เย่ซิวไม่ได้อยากจะรับสายเลย แต่หลังจากที่คิด ๆ ดูแล้ว เขาก็รับสายอยู่ดี“ทำอะไรอยู่เหรอ~?”ทันทีที่เชื่อมต่อสาย เสียงที่ทั้งนุ่มนวลและอ่อนโยนของเสวี่ยเหมยที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเสียวซ่านถึงกระดูกก็ดังขึ้น“มีธุระอะไรหรือเปล่า?” เย่ซิวค่อนข้างเย็นชา“เปล่า ฉันก็แค่เบื่อ ก็เลยอยากคุยกับคุณ”เย่ซิวหัวเราะเยาะ "ถ้าคุณไม่พูด ผมจะวางสายนะ"“อย่าเพิ่งสิ” เสวี่ยเหมยมีความกังวลเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความออดอ้อนและเจือความรู้สึกผิดเล็กน้อย "ฉันรู้ว่าครั้งที่แล้วฉันผิดเอง ฉันก็แค่อยากจะขอโทษคุณ ไม่ได้เหรอ?”“คุณเองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันเลย”สาวสวยที่มีทรัพย์สินมูลค่านับสิบล้านล้านบาท เมื่อเธอลดท่าทีลงและพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลอ่อนโยน ชายใดได้เห็นเป็นต้องโกรธเธอไม่ลงเย่ซิวถอนหายใจ "คุณอยากได้ครีมผิวหยกใช่ไหม?"“ฮิฮิ” เสียงหัวเราะของเสวี่ยเหมยนั้นขี้เล่นเล็กน้อย “ใช่ ฉันอยากได้หนึ่งพันกล่อง ต่อให้แพงกว่าราคาตลาดถึงสิบเท่าก็ไม่ใช่ปัญหา”ผลประโยชน์มาหาถึงที่ขนาดนี้มีหรือจะปฏิเสธ เย่ซิวจึงพูดว่า "ส่งที่อยู่มาให้ผม ถ้าครีมชุดที่สอ
แม้ว่าพวกนักเลงคีย์บอร์ดจะป้ายสีกันอย่างไม่หยุดหย่อน แต่ผู้ซื้อครีมชุดแรกนั้น หลังจากที่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ก็แสดงความเห็นกันในเชิงบวกอย่างเป็นเอกฉันท์และยังมีบล็อกเกอร์ความงามบางคนที่หลังจากได้ลองใช้แล้วก็ช่วยโปรโมตให้ฟรีโดยการเขียนบทความหรือไม่ก็โพสต์วิดีโออีกด้วยวันนี้เป็นการเปิดขายครั้งที่สองผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนนับไม่ถ้วนรออยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันมานานแล้วผู้ชายหลายคนถูกแฟนหรือภรรยาบังคับให้นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ และยังบอกด้วยว่า ถ้าไม่ได้ครีมมา พวกเธอจะไม่ยอมมีอะไรด้วย…จะเริ่มเปิดจำหน่ายเวลาสิบโมงเช้าเมื่อถึงเวลา ผู้คนนับไม่ถ้วนรีเฟรชหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการและคลิกเมาส์กันอย่างเมามันครั้งนี้ปริมาณที่ปล่อยออกมาค่อนข้างมากโดยมีห้าหมื่นกล่อง แต่ก็ยังขายหมดในทันทีผู้คนนับไม่ถ้วนสบถด่าอย่างไรก็ตาม ข่าวดีก็คือ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการได้ประกาศว่าจะปล่อยสินค้าอีกชุดในเวลาสองทุ่มเพื่อจัดส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อโดยเร็วที่สุด บริการจัดส่งด่วนที่เลือกคือเฟิงชุ่นเอ็กซ์เพรสซึ่งเป็นบริษัทจัดส่งด่วนที่เร็วที่สุดในประเทศไม่กี่วันมานี้เย่ซิวยุ่งง่วนอยู่กับการเตรียมปุ๋ยน้ำเป็นส่วนใหญ
