กฏของหอพักคือห้ามจ่ายค่าห้องเกินกำหนด เป็นกฏที่นักศึกษาชายย่อมรู้ดี "จ่ายมาซะดีๆ ก่อนที่เจ๊จะ..." "ลองดูสิครับเจ๊ อยากรู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ลูกหอกลัวเจ๊กันขนาดนั้น" "พะ พอเถอะนะเต้ อ๊าย!!!"
View More--------
"โอ๊ย! จะมาตัดราคาค่าห้องกันแบบนี้ก็ไม่ไหวหรอกนะ แกพึ่งจะมาเปิดหอพักไม่เท่าไหร่อย่าทำเป็นอวดดีหน่อยเลย"
"แหม่ ใครกันแน่ที่ตัดราคาเอาเปรียบเด็กมัน ไม่ใช่ป้าหรือไง ราคาค่าห้องแพงอย่างกับอยู่ในเมืองทั้งที่อยู่ชานเมือง ไหนจะค่าไฟค่าน้ำอีก"
"เหอะ! มีความสุขมากสิท่า ผัวตายเอาเงินประกันผัวมาเปิดหอพักผู้ชาย ทำไมมันคันมากเลยนักหรือไง!!"
"เอ้าอีป้า! พูดแบบนี้ก็สวยสิ"
"ใจเย็นก่อนเจ๊เปีย!!!"
ใครจะไปเย็นไหวจู่ๆ ก็มีอีป้าเจ้าของหอพักที่อยู่ท้ายซอยเดินเข้ามาหาเรื่องกันถึงที่ แหกปากโวยวายเสียงดังจนลูกหอของฉันแตกตื่นพากันเดินออกมาดู ดีที่มีเด็กในหอเข้ามากระชากรั้งตัวฉันเอาไว้ ไม่งั้นอีป้าปากดีคงได้โดนตบสักทีสองที
"ทำไมพูดแทงใจดำเข้าหน่อยถึงกลับโมโห หรือว่าไม่จริงคนรู้จักแกเขาก็พูดกันทั้งนั้นว่าทันทีที่ผัวแกตาย แกก็หอบเงินออกจากบ้านผัวมาทำหอพักอยู่ที่นี่ ไม่ติดต่อกลับไปถามสารทุกข์สุกดิบของครอบครัวทางฝั่งผัวบ้างเลย กะจิตกะใจแกทำด้วยอะไรกัน"
"เหอะ! คนที่ต้องพูดคำนั้นคือทางนี้ต่างหาก แล้วป้ามาสาระแนอะไรเรื่องของชาวบ้านไม่ทราบ นั่นมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ถ้าคุณไม่มาสาระแนเสือกอยากรู้ ก็คงไม่รู้เรื่องดีขนาดนี้หรอก"
"หน็อย! อีเด็กเวร!!"
"อย่าดีแต่เห่าแน่จริงเดินเข้ามาดิ แม่จะตบให้หงอกกระเด็นหมดหัวเลยคอยดู!!"
"เจ๊เปียใจเย็น!"
"ใจเย็นก่อนเจ๊"
อีป้าเอาแต่ยืนเห่าอยู่นอกประตูรั้วไม่กล้าเดินเข้ามา เบะปากกอดอกดูเชิง ก่อนจะมาคงจะไปตามสืบอดีตของฉันมาไม่น้อย เพราะบ้านของผัวเก่าอยู่ต่างจังหวัด แถมพวกญาติพี่น้องของผัวยังเที่ยวมาตามวอแวของเงินประกันของผัวจากฉันอยู่บ่อยๆ ด้วยที่ผัวฉันรับราชการตำรวจไหนจะเงินประกันจากส่วนอื่น รวมแล้วก็ได้ร่วมหลักสิบล้าน และไม่ใช่ว่าฉันจะใจไม้ไส้ระกำไม่แบ่งเงินให้พ่อกับแม่ผัว ก่อนจะออกมาฉันแบ่งเงินไปให้ท่านทั้งสองแล้ว แต่ก็โดนลูกหยิบยืมจนหมดตัวสุดท้ายก็หันหัวเรือกลับมาที่ฉันเหมือนเดิม
"คนเนรคุณอย่างแกอีกไม่นานเดี๋ยวก็เจ๊ง ส่วนพวกหนุ่มๆ ป้าบอกไว้เลยนะ อยากเที่ยวชะล่าใจให้แม่หม้ายผัวตายอย่างมันเชียวนะ วันดีคืนดีอาจจะถ้ำมองเปิดประตูเข้าไปทำไม่ดีไม่ร้ายพวกพ่อหนุ่มก็ได้"
"!!!"
