ดนตรีผ่อนคลาย แต่การเต้นรำกับเขาให้ความรู้สึกเหมือนสวรรค์มากขึ้น วันที่นี้สมบูรณ์แบบจนถึงตอนนี้ แต่ฉันยังคงรอให้เขาพูดคำวิเศษสามคำนั้น“แบลร์ ฉันมีอะไรจะบอกเธอ” ในที่สุดเขากำลังจะพูดสิ่งที่ฉันคิดเหรอ“อืม...ฉันฟังอยู่” ฉันพูด“ฉันรักเธอ” เขาพูดออกมาแล้ว ในที่สุดเขาก็สารภาพ คำพูดที่ฉันอยากได้ยิน แต่ทำไมเขาดูไม่มีความสุขตอนที่พูดเลยนะ หน้าของเขาเรียบเฉย “เซน ฉันก็รักนาย...”“หยุด...แบลร์” เขาไม่ให้ฉันพูดประโยคของฉัน“เธอคงไม่อยากพูดตอนนี้ ฉันไม่อยากให้เธอพูดตอนนี้ เพราะมีบางอย่างที่เธอต้องรู้เกี่ยวกับตัวฉันก่อน”"อะไร?"“ความจริงคือ...” เขาตอบ“ไม่ใช่ตอนนี้เซน...มันไม่สำคัญแล้ว”"ไม่... มันสำคัญมากที่เธอจะต้องรู้ก่อน ที่จะพูดแบบนั้นกับฉัน” จากใบหน้าของเขาตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น เขาดูจริงจังมาก“โอเค งั้นบอกมา!! ”"ไม่ใช่ตรงนี้ ฉันอยากให้เธอมากับฉัน” “ที่ไหนล่ะ? แล้วทำไมไม่อยู่ที่นี่ล่ะ” ฉันถาม แต่เขาก็เงียบ เขาเอาผ้าสีดำออกจากกระเป๋า แล้วปิดตาฉัน"เธอกำลังทำอะไรเนี่ย?" ฉันถามอย่างงุนงงกับการกระทำของเขา“เชื่อใจผมเถอะ” เขาบอกแบบนั้น และพาฉันขึ้นไปบนรถ“เซน..อีกไกลไหม และฉั
“ไม่เป็นไรช่างมันเถอะ” ฉันบอก“แล้วเพื่อนเธอล่ะ” เขาถามพลางยื่นมือออกไป แต่ก่อนที่ฉันจะอ้าปากพูด ก็มีเสียงดังขึ้นบนโต๊ะที่เรียกความสนใจจากทุกคน“ฉันเตือนเธอแล้วว่าอย่ายุ่งกับเธอ!” เซนคำรามเสียงดังไปทั่ว“ใจเย็นๆเซน ฉันไม่ได้มาเพื่อรบกวนเธอ” มาร์คัสพูด เขาพยายามพูดให้เซนใจเย็นลง เขาดูสงบขึ้นมาก แต่การที่ฉันเห็นเซนตรงนี้ ทำให้ฉันตัวสั่นด้วยความกลัว หลังจากที่ได้รู้ว่าเขาเป็นอะไร“ออกไป” เซนเตือนอีกครั้ง“ทำไมนายถึงมีปัญหากับฉันนัก? ถ้าแบรล์ไม่โอเคที่ฉันอยู่ที่นี่ เธอก็คงจะพูดออกมาเองแล้ว…”“ฉันบอกให้ออกไป!!!! ” เซนพูดตัดกลางประโยคของมาร์คัส ความโกรธทำให้เซนหน้าแดง และที่มองเขาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฉันกลัวมากขึ้นไปอีก เขาสามารถทำร้ายมาร์คัสได้เลยนะ? หรือแย่กว่านั้นเขาสามารถฆ่ามาร์คัสได้ทันที? เขาเป็นแวมไพร์ เขามันตัวอันตราย ที่สามารถทำทุกอย่างได้ไม่! ไม่! ไม่! ฉันต้องหยุดสิ่งนี้ก่อนที่ เซนจะทำร้ายใครอีก ถ้ามาร์คัสไม่ไป เซนอาจจะทำร้ายเขาหรือฆ่าเขา และเหตุผลที่ทำให้เขาตายก็คงเป็นฉัน! ฉันไม่สามารถปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้“มาร์คัสออกไปเถอะ…ได้โปรด?” ฉันขอ. เขามีเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าแต่
