“อะไรนะ?!” หลี่เฟิงลุกพรวดขึ้นมาตวัดตามองเย่ซิวอย่างโกรธเกรี้ยว “นายฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์งั้นเหรอ!”เย่ซิวพยักหน้า “ใช่ครับ เธอขับรถพุ่งใส่ผมกลางถนนและตั้งใจจะเอาชีวิตผม ผมแค่ตอบโต้กลับก็เท่านั้น”หลี่เฟิงโกรธจนทั้งร่างสั่นไปหมดหลี่เหยียนเอ๋อร์คือศิษย์คนโปรดที่เขาเลือกไว้ในใจ ยังไม่ทันได้เข้ารับการถ่ายทอดวิชาก็ต้องมาตายเสียก่อนแล้วแต่เขายังพอควบคุมสติไว้ได้ ตอนนี้ดวงตาเขาแดงก่ำไปหมด “แกมาจากตระกูลไหน?!”ในหัวเขากำลังคิดอยู่ว่าคนที่กล้าฆ่าหลี่เหยียนเอ๋อร์ได้ต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาแน่แต่เย่ซิวกลับส่ายหน้า “ผมเป็นแค่คนธรรมดาที่ฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง ไม่มีตระกูลหรืออิทธิพลอะไรหรอกครับ”“เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเดี่ยว กล้าดียังไงมาฆ่าศิษย์รักของฉัน แบบนี้มันหาที่ตายชัด ๆ!”หลี่เฟิงคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว ทันใดนั้นจิตสังหารของเขาก็ปะทุขึ้นทันที“ช้าก่อน” เสียงรั่วอวิ๋นดังขึ้นและขัดจังหวะหลี่เฟิงไว้ “ศิษย์พี่ใจเย็นก่อนศิษย์พี่ ดูเหมือนพรสวรรค์ของคนคนนี้จะไม่ธรรมดา ลองให้เขาทดสอบพรสวรรค์ก่อนดีไหม”หลี่เฟิงพยายามอดกลั้นอารมณ์ “แต่ศิษย์น้องหญิง หมอนี่ฆ่าศิษย์รักของข้านะ มันต้องตายสถานเดียว”ร
แต่ตอนนี้เย่ซิวกลับเผยพรสวรรค์ในการกลั่นโอสถที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงจะฆ่าเขาไม่ได้ง่าย ๆแต่ถ้าไม่ฆ่าเย่ซิว ไหนจะเรื่องที่เสียไปทั้งหมด ไหนจะความเจ็บแค้นนี้มันก็กลืนไม่ลงเหมือนกันตูม! ตูม! ตูม!พลังอันแข็งแกร่งรุนแรงหลายสายสั่นสะเทือนทั่วบริเวณจากที่ไกลออกไป ดวงตาหลี่เฟิงสว่างวาบขึ้นมาผู้นำตระกูลหลี่มาถึงแล้ว“ใครฆ่าลูกสาวฉัน ออกมาเดี๋ยวนี้!”เสียงคำรามของผู้นำตระกูลหลี่ดังก้องไปทั่วพร้อมแรงโทสะที่รุนแรงสุดขีดกว่าจะเลี้ยงลูกสาวมาได้ขนาดนั้น พึ่งจะเตรียมเก็บเกี่ยวผลลัพธ์แท้ ๆ ก็ถูกฆ่าตายไปเสียก่อนจะให้เขายอมรับได้ยังไง“หมอนี่ครับ” มีคนชี้ไปที่เย่ซิวทันใดนั้น ยอดฝีมือของตระกูลหลี่ก็พุ่งเข้ามาล้อมเย่ซิวเอาไว้แต่ละคนยกมือร่ายอาคมและเรียกพลังจากสมบัติเวทมนตร์ออกมาเต็มที่บรรยากาศตึงเครียดสุดขีด การต่อสู้ใกล้ปะทุเต็มทีแต่เย่ซิวยังสงบเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นจนจบคนพวกนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรเลยสำหรับเขาถ้ากล้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริง ๆ ฆ่าให้หมดเลยก็ยังได้อย่างมากก็แค่เปลี่ยนตัวตนใหม่อีกครั้งรั่วอวิ๋นมองเย่ซิวที่ยังคงนิ่งเฉย ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวหรือลังเลแม้แต่น้อย
