จิตใจของฉันสับสน เธอทำสิ่งนี้เองหรือไม่? แม่มดสามารถควบคุมอากาศ ไฟ น้ำ และดิน และสามารถสร้างพายุไซโคลนได้เช่นกัน จิเซลล์เป็นแม่มดหรือ ในตอนนั้นความโกรธโหมกระหน่ำในเส้นเลือดของฉัน และฉันก็ยื่นมือออกไปตามลมที่หมุนวน และด้วยพลังทั้งหมดของฉัน ผลักมันออกไปในทิศทางที่จิเซลล์อยู่ ฉันปลดปล่อยตัวเองจากลมนั้น จิเซลล์ล้มลงบนพื้นอย่างแรงขณะที่พายุไซโคลนพัดเข้าใส่เธอ เสียงหัวเราะของเธอหายไปแล้ว“อย่าลืมว่าฉันเป็นแวมไพร์ชั้นสูง และฉันควบคุมพายุไซโคลนได้ เจ้าแม่มดตัวน้อยที่โง่เขลา” ฉันเน้นไปที่คำว่า 'แม่มด' มากขึ้น“อย่าพยายามจะหนี!!!” เธอพูด พลางถอดแหวนเงิน แล้วโยนมาทางฉัน มันขยายตัวใหญ่ขึ้นทันทีที่มันมาโดนตัวฉัน ฉันติดกับดักแล้ว ฉันพยายามจะหนีจากมัน แต่ตอนนี้ฉันขยับไม่ได้“นี่อะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” ฉันสั่งเสียงดัง และยังคงใช้พลังทั้งหมดของฉัน ต่อสู้อย่างหนักเพื่อกำจัดแหวนที่รัดฉันอยู่ “คุณออกไปไม่ได้ จนกว่าฉันจะอนุญาต!! นี่คือแหวนพิเศษที่พลังของมัน สามารถทำให้ร่างของแวมไพร์เป็นอัมพาตได้ และฉันบอกคุณหรือยัง ว่ามันดูดพลังคุณด้วย? เพราะฉะนั้นอย่าพยายามเลย ประหยัดพลังงานไว้ใช้ทีหลัง เพราะยิ่งสู้
ฉันตื่นขึ้นด้วยความตกใจ “เซน” ทำไมฉันถึงได้ฝันแบบนี้? เขาสบายดีไหม ฉันหวังว่าเขาจะสบายดี และมันเป็นแค่ฝันร้ายและไม่มีอะไรอื่นใช่ไหม 'ใช่ เซนต้องสบายดี มันเป็นแค่ความฝัน ฉันฝันร้าย' ฉันพยายามสงบสติอารมณ์และล้มตัวลงนอนต่อบนเตียงฉันกระสับกระส่าย ฉันเดินไปมา ฉันนอนไม่หลับอีกแล้ว ความคิดของฉันยังติดอยู่ที่ความฝันนั้น ด้วยความวิตกกังวลในหัวใน ฉันนั่งลง หัวใจของฉันเต้นผิดปกติ ฉันกดหมายเลขของซูซานด้วยนิ้วที่สั่นๆ“ซูซาน... เซนเค้า...” ฉันโพล่งออกไปทันทีที่เธอรับสาย“เซน อะไรนะ เขากลับมาแล้วเหรอ” เธอถาม.“ไม่” ฉันตอบและบอกเธอทุกอย่างเกี่ยวกับความฝัน ฉันเดาว่าโทรศัพท์ของเธอเปิดลำโพงอยู่ เพราะเสียงต่อมาที่ฉันได้ยินคือเสียงของ เอริค "แบลร์ นั่นไม่ใช่แค่ความฝัน เขาตกอยู่ในอันตรายและพยายามติดต่อคุณผ่านกระแสจิต" ใจฉันเต้นแรงเมื่อได้ยินอย่างนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเขา? เขาตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร? จิตใจของฉันสงสัยความคิดนับพันและตั้งคำถามหลายข้อ“เอริค มีวิธีติดต่อเขาไหม” เสียงของฉันออกมาอ่อนแอ“ให้เวลาเราสองสามนาทีเพื่อถึงบ้านของคุณ” เขาพูดแล้ววางสาย น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อภาพของเซน ในสภาพอ่อนแอนั้น ย
