------
สับสน ในหัวฉันเต็มไปด้วยความสับสนนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก สีหน้าและแววตาของฮ่องเต้ดูไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด จากหนุ่มอินโทรเวิร์ตมักจะเงียบในตอนนี้นัยน์ตากับเปี่ยมไปด้วยความซุกซนขี้เล่น สัมผัสจากฝ่ามือใหญ่ที่รวบข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้เหนือหัวนั้นร้อนผ่าวไม่ต่างอะไรจากหน้าผากเขาเลย หรือเด็กคนนี้จะไม่สบายจริงๆ
"จะ ใจเย็นก่อนฮ่องเต้ เราไม่สบายพี่เข้าใจแต่ช่วยปล่อยพี่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวพี่จะไปเอายาที่ห้องมาให้"
ในตอนนี้คงทำได้แค่เพียงพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของหนุ่มแว่น แต่คนบนร่างของฉันกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใดมีเพียงริมฝีปากที่ค่อยๆ เม้มแรงขึ้น จนขึ้นเลือดขาว
"ผมพูดขนาดนี้แล้วพี่ยังไม่เข้าใจอีกหรอครับ"
ก็เออน่ะสิ! ใครจะไปเข้าใจหรือปกติเวลาที่เด็กนี่ป่วยก็มักจะพูดจาออดอ้อนอ่อนหวานงั้นหรอ ผัวเก่าฉันก็ไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้ตอนป่วยเลยสักครั้ง
"จะเข้าใจได้ไงถ้านายไม่พูด"
ยอมรับตามตรงว่าตอนนี้ฉันเริ่มจะโมโหไอ้เด็กแว่นซะแล้ว เอาแต่คร่อมบนตัวฉันอยู่ได้ หนักก็หนักแถมยังจะมาใช้สายตาแทะโลมใบหน้ากันอีก ก็เข้าใจแหละว่าฉันมันสวยแต่ไม่เห็นจะต้องมองเหมือนจะกลืนกินกันขนาดนี้เลย
"ผมโดนวางยา"
"ห๊ะ!"
จะโดนวางยาได้ไงก็เห็นอยู่ว่ายังปกติทุกอย่าง เว้นแต่ตัวร้อนเท่านั้นเอง
"ผมโดนพ่อตัวเองวางยาปลุกเซ็กส์มา"
"!!!"
นั่นยิ่งทำให้ฉันไม่อยากจะเชื่อเข้าไปใหญ่ แม้จะไม่ได้พูดคุยกับตาแก่นั่นมากมาย แต่จากที่เห็นเขาก็ดูเป็นห่วงเป็นใยลูกชายทุกอย่าง แล้วจะมีพ่อที่ไหนมาวางยาปลุกเซ็กส์ให้ลูกตัวเองกิน ต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
"ผมพูดจริง ตอนนี้ร่างกายผมมันเริ่มไม่ไหวแล้ว"
"ไอ้ที่ไม่ไหวหมายความว่าไงกันแน่!?"
น้ำเสียงของฮ่องเต้สั่นเครือแววตาที่เคยซุกซนเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแววตาดิบเถื่อน ริมฝีปากที่เคยเม้มคล้ายกับกำลังอดกลั้นข่มอารมณ์ข้างในถูกคลายออก เรียวลิ้นแลบเลียชโลมไปทั่วริมฝีปาก ใบหน้าหล่อร้ายเริ่มผุดพรายไปด้วยเม็ดเหงื่อ หรือว่าจะโดนวางยามาจริงๆ
"ผม ผมขอโทษหากไม่มีสติควบคุมร่างกายตัวเอง"
"เฮ้ย ไหวไหมเนี่ยฮ่องเต้ให้พี่พาไปโรงพยาบาลไหม!"