“ความแค้นระหว่างสองฝ่าย ไม่ใช่แค่พูดไม่กี่คำแล้วจะลบล้างกันได้หรอกงั้นเอาแบบนี้ดีไหม ให้ผู้นำตระกูลหลี่ลดระดับพลังตัวเองลงมาเท่ากับเย่ซิว แล้วให้ทั้งสองคนประลองกันตัวต่อตัวถ้าเย่ซิวเป็นฝ่ายชนะ เรื่องทั้งหมดก็ให้จบลงแค่นี้แต่ถ้าผู้นำตระกูลหลี่ชนะ ก็ไม่ต้องถึงขั้นฆ่าเย่ซิวแค่ตัดแขนเขาข้างหนึ่ง แล้วให้จ่ายค่าชดเชยด้วยศิลาวิญญาณสองล้านก้อน เท่านี้ก็พอแล้ว ทุกคนว่าข้อเสนอนี้ฟังดูเป็นยังไงบ้าง”หลี่เฟิงเป็นคนเจ้าเล่ห์มากเขาเคยได้รับผลประโยชน์จากตระกูลหลี่ไม่น้อย แน่นอนว่าในสถานการณ์แบบนี้เขาย่อมต้องออกหน้าช่วยพูดแทนอยู่แล้วแต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่กล้าล่วงเกินรั่วอวิ๋นจนเกินไป เลยเสนอทางออกแบบก้ำกึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นธรรมสำหรับทุกฝ่ายผู้นำตระกูลหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “ตกลง เห็นแก่หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง ฉันจะยอมถอยให้หน่อยก็ได้”ถือเป็นการหาทางลงให้ตัวเองด้วยถึงยังไงเขาก็จะไม่ปล่อยเย่ซิวไว้แน่ ยังไงหมอนี่ก็ต้องตายสถานเดียวแต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่ใช่ต่อหน้ารั่วอวิ๋นแบบนี้รั่วอวิ๋นหันมามองเย่ซิว “ศิษย์รัก กับข้อเสนอนี้นายว่ายังไงล่ะ?”แต่ในใจเธอก็เตรียมรับมือไว้แ
“หรือว่าฉันตาฝาดไป?”“ผู้นำตระกูลหลี่ถูกเด็กหนุ่มคนนี้กดไว้อยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีแม้แต่โอกาสจะโต้กลับได้เลย!”……ทั้งลานตกอยู่ในความตกตะลึงอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างที่สุดต้องรู้ไว้ก่อนว่าผู้นำตระกูลหลี่อายุเกินร้อยปีแล้วผ่านศึกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จะพ่ายแพ้ให้เด็กหนุ่มกระจอกคนหนึ่งได้ยังไง?อีกทั้งต่อให้ผู้นำตระกูลหลี่จะกดพลังเอาไว้ แต่ร่างกายที่ผ่านการหล่อหลอมจากระดับจินตานมาหลายปีก็แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อจะโดนหมัดของเด็กคนนั้นต่อยจนหน้าบวมตาช้ำได้ยังไงกัน?“อ๊ากกก ไอ้เวร!”ผู้นำตระกูลหลี่คำรามออกมาด้วยความโกรธนี่มันคือความอัปยศแบบสุดขีดเขาถูกเด็กเมื่อวานซืนบีบจนถึงขีดจำกัดโครม!พลังปราณทั่วร่างพุ่งพรวดขึ้น เขาปลดผนึกพลังและกลับคืนสู่ระดับเดิมในทันทีในแววตามีแสงเย็นเยียบแวบผ่านราวกับอยากจะตบเย่ซิวให้ตายตรงนั้นทันทีแต่เสียงของรั่วอวิ๋นดังขึ้นมาขัดไว้ก่อน “ถ้าคุณกล้าทำร้ายเขาก็ลองดูสิ!”ฝ่ามือของผู้นำตระกูลหลี่หยุดห่างจากหน้าผากของเย่ซิวไปแค่ไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเย่ซิวก