"หน็อย! ใครจุดธูปเรียกให้มาไม่ทราบ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!!"
รองเท้าแตะถูกเขวี้ยงทั้งที่เท้ายังสวมใส่อยู่ มันลอยเคว้งไปทางยายป้ามหาภัย บังอาจมาทำให้ลูกหอฉันแตกตื่นซะได้ โดนแค่นี้ยังน้อยไปอีพวกมนุษย์ป้า
"ว๊าย! ดูไว้เถอะกิริยามารยาทสถุนต่ำแบบนี้ ป้าบอกไว้ก่อนนะถ้าย้ายจากหออีแม่หม้ายคนนี้ ป้าจะลดค่าหอให้สามเดือน!!"
"ยังพูดมากอีก! อยากโดนถอนหงอกจริงๆ ใช่ไหมอีป้า!!"
"ว๊าย!!!"
เห็นท่าทีฉันดิ้นหลุดจากเด็กในหอ อีป้าปากขยะรีบวิ่งแจ้นกลับไปทางหอพักตัวเองทันที
"อีแก่! ถ้ามาอีกครั้งนะ จะจับถอนหงอกให้หมดหัวเลย!!"
ฉันไม่สนสายตาของใครทั้งนั้น ความโกรธมันสุมในอกเต็มไปหมด ยังคงออกไปยืนกลางถนนเพื่อด่ากราดยัยป้ามหาภัยจนมันเดินเข้าหอพักตัวเองไปในที่สุด เมื่อหันกลับเข้ามาในหอพัก ก็พบว่าเด็กในหอยืนมองฉันอยู่ก่อนแล้ว
"ไม่ต้องไปสนใจยัยป้าคนนั้นนักหรอก มันก็แค่เสียผลประโยชน์เลยมาโวยวาย"
"อะ อ๋อครับ"
"แต่ป้าเขาก็ทำเกินไปจริงๆ นะ ทั้งค่าห้องที่แพง ไหนจะค่าน้ำค่าไฟอีก รุ่นพี่ผมเคยไปพักที่หอของป้าแกยังไม่ทันจะครบสามเดือนก็ต้องย้ายออกแล้ว เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าห้อง"
"ใช่ ต่อให้หอของป้าแกจะเป็นห้องแอร์ก็เถอะ แต่ผมขออยู่หอของเจ๊เปียจะดีกว่า"
ได้ฟังเด็กๆ พูดก็ชื่นใจ ฉันชื่อ ซีเปีย หรือที่เด็กในหอเรียกว่า เจ๊เปีย นั่นแหละด้วยที่ฉันก็เคยผ่านช่วงมหาลัยมาเหมือนกัน เงินที่พ่อกับแม่ให้มาเรียนก็น้อยนิดไหนจะค่าหอ ค่ากิน ค่ารถ กว่าจะผ่านช่วงมหาลัยมาได้เอาซะเหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะเงินไม่พอจึงต้องหารับจ้างไปเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านเหล้าแทบทุกคืน ฉันเลยปฏิญาณกับตัวเองว่าหากได้ทำธุรกิจจะเปิดหอพักในราคาย่อมเยาที่เหล่าเด็กๆ สามารถเอื้อมถึง แต่กว่าจะได้เริ่มทำธุรกิจนี้ก็อายุเข้าเลขสามไปแล้วแถมผัวยังมาตายหนีจากไปอีก ถึงจะเหงาไปหน่อยแต่ก็ยังมีพวกเด็กๆ ในหอคอยแวะเวียนเข้ามาพูดคุยถามไถ่ให้พอหายเหงา
"ขอบใจทุกคนแล้วกัน อย่าลืมจ่ายค่าห้องให้ตรงเวลากันด้วยนะจ๊ะเด็กๆ ไม่งั้นอาจจะมีการเรียกเก็บคิดดอกในช่วงกลางดึกเอานะ"
"!!!"
