เรารออยู่ข้างนอกบ้านของจิเซลล์ ตั้งแต่บ่าย 3 โมง และในที่สุดเธอก็มาถึงเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ตอนนี้น่าจะเป็นเวลา 18.00 น. เราตามเธอไปจนสุดทาง ไปยังป่าซึ่งมีอีกคนกำลังรอการมาถึงของเธออยู่“เธอรู้ดีว่าฉันอยากฆ่าเขา แล้วเธอมาฆ่าเขาก่อนทำไม!!!!” ชายคนนั้นตะคอกใส่กิเซลล์ ผิวของเขาซีดขาว ตาเป็นสีน้ำตาล “ก่อนจะฆ่าเขา ทำไมเธอไม่ถามใคร?” ชายคนนั้นพูดต่อ เขาสวมกางเกงยีนส์สีดำ และเสื้อเชิ้ตสีเทา“ขอโทษที แต่ฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครก่อนจะทำอะไร ฉันจะในทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับฉัน” เมื่อชายคนนั้นได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนสีจากสีน้ำตาลเป็นสีเหลือง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่แล้วเขาเป็นอะไร? ฉันจำได้ว่าดวงตาของการ์เวียร์ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ไลแคน เขาเป็นไลแคน!!! แต่เขาเกี่ยวอะไรกับเซน? เซนทำผิดอะไรกับเขา? “แต่ฉันจำเป็น ฉันยังไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้เหรอว่า ที่ฉันต้องฆ่าเขาเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง” จิเซลล์พูดต่อ ฉันโกรธมาก อยากจะกระโดดลงไปฆ่าทั้งคู่ซะตอนนี้ แต่ต้องอดทนไว้และทำตามแผน“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ฉันอยากเห็นร่างกายของเขา” เขาสั่ง“ตามฉันมา” จิเซลล์พูดโดยไม่รู้ว่า คนๆ นี้ไม่ใช่คนเดีย
“ฉันโง่แค่ไหนนะ ที่มัวเสียเวลารอให้เซนกลายเป็นเลือดบริสุทธิ์ ในเมื่อฉันมีเลือดบริสุทธิ์รออยู่แล้ว” เธอกล่าวต่อ แต่เราเพิกเฉยต่อคำพูดของเธอ และใช้ความเร็วของแวมไพร์ เพื่อราดน้ำมันก๊าดรอบตัวเธอในแบบที่เธอยืนอยู่ตรงกลางวงกลม แน่นอนว่าเธอได้กลิ่นน้ำมันก๊าด แต่เมื่อถึงเวลาที่เธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราก็เร็วพอที่จะโยนไม้ขีดไฟที่ติดไฟไว้บนน้ำมันก๊าด“ไฟ” เธอตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่กลางวงแหวนแห่งไฟ“ปล่อยฉัน” เธอร้อง“ได้สิ แต่หลังจากเจ้าตาย” ฉันถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ“แบลร์?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว จำเสียงของฉันได้ด้วยเหรอ “เธอตายแล้วนี่”“โอ้ เข้าใจแล้ว เซนทำให้คุณกลายเป็นแวมไพร์” เธอพูดตามด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง"ขอให้สนุกกับความตายนะแม่มด" เอริคกล่าวเมื่อไฟจับร่างกายของเธอ และผิวหนังของเธอเริ่มไหม้และมีเลือดออก“มันไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก...ที่จะฆ่าแม่มด” เสียงหัวเราะของเธอดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน ก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้นและหลับตาลง เวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรูของคุณ คือเมื่อพวกเขาคาดหวังน้อยที่สุด การทำเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้หรือป้องก
“ไปที่ห้องของเธอ ... แบลร์” แม่ตะโกนฉันวิ่งขึ้นไปและล็อคตัวเองอยู่ในห้องของฉัน และร้องไห้ออกมา แม่มักจะดุฉันแม้ในความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ทำ เธอไม่เห็นข้อบกพร่องในน้องสาวของฉัน สำหรับเธอ เอธีเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาที่สุด นั่นเพราะเธอไม่เคยเห็นว่าเอธีชั่วร้ายแค่ไหนฉันงดมื้อเย็นและใช้เวลาอีกสองชั่วโมง เพื่อร้องไห้อยู่ในห้องของฉัน ทำไมแม่ไม่เห็นพฤติกรรมโหดร้ายของเอธีที่มีต่อฉัน เธอตะคอกใส่ฉันเพียงคนเดียว แม้กระทั่งกับสิ่งที่เอธีทำลงไป มีเพียงฉันเท่านั้นที่ต้องถูกตำหนิ ไม่มีใครสนใจฉันเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเป็นคนไม่มีตัวตนที่บ้าน แม่และเอธีมักจะดูหมิ่นฉัน ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ ฉันอยากจะหายตัวไป หรือดีกว่านั้น หากฉันตายซะ บางทีพวกเขาอาจจะเห็นคุณค่าของฉันขึ้นมาบ้าง เมื่อตอนที่ฉันจะไม่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาอีกแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรวางยาพิษ และยุติชีวิตที่ไร้ค่านี้ แต่มันจะชัดเจนถ้าฉันวางยาพิษให้ตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะรู้ว่าฉันฆ่าตัวตาย และฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น ฉันไม่ต้องการให้ใครเกลียดฉันมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะว่าฉันฆ่าตัวตาย ฉันหวังว่าฉันจะตายในอุบัติเหตุน่าจะดีกว่าแล้วการฆ่าตัวตาย
ฉันเข้าไปในวิทยาเขตของวิทยาลัย และได้ยินนักเรียนโห่ใส่ฉันแล้ว ฉันก้าวขึ้นบันไดโดยไม่สนใจพวกเขาให้มากที่สุด ฉันหยุดหลังจากไปถึงบันได มันยากที่เดินผ่านคนยี่สิบกว่าคนที่โห่ไล่คุณ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ไปตามทางของฉัน และหลังจากวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ตอนนี้ฉันก็เหนื่อยจนหายใจไม่ออก ฉันก้มดูสอบนาฬิกาข้อมือและเหลือเวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น สำหรับการบรรยายครั้งแรก และส่วนที่แย่ที่สุดคือลิฟต์ดันมาเสียตอนนี้ และห้องเรียนของฉันอยู่บนชั้นสี่ ฉันต้องรีบถ้าไม่อยากพลาดการบรรยาย ฉันหันไปอีกทางเพื่อขึ้นบันไดและ“โครม...!!!! “ ฉันล้มกระแทกกระพื้นอย่างจัง รอบนี้ฉันเจ็บมากจนต้องใช้เวลาสองสามนาที กว่าจะทำใจกับเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ตรงนั้น - มาร์คัส แมคกราธ ตัวร้ายที่สุดในมหาลัย คุณจะสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นคนพาลที่สุด ฉันยืนขึ้นและเริ่มเดินผ่านเขา แต่ความโหดร้ายขวางทางฉันไว้อีก“ออกไปให้พ้นทางของฉัน” ฉันสั่งและผลักเขาอย่างแรง“ฉันเดาว่า การเดินชนเข้ากับคนอื่น คงเป็นงานอดิเรกของเธอ” เสียงนั้นกล่าว แต่นั่น ไม่ใช่เสียงของ มาร์คัสเสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคยซะงั้น ฉันหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ปิ๊บ…ปี๊บ... ฉันขยับตัวออกไปเพื่อให้รถผ่าน แต่แทนที่รถจะขยัยไปข้างหน้า มันก็หยุดอยู่ข้างๆฉัน กระจกลดลงและวันของฉันเริ่มต้นด้วย รูดท์ “ให้ฉันไปส่งเธอที่วิทยาลัยได้ไหม”ฉันงงกับคำพูดของเขา เขาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ? เป็นคนที่เขาถามฉันแบบนั้นจริงๆหรือ? เขาบีบแตรอีกครั้ง"อะไร? อะไรของนาย” ดวงตาของฉันยังคงเบิกกว้าง“ฉันไปเองได้” ฉันพูดแล้วเดินไปข้างหน้า“ถ้าเธอจะเดินไปเองแบบนี้เหรอ มันเสี่ยงที่จะสาย และโดน แฮร์รี่ ดุอีกนะ รู้ใช่ไหม?” ขอบคุณที่เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเยาะเย้ยฉัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็พูดถูก ฉันจะไปสายอีกไม่ได้แล้ว“มาเถอะ ขึ้นมาบนรถ” ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มาเร็ว. เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันเป็นคนขับรถที่ดีนะ ฉันจะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ สัญญา “ฉันตะลึง กับคำพูดนี้ มันออกจากปากเขาจริงหรือ? ยังไงก็ตามฉันไม่อยากสายอีก ฉันเลยตัดสินใจขึ้นไปบนรถ“ทำไมเธอถึงมาทำดีกับฉัน คืออะไร” ฉันถามด้วยความอยากรู้ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรเราเงียบกันตลอดการเดินทาง และฉันคิดแค่ว่า ทำไมรูดท์ต้องแบบนี้ คืออะไร?“ทำไมต้องใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน ในเมื่อจุดหมายของเราเหมือนกัน” เข
ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในห้องของฉันเมื่อฉันลืมตาขึ้น ฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ฉันจำได้ว่าแค่ว่าฉันยอยู่ในห้องสมุดของวิทยาลัย ฉันจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนสุดท้ายที่ฉันจำได้คือ เซน หยิบหนังสือพิมพ์ออกจากมือของฉันแล้วฉันก็หมดสติไปก๊อก..ก๊อก…ปกติคนในครอบครัวฉันไม่มีใครเคาะประตู แล้วนี่เป็นใครกัน?“เข้ามาได้ค่ะ” ฉันบอก “ตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไรบ้างแบลร์” ฉันงงที่เห็น เซน อยู่ในห้องของฉัน น้องสาวของฉันยืนอยู่ข้างเขา และมองเขาด้วยสายตาเจ้าชู้“ฉันจะทำอะไรกันนายดีนะ...” เธอกัดริมฝีปากของเธอขณะที่พูดแบบนั้นกับเซน เขาสูง ดูดี และดูหล่อเป็นพิเศษ เขามีร่างกายสมส่วน มีรูปลักษณ์กำยำของเทพเจ้ากรีก ผู้หญิงคนไหนๆเห็น ก็ตกหลุมรักเขาได้ง่ายๆ และนี่คือ เอธี ที่ตกหลุมรักผู้ชายข้างๆ ทุกคนเซนนั่งลงที่ขอบเตียงของฉัน“เธอดูแย่มากเลยนะ ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มแสดงความเป็นห่วง “ข่าวในหนังสือพิมพ์ นั่นคือสิ่งที่กวนใจเธอใช่ไหม” และทันใดนั้น ทุกคำในข่าวนั้น ก็แล่นเข้ามาในหัวฉันอีกครั้ง ฉันยังคงจำเสียงกรีดร้องที่แสนเจ็บปวดนั้นได้ ฉันเอามือปิดหู ไม่อยากได้ยินอีก“แบลร์ เป็นอะไร.. ” เขาถามขณะที่เห็นฉันทำท่าท
สองคลาสแรกทำให้ฉันเซ็งๆ เซนมีเรียนที่ชั้นอื่น ฉันเลยไม่ได้เจอเขาจนมื้อเที่ยง โรงอาหารเต็มแล้ว เราเลยตัดสินใจนั่งรอในมหาวิทยาลัย เผื่อจะมีที่ว่างสำหรับเราสองคน แต่ฝูงชนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แทนที่จะลดลง เราเลยตัดสินใจดื่มกาแฟ เพื่อนั่งในวิทยาเขตอย่างสงบสุข และตอนนั้น ฉันได้ยินเด็กผู้หญิงสองคนที่นั่งข้างม้านั่งคุยกันเรื่องข่าวเช้า“ผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิตในลักษณะเดียวกับผู้ชาย” เด็กผู้หญิงที่สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงินและเสื้อสีขาวกล่าว“ใช่...ไม่รู้ว่าจู่ๆ สัตว์ตัวนี้มาจากไหน ต้องรีบจับให้ได้ มันสร้างความสยดสยองไปทั้งเมืองแล้ว” อีกคนกล่าว“เหตุใดผู้คนจึงไม่สามารถเอาชนะมันได้? ทำไมจึงต้องสร้างข่าวให้ใหญ่โต สัตว์ตัวนั้นแค่หิวโหย และด้วยเหตุนี้เขาจึงกิน...” เซน กล่าวเมื่อได้ยินการสนทนาของเด็กผู้หญิงเหล่านั้น น้ำเสียงของเขาสร้างความรำคาญเล็กน้อย สาวๆ พวกนั้นมองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะจากไป “มันไม่ธรรมดานะเซน ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอกำลังพูดเรื่องฆ่าคนอย่างสบายๆ ” เขาทำตัวไร้อารมณ์ได้อย่างไร ไม่สนใจเลยเหรอ? ถ้าเหยื่อนั้นมีคนครอบครัวที่รักของเขาล่ะ“แต่มนุษย์ก็ทำเช่นเดียวกันนะ? พวกเขาก็กินสัตว์
ฉันไม่เคยเห็น เซน โกรธขนาดนี้มาก่อน วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องมาที่มหาวิทยาลัยเพราะเขามีงานต้องทำ แต่สุดท้ายเขาก็มาทันเวลาพอดี ถ้าเขายังไม่มา มาร์คัส คงทำอายฉันมากกว่านั้นในมหาวิทยาลัย ฉันก็รู้สึกขอบคุณเซน แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลเช่นกัน ถ้า มาร์คัส เอาเรื่องนี้ไปบอกกับอาจารย์ใหญ่ เซน อาจจะเดือดร้อนแน่ๆ และฉันไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ฉันไม่ต้องการให้ เซน ต้องเดือดร้อนเพราะฉันเฮ้อ... เซน พูดถูก บางทีฉันก็คิดมากไปจริงๆ ถ้าฉันต้องการอากาศบริสุทธิ์ ฉันก็แค่สูดหายใจเข้าลึกๆ ใต้ท้องฟ้าที่มืดมิดที่ดวงจันทร์ส่องแสงเจิดจ้า ฉันไม่ได้มาใกล้ป่าแห่งนี้ในตอนกลางคืนหลังจากเหตุการณ์นั้น แต่ตอนนี้ เมื่อฉันมาที่นี่ ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าฉันคิดถึงที่นี่มากแค่ไหน ฉันคิดถึงการเดินเล่นในตอนกลางคืนมากแค่ไหน การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติย่อมสงบสุขเสมอ มันเป็นความสุขที่สมบูรณ์“การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจะเป็นความสงบจนกว่าธรรมชาติจะเริ่มกัดกินเธอ” ฉันหันไปเห็นเซนเอนพิงต้นไม้“เซน? เธอมาทำอะไรที่นี่?" ฉันถาม.“ฉันถามเธอเหมือนกันนะคนดี เธอไม่ควรอยู่ที่นี่ในเวลานี้ มันไม่ปลอดภัยรู้ไหม” เขาไม่ได้ยิ้มเลย เขายืนนิ่ง