“มีอันตราย” เย่ซิวเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันรั่วอวิ๋นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยพลังจิตออกไปสำรวจแล้วก็ยิ้มบาง “ลูกศิษย์ที่น่ารักของฉันคงรู้สึกผิดไปเองล่ะมั้ง ไม่มีอันตรายอะไรหรอกอีกอย่าง ขนาดฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย นายจะไปสัมผัสได้ยังไงกัน”โครม! โครม! โครม!แต่พูดยังไม่ทันจบ ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือนหมอกดำกลุ่มใหญ่ไหลทะลักออกมาเหมือนมังกรดำหลายสิบตัวพลุ่งพล่านไปมาก่อนจะกลายเป็นค่ายกลขนาดมหึมาที่แข็งแกร่งจนบรรยายไม่ถูก ล้อมทั้งสองคนไว้ตรงกลางจากนั้นก็มีคนสวมเสื้อคลุมสีดำและสวมหน้ากากปีศาจปรากฏตัวออกมาดวงตาใต้หน้ากากแต่ละคู่ล้วนส่องแสงเย็นเยียบ ชั่วร้าย และเต็มไปด้วยความละโมบสีหน้าของรั่วอวิ๋นเปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว คนของสำนักหน้ากากผี”เย่ซิวรู้จักสำนักนี้ดี เป็นพวกที่เรียกกันว่าผู้บำเพ็ญตนทางสายมืดและใช้การกลืนกินวิญญาณคนอื่นเพื่อบำเพ็ญตนเป็นสำนักมารอย่างแท้จริงในโลกของผู้บำเพ็ญตน ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงที่เน่าเหม็นของพวกเขาที่เหมือนหนูท่อและมักจะซ่อนตัวในมุมมืดเย่ซิวไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ เพิ่งมาถึงโลกนี้ก็ได้พบกับพวกเขาเข้าให้แล้วเขากวาดตามองไปรอบ ๆ
หลังจากนั้นรั่วอวิ๋นก็เริ่มร่ายคาถาด้วยสองมือ และใช้วิชาไม้ตายบางอย่างพุ่งตัวออกไปจากช่องว่างในค่ายกลอย่างรวดเร็วพวกผู้บำเพ็ญตนสำนักหน้ากากผีต่างก็ได้รับแรงสะท้อนกลับในระดับหนึ่งโดยเฉพาะหัวหน้ากลุ่มที่ถึงกับโกรธจนหน้าดำหน้าแดง “เวรเอ๊ย ยายนี่มันยังมีไม้ตายซ่อนอยู่อีก ต้องตามไปให้ได้!”สิ่งที่ผู้บำเพ็ญสายมืดกลัวที่สุดก็คือวิชาอัสนีกับพลังชอบธรรม ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายรุนแรงให้พวกเขาได้ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสและด้วยเหตุนี้เองหากถูกพวกมันพบว่ามีผู้บำเพ็ญตนที่บำเพ็ญพลังสองอย่างนี้ก็มักจะกลายเป็นเป้าหมายในการลอบสังหารของพวกมันในทันทีโครม!รั่วอวิ๋นระเบิดความเร็วออกมาอย่างถึงขีดสุดจนทะลุระดับเสียงไปหลายเท่าไม่นาน เย่ซิวก็สังเกตเห็นว่าคอของรั่วอวิ๋นเริ่มแดง “ท่านอาจารย์ เป็นอะไรไปครับ”“แย่แล้ว นี่มันยาซี บัดซบ ค่ายกลนั่นต้องมีอะไรแปลก ๆ แน่รั่วอวิ๋นเริ่มรู้สึกตื่นตระหนก ภายในร่างกายร้อนระอุราวกับมีเตาหลอมอยู่ข้างในทำให้จิตใจของนางเริ่มสับสน ความตั้งใจก็ลดลง สายตาเริ่มพร่ามัวขณะที่ด้านหลัง พวกผู้บำเพ็ญตนหน้ากากผีก็ตามมาติด ๆ “ฮ่า ๆ ๆ ผู้อาวุโสรั่วอวิ๋น เลิกหนีได้แล้ว”
