“เราไม่ได้จะจัดการแค่หวังเฟย แต่เราจะทำลายตระกูลหวังทั้งหมด!”ตัดต้นไม้อย่าให้เหลือตอ เขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ๆยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานนี้เขาเพิ่งได้รับข้อความเข้ารหัสจากองค์กรที่เขาควบคุมอยู่ตระกูลหวังในเมืองเจียงเฉิงมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้ายต่างชาติในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ข้อมูลสำคัญจำนวนมากรั่วไหลและมีการโอนเงินจำนวนมากไปยังกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวด้วยถึงไม่มีหวังเฟย แต่เย่ซิวก็จะไม่ยอมปล่อยตระกูลหวังไป ตอนนี้เขาแค่รวบรวมเรื่องทุกอย่างเข้าด้วยกันก็เท่านั้นหลังจากที่เซี่ยซิ่วซิ่วได้ยินคำพูดเหล่านี้ ปากสีชมพูจิ้มลิ้มก็อ้าค้างหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอก็ปิดปากและมองไปที่เย่ซิ่วด้วยความกังวล“เพื่อนนักศึกษาเย่ นายไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?”“เรื่องแบบนี้ผมจะล้อเล่นได้ยังไง?”เซี่ยซิ่วซิ่วพูดอย่างจริงจัง “เพื่อนนักศึกษาเย่ ฉันดูก็รู้ว่านายไม่ใช่คนธรรมดา นายแข็งแกร่งมาก แต่นายไม่ควรประมาทตระกูลหวัง”“ประวัติตระกูลหวังไม่ได้ใสสะอาด พวกเขาร่ำรวยจากการขุดถ่านหิน”“ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ผูกมิตรกับลัทธิและกลุ่มกองกำลังต่าง ๆ มากมาย ทำให้มีอิทธิพลที่ซับซ้อน”“หากลงมือกับพวกเข
จากนั้นเย่ซิวก็ลากเขาเข้าไปในห้องน้ำเซี่ยซิ่วซิ่วเดาได้ว่าเขากำลังจะทำอะไร? จึงไม่กล้าเข้าไปแม้ว่าเธอจะมีลักษณะเป็นหญิงเก่งในวงการธุรกิจแล้ว แต่เรื่องแบบนี้เธอก็ยังไม่กล้าเข้าไปดูเย่ซิวโยนหวังเฟยลงบนพื้นห้องน้ำ แล้วหยิบน้ำยาพิเศษออกมาแล้วเทราดใส่ร่างเขาแล้วก็เปิดฝักบัวปล่อยน้ำออกมาหลักฐานทุกอย่างหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ เขาก็พูดกับเซี่ยซิ่วซิ่วที่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ว่า “ไปบ้านตระกูลหวังกันเถอะ”เซี่ยซิ่วซิ่วพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทั้งรู้สึกกังวลและคาดหวังในเวลาเดียวกันเย่ซิวไม่ใช่คนบุ่มบ่ามขนาดหลังจากได้ยินเธอประเมินตระกูลหวังให้ฟัง เขาก็ยังดูไม่แยแสนี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขามั่นใจอย่างเต็มที่ทั้งสองออกจากโรงแรม และตรงไปที่บ้านของตระกูลหวังทันทีตระกูลหวังอาศัยอยู่ในพื้นที่คนรวย มีคฤหาสน์ที่หรูหราใหญ่โตมากเมื่อมาถึงนอกคฤหาสน์ ทั้งสองก็ลงจากรถเซี่ยซิ่วซิ่วพูดกับเย่ซิวว่า “ฉันใช้เส้นสายของตระกูลเซี่ยตรวจสอบแล้ว”“หวังหู่ ปู่ของหวังเฟยและหวังห่าวพ่อของเขาจะกลับมาคืนนี้ น่าจะช่วงสองถึงสามทุ่ม”เย่ซิวตรวจสอบเวลา ตอนนี้เพิ่งหกเย็นโมงเอง“ถ้าอย่าง