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ซิวถามอย่างสงสัย“เอ่อ… ฉันมีเรื่องอยากให้คุณช่วยสักหน่อย” หลินซวงก้มหน้าลงและหน้าแดง “คุณย่าของฉันอยากให้กลับบ้านแล้วพาแฟนไปด้วย…”ขณะที่เธอพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองเย่ซิว จากนั้นก็ก้มหน้าลงอีกครั้งในทันใด "คุณย่าบอกว่า ถ้าฉันไม่พาแฟนกลับบ้านในสัปดาห์นี้ คุณย่าจะไม่นับฉันเป็นหลานสาวอีกเพราะอย่างนั้น… คุณช่วยแกล้งเป็นแฟนฉันสักวันได้ไหม?”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็มองเย่ซิวด้วยท่าทีน่าสงสารเย่ซิวถามว่า "เมื่อไหร่?""วันเสาร์นี้"“โอเค” เขาตอบตกลงทันทีช่วงนี้หลินซวงไร้ที่ติ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเย่ซิวที่จะช่วยเหลือเธอในเรื่องเล็กน้อย“จริงเหรอ? เยี่ยมเลย!” หลินซวงกระโดดด้วยความดีใจหลินซวงกลับไปทำงานอย่างมีความสุขเย่ซิวขับรถไปที่บริษัทคนเดียว เพื่อเตรียมกำจัดสวีอิงในขณะนี้ สวีอิงยุ่งมาก ทั้งโทรศัพท์บ้านและโทรศัพท์มือถือของเขามีสายเข้าจนแทบไหม้“ให้ตายเถอะ เย่ซิว ฉันต้องฆ่าแกให้ได้!”สวีอิงอดไม่ได้ที่จะคำราม ใบหน้าของเขาดุร้ายการโจมตีของเย่ซิวรุนแรงเกินไปราวกับพายุฝนฟ้าคะนอง โดยเริ่มต้นจากพรีเซนเตอร์ ผลิตภัณฑ์ ภาษีรายได้ และอื่น ๆ พร้อ
ใคร ๆ ที่เคยใช้ก็บอกว่าดี แม้แต่คนที่มีนิสัยเข้มงวดจุกจิก ก็ไม่พบข้อบกพร่องใด ๆ ยิ่งไปกว่านั้น บางคนนำครีมผิวหยกไปยังสถาบันที่เชื่อถือได้เพื่อทำการทดสอบ และผลลัพธ์ก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีสารที่เป็นอันตรายเลย และไม่มีสารเติมแต่งแม้แต่ตัวเดียวด้วย!เมื่อผลลัพธ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไป ความนิยมของครีมผิวหยกก็เพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดการซื้อกันอย่างเมามันผู้คนจำนวนมากซื้อสินค้าทางออนไลน์ในราคาที่แพงกว่าปกติหลายเท่า แต่แม้จะหาซื้อสักกล่องก็ยังหาได้ยากครีมผิวหยกได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ทว่าบริษัทเครื่องสำอางรายใหญ่หลายแห่งต่างร่ำไห้ไม่หยุดสินค้าของพวกเขาขายไม่ออกเลยสองวันต่อมา คำตัดสินจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ก็มาถึงที่บริษัทเอสซี่ประการแรกถูกปรับเกือบแสนล้านเนื่องจากปัญหาด้านภาษี อีกประการหนึ่งคือสินค้าไม่ได้มาตรฐานถูกสั่งทำลายทิ้งทั้งหมด และสินค้าชุดที่ปล่อยออกไปแล้วจะถูกเรียกกลับคืนความเสียหายที่เกิดจากการลงโทษครั้งที่สองนั้นมหาศาลมากแม้ว่าพนักงานจะไม่ได้ทำงานแล้ว แต่ก็ยังต้องจ่ายค่าจ้างส่วนประกอบที่ซื้อมาเริ่มกองพะเนิน รวมถึงค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ก็กองทับ หยุดการผลิตแค่วันเด