“ฉันอยู่ที่ไหน? ไฟ มีแต่ไฟเต็มไปหมด…”เสียงพึมพำแผ่วเบาของรั่วอวิ๋นดังเข้าหูเย่ซิวแต่ตอนนี้เรื่องยังไม่จบ ยังมีผู้บำเพ็ญตนสายมืดที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งทว่าทุกคนต่างหวาดกลัวกับพลังอันแข็งแกร่งที่เย่ซิวแสดงออกมาอย่างถึงที่สุดแต่ละคนจึงรีบใช้วิชาไม้ตาย ยอมสละพลังบำเพ็ญตนหลายสิบปีและบั่นทอนอายุขัยบางส่วนของตนเองเป็นเดิมพันเพื่อระเบิดพลังที่รุนแรงสุดขีดออกมาและร่วมกันโจมตีไปในทิศทางเดียวหวังจะฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้แต่เย่ซิวจะยอมให้พวกมันหลุดรอดไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?ธงหมื่นวิญญาณถูกปล่อยออกมา ทันใดนั้น วิญญาณนักรบระดับวิญญาณก่อกำเนิดสามตนก็พุ่งออกจากธงพวกมันส่งเสียงคำรามด้วยความยินดี ก่อนจะเริ่มกลืนกินวิญญาณที่เร่ร่อนอยู่ทั่วผืนฟ้าอย่างกระหายพวกผู้บำเพ็ญตนสายมืดเหล่านี้เชี่ยวชาญในด้านการโจมตีทางวิญญาณที่สุดพวกมันดูดกลืนวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ไปไม่รู้เท่าไร ทำให้วิญญาณของตัวเองแข็งแกร่งผิดมนุษย์การกลืนกินวิญญาณของพวกมันจึงย่อมได้ผลลัพธ์อันมหาศาลกลับคืนมาแต่เย่ซิวไม่มีเวลามาสนใจอาการเพ้อของรั่วอวิ๋นในตอนนี้เขาอ้าปากพ่นกระบี่หงส์โบยบิน กระบี่ดาวตก และกระบี่เขี้ยวมังก
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้เย่ซิวมีพลังบำเพ็ญตนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเทียบเท่ากับการบำเพ็ญเพิ่มขึ้นถึงหกร้อยกว่าปี“อาจารย์ รอผมด้วย”เย่ซิวหยิบสมบัติเวทมนตร์สำหรับบินธรรมดา ๆ ออกมาใช้งาน หลังจากกระตุ้นพลัง เขาก็บินไล่ตามรั่วอวิ๋นไปทันทีด้านรั่วอวิ๋นเองก็ก้มลงมองฝ่ามือตัวเอง ก่อนที่คิ้วเรียวขมวดแน่นอย่างไม่เข้าใจ “พลังวิญญาณของฉันหนาแน่นขึ้นมากเลย ตอนนี้ฉันเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูงได้แล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…”สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือเย่ซิว“หรือว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีร่างกายที่พิเศษอะไรบางอย่าง…”แต่แล้วรั่วอวิ๋นก็รีบส่ายหน้าเบา ๆ สลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวทันทีเธอไม่มีทางลงมือพิสูจน์อะไรพวกนั้นแน่ยามเย็น รั่วอวิ๋นก็พาเย่ซิวกลับถึงสำนักอวิ้นหลิงสำนักแห่งนี้กว้างใหญ่โอ่อ่าและตั้งอยู่บนยอดเขาสูงหมอกเมฆลอยอ้อยอิ่งทั่วบริเวณ มีนกกระเรียนขาวบินร่อนอย่างสง่างามบรรยากาศทั้งสงบขรึมและยิ่งใหญ่ เปี่ยมด้วยพลังอันลึกล้ำเย่ซิวรู้สึกได้ทันทีว่าภายในสำนักนี้แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายพลังอันทรงพลังกดดันอย่างแผ่วเบาที่กระจายอยู่ทั่วและเพื่อไม่ให้ใครจับได้ถึ
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