พวกหนุ่มๆ ถึงกับมองหน้ากันด้วยความตกใจ ทั้งหมดก็เพราะข่าวลือไม่มีมูลที่จู่ๆ ก็พูดขึ้นมากลางหอนั่นแหละ ข่าวลือที่ว่าหากไม่จ่ายค่าหอพักให้ตรงเวลา จะถูกเจ้าของหอซึ่งก็คือฉันไปตามเก็บดอกถึงบนเตียง ทำให้เหล่าลูกหอต่างก็แตกตื่นหวาดระแวงเพราะกลัวว่าจะโดนขืนใจจากแม่หม้ายอย่างฉัน แม้จะยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวแต่ก็พอจะเดาออก ก็คงไม่พ้นยัยป้ามหาภัยท้ายซอย เพราะยัยป้านั่นมักจะหาเรื่องใส่สีตีไข่ให้คนเข้าใจผิดฉันอยู่บ่อยๆ ถึงแบบนั้นฉันก็ไม่ได้ถือโทษโกรธอะไรหรอกนะ ดีซะอีกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยที่จะตาม
"เอาล่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเจ๊กลับห้องก่อนนะ มีอะไรก็ไปเรียกเจ๊ที่ห้องได้เสมอ บายจ้ะหนุ่มๆ"
เดินออกมาเพื่อที่จะเข้าห้องไปสงบสติอารมณ์ต่อ ปล่อยให้เหล่าหนุ่มๆ ได้พูดคุยกัน
"อย่าบอกนะว่าเรื่องที่เจ๊จะไปตามถึงห้องเป็นเรื่องจริง!?"
"กูก็ไม่รู้เห็นรุ่นพี่ที่เคยอยู่พูดกัน แต่นี่เจ๊ก็พูดเองเลยนะเว้ย หรือจะเป็นความจริง?"
"จริงไม่จริงกูก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กูไม่กล้าเบี้ยวค่าหอว่ะ อีกอย่างค่าหอของเจ๊แกก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่ด้วย จ่ายได้ก็จ่ายเถอะ"
"เฮ้ยแต่กูว่าลองระบบหน่อยก็ดีนะเว้ย เจ๊ซีเปียสวยซะขนาดนั้น หุ่นดีอย่างกับแม่เล้า อือหือ ถ้าได้ลองเทสระบบคงติดใจแหง"
"มึงเล่นคนเดียวเถอะ รู้จักเจ๊เขาน้อยเกินไปนะสิ มึงไม่เห็นหรอว่าในซอยนี้ไม่มีใครกล้าต่อกรกับยัยป้าท้ายซอยเลยสักคน นอกซะจากเจ๊เปีย เท่านี้ก็รู้แล้วไม่วะว่าเจ๊แกโหดแค่ไหน"
"เออว่ะกูลืมไปซะสนิทเลย"
"ทางที่ดีอย่าไปยุ่งจะดีกว่า อย่างที่เขาว่ากุหลาบยิ่งสวยยิ่งหนามคม"
"แหม่ เจ้าบทเจ้ากลอนเลยนะมึง"
"ฮ่าฮ่า ไปเล่นบาสกันต่อดีกว่าคืนนี้กูมีอ่านหนังสือสอบ"
"เออต่อดิ"
"..........."
ดีแล้ว เข้าใจแบบนั้นแหละดีแล้วเด็กๆ เพราะฉันในตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะมีใครเหมือนกัน แม้ความรักเก่าจะจบลงไปนานหลายปี ก็ยังคงเบื่อและเหนื่อยกับความรัก เพราะฉันไม่อยากเจ็บปวดเหมือนตอนที่ผัวตายแล้วไงล่ะ
---------
เรื่องใหม่มาแล้วว ชอบอ่านแนวนี้กระซิบบอกไรท์หน่อยนะฮะ ^^
ฝากกดใจ กดติดตามเพื่อไม่พลาดเรื่องใหม่ ๆ ไปฟินกันต่อในตอนต่อไป...
