบแล้วด้วย ฉันก็ข้ามการบรรยายมามากเกินไป จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

ความทรงจำทั้งหมดของฉันและเซน แล่นเข้ามาในหัวของฉัน เมื่อฉันเข้าไปในวิทยาเขตของวิทยาลัย ครั้งหนึ่งฉันก็เคยเป็นคนที่มีความสุขเหมือนกัน แต่นั่นเป็นเทพนิยายและเทพนิยายก็ไม่มีจริง

ความจริงก็คือฉันยังคงเป็นสาวขี้เหงาเหมือนเดิม ฉันเกลียดเซน ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เป็นคนเศร้ามากก่อน เขาทำให้ฉันยิ้มเพียงเพื่อให้ฉันร้องไห้อีกครั้ง การเศร้าแล้วมีความสุขเพียงช่วงเวลาสั้นๆ กลับทำให้รู้สึกเศร้ายิ่งกว่าที่เคย มันเหมือนกับการหาแสงสว่างในห้องมืด แล้วตระหนักว่ามันเป็นแค่ภาพลวงตา ฉันหวังว่าเซนจะไม่เข้ามาในชีวิตของฉันอีก ฉันไม่อยากจะมีความสุขเพียงเพื่อต้องไปเสียใจอีกครั้ง ฉันเกลียดเธอเซน ฉันเกลียดเธอ!!!

“คุณแบลร์ คุณไปอยู่ที่ไหนมา คุณขาดเรียนหลายวันแล้ว” ศาสตราจารย์วิชาเศรษฐศาสตร์ คุณคอมป์ตัน ถาม

“ค่ะอาจารย์ ฉันไม่ค่อยสบาย” ฉันตอบ

“ข้อแก้ตัวตามปกติของนักเรียนทุกคนซินะ แต่อาจจะใช้ไม่ได้สำหรับคุณ” เขากล่าว

"ไม่นะครับอาจารย์. แบลร์ไม่ได้โกหก สุขภาพของเธอไม่ค่อยดีจริงๆครับ” เซนพูดแทรก น้ำเสียงและคำพูดของเขาทำให้ฉันตื่นเต้น

“ฉันกำลังคุยกับคุณอยู่หรือเปล่า คุณกีซมันน์?”

“ขอโทษครับ ผมโทรหาแม่ของเธอแล้ว ผมจึงได้รู้” เขาตอบ

เธอมันพวกคนโกหกเซน ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอ ฉันพูดในใจโดยรู้ว่าเขาจะอ่านใจฉันได้ และเขาก็พยักหน้ามองมาที่ฉัน

“เอาล่ะๆ พอๆ ” มิสเตอร์คอมป์ตัน กล่าว

ฉันนั่งอยู่คนเดียวในโรงอาหารพร้อมกับแซนวิชบนจานของฉัน ในช่วงเวลาอาหารกลางวัน ฉันไม่รู้ว่าทำไมฉันอะไรพวกนี้มากิน จริงๆตอนนี้ฉันแทบจะกินอะไรไม่ลงด้วยซ้ำ

“ขอนั่งตรงนี้ได้ไหม...ถ้าตรงนี้เป็นที่ว่าง”

“มาร์คัส!?” ฉันไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะรับเรื่องไร้สาระจากเขา

“เลิกยุ่งกับฉันสักที มาร์คัส”

“เปล่า.. ไม่… ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนเธอ” เขากล่าว

"แล้วเธอมาที่นี่ทำไม” ฉันถามขึ้นโดยไม่สนใจคำตอบของเขา

“จริงด้วย” เขาเริ่มดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง “ฉันอยากขอโทษ” ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจกับสิ่งที่หูเพิ่งได้ยิน

“สำหรับทุกสิ่งที่ฉันทำกับคุณ ฉันขอโทษ” เขาพูดต่อ “ฉันรู้ว่าฉันเป็นคนพาลมาตลอด แต่ตอนนี้ฉันอยากเป็นคนดี” อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปมากในหนึ่งสัปดาห์นี้ การดุของอาจารย์ใหญ่หรือการทะเลาะกับเซนคราวนั้น

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status