ครีมผิวหยกมีแนวโน้มจะไปได้ไหลมาก แม้แต่ยักษ์ใหญ่ตัวจริงอย่างฉีตังกั๋วซึ่งมั่งคั่งร่ำรวยเทียมเท่าประเทศก็ยังต้องรู้สึกตื่นเต้นคำขู่ของเขาอาจจะได้ผลต่อคนอื่น แต่สำหรับเย่ซิวแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาจึงตอบอย่างตรงไปตรงมา "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร คุณคิดว่าคุณคู่ควรที่จะให้ผมยอมสละกำไรสี่สิบเปอร์เซ็นต์อย่างนั้นเหรอครับ!"เย่ซิวให้คนประเมินไว้แล้วหากขยายช่องทางการขายครีมผิวหยกอย่างเต็มที่แล้ว รายได้จากการขายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจเกินหนึ่งสิบล้านล้านบาทในหนึ่งปี! กำไรสุทธิอยู่ระหว่างสามถึงสี่ล้านล้านบาท หากเปิดช่องทางการขายในต่างประเทศด้วย กำไรสุทธิในหนึ่งปีก็เป็นไปได้ว่าจะมากกว่าสิบล้านล้านบาทเรียกได้ว่านี่คือไก่ที่ออกไข่เป็นทอง ดังนั้นฉีตังกั๋วจึงเกิดความโลภโดยธรรมชาติ“ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉีตังกั๋วหัวเราะ เขาไม่ได้โกรธเลย เพียงแต่เปิดเผยเรื่องหนึ่งแก่เย่ซิว“ฉันจะบอกความลับให้แล้วกัน คนของฉันเจ็ดคนเป็นจอมยุทธระดับหก สามคนเป็นจอมยุทธระดับเจ็ด และอีกคนหนึ่งเป็นจอมยุทธระดับแปดครึ่งก้าว”สิ่งนี้เป็นความมั่นใจอย่างหนึ่งของฉีตังกั๋ว!มีปรมาจารย์มากมายเช่นนี้ หากอยู่ไว้ในประเทศเล็ก ๆ
ประตูถูกเปิดออก และหลายคนก็เดินเข้ามาด้วยความมาดมั่นหยิ่งผยองเป็นผู้ชายสี่คนและผู้หญิงหนึ่งคนเย่ซิวบอกให้บอดี้การ์ดทุกคนในวิลล่าเข้าไปในห้องล่วงหน้าแล้ว หากไม่ได้รับคำสั่งจากเขา ไม่อนุญาตให้ออกมาเย่ซิวลืมตาขึ้นและเผยเสียงหัวเราะทันที "ฉีตังกั๋ว สุนัขเฒ่า รอบคอบจริงๆ ถึบกับส่งจอมยุทธ์ระดับหกสี่คนและจอมยุทธระดับเจ็ดหนึ่งคนมาในคราวเดียว"ฉีตังกั๋วเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง ทั้งไร้ปรานีและจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยความเด็ดขาดแม้จะเป็นการฆ่ามดตัวเดียว แต่เขาก็จะส่งเหล่าราชสีห์มาล้อมโจมตีมันผู้หญิงคนเดียวในหมู่คนทั้งห้านั่งลงตรงข้ามกับเย่ซิว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่น ก่อนพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาว่า "แค่เด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ต้องให้ถึงมือฉันหรอก พวกนายใครก็ได้ รีบไปจัดการซะ จะได้รีบกลับ”อีกสี่คนมองหน้ากัน แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะเคลื่อนไหวพวกเขาเป็นปรมาจารย์ สูงส่งและแตะต้องไม่ได้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกส่งไปจัดการกับเด็กที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป มันจะไม่เป็นการเสียศักดิ์ศรีหรอกหรือ?“มาเป่ายิ้งฉุบกันดีกว่า ใครแพ้ก็ไปจัดการ”“โอเค