จู่ๆ ก็ทรุดตัวซบหน้าลงที่ช่องว่างระหว่างไหล่และต้นคอของฉัน ลมหายใจร้อนรุ่มคล้ายกับข้างในมีเพลิงไฟยังไงอย่างนั้น ฉันไม่รู้จะทำยังไงตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะเคยพบเคยเห็นคนถูกวางยาปลุกเซ็กส์เป็นครั้งแรก แต่ก็พอจะรู้จากการที่ได้อ่านนิยายมาบ้างถึงจะใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ก็เถอะ
"นี่ขยับตัวให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่จะไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้"
"อึก"
ร่างใหญ่ของหนุ่มเนิร์ดยังคงนอนแน่นิ่งไม่ขยับ แม้ฉันจะพยายามยันแขนทั้งสองข้างให้ถอยห่างจากตัวก็เถอะ แต่ด้วยขนาดตัวที่ค่อนข้างห่างกันมาก คนบนร่างจึงไม่ขยับไปตามแรงของฉันเลย
"โอ๊ยหนัก!"
"พี่เปีย...ซีเปีย"
"อึก"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกชื่อฉันแหบพร่า ฝ่ามือใหญ่เริ่มขยับเข้ามาจับที่ข้อมือทั้งสองข้างของฉันอีกครั้งโดยที่ใบหน้ายังไม่ขยับออกจากลำคอ ไอ้หนุ่มแว่นจะรู้บ้างไหมนะว่าเสียงโทนต่ำทำใจแม่หม้ายสั่นระริกมากแค่ไหน
"นะ นี่ไหวไหมเนี่ย"
"ผมขอได้ไหม"
"ขะ ขออะไร"
"ขอเอาพี่ได้ไหม"
"!!!"
อกอีแป้นจะแตก! ไม่ได้มีอะไรกับผู้ชายมาตั้งนานจนคิดว่าตัวเองซังกะตายกับเรื่องบนเตียงไปแล้วซะด้วยซ้ำ แต่คำขอร้องของฮ่องเต้ทำเอาฉันเสียววาบไปทั่วทั้งท้องน้อยหายใจติดขัด ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปทั่วร่างกาย แต่ความจริงกลับตบเข้าหน้าฉันอย่างจังเพราะสถานะของฉันและพ่อหนุ่มแว่นไม่ใช่แค่เพียงชายหญิง แต่คือเจ้าของหอและลูกหอ ฉันคงจะให้เจ้าเด็กก้าวข้ามเส้นตายไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
"ไม่ได้ พี่ไม่อยากให้สถานะของเรามันเกินไปมากกว่าเจ้าของหอและลูกหอ"
"ผมสัญญาว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร อือ~ และผมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่พี่ต้องการ"
เสียงกระเส่าหลุดออกมาระหว่างบทสนทนา ฉันรับรู้ได้เลยว่าฮ่องเต้กำลังข่มอารมณ์ตัวเองมากแค่ไหน ทั้งที่ความจริงแล้วเขาจะขืนใจฉันในตอนนี้เลยก็ได้ แต่เขาเลือกที่จะถามความสมัครใจของฉันก่อน มันยิ่งทำให้ฉันสับสนกับตัวเอง
"พี่ว่า...!"
ลมหายใจอุ่นขยับเข้ามาใกล้ลำคอฉันมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจุดตายของฉันคือตรงลำคอ ไม่ได้! ฉันจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
"พี่เปียครับ ช่วยเต้ด้วย~"
"กึด!!"
กัดฟันข่มคำพูดที่เกิดจากหัวใจเอาไว้ ร่างกายฉันมันก็แค่ไม่เคยได้ร่วมหลับนอนกับชายคนไหนมาก่อน พอมาเจอฮ่องเต้มันก็แค่อยากตอบสนองเพราะเกิดคิดถึงช่วงเวลาแสนสยิวเท่านั้นเอง หากใช้สมองคิดหลังจากที่ฉันมีอะไรกับฮ่องเต้ สถานะความคิดและการมองของเราทั้งสองจะเปลี่ยนไปในทันที ฉันกลัวว่าตัวเองจะพลั้งเอาใจลงไปเล่นกับความสนุกเพียงชั่วข้ามคืน ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
"ยะ..."
"ซีเปีย~ เต้ไม่ไหวแล้ว ซี๊ด~ ขอได้ไหมครับ เต้ขอจิ้มหน่อยนะ"
"ตกลงค่าา!"
