คนสิบกว่าคนขึ้นไปบนเรือวิญญาณ แล้วลอยทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าสู่จุดหมายของการแข่งขันอย่างรวดเร็วเรือลำนี้เป็นสมบัติเวทมนตร์ที่ฉลาดมาก ภายในติดตั้งแผนที่รัศมีห้าหมื่นถึงหกหมื่นลี้แค่ตั้งจุดหมายให้ชัดเจนและเติมพลังให้เพียงพอ มันก็สามารถบินไปถึงจุดหมายได้ทันทีระหว่างการเดินทาง แน่นอนว่าเย่ซิวไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่า เขาลากหลัวเวยเวยมาฝึกฝนร่วมกันหลังฝึกเสร็จ ทั้งสองคนต่างก็ได้ประโยชน์ไม่น้อยแต่หลัวเวยเวยกลับเริ่มบ่น “พลังนายเพิ่มเร็วเกินไป ฉันตามไม่ทันแล้วทุกวันนี้ก็รับมือลำบาก เพราะงั้นรอบหน้าชวนเยียนจือมาด้วยเลยดีไหม พวกเรามาฝึกด้วยกัน ให้เธอมาช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง”พูดตามตรง เย่ซิวก็แอบลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่ตอบตกลงในทันที “คุณเคยคิดถึงผลลัพธ์บ้างไหม ถ้าเยียนจือรับไม่ได้ ความสัมพันธ์ของพวกคุณอาจจะเกิดรอยร้าวได้นะ”หลัวเวยเวยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “กลัวอะไร? ฉันเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก ฉันไม่ได้เป็นหนี้เธอสักหน่อย ถ้ายายเด็กนั่นกล้าโกรธละก็ ฉันก็แค่ปั้นตัวใหม่ขึ้นมาอีกสักคนก็ได้”เย่ซิวแกล้งถามเหมือนไม่รู้ “แล้วคุณคิดจะปั้นกับใครล่ะ?”หลัวเวยเวยกลอกตาใส่ “นอกจากนายที่เป็นเจ้
“โครม!”ฝาปิดเตาหลอมโอสถกระแทกลงอย่างแรง เย่ซิวปล่อยเพลิงสุริยันบริสุทธิ์เส้นหนึ่งเข้าไปภายในเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของวานรไม้ครามตัวหนึ่งดังออกมาจากในเตาเย่ซิวใจกล้าเป็นอย่างมาก เขาคิดจะใช้วานรไม้ครามเหล่านี้เป็นเหมือนโอสถชั้นดี แล้วหลอมพวกมันเสียเลยภายในเตานอกจากจะมีเพลิงสุริยันบริสุทธิ์แล้ว ยังใส่สมุนไพรล้ำค่าจำนวนมากลงไปด้วยแม้กระบวนการจะเจ็บปวดแสนสาหัส แต่หากสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้ย่อมเกินจินตนาการจะทำให้ร่างกายของพวกมันเกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในขจัดสิ่งสกปรกออกไปจนหมด ส่งผลให้ความเร็วในการบำเพ็ญตนเพิ่มขึ้นอย่างมาก และร่างกายก็จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมเรียกได้ว่าครั้งนี้เย่ซิวลงทุนสุดตัววานรไม้ครามตัวอื่นที่ยืนอยู่รอบ ๆ พอได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกเดียวกัน แต่ละตัวก็ทำท่าร้อนรน กระวนกระวายสุด ๆผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง เย่ซิวก็ร่ายอาคม เปิดฝาเตาหลอมออกสิ่งที่โผล่ออกมาคือก้อนดำ ๆ คล้ายถ่านไหม้ที่ดำมะเมื่อม“แครก! แครก!”เสียงแตกร้าวคล้ายเปลือกไข่ดังขึ้นชั้นนอกที่ดูเหมือนถ่านค่อย ๆ แตกร้าว เผยให้เห็นรูปลักษณ์ภายในปรากฏให้เห็นเป็นวานรไม้ครามร่างใหม่ที่ผ่านการหลอ
