“ฉันโง่แค่ไหนนะ ที่มัวเสียเวลารอให้เซนกลายเป็นเลือดบริสุทธิ์ ในเมื่อฉันมีเลือดบริสุทธิ์รออยู่แล้ว” เธอกล่าวต่อ แต่เราเพิกเฉยต่อคำพูดของเธอ และใช้ความเร็วของแวมไพร์ เพื่อราดน้ำมันก๊าดรอบตัวเธอในแบบที่เธอยืนอยู่ตรงกลางวงกลม แน่นอนว่าเธอได้กลิ่นน้ำมันก๊าด แต่เมื่อถึงเวลาที่เธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราก็เร็วพอที่จะโยนไม้ขีดไฟที่ติดไฟไว้บนน้ำมันก๊าด“ไฟ” เธอตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่กลางวงแหวนแห่งไฟ“ปล่อยฉัน” เธอร้อง“ได้สิ แต่หลังจากเจ้าตาย” ฉันถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ“แบลร์?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว จำเสียงของฉันได้ด้วยเหรอ “เธอตายแล้วนี่”“โอ้ เข้าใจแล้ว เซนทำให้คุณกลายเป็นแวมไพร์” เธอพูดตามด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง"ขอให้สนุกกับความตายนะแม่มด" เอริคกล่าวเมื่อไฟจับร่างกายของเธอ และผิวหนังของเธอเริ่มไหม้และมีเลือดออก“มันไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก...ที่จะฆ่าแม่มด” เสียงหัวเราะของเธอดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน ก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้นและหลับตาลง เวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรูของคุณ คือเมื่อพวกเขาคาดหวังน้อยที่สุด การทำเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้หรือป้องก
“ไปที่ห้องของเธอ ... แบลร์” แม่ตะโกนฉันวิ่งขึ้นไปและล็อคตัวเองอยู่ในห้องของฉัน และร้องไห้ออกมา แม่มักจะดุฉันแม้ในความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ทำ เธอไม่เห็นข้อบกพร่องในน้องสาวของฉัน สำหรับเธอ เอธีเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาที่สุด นั่นเพราะเธอไม่เคยเห็นว่าเอธีชั่วร้ายแค่ไหนฉันงดมื้อเย็นและใช้เวลาอีกสองชั่วโมง เพื่อร้องไห้อยู่ในห้องของฉัน ทำไมแม่ไม่เห็นพฤติกรรมโหดร้ายของเอธีที่มีต่อฉัน เธอตะคอกใส่ฉันเพียงคนเดียว แม้กระทั่งกับสิ่งที่เอธีทำลงไป มีเพียงฉันเท่านั้นที่ต้องถูกตำหนิ ไม่มีใครสนใจฉันเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเป็นคนไม่มีตัวตนที่บ้าน แม่และเอธีมักจะดูหมิ่นฉัน ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ ฉันอยากจะหายตัวไป หรือดีกว่านั้น หากฉันตายซะ บางทีพวกเขาอาจจะเห็นคุณค่าของฉันขึ้นมาบ้าง เมื่อตอนที่ฉันจะไม่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาอีกแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรวางยาพิษ และยุติชีวิตที่ไร้ค่านี้ แต่มันจะชัดเจนถ้าฉันวางยาพิษให้ตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะรู้ว่าฉันฆ่าตัวตาย และฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น ฉันไม่ต้องการให้ใครเกลียดฉันมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะว่าฉันฆ่าตัวตาย ฉันหวังว่าฉันจะตายในอุบัติเหตุน่าจะดีกว่าแล้วการฆ่าตัวตาย
ฉันเข้าไปในวิทยาเขตของวิทยาลัย และได้ยินนักเรียนโห่ใส่ฉันแล้ว ฉันก้าวขึ้นบันไดโดยไม่สนใจพวกเขาให้มากที่สุด ฉันหยุดหลังจากไปถึงบันได มันยากที่เดินผ่านคนยี่สิบกว่าคนที่โห่ไล่คุณ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ไปตามทางของฉัน และหลังจากวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ตอนนี้ฉันก็เหนื่อยจนหายใจไม่ออก ฉันก้มดูสอบนาฬิกาข้อมือและเหลือเวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น สำหรับการบรรยายครั้งแรก และส่วนที่แย่ที่สุดคือลิฟต์ดันมาเสียตอนนี้ และห้องเรียนของฉันอยู่บนชั้นสี่ ฉันต้องรีบถ้าไม่อยากพลาดการบรรยาย ฉันหันไปอีกทางเพื่อขึ้นบันไดและ“โครม...!!!! “ ฉันล้มกระแทกกระพื้นอย่างจัง รอบนี้ฉันเจ็บมากจนต้องใช้เวลาสองสามนาที