อีเปียเอ๊ย!! พูดตั้งมากมายความหมายคือตกลงค่ะ
----------
-------"อ๊า!! ซี๊ดด~" พึ่งรู้ว่าลิ้นสวรรค์ที่ทำด้วยลิ้นมันเป็นอย่างไง ทันทีที่ปลายลิ้นร้อนฉ่ามันตวัดโดนเข้ากับเม็ดส้ม ในหัวฉันมันขาวโพลนไปหมดหูอื้อตาลอยจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองประคองเอวไว้มั่น สายตาที่มองขึ้นมาจากหน้าท้องระหว่างกลางเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ซุกซน เสียวชนิดที่ฉันครางออกมาเสียงดังแบบไม่อาย ลิ้นตวัดลากผ่านกลีบส้มบดขยี้จุดกึ่งกลางแม่นยำ "อ๊า~ พี่เสียว ชะ ช้าๆ หน่อยได้ไหม" ไม่ไหว ฉันทรงตัวไม่ไหวอีกแล้ว ร่างกายอ่อนแรงและร้อนรุ่มไปหมด เพียงพริบตาเดียวลิ้นเด้าขยี้เม็ดส้มจนน้ำหวานหลั่งออกมาเยิ้มเปรอะรอบบริเวณปาก "อะ อ๊างงง!" "จ๊วบ! อ่า" ร่างกายมันกระตุกไม่หยุด ร่างฉันร่วงลงไปนอนกองข้างกายฮ่องเต้ ไม่ทันที่จะหายเหนื่อยกลับโดนกวาดข้อเท้าไปบริเวณปลายเตียง ถูกจับเรียวขาพาดลงบนไหล่กว้าง ไม่ถูกตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างของฮ่องเต้เปลือยเปล่า ก้มมองไปอีกทีก็็เห็นเข้ากับไอ้กล้วยปีศาจที่มันผงาดใหญ่ชี้หน้าอยู่ก่อนแล้ว "พร้อมรับรักของผมหรือยังครับ" "มะ ไม่! ซี๊ด~"คำพูดของฉันถูกกลืนลงคอ เมื่อเอวหนากระแทกดันกล้วยปีศาจเข้ามาลึกสุดลำ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมลงมากุมเต้าทั้งสองของฉันสลับไปม
-------"นี่จะพาพี่ไปไหน?"ผ่านเหตุการณ์วุ่นววายไปได้ไม่ถึงสามวัน จู่ๆ ก็ถูกลากให้มาขึ้นรถ โดยฉันไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทางแม้แต่น้อย รถถูกขับออกมาสักพักคนด้านหลังพวงมาลัยได้เอ่ยขึ้น"ผมจะไปดูที่บ้านหน่อยน่ะ เมื่อวานครอบครัวนั้นพึ่งย้ายออกไป""อ่าอื้ม"ฉันเข้าใจดีถึงสภาพจิตใจในช่วงนี้ของฮ่องเต้ จึงพยายามไม่ซักถามมากมายนอกซะจากเจ้าตัวจะเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเอง รถถูกขับเข้ามายังบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา โดยมีเหล่าแม่บ้านสวมชุดยูนิฟอร์มเหมือนกันยืนเรียงแถวเตรียมตัวต้อนรับ ฉากนี้เหมือนในหนังไม่มีผิดต้องรวยเบอร์ไหนถึงได้มีแม่บ้านเยอะขนาดนี้?"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณฮ่องเต้""อื้ม"ผู้ชายคนหนึ่งยืนหัวแถวในชุดสูทสีดำเหมือนกับพ่อบ้านในนิยาย พอมองดูตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขายาวรองเท้าแตะทำเอาอาย นี่ฉันมาทำอะไรที่คฤหาสน์หลังนี้กันเนี่ย!"คุณยายมาหรือยัง""ครับ คุณหญิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารได้สักครู่แล้ว""!!!"รอในห้องอาหาร! ไอ้เด็กบ้านี่ไม่เห็นจะบอกกันสักคำว่าจะมาทานข้าวกับคุณยาย ฉันจึงหยิกเข้าที่เอวไปที"โอ๊ย!""เป็นอะไรครับคุณฮ่องเต้!!"ผู้ชายในเสื้อสูทเตรียมจะวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