หลังจากได้ยินคำพูดของเย่ซิว ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วก็แสดงความตื่นตระหนกออกมาหน้าต่างในห้องปิดอยู่ หากจะเปิดออกก็ต้องใช้เวลาสักพักเย่ซิวเหลือบมองไปรอบ ๆ จากนั้นดึงเซี่ยซิ่วซิ่วไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้าตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ แต่เก็บเสื้อผ้าไว้จำนวนมากดังนั้นเย่ซิวและเซี่ยซิ่วซิ่วจึงต้องแอบในพื้นที่อันคับแคบ ทั้งสองจึงเบียดเสียดกันคนสองคนหันหน้าเข้าหากันบรรยากาศแปลก ๆ ค่อย ๆ แพร่กระจายออกไปในเวลานั้น ประตูด้านนอกถูกเปิดออกได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินเข้ามาคนหนึ่งมั่นคงมีพลัง ส่วนอีกคนหนึ่งฝีเท้าเบานิ่มนวลเห็นได้ชัดว่าคนหนึ่งเป็นชาย อีกคนเป็นหญิงเย่ซิวมองผ่านรอยแยกออกไปข้างนอกเห็นผู้หญิงสวยสง่าในชุดเดรสสีดำ และชายร่างกำยำในชุดสูทอายุประมาณสี่สิบปีเดินเข้ามาชายคนนั้นปิดประตูอย่างนุ่มนวล แล้วกอดผู้หญิงจากด้านหลัง“ไม่เจอกันนาน คิดถึงผมบ้างรึเปล่า?”“ให้ตายเถอะ หยุดพูดไร้สาระ แล้วมาทำกันเร็วเข้า อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง หวังห่าวและหวังหู่ก็จะกลับมาแล้ว”“หึหึ ถ้าบอกให้พวกเขาสองคนรู้ว่าหวังเฟยเป็นลูกชายของคุณกับผม ผมอยากรู้นักว่าพวกเขาจะโกรธจนกระอักเลือดรึเปล่า?”“แน่อย
บอดี้การ์ดกำลังเปิดปากตะโกนเย่ซิวลงมืออย่างรวดเร็ว พุ่งไปถึงตัวอีกฝ่าย ก่อนที่เสียงจะหลุดออกมาเขาใช้มือหนึ่งปิดปาก มืออีกข้างสับลงไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายอย่างแรงเขาหมดสติลงตรงนั้นทันทีรีบลากเขาไปที่ห้องข้าง ๆ แล้วปิดประตูสำหรับบอดี้การ์ดเหล่านี้ เย่ซิวจะทำให้พวกเขาหมดสติ ไม่ฆ่าพวกเขาจากนั้นเขาก็หยิบผงแป้งบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ ผสมกับน้ำและเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าของบอดี้การ์ดหลังจากนั้นไม่กี่นาที ผงนั้นก่อเป็นรูปใบหน้าของมนุษย์จากนั้นก็หน้ากากหน้ามนุษย์นั้นมาแปะที่ใบหน้าของตัวเองจากนั้นเขาก็ถอดชุดสูทของอีกฝ่ายออกแล้วสวมมันเข้าไปจากนั้นกระดูกในร่างกายของเขาก็ปรับตัวอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเสียงกรอบแกรบจบลง ความสูงและรูปร่างหน้าตาของเขาก็เหมือนกับของบอดี้การ์ดคนนั้นทุกประการนี่เป็นทักษะการปลอมตัวขั้นสูง เป็นหนึ่งในวิชานอกรีตในตอนนี้มีคนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นี้มีน้อยมากจากนั้นเขาก็ลากบอดี้การ์ดไปซ่อนไว้ที่มุมหนึ่ง แล้วเดินออกไปอย่างผึ่งผายหลังจากเดินไปได้สองสามก้าว บอดี้การ์ดอีกสองคนเดินเข้ามาเย่ซิ่วพยักหน้าให้ทางพวกเขาก่อน แต่อีกฝ่ายไม่เห็นความผิดปกติใด ๆจากนั้นเย