ที่สำคัญ! อย่าลืม คอมเม้น เพื่อเป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวน้อยคนนี้ด้วยนะฮะ 🤨💗
-------"อ๊า!! ซี๊ดด~" พึ่งรู้ว่าลิ้นสวรรค์ที่ทำด้วยลิ้นมันเป็นอย่างไง ทันทีที่ปลายลิ้นร้อนฉ่ามันตวัดโดนเข้ากับเม็ดส้ม ในหัวฉันมันขาวโพลนไปหมดหูอื้อตาลอยจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองประคองเอวไว้มั่น สายตาที่มองขึ้นมาจากหน้าท้องระหว่างกลางเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ซุกซน เสียวชนิดที่ฉันครางออกมาเสียงดังแบบไม่อาย ลิ้นตวัดลากผ่านกลีบส้มบดขยี้จุดกึ่งกลางแม่นยำ "อ๊า~ พี่เสียว ชะ ช้าๆ หน่อยได้ไหม" ไม่ไหว ฉันทรงตัวไม่ไหวอีกแล้ว ร่างกายอ่อนแรงและร้อนรุ่มไปหมด เพียงพริบตาเดียวลิ้นเด้าขยี้เม็ดส้มจนน้ำหวานหลั่งออกมาเยิ้มเปรอะรอบบริเวณปาก "อะ อ๊างงง!" "จ๊วบ! อ่า" ร่างกายมันกระตุกไม่หยุด ร่างฉันร่วงลงไปนอนกองข้างกายฮ่องเต้ ไม่ทันที่จะหายเหนื่อยกลับโดนกวาดข้อเท้าไปบริเวณปลายเตียง ถูกจับเรียวขาพาดลงบนไหล่กว้าง ไม่ถูกตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างของฮ่องเต้เปลือยเปล่า ก้มมองไปอีกทีก็็เห็นเข้ากับไอ้กล้วยปีศาจที่มันผงาดใหญ่ชี้หน้าอยู่ก่อนแล้ว "พร้อมรับรักของผมหรือยังครับ" "มะ ไม่! ซี๊ด~"คำพูดของฉันถูกกลืนลงคอ เมื่อเอวหนากระแทกดันกล้วยปีศาจเข้ามาลึกสุดลำ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมลงมากุมเต้าทั้งสองของฉันสลับไปม
-------"นี่จะพาพี่ไปไหน?"ผ่านเหตุการณ์วุ่นววายไปได้ไม่ถึงสามวัน จู่ๆ ก็ถูกลากให้มาขึ้นรถ โดยฉันไม่รู้ถึงจุดหมายปลายทางแม้แต่น้อย รถถูกขับออกมาสักพักคนด้านหลังพวงมาลัยได้เอ่ยขึ้น"ผมจะไปดูที่บ้านหน่อยน่ะ เมื่อวานครอบครัวนั้นพึ่งย้ายออกไป""อ่าอื้ม"ฉันเข้าใจดีถึงสภาพจิตใจในช่วงนี้ของฮ่องเต้ จึงพยายามไม่ซักถามมากมายนอกซะจากเจ้าตัวจะเป็นคนเอ่ยปากพูดออกมาเอง รถถูกขับเข้ามายังบ้านหลังใหญ่สีขาวสะอาดตา โดยมีเหล่าแม่บ้านสวมชุดยูนิฟอร์มเหมือนกันยืนเรียงแถวเตรียมตัวต้อนรับ ฉากนี้เหมือนในหนังไม่มีผิดต้องรวยเบอร์ไหนถึงได้มีแม่บ้านเยอะขนาดนี้?"ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณฮ่องเต้""อื้ม"ผู้ชายคนหนึ่งยืนหัวแถวในชุดสูทสีดำเหมือนกับพ่อบ้านในนิยาย พอมองดูตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนขายาวรองเท้าแตะทำเอาอาย นี่ฉันมาทำอะไรที่คฤหาสน์หลังนี้กันเนี่ย!"คุณยายมาหรือยัง""ครับ คุณหญิงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารได้สักครู่แล้ว""!!!"รอในห้องอาหาร! ไอ้เด็กบ้านี่ไม่เห็นจะบอกกันสักคำว่าจะมาทานข้าวกับคุณยาย ฉันจึงหยิกเข้าที่เอวไปที"โอ๊ย!""เป็นอะไรครับคุณฮ่องเต้!!"ผู้ชายในเสื้อสูทเตรียมจะวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น