--------------"คุณแม่จะขอบใจมันทำไมครับ ในเมื่อฮ่องเต้ต้องจ่ายเงินค่าหอพักให้ทุกเดือนอยู่แล้ว"จากความสดใสแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดเพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณยายเหือดแห้งหายไปมีเพียงสายตาเย็นชาจ้องมองใบหน้าของอดีตลูกเขยตัวเอง"นอกจากจะไม่พัฒนาแล้ว ระบบแยกแยะความคิดในสมองของแกคงจะด้อยลงไปด้วยสินะ""คุณแม่พูดแบบนี้ได้ไงครับ!""เตวิชนี่แกไม่รู้จริงๆ หรอว่าตัวเองทำอะไรลงไป"เสียงเย็นชาแววตาไร้เยื่อใยของคุณยายทำเอาสองสามีภรรยาได้แต่นั่งนิ่งกัดฟันแน่นไม่ได้ตอบสิ่งใด คงพอรู้อยู่แก่ใจตัวเอง"เรื่องที่แกเที่ยวไปป่าวประกาศว่าจะขึ้นเป็นเจ้าของโรงแรม ไหนจะเอาชื่อของลูกชายไปขายว่าจะยกให้กับคนนั้นคนนี้อีก แกยังมีความเป็นพ่ออยู่ในตัวแกไหม""ผะ ผมพูดผิดตรงไหนเพราะโรงแรมสาขาหลัก คุณแม่ก็ตั้งใจจะยกให้กลับฮ่องเต้อยู่แล้ว""นี่แกโง่ถึงขนาดไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูดเลยหรือไง ฉันจะยกโรงแรมให้กับหลานชายไม่ใช่พ่อของหลานชายสักหน่อย""ตะ แต่ถึงแบบนั้นฮ่องเต้ก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลโรงแรมหรอกครับ ใช่ไหมลูก"มองจากนอกโลกยังรู้ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่หันมาถามฮ่องเต้มันแฝงไปด้วยความกดดันบีบบังคับมากแค่ไหน โ
--------------- ผั๊วะ!!! "อั๊ก!!!" "เต้ใจเย็น!" ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีฮ่องเต้ประชิดตัวของไอ้เด็กเปรต กำปั้นต่อยเข้าที่มุมปากอย่างจังจนคราวนี้มันล้มลงไปนอนกองที่พื้น หมดสติมุมปากเยิ้มไปด้วยเลือดสีแดงฉ่า เห็นท่าไม่ดีฉันเร่งเข้าไปขวางทางไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้เด็กคนนั้นอีก "กรี๊ดดด!! มัวชักช้าอยู่ได้ไม่เห็นหรือไงว่า ตะวันของฉันสลบไปแล้ว" เสียงยัยแม่เลี้ยงฟิลเลอร์หนาดังขึ้นมาพร้อมกับวิ่งถลาเข้ามาประคองร่างลูกชายบนพื้น ตามมาด้วยร่างของคนเป็นพ่อแต่แปลกที่ในสายตาของตาแก่ไม่ได้สนใจลูกชายที่มาจากสายเลือดของตัวเองเลยสักนิด กลับไปประคองร่างของลูกใครก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าและสายตาที่ห่วงใย "พ่อขอโทษตะวันพ่อผิดเองที่มาช้า! ตะวันเป็นอะไรตอบพ่อสิ" "เป็นเพราะแกไอ้ฮ่องเต้! แกทำตะวันลูกฉันทำไม!!" สายตายายแม่เลี้ยงตวัดมองฮ่องเต้ราวกับเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ไม่ต่างอะไรจากสายตาของพ่อแท้ๆ ทำเอาฮ่องเต้เสียหลักได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้าไม่กล้าตอบโต้สิ่งใด ในฐานะเมียฉันจะไม่ยอมให้ใครมาว่าคนของฉันเด็ดขาด "นี่ป้าแก่จนสายตาสั้นไปแล้วหรือไง มองไม่เห็นหรอ ว่าคนที่เข้ามาหาเรื่องก่อนคือลูกชายป้า" "ใค