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”“พูดจาเหลวไหล ตระกูลหวังของฉันจะทำสิ่งที่ทรยศต่อประเทศชาติแบบนั้นได้ยังไง?”เย่ซิวมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา “ผมขอแนะนำให้คุณบอกความจริงมาจะดีกว่า”หวังหู่เป็นจอมยุทธ์ขั้นต้นระดับสาม หวังห่าวเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสองแล้วในระดับนี้ การใช้วิธีการสะกดจิตเป็นเรื่องยากที่จะให้พวกเขาเปิดเผยความลับอยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของตนออกมาเพื่อความปลอดภัย ควรปล่อยให้พวกเขาบอกความลับนี้ออกมาด้วยความเต็มใจจะดีกว่า“ถ้าคุณบอกผมมาตรง ๆ ผมก็จะปล่อยให้ตระกูลหวังของคุณเหลือทายาทไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นเชื้อสายของตระกูลหวังจะถูกขุดรากถอนโคนในวันนี้”พ่อลูกตระกูลหวังไม่พูดอะไรพวกเขารู้ดีว่า หากพวกเขาพูดอะไรออกไป จะเป็นการตกลงไปในหลุมลึกไร้ก้นบึ้งหากไม่พูดอะไร ก็ยังพอมีโอกาสรอดได้บ้างเย่ซิวย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่เขาเลยทิ้งระเบิดลูกใหญ่ “ผมฆ่าหวังเฟยตายไปแล้ว!”“อะไรนะ?!”คนสามคนในห้องตกใจไปพร้อมกัน“ไอ้สารเลว ทำไมแกถึงทำแบบนี้? ไม่กลัวถูกลงโทษตามกฎหมายเหรอ?!” หวังหู่ทั้งโกรธเกรี้ยวและโศกเศร้าเขาเป็นหลานชายเพียงคนเดียว ทุกสิ่งที่เขาลงทุนลงแรงทำงานอย่างหนัก
ความแค้นครั้งใหญ่ได้รับการสะสางแล้ว หวังห่าวมองไปทางเย่ซิ่ว “คุณจะรักษาคำพูดรึเปล่า?”“ผมสัญญาว่าผมจะไม่ฆ่าคุณ”“ดี ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเอง”หวังหู่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็หลับตาลงด้วยความจำใจเย่ซิวจัดการพวกเขาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้แผนสำรองได้มาถึงจุดนี้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำให้ตระกูลของเขาได้สืบสายเลือดต่อไปเย่ซิ่วกดติดต่อหมายเลขที่เข้ารหัสไม่มีเสียงตอบรับจากอีกด้านหนึ่ง มีแต่ความเงียบที่ฟังหวังห่าวพูดรหัสลับบางอย่างเกี่ยวกับการติดต่อกับกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติหวังห่าวพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหามากมาย ใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในระหว่างขั้นตอนนี้ เย่ซิวยังคงจับตามองตาของพวกเขาตลอดเวลาจึงยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้โกหกข้อมูลที่หวังห่าวเปิดเผย ถ้าใช้ให้ดี มีโอกาสสูงที่จะกำจัดกองกำลังก่อการร้ายต่างชาติได้ทั้งหมดด้วยวิธีนี้ แรงกดดันที่มีต่อประเทศหลงเถิงก็จะน้อยลงมากหลังจากที่เขาพูดจบ เย่ซิวก็พูดเข้าไปทางปลายสายว่า “ระดมกำลังพลจากทั้งสี่หน่วยของเรา ใครที่ไม่มีภารกิจต้องเข้าร่วมด้วย เราจะต้องขุดรากถอนโคนศัตรูออกไปในคราวเดียว!”เสียงที่หนักแน่นและทรงพลัง