--------------"คุณแม่จะขอบใจมันทำไมครับ ในเมื่อฮ่องเต้ต้องจ่ายเงินค่าหอพักให้ทุกเดือนอยู่แล้ว"จากความสดใสแปรเปลี่ยนเป็นความอึดอัดเพียงชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณยายเหือดแห้งหายไปมีเพียงสายตาเย็นชาจ้องมองใบหน้าของอดีตลูกเขยตัวเอง"นอกจากจะไม่พัฒนาแล้ว ระบบแยกแยะความคิดในสมองของแกคงจะด้อยลงไปด้วยสินะ""คุณแม่พูดแบบนี้ได้ไงครับ!""เตวิชนี่แกไม่รู้จริงๆ หรอว่าตัวเองทำอะไรลงไป"เสียงเย็นชาแววตาไร้เยื่อใยของคุณยายทำเอาสองสามีภรรยาได้แต่นั่งนิ่งกัดฟันแน่นไม่ได้ตอบสิ่งใด คงพอรู้อยู่แก่ใจตัวเอง"เรื่องที่แกเที่ยวไปป่าวประกาศว่าจะขึ้นเป็นเจ้าของโรงแรม ไหนจะเอาชื่อของลูกชายไปขายว่าจะยกให้กับคนนั้นคนนี้อีก แกยังมีความเป็นพ่ออยู่ในตัวแกไหม""ผะ ผมพูดผิดตรงไหนเพราะโรงแรมสาขาหลัก คุณแม่ก็ตั้งใจจะยกให้กลับฮ่องเต้อยู่แล้ว""นี่แกโง่ถึงขนาดไม่เข้าใจความหมายที่ฉันพูดเลยหรือไง ฉันจะยกโรงแรมให้กับหลานชายไม่ใช่พ่อของหลานชายสักหน่อย""ตะ แต่ถึงแบบนั้นฮ่องเต้ก็ยังไม่พร้อมที่จะดูแลโรงแรมหรอกครับ ใช่ไหมลูก"มองจากนอกโลกยังรู้ทั้งแววตาและน้ำเสียงที่หันมาถามฮ่องเต้มันแฝงไปด้วยความกดดันบีบบังคับมากแค่ไหน โ
--------------- ผั๊วะ!!! "อั๊ก!!!" "เต้ใจเย็น!" ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เพียงเสี้ยววินาทีฮ่องเต้ประชิดตัวของไอ้เด็กเปรต กำปั้นต่อยเข้าที่มุมปากอย่างจังจนคราวนี้มันล้มลงไปนอนกองที่พื้น หมดสติมุมปากเยิ้มไปด้วยเลือดสีแดงฉ่า เห็นท่าไม่ดีฉันเร่งเข้าไปขวางทางไม่ให้ฮ่องเต้เข้าใกล้เด็กคนนั้นอีก "กรี๊ดดด!! มัวชักช้าอยู่ได้ไม่เห็นหรือไงว่า ตะวันของฉันสลบไปแล้ว" เสียงยัยแม่เลี้ยงฟิลเลอร์หนาดังขึ้นมาพร้อมกับวิ่งถลาเข้ามาประคองร่างลูกชายบนพื้น ตามมาด้วยร่างของคนเป็นพ่อแต่แปลกที่ในสายตาของตาแก่ไม่ได้สนใจลูกชายที่มาจากสายเลือดของตัวเองเลยสักนิด กลับไปประคองร่างของลูกใครก็ไม่รู้ด้วยสีหน้าและสายตาที่ห่วงใย "พ่อขอโทษตะวันพ่อผิดเองที่มาช้า! ตะวันเป็นอะไรตอบพ่อสิ" "เป็นเพราะแกไอ้ฮ่องเต้! แกทำตะวันลูกฉันทำไม!!" สายตายายแม่เลี้ยงตวัดมองฮ่องเต้ราวกับเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ ไม่ต่างอะไรจากสายตาของพ่อแท้ๆ ทำเอาฮ่องเต้เสียหลักได้แต่ยืนนิ่งก้มหน้าไม่กล้าตอบโต้สิ่งใด ในฐานะเมียฉันจะไม่ยอมให้ใครมาว่าคนของฉันเด็ดขาด "นี่ป้าแก่จนสายตาสั้นไปแล้วหรือไง มองไม่เห็นหรอ ว่าคนที่เข้ามาหาเรื่องก่อนคือลูกชายป้า" "ใค