เราแอบดูภายในบ้านผ่านหน้าต่าง ชายคนนั้นหันหน้าไปทางหน้าต่าง เราจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่อีกคนเห็นได้ชัด เธอคือจิเซลล์"ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว" จิเซลล์เถียง "แหวนนั่นมันขังเขาไว้ไม่ได้แล้ว เขาแข็งแรงขึ้นอีก เขากลับมีพลังมากขึ้น เขาฆ่าเจน ลูกพี่ลูกน้องของฉัน และถ้าฉันไม่ได้เอา วูฟส์เบน มาถูตัวเขาละก็ เขาก็คงจะฆ่าฉันเหมือนกัน” ฉันตกใจอย่างมาก และหวังว่าพวกเขาจะไม่ได้กำลังพูดถึงเซน ตอนนี้ชายคนนั้นคำรามด้วยความโกรธ“ฉันเองก็ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ อย่างน้อยก็จนถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันต้องการพลังของเซน ซึ่งจะทำให้ฉันเป็นแม่มดที่แข็งแกร่งและทรงพลังที่สุด แต่ฉันจะทำอย่างไร ฉันต้องฆ่าเซนมันไม่มีทางอื่นแล้ว! " ฉันรู้สึกกระตุกในหัวใจราวกับว่ามีคนทุบมัน เข่าของฉันอ่อนแรง และฉันก็ล้มลงกับพื้น หายใจไม่ออก ซูซาน เอริค และอดัมพูดปลอบโยน แต่ฉันไม่ได้ยิน คำพูดอะไรอีกเลย คำว่า 'ฉันต้องฆ่าเซน' ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า จิตใจของฉันปฏิเสธที่จะทำหรือฟังอะไรเลย“ฟังฉันนะ” ซูซานเขย่าฉันแรงๆ พยายามทำให้ฉันกลับมารู้สึกตัว ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาตายแล้ว ฉันไม่ต้องการ!"นี่มันไม่จริง มันต้องไม่จริง เข
เรารออยู่ข้างนอกบ้านของจิเซลล์ ตั้งแต่บ่าย 3 โมง และในที่สุดเธอก็มาถึงเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ตอนนี้น่าจะเป็นเวลา 18.00 น. เราตามเธอไปจนสุดทาง ไปยังป่าซึ่งมีอีกคนกำลังรอการมาถึงของเธออยู่“เธอรู้ดีว่าฉันอยากฆ่าเขา แล้วเธอมาฆ่าเขาก่อนทำไม!!!!” ชายคนนั้นตะคอกใส่กิเซลล์ ผิวของเขาซีดขาว ตาเป็นสีน้ำตาล “ก่อนจะฆ่าเขา ทำไมเธอไม่ถามใคร?” ชายคนนั้นพูดต่อ เขาสวมกางเกงยีนส์สีดำ และเสื้อเชิ้ตสีเทา“ขอโทษที แต่ฉันไม่จำเป็นต้องขออนุญาตใครก่อนจะทำอะไร ฉันจะในทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับฉัน” เมื่อชายคนนั้นได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนสีจากสีน้ำตาลเป็นสีเหลือง แน่นอนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่แล้วเขาเป็นอะไร? ฉันจำได้ว่าดวงตาของการ์เวียร์ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ไลแคน เขาเป็นไลแคน!!! แต่เขาเกี่ยวอะไรกับเซน? เซนทำผิดอะไรกับเขา? “แต่ฉันจำเป็น ฉันยังไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้เหรอว่า ที่ฉันต้องฆ่าเขาเพื่อช่วยชีวิตตัวเอง” จิเซลล์พูดต่อ ฉันโกรธมาก อยากจะกระโดดลงไปฆ่าทั้งคู่ซะตอนนี้ แต่ต้องอดทนไว้และทำตามแผน“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ฉันอยากเห็นร่างกายของเขา” เขาสั่ง“ตามฉันมา” จิเซลล์พูดโดยไม่รู้ว่า คนๆ นี้ไม่ใช่คนเดีย