คนของพวกเราไม่มีใครมียุทธวิธีที่เหมาะสม จึงเข้าไปไม่ได้ เธอลองเข้าไปก็แล้วกัน”ทันทีที่เฉินอิ๋งอิ๋งได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื้นตัน “ฉันรู้อยู่แล้วว่านายก็แค่แกล้งทำเป็นเย็นชาจริง ๆ แล้วนายชอบฉันจะตาย แต่แกล้งทำเป็นเย็นชาไม่สนใจ ขี้เล่นชะมัดเลย”เย่ซิวทนไม่ไหวแล้ว เดิมทีเขานึกว่าเธอเป็นหมาป่าเดียวดายผู้หยิ่งผยอง ใครจะรู้ว่ากลับเป็นฮัสกี้ตัวหนึ่งแทนเขาส่ายหน้าอย่างหมดคำจะพูด “อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย ฉันมีเงื่อนไขก่อนจะเข้าไป เธอต้องสาบานว่าจะเอาเฉพาะยุทธวิธี ทักษะลึกลับ และศาสตร์ลับต่าง ๆ เท่านั้น ส่วนทรัพยากรอื่น ๆ ทั้งหมดต้องยกให้ฉัน”เหตุผลที่เขาพาเธอมาที่นี่ก็เพราะถูกเธอตามตื๊อจนหมดทางหนีพอดีเขานึกถึงสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาได้จึงให้โอกาสเธอลองดู และจะได้มีเวลาสงบ ๆ เสียบ้าง“ตกลง ฉันยอมรับเงื่อนไข” เฉินอิ๋งอิ๋งตอบตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียวเธอเตรียมจะพุ่งเข้าไปทันทีแต่ถูกเย่ซิวคว้าไว้ก่อน“สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่า จะวิ่งเข้าไปแบบนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องตายเหรอ? ฟื้นพลังให้เต็มก่อนเถอะ”“จริงด้วย” เธอตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ยิ้มแห้ง ๆ อย่างเข
“นาย… นายยิ้มอะไรน่ะ… หน้าตาแบบนั้นน่าขนลุกชะมัด… คิดเรื่องชั่วอะไรอยู่กันแน่?”เฉินอิ๋งอิ๋งโดนรอยยิ้มของเย่ซิวทำเอาขนลุกไปทั้งตัว ขนแขนลุกซู่ มองเขาด้วยสายตาระแวงสุด ๆ“ใช่ ฉันยอมรับเลยว่าฆ่าเธอไม่ได้ แต่ก็มีวิธีจัดการเธออีกตั้งเยอะแยะอย่างเช่นผนึกพลังบำเพ็ญตนของเธอ แล้วใช้เธอเป็นเครื่องมือดูดพลังทุกวันหรือไม่ก็แปะยันต์ควบคุมร่างกายไว้ และสั่งให้เธอไปทำงานใช้แรงสารพัดทุกวันอีกทางหนึ่งก็เอาเธอไปแสดงเต้นโชว์ข้างนอก ด้วยหน้าตาและรูปร่างของเธอ เชื่อเลยว่าคนดูตรึมทุกงาน ฉันคงรวยจนเงินล้นคลังแน่ ๆ”คำพูดนี้ทำให้เฉินอิ๋งอิ๋งทั้งโกรธจัดและหวาดกลัวไปพร้อมกัน ก่อนจะฝืนทำเสียงแข็งกลบความกลัวในใจ “ถ้านายกล้าทำแบบนั้นละก็ฉันไม่มีวันยกโทษให้แน่ แม่ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่นอน!”เย่ซิวยักไหล่ “ก็เธอเป็นคนดื้อดึงจะอยู่เอง งั้นก็อย่ามาโทษฉันทีหลังแล้วกัน”เฉินอิ๋งอิ๋งมองสีหน้าของเขาแล้วไม่สงสัยเลยว่าเขาเอาจริงแน่นอนน้ำเสียงเธออ่อนลงทันที “เย่ซิว เราคุยกันดี ๆ เถอะนะ ฉันก็ไม่ได้คิดร้ายกับนาย ทั้งหมดก็เพราะฉันเป็นห่วงนายนั่นแหละ”เย่ซิวหัวเราะหึ ๆ “ไม่ต้องหรอก ขอแค่เธอไม่มารบกวนฉันอีก แค่นั้น
เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท
ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