“พวกเขาเอางานมาทำที่บ้านนี้ไม่ได้เหรอ?” ฉันรู้แล้วว่าหล่อนจะพูดแบบนั้น ฉันรู้จักเธอดีเอธี แต่น้องสาวจ้ะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้น เซนเป็นสัตว์ประหลาด และฉันไม่สามารถเสี่ยงชีวิตครอบครัวด้วยการเชิญเขามาที่บ้านของฉันหรอก“ไม่ เราไม่เป็นไรค่ะ ห้องสมุดสะดวกกว่ามาก” ฉันพูดก่อนที่พ่อจะพูดอะไรเพิ่มเติมอีก“ก็ได้ แต่คอยดูเวลาไว้ อย่ากลับค่ำเกินไป” คำพูดของพ่อทำให้เอธีทำหน้าไม่พอใจ ใบหน้าของเธอเวลาที่ถูกขัดใจ ช่างน่าดูจริงๆ เหอๆ ฉันเหนื่อยกับวันที่วุ่นวาย ฉันรู้สึกง่วงมากจนไม่อยากทานอาหารเย็น ฉันเข้าห้องและปิดประตู ปิดไฟ ดึงผ้าห่มมาห่ม ฉันพร้อมจะหลับไป“ฉันคิดว่าเราจะทำงานนี้ให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้นะ” เซนกล่าว“ใช่ แต่เราต้องเตรียมบันทึก”“เราต้องเรียนรู้มันด้วย สำหรับการนำเสนอ”"ฉันรู้...ฉันรู้... เราสามารถเตรียมบันทึกย่อได้ภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นเราจะมีเวลามากพอที่จะอ่านทบทวน เพื่อที่เราจะพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้”“ใช่” เขาตอบเตรียมบันทึกย่อในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และเราเกือบจะพร้อมแล้วสำหรับการส่งงานในวันพรุ่งนี้ การวิจัยและการจัดการไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ฉันเป็นผู้เชี่ยวชา
ฉันหวังว่าฉันจะไม่ลืมประเด็นสำคัญทั้งหมด ในขณะที่นำเสนองานนะ ไม่...ไม่... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น คิดบวกไว้. คิดบวกไว้.ฉันเตรียมตัวมาอย่างดี และฉันต้องทำให้ได้ฉันเอาแต่บอกตัวเอง เพื่อสร้างแรงจูงใจ จน มิสแมคกราธ เรียกชื่อเราขึ้น เพื่อนำเสนองาน“เซน ฉันคิดว่าเธอควรเริ่มก่อน แล้วฉันจะสรุปหัวข้อต่างๆที่หลัง” ฉันพูด“เธอประหม่า”"ไม่. ฉันไม่ได้” ฉันโต้เถียง แต่เซนพูดความจริง ฉันประหม่าจริงๆ“ฉันสัมผัสได้ว่าเธอกำลังประหม่า” เขากล่าว ฉันหันไปมองเขาโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้น ซ่อนดวงตาสีแดงอันน่ากลัวของเขาไว้ได้เป็นอย่างดี“ฟังฉันให้ดีนะ” เขาพูดและดวงตาของฉันก็จับจ้องไปที่เขา ฉันไม่สามารถมองหาที่อื่นได้แม้ว่าฉันจะต้องการ“เธอไม่ได้ประหม่า เธอมีความมั่นใจ เธอไม่มีปัญหาเรื่องความกลัวบนเวที มาเลย ไปลุยกัน และเริ่มการนำเสนอของเธอได้เลย และด้วยความมั่นใจอย่างดีที่สุด เพราะนั่นคือสิ่งที่เธอเป็น – ผู้พูดที่มั่นใจ!” ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้น ฉันก็ไม่รู้สึกประหม่าอีกต่อไป ฉันรู้สึกว่าความมั่นใจวิ่งไปตามเส้นเลือดในร่างกายของฉัน ฉันขึ้นไปบนเวที มีคนนั่งรอให้ฉันพูดอยู่ประมาณร้อยคน แต่ตอนนี้ฉั