“ฉันโง่แค่ไหนนะ ที่มัวเสียเวลารอให้เซนกลายเป็นเลือดบริสุทธิ์ ในเมื่อฉันมีเลือดบริสุทธิ์รออยู่แล้ว” เธอกล่าวต่อ แต่เราเพิกเฉยต่อคำพูดของเธอ และใช้ความเร็วของแวมไพร์ เพื่อราดน้ำมันก๊าดรอบตัวเธอในแบบที่เธอยืนอยู่ตรงกลางวงกลม แน่นอนว่าเธอได้กลิ่นน้ำมันก๊าด แต่เมื่อถึงเวลาที่เธอเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เราก็เร็วพอที่จะโยนไม้ขีดไฟที่ติดไฟไว้บนน้ำมันก๊าด“ไฟ” เธอตื่นตระหนกเมื่อรู้ว่าตอนนี้เธอยืนอยู่กลางวงแหวนแห่งไฟ“ปล่อยฉัน” เธอร้อง“ได้สิ แต่หลังจากเจ้าตาย” ฉันถ่มน้ำลายด้วยความโกรธ“แบลร์?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว จำเสียงของฉันได้ด้วยเหรอ “เธอตายแล้วนี่”“โอ้ เข้าใจแล้ว เซนทำให้คุณกลายเป็นแวมไพร์” เธอพูดตามด้วยเสียงกรีดร้องอีกครั้ง"ขอให้สนุกกับความตายนะแม่มด" เอริคกล่าวเมื่อไฟจับร่างกายของเธอ และผิวหนังของเธอเริ่มไหม้และมีเลือดออก“มันไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอก...ที่จะฆ่าแม่มด” เสียงหัวเราะของเธอดังก้องไปทั่วทั้งบ้าน ก่อนที่เธอจะล้มลงบนพื้นและหลับตาลง เวลาที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรูของคุณ คือเมื่อพวกเขาคาดหวังน้อยที่สุด การทำเช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้หรือป้องก
“ไปที่ห้องของเธอ ... แบลร์” แม่ตะโกนฉันวิ่งขึ้นไปและล็อคตัวเองอยู่ในห้องของฉัน และร้องไห้ออกมา แม่มักจะดุฉันแม้ในความผิดพลาดที่ฉันไม่ได้ทำ เธอไม่เห็นข้อบกพร่องในน้องสาวของฉัน สำหรับเธอ เอธีเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาที่สุด นั่นเพราะเธอไม่เคยเห็นว่าเอธีชั่วร้ายแค่ไหนฉันงดมื้อเย็นและใช้เวลาอีกสองชั่วโมง เพื่อร้องไห้อยู่ในห้องของฉัน ทำไมแม่ไม่เห็นพฤติกรรมโหดร้ายของเอธีที่มีต่อฉัน เธอตะคอกใส่ฉันเพียงคนเดียว แม้กระทั่งกับสิ่งที่เอธีทำลงไป มีเพียงฉันเท่านั้นที่ต้องถูกตำหนิ ไม่มีใครสนใจฉันเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันเป็นคนไม่มีตัวตนที่บ้าน แม่และเอธีมักจะดูหมิ่นฉัน ฉันไม่อยากจะอยู่ที่นี่ ฉันอยากจะหายตัวไป หรือดีกว่านั้น หากฉันตายซะ บางทีพวกเขาอาจจะเห็นคุณค่าของฉันขึ้นมาบ้าง เมื่อตอนที่ฉันจะไม่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาอีกแล้ว ฉันคิดว่าฉันควรวางยาพิษ และยุติชีวิตที่ไร้ค่านี้ แต่มันจะชัดเจนถ้าฉันวางยาพิษให้ตัวเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะรู้ว่าฉันฆ่าตัวตาย และฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น ฉันไม่ต้องการให้ใครเกลียดฉันมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะว่าฉันฆ่าตัวตาย ฉันหวังว่าฉันจะตายในอุบัติเหตุน่าจะดีกว่าแล้วการฆ่าตัวตาย