-------"ช่วงนี้ทองกำลังขึ้นคงต้องไปรื้อหาทองไปขายบ้างซะแล้ว อย่างน้อยก็เอาไปลงทุนทำธุรกิจทางอื่นเผื่อจะงอกเงยมาได้บ้าง" เห็นแบบนี้ฉันก็มีทองเก็บกับเขาเหมือนกันนะ ไหนจะเงินสดและโฉนดที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง เพราะหลังจากที่ผัวเก่าฉันตายไปฉันก็ได้ทำธุรกิจอยู่หลายอย่างกับเพื่อนมีเจ๊งไปบ้างได้ไปต่อบ้างแต่ที่หลักๆ ก็เห็นจะเป็นหอพักแห่งนี้นี่แหละ วันนี้เองก็เป็นวันปกติธรรมดาอย่างทุกวัน หลังทำกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อย ฉันมานั่งดูซีรีส์ที่โซฟาตัวเดิมซึ่งเป็นมุมโปรดในการใช้ชีวิตของทุกวัน แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันเห็นจะเป็นฮ่องเต้ หนุ่มแว่นสุดฮอตที่กำลังดังในหออยู่ตอนนี้ ที่บอกว่าดังก็เพราะว่ามีเด็กในหอเริ่มพูดคุยถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฮ่องเต้มากขึ้น อาจจะเห็นว่าฮ่องเต้เข้ามาหาฉันที่ห้องอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็นอนค้างคืนบางครั้งก็เข้ามาในช่วงกลางดึก จนถึงขนาดมีข่าวลือว่าฉันชอบหนุ่มแว่นทรงตี๋ไปแล้ว ก็นะฉันไม่ปฏิเสธยอมรับว่าตอนนี้ติดใจหนุ่มแว่นเข้าแล้วเต็มเปา "เจ๊ซีเปีย! เจ๊อยู่ไหม!!" เสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังเข้ามาในห้องพักของฉัน เสียงนี้เป็นเสียงของลูกหอข
------"มะ ไม่นะฟังพี่กะ ก่อน!!!" ผมจะมองจากตรงไหนก่อนดีไม่ว่าจะหน้าตาลำคอเนินอกทุกส่วนล้วนต้องตาต้องใจ อันที่จริงผมเริ่มรู้สึกได้ตั้งแต่ที่ปลายนิ้วของพี่เปียลูปผ่านชั้นในตัวบางจนไอ้กล้วยปีศาจมันเริ่มผยองเดชขึ้นมา ความเสียวเริ่มผันแปรเป็นความปวดร้าว ผมปวดหนึบไปทั่วทั้งลำเหมือนกับว่ากล้วยปีศาจมันพร้อมจะระเบิดตัวเองได้ทุกเมื่อ และที่ทำให้ผมแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็ตอนที่ถูกพี่เปียขึ้นครูขย่มเอง จังหวะที่กลีบส้มของเธอเคลื่อนตัวไปมาแนบชิดกับไอ้กล้วยปีศาจทำเอาผมแทบคลั่ง ผมพยายามกำผ้าปูที่นอนข่มอารมณ์ตัวเองไว้กลัวว่าจะไปขัดจังหวะถึงขอบสวรรค์ของพี่เปีย จนในตอนนี้ได้เวลาผมเอาคืนบ้างแล้ว "จะให้ผมฟังอะไรอีกครับ ในเมื่อหลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้" ผมก้มมองลงดูไอ้กล้วยปีศาจที่ขณะนี้ลำของมันเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวาน ไม่ต่างอะไรกับกลีบส้มอวบอิ่มของพี่เปียเลย "พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ ทั้งหมดก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง" "หื้ม? อารมณ์ชั่ววูบแต่เสร็จคาไอ้กล้วยเลยนี่นะครับ" ผมเลิกคิ้วยกยิ้มมุมปากรอดูคำพูดเฉไฉของเจ้าของหอ ร่างบางกระอึกกระอักไม่พูดอะไรแถมยังเบือนหน้าหันหนีจากสายตาผมอีก "หึ คงต้องง้าง