ฉันขอให้เขานั่งรอ ในขณะที่ฉันเข้าไปในครัวเพื่อเอาแก้วน้ำมาให้เขา“ขอโทษนะ แต่ฉันมีแค่น้ำให้คุณได้เพียงแก้วเดียว เพราะฉันอยู่บ้านคนเดียวสองสามวัน และฉันเป็นแม่ครัวที่แย่มาก” ฉันพูดพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย"ไม่เป็นไร. แค่น้ำก็เพียงพอสำหรับฉัน”“เธออยู่บ้านคนเดียว และทำอาหารไม่ได้ งั้น..เมื่อวานเธอทานอะไรเป็นอาหารมื้อเย็น” เขาถาม.“อืม.. ของที่เหลือในตู้เย็นน่ะ”“เธอรู้ไหม ว่าฉันสามารถสัมผัสได้ เมื่อเธอโกหกและเมื่อไม่ถูกต้อง”“อืม.. ใช่.. ฉันโกหก.. ขอโทษ..”“แล้วเธอไม่มีอะไรเลยเหรอ” เขาถาม และฉันก็ส่ายหัวเป็นคำตอบ“ฉันขอใช้ครัวของเธอได้ไหม” คำถามของเขาทำให้ฉันประหลาดใจ“ทำไมถึงอยากเข้าครัวล่ะ” ฉันถาม.“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันก็เคยเป็นมนุษย์เหมือนกัน ฉันพอจะทำอาหารได้ดีอยู่นะ ดังนั้นฉันจะทำอาหารให้เธอ” เขาพูดพร้อมกับขยิบตา“แต่ในตู้เย็นไม่มีอะไร”“หมายความว่าเราต้องไปตลาดก่อนเพื่อซื้อของ”เรากลับบ้านพร้อมถุงผัก ไก่ ไข่ และนมจากตลาด มันเป็นเรื่องตลกที่ได้ดูเซนในตลาด ฉันไม่เคยเห็นแวมไพร์ ซื้อของชำหรือไก่มาก่อน ฉันยังหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเขาต่อรองกับเจ้าของร้าน“เรามีไก่ ไข่พวกนี้ และผัก แ
ฉันเช็คนาฬิกาเวลา 19.30 น. ฉันสวมรองเท้าส้นสูงสีดำและพร้อมแล้วสำหรับค่ำคืนนี้เมื่อฉันกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตู โทรศัพท์ของฉันก็ส่งเสียงกริ๊ง ฉันมองไปที่หน้าจอที่แสดงชื่อผู้โทร - จิเซลล์ ฉันสงสัยว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน ทำไมเธอถึงโทรหาฉันนะ จิเซลล์ กาเบรียล เป็นรุ่นพี่ของฉันในวิทยาลัย เธอมีชื่อเสียงในด้านที่ไม่ดีนักเรื่องความคิด ผู้คนเรียกเธอว่า ตัวร้าย และคุณสามารถพูดได้ว่าเธอคือมาร์คัส ในเวอร์ชั่นผู้หญิง และฉันไม่เคยชอบเธอ"สวัสดี?" ฉันรับสาย“แบลร์ ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ” เธอพูดพลางหายใจหอบ เมื่อฉันรับสาย“มีอะไรเหรอกิเซล? เธอสบายดีหรือเปล่า? ทำไมถึงเหนื่อยหอบขนาดนี้? เสียงของเธอทำให้ฉันกังวล"ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ. มาเจอกันฉันที่โกดังของวิทยาลัยได้ไหม”"โกดัง? แต่นักศึกษาไม่ควรไปที่นั่นตอนนี้ และวิทยาลัยก็น่าจะปิดแล้วด้วย” ฉันพูดอย่างสับสน"ไม่...มันไม่ใช่. ฉันรอเธออยู่ที่โกดัง ได้โปรดมาเร็วๆ” เธอพูดแล้ววางสายฉันงง เธอมีเพื่อนมากมาย แต่เธอตัดสินใจโทรหาฉันเพื่อขอความช่วยเหลือ? คนที่เธอเกลียด สมองของฉันเตือนว่าอย่าไปที่นั่น สมองของฉันบอกฉันว่ามันเป็นกลอุบายของเธอ เ