ฉันเข้าไปในวิทยาเขตของวิทยาลัย และได้ยินนักเรียนโห่ใส่ฉันแล้ว ฉันก้าวขึ้นบันไดโดยไม่สนใจพวกเขาให้มากที่สุด ฉันหยุดหลังจากไปถึงบันได มันยากที่เดินผ่านคนยี่สิบกว่าคนที่โห่ไล่คุณ แต่อย่างน้อยฉันก็ได้ไปตามทางของฉัน และหลังจากวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้ ตอนนี้ฉันก็เหนื่อยจนหายใจไม่ออก ฉันก้มดูสอบนาฬิกาข้อมือและเหลือเวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น สำหรับการบรรยายครั้งแรก และส่วนที่แย่ที่สุดคือลิฟต์ดันมาเสียตอนนี้ และห้องเรียนของฉันอยู่บนชั้นสี่ ฉันต้องรีบถ้าไม่อยากพลาดการบรรยาย ฉันหันไปอีกทางเพื่อขึ้นบันไดและ“โครม...!!!! “ ฉันล้มกระแทกกระพื้นอย่างจัง รอบนี้ฉันเจ็บมากจนต้องใช้เวลาสองสามนาที กว่าจะทำใจกับเสียงหัวเราะของคนที่อยู่ตรงนั้น - มาร์คัส แมคกราธ ตัวร้ายที่สุดในมหาลัย คุณจะสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นคนพาลที่สุด ฉันยืนขึ้นและเริ่มเดินผ่านเขา แต่ความโหดร้ายขวางทางฉันไว้อีก“ออกไปให้พ้นทางของฉัน” ฉันสั่งและผลักเขาอย่างแรง“ฉันเดาว่า การเดินชนเข้ากับคนอื่น คงเป็นงานอดิเรกของเธอ” เสียงนั้นกล่าว แต่นั่น ไม่ใช่เสียงของ มาร์คัสเสียงที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นเคยซะงั้น ฉันหันไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ปิ๊บ…ปี๊บ... ฉันขยับตัวออกไปเพื่อให้รถผ่าน แต่แทนที่รถจะขยัยไปข้างหน้า มันก็หยุดอยู่ข้างๆฉัน กระจกลดลงและวันของฉันเริ่มต้นด้วย รูดท์ “ให้ฉันไปส่งเธอที่วิทยาลัยได้ไหม”ฉันงงกับคำพูดของเขา เขาพูดอย่างนั้นจริงเหรอ? เป็นคนที่เขาถามฉันแบบนั้นจริงๆหรือ? เขาบีบแตรอีกครั้ง"อะไร? อะไรของนาย” ดวงตาของฉันยังคงเบิกกว้าง“ฉันไปเองได้” ฉันพูดแล้วเดินไปข้างหน้า“ถ้าเธอจะเดินไปเองแบบนี้เหรอ มันเสี่ยงที่จะสาย และโดน แฮร์รี่ ดุอีกนะ รู้ใช่ไหม?” ขอบคุณที่เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเยาะเย้ยฉัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขาก็พูดถูก ฉันจะไปสายอีกไม่ได้แล้ว“มาเถอะ ขึ้นมาบนรถ” ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก"มาเร็ว. เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? ฉันเป็นคนขับรถที่ดีนะ ฉันจะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ สัญญา “ฉันตะลึง กับคำพูดนี้ มันออกจากปากเขาจริงหรือ? ยังไงก็ตามฉันไม่อยากสายอีก ฉันเลยตัดสินใจขึ้นไปบนรถ“ทำไมเธอถึงมาทำดีกับฉัน คืออะไร” ฉันถามด้วยความอยากรู้ แต่เขาไม่ได้ตอบอะไรเราเงียบกันตลอดการเดินทาง และฉันคิดแค่ว่า ทำไมรูดท์ต้องแบบนี้ คืออะไร?“ทำไมต้องใช้เส้นทางที่แตกต่างกัน ในเมื่อจุดหมายของเราเหมือนกัน” เข