กว่าจะทำใจกับเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ตรงนั้น - มาร์คัส แมคกราธ ตัวร้ายที่สุดในมหาลัย คุณจะสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นคนพาลที่สุด ฉันยืนขึ้นและเริ่มเดินผ่านเขา แต่ความโหดร้ายขวางทางฉันไว้อีก“ออกไปให้พ้นทางของฉัน” ฉันสั่งและผลักเขาอย่างแรง“ฉันเดาว่า การเดินชนเข้ากับคนอื่น คงเป็นงานอดิเรกของเธอ” เสียงนั้นกล่าว แต่นั่น ไม่ใช่เสียงของ มาร์คัสเสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคยซะงั้น ฉันหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ปิ๊บ…ปี๊บ... ฉันขยับตัวออกไปเพื่อให้รถผ่าน แต่แทนที่รถจะขยัยไปข้างหน้า มันก็หยุดอยู่ข้างๆฉัน กระจกลดลงและวันของฉันเริ่มต้นด้วย รูดท์ “ให้ฉันไปส่งเธอที่วิทยาลัยได้ไหม”ฉันงงกับคำพูดของเขา เขาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ? เป็นคนที่เขาถามฉันแบบนั้นจริงๆหรือ? เขาบีบแตรอีกครั้ง"อะไร? อะไรของนาย” ดวงตาของฉันยังคงเบิกกว้าง“ฉันไปเองได้” ฉันพูดแล้วเดินไปข้างหน้า“ถ้าเธอจะเดินไปเองแบบนี้เหรอ มันเสี่ยงที่จะสาย และโดน แฮร์รี่ ดุอีกนะ รู้ใช่ไหม?” ขอบคุณที่เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเยาะเย้ยฉัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็พูดถูก ฉันจะไปสายอีกไม่ได้แล้ว“มาเถอะ ขึ้นมาบนรถ” ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มาเร็ว. เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันเป็นคนขับรถที่ดีนะ ฉันจะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ สัญญา “ฉันตะลึง กับคำพูดนี้ มันออกจากปากเขาจริงหรือ? ยังไงก็ตามฉันไม่อยากสายอีก ฉันเลยตัดสินใจขึ้นไปบนรถ“ทำไมเธอถึงมาทำดีกับฉัน คืออะไร” ฉันถามด้วยความอยากรู้ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรเราเงียบกันตลอดการเดินทาง และฉันคิดแค่ว่า ทำไมรูดท์ต้องแบบนี้ คืออะไร?“ทำไมต้องใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน ในเมื่อจุดหมายของเราเหมือนกัน” เข
ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของฉันเมื่อฉันลืมตาขึ้น ฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ฉันจำได้ว่าแค่ว่าฉันยอยู่ในห้องสมุดของวิทยาลัย ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ เซน หยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือของฉันแล้วฉันก็หมดสติไปก๊อก..ก๊อก…ปกติคนในครอบครัวฉันไม่มีใครเคาะประตู แล้วนี่เป็นใครกัน?“เข้ามาได้ค่ะ” ฉันบอก “ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไรบ้างแบลร์” ฉันงงที่เห็น เซน อยู่ในห้องของฉัน น้องสาวของฉันยืนอยู่ข้างเขา และมองเขาด้วยสายตาเจ้าชู้“ฉันจะทำอะไรกันนายดีนะ...” เธอกัดริมฝีปากของเธอขณะที่พูดแบบนั้นกับเซน เขาสูง ดูดี และดูหล่อเป็นพิเศษ เขามีร่างกายสมส่วน มีรูปลักษณ์กำยำของเทพเจ้ากรีก ผู้หญิงคนไหนๆเห็น ก็ตกหลุมรักเขาได้ง่ายๆ และนี่คือ เอธี ที่ตกหลุมรักผู้ชายข้างๆ ทุกคนเซนนั่งลงที่ขอบเตียงของฉัน“เธอดูแย่มากเลยนะ ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มแสดงความเป็นห่วง “ข่าวในหนังสือพิมพ์ นั่นคือสิ่งที่กวนใจเธอใช่ไหม” และทันใดนั้น ทุกคำในข่าวนั้น ก็แล่นเข้ามาในหัวฉันอีกครั้ง ฉันยังคงจำเสียงกรีดร้องที่แสนเจ็บปวดนั้นได้ ฉันเอามือปิดหู ไม่อยากได้ยินอีก“แบลร์ เป็นอะไร.. ” เขาถามขณะที่เห็นฉันทำท่าท