(เซน)เธอไม่ได้อยู่ที่ป่า ฉันจะกลับไปรอเธอที่บ้าน เผื่อเธอจะกลับมา ฉันจอดรถใกล้บ้านเธอ และเห็นแบลร์เดินกลับเข้ามาในบ้าน ฉันตะโกนชื่อเธอแต่เธอไม่นิ่ง ฉันตะโกนอีกครั้ง แต่มันไม่ได้ยินอีกแล้ว ดูเหมือนเธอจะหลงอยู่ในความคิดของเธอเอง ฉันวิ่งตามเธอเรียกชื่อเธอ แต่เธอไม่ได้ยิน เธอเดินไปเรื่อยๆ และเธอกำลังจะไปที่ระเบียง และก่อนที่ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอกระโดดลงจากระเบียง นั่นทำให้ฉันตกใจมาก ฉันแทบหมดสติไป เมื่อเห็นเธอกระโดดลงไปแบบนั้น“แบลร์” ฉันตะโกนและวิ่งลงไปข้างล่าง เธอนอนอยู่บนพื้น ขณะที่หัวของเธอกระแทกพื้น ดวงตาของเธอปิดและใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เมื่อฉันเรียกชื่อเธอและเธอก็ไม่ตอบสนอง“ลืมตาของเธอซิ แบลร์”“แบลร์ ฉันรักเธอ ลืมตาขึ้น คุยกับฉันหน่อย” ฉันพูดทั้งน้ำตาฉันตรวจสอบเส้นเลือดของเธอ แล้วพบว่าชีพจรยังไม่หยุด แต่มันช้ามาก หมายความว่าเธอยังไม่ตาย เธออาจจะรอด ฉันรีบอุ้มเธอแล้ววิ่งไปที่โรงพยาบาล ผู้คนบนท้องถนนต่างจ้องมองมาที่ฉันอย่างสงสัยในความเร็วที่ฉันวิ่งอยู่ พวกเขาอาจพบว่ามันผิดปกติ แต่ฉันไม่สนใจ ในตอนนี้สิ่งที่ฉันสนใจคือ แบลร์“หมออยู่ไหนครับ” ฉันตะโกน
(เซน)ฉันพาร่างของแบลร์มาที่บ้าน ที่ครอบครัวของฉันในแคลิฟอร์เนีย ห่างจากครอบครัวของเธอ ห่างจากเพื่อนรัก ห่างจากบ้านเกิดของเธอ และอยู่ห่างจากทุกคนที่ทำร้ายเธอ ฉันไม่เคยมาที่นี่เลยตั้งแต่ครอบครัวของฉันเสียชีวิต สองชั่วโมงแล้วและแบลร์ เธอน่าจะตื่นได้แล้วนะฉันไม่สามารถละสายตาจากแบลร์ได้ รอให้เธอลืมตา และเมื่อเธอลืมตา ฉันก็อธิบายไม่ได้ว่าตัวเองมีความสุขแค่ไหน แต่ก็คงโกรธในเวลาเดียวกัน กับสิ่งที่เธอทำกับตัวเอง(แบลร์)ฉันลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ทุกอย่างในห้องนี้ดูเก่าแก่และทำจากไม้ บ้านไม้. ฉันอยู่ในสวรรค์เหอร? ไม่ได้ทำดีอะไรซะหน่อยให้ขึ้นสวรรค์ก่อนแล้วค่อยตกนรกงี้ป่ะ? แต่แล้วสายตาของฉันก็เห็นเซน นั่งอยู่ตรงขอบเตียงที่ฉันนอนอยู่ เขามองมาที่ฉันแล้ว“เซน...เอ่อ ฉันอยู่ที่ไหน” ฉันพยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่ง“แบลร์ พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เราค่อยคุยกัน” เขาตอบแล้วเดินออกจากห้องไป ฉันเดินตามเขาไป“ไปนอนเถอะ เชื่อฉัน” เขาพูด เมื่อรู้สึกว่าฉันกำลังตามเขาอยู่“เซน คุณพาฉันมาที่ไหน” ฉันถามอีกครั้ง“ฉันยังมีชีวิตอยู่ไหม” ฉันถามอย่างสงสัย“ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตาย” เขาข้ามถามฉัน และทำให้ฉันน