งานแกะสลักไดละเอียดประณีตมาก มีสวิตช์อยู่ข้างในด้วยหลังจากเปิดแล้วจะมีชิปขนาดเท่าเล็บอยู่ผู้หญิงคนนั้นบอกเย่ซิวว่า ทีมยอดฝีมือนี้มีชื่อว่า กองกำลังหมาป่าราตรีแต่ละคนมีชิปฝังอยู่ในร่างกายด้วยตราบใดที่ถือตราประทับชิ้นนี้ไว้ ก็จะสามารถควบคุมพวกเขาได้เพราะชิปถูกฝังเข้าไปในตัวพวกเขาตั้งแต่ยังแบเบาะหลังจากผ่านไปกว่าสิบปี มันถูกหลอมรวมเข้ากับเลือดเนื้อของพวกเขาแล้ว มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชิปออกไปเพื่อยืนยันให้แน่ใจว่าพวกเขาจะอยู่ในกำมือ ไม่อาจดิ้นหลุดไปไหนได้เย่ซิ่วหยิบชิปออกมาและติดตั้งลงในโทรศัพท์ของเขาโทรศัพท์มือถือของเขาได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ มีฟังก์ชันมากมาย ไม่สามารถถูกติดตามหรือระบุตำแหน่งได้โดยซอฟต์แวร์ใด ๆเย่ซิวพูดกับผู้หญิงคนนั้น “ให้บอดี้การ์ดข้างนอกเข้ามา ให้พวกเขาพาบอดี้การ์ดที่หมดสติในห้องหมายเลขหกออกไป”“แล้วใช้เงินส่วนตัวของคุณจ่ายค่าชดเชยให้พวกเขาแต่ละคน แล้วให้พวกเขาทั้งหมดออกไปจากที่นี่”“หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว คุณก็ไปได้ จำไว้ ถ้าคุณกล้าเปิดเผยเรื่องราวในวันนี้แม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก คุณต้องตายสถานเดียว”ในประโยคสุดท
ทั้งสองออกจากคฤหาสน์เรื่องหลังจากนี้จะมีคนจัดการต่ออย่างเหมาะสมเซี่ยซิ่วซิ่วกลับไปยังตระกูลเซี่ยงานที่ต้องทำต่อจากนี้จะหนักมาก เธอบอกเย่ซิวว่าเธอคงไปมหาวิทยาลัยไม่ได้อีกหลายวัน และกลับไปที่บ้านเช่าก็ไม่ได้ด้วยเพื่อจำแนกธุรกิจต่างๆ ของตระกูลหวังจำเป็นต้องเตรียมการมากมายก่อนอื่นต้องหาพันธมิตรมาเพิ่มมิฉะนั้นเย่ซิวผู้เป็นมือใหม่ และมีทรัพย์สินมหาศาลตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ จะต้องถูกคนนอกหมายปองจ้องเอาเปรียบแน่นอนบริษัททั้งเล็กและใหญ่ ย่อมเคลื่อนไหวเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่นอนมีคำกล่าวที่ว่า ปัญหายิ่งเล็ก ยิ่งยากจะป้องกันเย่ซิวไม่อาจทำทุกเรื่องด้วยตัวเองได้ดังนั้นการหาพันธมิตรจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากนอกจากตระกูลเซี่ยแล้ว เซี่ยซิ่วซิ่วยังบอกเย่ซิวว่าเธอรู้จักพี่ใหญ่คนหนึ่งด้วยอีกฝ่ายทำธุรกิจคลับหรูเธอผูกขาดธุรกิจทั้งหมดในเมืองเจียงเฉิงเอาไว้เซี่ยซิ่วซิ่วแนะนำว่าทางที่ดีให้ร่วมมือกับอีกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์มากกว่าอีกฝ่ายอยากรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาโดยตลอด แต่ไม่มีช่องทางดี ๆ สักทีเย่ซิวเห็นด้วยแล้วโทรหาลู่เสวี่ยเอ๋อร์ และถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเธอในตอนนี้
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