-------"ช่วงนี้ทองกำลังขึ้นคงต้องไปรื้อหาทองไปขายบ้างซะแล้ว อย่างน้อยก็เอาไปลงทุนทำธุรกิจทางอื่นเผื่อจะงอกเงยมาได้บ้าง" เห็นแบบนี้ฉันก็มีทองเก็บกับเขาเหมือนกันนะ ไหนจะเงินสดและโฉนดที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง เพราะหลังจากที่ผัวเก่าฉันตายไปฉันก็ได้ทำธุรกิจอยู่หลายอย่างกับเพื่อนมีเจ๊งไปบ้างได้ไปต่อบ้างแต่ที่หลักๆ ก็เห็นจะเป็นหอพักแห่งนี้นี่แหละ วันนี้เองก็เป็นวันปกติธรรมดาอย่างทุกวัน หลังทำกิจวัตรประจำวันในช่วงเช้าเสร็จเรียบร้อย ฉันมานั่งดูซีรีส์ที่โซฟาตัวเดิมซึ่งเป็นมุมโปรดในการใช้ชีวิตของทุกวัน แต่อีกหนึ่งสิ่งที่ได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันเห็นจะเป็นฮ่องเต้ หนุ่มแว่นสุดฮอตที่กำลังดังในหออยู่ตอนนี้ ที่บอกว่าดังก็เพราะว่ามีเด็กในหอเริ่มพูดคุยถึงความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับฮ่องเต้มากขึ้น อาจจะเห็นว่าฮ่องเต้เข้ามาหาฉันที่ห้องอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็นอนค้างคืนบางครั้งก็เข้ามาในช่วงกลางดึก จนถึงขนาดมีข่าวลือว่าฉันชอบหนุ่มแว่นทรงตี๋ไปแล้ว ก็นะฉันไม่ปฏิเสธยอมรับว่าตอนนี้ติดใจหนุ่มแว่นเข้าแล้วเต็มเปา "เจ๊ซีเปีย! เจ๊อยู่ไหม!!" เสียงเคาะประตูพร้อมเสียงเรียกดังเข้ามาในห้องพักของฉัน เสียงนี้เป็นเสียงของลูกหอข
------"มะ ไม่นะฟังพี่กะ ก่อน!!!" ผมจะมองจากตรงไหนก่อนดีไม่ว่าจะหน้าตาลำคอเนินอกทุกส่วนล้วนต้องตาต้องใจ อันที่จริงผมเริ่มรู้สึกได้ตั้งแต่ที่ปลายนิ้วของพี่เปียลูปผ่านชั้นในตัวบางจนไอ้กล้วยปีศาจมันเริ่มผยองเดชขึ้นมา ความเสียวเริ่มผันแปรเป็นความปวดร้าว ผมปวดหนึบไปทั่วทั้งลำเหมือนกับว่ากล้วยปีศาจมันพร้อมจะระเบิดตัวเองได้ทุกเมื่อ และที่ทำให้ผมแทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ก็ตอนที่ถูกพี่เปียขึ้นครูขย่มเอง จังหวะที่กลีบส้มของเธอเคลื่อนตัวไปมาแนบชิดกับไอ้กล้วยปีศาจทำเอาผมแทบคลั่ง ผมพยายามกำผ้าปูที่นอนข่มอารมณ์ตัวเองไว้กลัวว่าจะไปขัดจังหวะถึงขอบสวรรค์ของพี่เปีย จนในตอนนี้ได้เวลาผมเอาคืนบ้างแล้ว "จะให้ผมฟังอะไรอีกครับ ในเมื่อหลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้" ผมก้มมองลงดูไอ้กล้วยปีศาจที่ขณะนี้ลำของมันเปียกแฉะไปด้วยน้ำหวาน ไม่ต่างอะไรกับกลีบส้มอวบอิ่มของพี่เปียเลย "พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ ทั้งหมดก็แค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นเอง" "หื้ม? อารมณ์ชั่ววูบแต่เสร็จคาไอ้กล้วยเลยนี่นะครับ" ผมเลิกคิ้วยกยิ้มมุมปากรอดูคำพูดเฉไฉของเจ้าของหอ ร่างบางกระอึกกระอักไม่พูดอะไรแถมยังเบือนหน้าหันหนีจากสายตาผมอีก "หึ คงต้องง้าง
Comments