แม้แต่ปรมาจารย์ผู้สูงส่งที่มักจะห่างเหินกับคนอื่น ๆ แต่เมื่อเผชิญกับวิกฤติความตาย ก็ยังตกที่นั่งลำบาก ถ้ามีขาเพิ่มอีกสักสองขาคงจะดีมากแต่ไม่ว่าพวกเขาจะวิ่งเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งเร็วกว่าเย่ซิวได้มั่นคงดั่งเสาหิน ว่องไวดุจสายฟ้าการเคลื่อนไหวของเขาราวกับสายฟ้าหนึ่งหมื่นโวลต์ที่ผ่าลงมาท่ามกลางความโกลาหลคนที่วิ่งเร็วที่สุดใกล้จะถึงประตูแล้ว แต่ทันใดนั้นลมกระโชกแรงก็พัดเข้ามาจากด้านข้าง เขายกสองแขนขึ้นตั้งการ์ดโดยสัญชาตญาณจากด้านข้าง เย่ซิวเตะร่างของชายคนนั้นอัดเข้ากับกำแพงราวลูกกระสุนปืนใหญ่พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายจากแขนของเขาไปทั่วร่างกายอวัยวะภายในและกระดูกจากทั้งร่างกายถูกทำลายจนแหลกละเอียดตายคาที่!สามคนที่เหลือตกใจจนลูกตาจะถลนออกจากเบ้า ‘นี่มันพลังอะไรกัน ทั้งแข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอะไรขนาดนี้!’พวกเขานึกเสียใจ คืนนี้ไม่น่ามาที่นี่เลยผู้หญิงคนเดียวตะโกน "แยกกันหนี! ขึ้นไปชั้นบน ไปจับคนอื่นมาเป็นประกัน นี่เป็นทางรอดทางเดียวแล้ว"เธอแข็งแกร่งที่สุด และในทันใดนั้น เธอพุ่งขึ้นไปชั้นบนด้วยความเร็วเทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับแปด แลกมาด้วยการแผดเผาพลังชีวิตของ
“ออกมาได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างใจเย็นเฉิงเฟิงและคนอื่น ๆ ออกมาจากห้องและเมื่อเห็นฉากนี้เข้าก็พลันตกใจ“จัดการศพพวกนี้แล้วดูแลที่นี่ให้ดี ผมจะออกไปข้างนอกสักพัก”หลังจากสั่งการเสร็จแล้วเย่ซิวก็ออกไปเพียงลำพังไหน ๆ คนแก่พวกนั้นก็อยากจะใช้กำลังแก้ปัญหา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะร่วมเล่นด้วยจนจบก็แล้วกันพวกเขาคิดว่าวิธีนี้จะสะดวกกว่า แต่สำหรับเย่ซิวกลับยิ่งสะดวกกว่าเสียอีกคืนนี้ไร้แสงจันทร์ ลมพัดแรง เป็นสถานที่ที่ดีในการส่งใครสักคนไปสู่ชีวิตหลังความตายเย่ซิวสุ่มเรียกรถและตรงไปยังบริเวณใจกลางของผู้มั่งคั่งในเมืองหลวงในเมื่อออกมาแล้วจะกลับไปก็คงไม่ได้แล้วเย่ซิวลงจากรถ เขาเดินเข้าไปในห้องน้ำสาธารณะและใช้วิชาล่องหน จากนั้นก็เดินออกไปอีกครั้งที่ที่เขาไปที่แรกคือตระกูลของฉีตังกั๋วบ้านของเขาไม่สามารถใช้คำว่าหรูหราได้อีกต่อไป มันช่างฟุ่มเฟือย ราวกับเป็นพระราชวังขนาดเล็กมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายร้อยคนในชุดสูทพร้อมอาวุธในมืออยู่นอกประตูนอกจากนี้ยังมีอินฟราเรด โดรนระดับต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมายแม้ว่ากองทัพชั้นสูงต้องการยึดครอง ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมากไม่รู้ว่ามีกี่บริษัทที่
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