สองคลาสแรกทำให้ฉันเซ็งๆ เซนมีเรียนที่ชั้นอื่น ฉันเลยไม่ได้เจอเขาจนมื้อเที่ยง โรงอาหารเต็มแล้ว เราเลยตัดสินใจนั่งรอในมหาวิทยาลัย เผื่อจะมีที่ว่างสำหรับเราสองคน แต่ฝูงชนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะลดลง เราเลยตัดสินใจดื่มกาแฟ เพื่อนั่งในวิทยาเขตอย่างสงบสุข และตอนนั้น ฉันได้ยินเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างม้านั่งคุยกันเรื่องข่าวเช้า“ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตในลักษณะเดียวกับผู้ชาย” เด็กผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินและเสื้อสีขาวกล่าว“ใช่...ไม่รู้ว่าจู่ๆ สัตว์ตัวนี้มาจากไหน ต้องรีบจับให้ได้ มันสร้างความสยดสยองไปทั้งเมืองแล้ว” อีกคนกล่าว“เหตุใดผู้คนจึงไม่สามารถเอาชนะมันได้? ทำไมจึงต้องสร้างข่าวให้ใหญ่โต สัตว์ตัวนั้นแค่หิวโหย และด้วยเหตุนี้เขาจึงกิน...” เซน กล่าวเมื่อได้ยินการสนทนาของเด็กผู้หญิงเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาสร้างความรำคาญเล็กน้อย สาวๆ พวกนั้นมองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะจากไป “มันไม่ธรรมดานะเซน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังพูดเรื่องฆ่าคนอย่างสบายๆ ” เขาทำตัวไร้อารมณ์ได้อย่างไร ไม่สนใจเลยเหรอ? ถ้าเหยื่อนั้นมีคนครอบครัวที่รักของเขาล่ะ“แต่มนุษย์ก็ทำเช่นเดียวกันนะ? พวกเขาก็กินสัตว์
ฉันไม่เคยเห็น เซน โกรธขนาดนี้มาก่อน วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาที่มหาวิทยาลัยเพราะเขามีงานต้องทำ แต่สุดท้ายเขาก็มาทันเวลาพอดี ถ้าเขายังไม่มา มาร์คัส คงทำอายฉันมากกว่านั้นในมหาวิทยาลัย ฉันก็รู้สึกขอบคุณเซน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลเช่นกัน ถ้า มาร์คัส เอาเรื่องนี้ไปบอกกับอาจารย์ใหญ่ เซน อาจจะเดือดร้อนแน่ๆ และฉันไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ฉันไม่ต้องการให้ เซน ต้องเดือดร้อนเพราะฉันเฮ้อ... เซน พูดถูก บางทีฉันก็คิดมากไปจริงๆ ถ้าฉันต้องการอากาศบริสุทธิ์ ฉันก็แค่สูดหายใจเข้าลึกๆ ใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดที่ดวงจันทร์ส่องแสงเจิดจ้า ฉันไม่ได้มาใกล้ป่าแห่งนี้ในตอนกลางคืนหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ตอนนี้ เมื่อฉันมาที่นี่ ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าฉันคิดถึงที่นี่มากแค่ไหน ฉันคิดถึงการเดินเล่นในตอนกลางคืนมากแค่ไหน การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติย่อมสงบสุขเสมอ มันเป็นความสุขที่สมบูรณ์“การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะเป็นความสงบจนกว่าธรรมชาติจะเริ่มกัดกินเธอ” ฉันหันไปเห็นเซนเอนพิงต้นไม้“เซน? เธอมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถาม.“ฉันถามเธอเหมือนกันนะคนดี เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มันไม่ปลอดภัยรู้ไหม” เขาไม่ได้ยิ้มเลย เขายืนนิ่ง
ฉันมาสายสิบห้านาที สำหรับชั้นเรียนแรกของฉัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจข้ามการบรรยายในคาบนี้ไป การพลาดชั้นเรียนดีกว่าโดนดุเพราะมาสาย ฉันไปนั่งบนม้านั่งที่ในมหาวิทยาลัย แล้วทบทวนเรื่องเมื่อวาน มันเป็นวันที่แย่ที่สุด ทั้งเรื่องที่เซนทะเลาะกับมาร์คัสเพราะฉัน แล้วก็ผู้ชายคนนั้นที่โจมตีเซนอีก ฉันแค่หวังว่าเขาคนนั้นจะไม่กลับมาทำร้ายเซนอีก และขอให้ทุกอย่างกลับเป็นปกติ“เธออยากรู้ใช่ไหม ว่าทำไมเขาถึงโจมตีฉัน” เซนถาม เมื่อเขายืนตรงหน้าฉันแล้ว“แล้วเธอจะบอกไหม”"เธอพูดถูก. เราไม่ใช่คนแปลกหน้ากัน ฉันรู้จัก กราเวียร์ เป็นอย่างดี”"เขาเป็นใคร?" ฉันถาม."ศัตรู. ศัตรูของครอบครัวฉัน”“แต่เธอเคยพูดถึงครั้งหนึ่งว่า ครอบครัวของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ?”"ใช่...แม้ครอบครัวจะเสียชีวิต แต่ความเป็นศัตรูไม่ได้หายไป มันดำเนินต่อไปตลอดกาล”“อะไรที่ทำให้นายเจ็บขนาดนั้น? ฉันหมายความว่า เธอบาดเจ็บจากอะไร เพราะไม่มีบาดแผลบนร่างกายของเธอ”“ประกาศ ประกาศ มาร์คัส แบลร์ และเซน จากห้อง A ต้องไปพบอาจารย์ใหญ่เดี๋ยวนี้” มีการประกาศดังขึ้น เรามองหน้ากัน เรารู้ว่าทำไมเราถูกเรียก มาร์คัส คงไปฟ้องกับอาจารย์ใหญ่ เขาไม่ใช่แค่คนพาล