น้อยมากที่เย่ซิวจะปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเขาออกมา พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นนั้นมหาศาลนักไม่นานนัก เย่ซิวก็ยับยั้งพลังของตัวเองลงมองดูสีหน้าของกองกำลังหมาป่าราตรีที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็ได้พูดอย่างเยือกเย็นว่า“ขอแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อเย่ซิว จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้า”ทันทีที่พูดออกไป ดูเหมือนว่าหัวของพวกเขาถูกค้อนขนาดใหญ่ทุบอย่างแรงสำหรับพวกเขา จอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้าคือตำนานที่ไม่อาจก้าวบรรลุได้เช่นเดียวกับมดตัวหนึ่งที่ไม่มีวันเอื้อมถึงเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้าเย่ซิวมองไปที่พวกเขาและพูดอย่างใจเย็น “ฉันเข้าใจสถานการณ์ของพวกนาย หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกนายจะได้แก่ไปตามช่วงวัย"“แต่การเสียชีวิตขณะทำภารกิจบางอย่างนั้นเป็นไปได้สูง”“ไม่มีใครรู้ว่าพวกนายเคยมีตัวตน ไม่มีใครรู้สึกเจ็บปวดกับพวกนาย และยิ่งไม่มีใครมาทำความสะอาดหลุมศพให้พวกนายด้วย”ทุกคนต่างเงียบไปคำพูดของเย่ซิวแทงเข้าจุดอ่อนของพวกเขา“ฉันจะให้โอกาสพวกนายได้มีชีวิตใหม่” น้ำเสียงเย่ซิวนั้นราวกับมีเวทมนตร์“ฉันสามารถกำจัดชิปในร่างกายของพวกนายออกได้และยังช่วยให้พวกนายก้าวข้ามไปสู่การเป็นจอมยุทธ์ระดับสอง ร
หลางอีสามารถทะลวงเข้าสู่จอมยุทธระดับสองได้สำเร็จจอมยุทธระดับสองมุ่งเน้นไปที่การเสริมความแข็งแกร่งให้กับร่างกายและเส้นลมปราณเป็นหลักหากไม่มีข้อจำกัดจากชิป เขาสามารถใช้พลังการต่อสู้ได้มากขึ้น ในอนาคตของเขาก็จะยิ่งประสบความสำเร็จได้ยิ่งขึ้นไปอีกความก้าวหน้าของหลางอี ทำให้ทุกคนตื่นเต้นเขาคุกเข่าตรงหน้าเย่ซิวและคำนับสามครั้ง“ผมจะไม่ลืมความเมตตาที่มอบชีวิตใหม่ให้ผมเลย ต่อไปผมจะะทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อรับใช้นายท่าน!”เย่ซิวโบกมือ “ลุกขึ้นเถอะ ในเมื่อทะลวงไปได้อีกระดับแล้ว ก็ไปเตรียมเอาสมุนไพรเหล่านี้ตั้งเตา จับเวลาครบเวลาแล้วให้ปิดเตา”“รับทราบครับ!”ในตอนนี้ความเคารพชื่นชมในตัวเย่ซิวของหลางอีก็สูงจนไม่มีใครเทียบได้สภาพร่างกายของพวกเขานั้นเกินกว่าเทคโนโลยีขั้นนสูงในปัจจุบันก็ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยซ้ำแต่เย่ซิวกลับจัดการได้จากนี้ไป เขาจะเป็นมนุษย์ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีอย่างสมบูรณ์ภาพดวงตาของหญิงสาวคนนั้นปรากฏขึ้นในใจของเขา และเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น“รอฉันก่อนนะ ฉันสามารถมอบความสุขให้เธอได้แล้ว!”เย่ซิวเรียกอีกคน“หลางเอ้อร์ นอนลง”หลางเอ้อร์เป็นผู้หญิงผมสั้น ผิวสีเหลือง
เย่ซิวคิดว่าตอนนี้ตัวเองก็มีเงินมากมายแล้ว จึงคิดอยากจะซื้ออะพาร์ตเมนต์ที่เช่าอยู่ตอนนี้ต่อจากเซี่ยซิ่วซิ่ว ราคาที่อยู่อาศัยในละแวกใกล้โรงเรียนนั้นมีราคาสูง อะพาร์ตเมนต์ที่เย่ซิวอาศัยอยู่ตอนนี้ก็มีราคาประมาณ หนึ่งแสนหยวนต่อตารางเมตรหากจะซื้อก็ต้องใช้เงินสิบกว่าล้านหยวนแต่สำหรับเย่ชิวที่ตอนนี้มีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งพันล้านหยวนนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมากพึ่งเดินทางไปได้ครึ่งทาง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นคนที่โทรเข้ามาคือเซี่ยซิ่วซิ่วหลังจากกดรับ น้ำเสียงอ่อนโยนของเธอก็ดังขึ้นที่ปลายสาย “เพื่อนนักศึกษาเย่ ตอนนี้นายว่างหรือเปล่า?”“ว่าง มีอะไรเหรอ?”“รุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเจียงเฉิงที่ฉันเคยเล่าให้นายฟังก่อนหน้านี้ เธออยากพบนาย นายพอจะมีเวลาว่างมาที่นี่หน่อยไหม?”“ได้สิ อยู่ที่ไหนล่ะ?”เซี่ยซิ่วซิ่วบอกที่อยู่คลับไป่ฮวากับเขา หลังจากวางสาย เขาก็ขอให้คนขับกลับรถบนรถ เย่ซิวถามคนขับว่า “คุณลุง รู้เรื่องเกี่ยวกับคลับไป่ฮวาไหมครับ?”เมื่อคนขับได้ยิน ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น และดูสนใจขึ้นมาทันที “รู้สิ รู้แน่นอน!”“ที่นั่นเป็นคลับที่หรูหราและมีมาตรฐานสูงที่สุดในเมืองเจียงเฉิงข
หญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีขาวเดินเข้ามาจากด้านหน้า เผยรูปร่างส่วนเว้าส่วนโค้งที่สมบูรณ์เธอมีผมสีดำตรงยาว และแต่งหน้าอ่อน ๆ สามารถให้คะแนนหุ่นของเธอได้แบบเก้าเต็มสิบหน้าตาก็ให้เก้าคะแนนเช่นกันมีความสง่างามอันสูงส่งแผ่ออกมาจากตัวของเธอเช่นเดียวกับคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์แถบเจียงหนานในสมัยโบราณเธอเดินไปข้างหน้าเย่ซิวและเซี่ยซิ่วซิ่ว น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล ใบหน้าของเธอแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่สามารถละลายใจคนได้“หรูฮว่ายินดีต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่าน พี่เม่ยเอ๋อร์รออยู่สักพักแล้ว กรุณาตามฉันมาได้เลยค่ะ”เธอผายมือเชิญขณะที่พูด เซี่ยซิ่วซิ่วยิ้มและพูดว่า “พี่หรูฮว่าสวยขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะคะ ผู้ชายคนไหนจะทนได้”หรูฮว่ายิ้มพร้อมกับแอบเหลือบมองไปที่เย่ซิว “นายน้อยข้าง ๆ คุณหนูซิ่วซิ่วนี่ไงคะที่ทนได้”ผู้ชายที่เคยพบเห็นเธอ ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีหรือชนชั้นสูงในสังคม ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เหมือนต้องการจะกลืนกินเธอทั้งนั้น แม้ว่าบางคนจะซ่อนมันไว้อย่างดี แต่หรูฮว่าก็อ่านคนมานับไม่ถ้วน จึงสามารถมองทะลุความคิดที่แท้จริงของพวกเขาได้อย่างง่ายดายแต่เย่ซิวนั้นต่างออกไปหลังจากที่เห็น
เธอมีใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวราวกับสุนัขจิ้งจอกแสงที่ปล่อยออกมาจากดวงตาของเธอ ทำให้ผู้คนตกหลุมรักได้เพียงแค่สบตาหูเม่ยเอ๋อร์ยืนขึ้น มีรูปร่างที่อวบอิ่มเธอสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรมีผมยาวสีแดงอ่อนผิวขาวราวหิมะ ริมฝีปากสีแดงเพลิงรูปร่างสมบูรณ์แบบอย่างหาที่สุดไม่ได้โดยเฉพาะรอบอก ที่แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับหลิ่วเมิ่งอิ๋นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซี่ยซิ่วซิ่วได้พบกับหูเม่ยเอ๋อร์แต่ทุกครั้งที่เธอพบก็มักจะรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าไม่ว่าจะในด้านรูปร่าง หน้าตา ท่าทาง หรือทักษะ เธอไม่สามารถเทียบหูเม่ยเอ๋อร์ได้เลยหูเม่ยเอ๋อร์เป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องเลย“สองท่าน ฉันรอพวกคุณมาสักพักแล้ว เชิญนั่งสิคะ”เสียงของหูเม่ยเอ๋อร์ฟังราวกับหยดน้ำที่ไหลเข้าสู่หัวใจของคนอย่างไม่รู้ตัวเพียงคำพูดง่าย ๆ ประโยคเดียวก็ทำให้ความเก้อเขินระหว่างการพบกันครั้งแรกหายไปทันทีเย่ซิวหรี่ตาลงหูเม่ยเอ๋อร์ไม่ธรรมดาไม่ต้องพูดถึงจิตใจและทักษะด้านการจัดการเลย เธอยังเป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมืออีกด้วยแต่อยู่ระดับไหนนั้น เย่ซิวยังไม่รู้ต้องประลองกันก่อน เย่ซิวถึงจะสาม
สีหน้าของเย่ซิวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “เกมอะไร?”“มาแข่งดื่มกันเป็นไงคะ?” หูเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยสายตาที่ไม่อาจเข้าใจได้ “ถ้าคุณชนะ ฉันจะซื้อที่ดินในราคา เก้าร้อยห้าสิบล้านหยวน”“แต่ถ้าคุณแพ้ ฉันจะซื้อที่ดินผืนนั้นในราคาแปดร้อยล้านหยวน ตกลงไหมคะ?”ก่อนที่เย่ซิวจะตอบ เซี่ยซิ่วซิ่วก็แทรกขึ้นก่อนว่า“พี่หู นี่พี่กำลังรังแกคนอื่นอยู่นี่คะ ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าพี่ดื่มเป็นพันแก้วก็ไม่เมา แถมครั้งหนึ่งพี่ยังเคยล้มชายฉกรรจ์ได้มากกว่าสามสิบคนอีกด้วย”หูเม่ยเอ๋อร์ส่ายหัว “ข่าวลือ ข่าวลือทั้งนั้น จริง ๆ แล้วความสามารถในการดื่มของฉันก็ธรรมดาทั่วไป”เย่ซิวรู้สึกสนุกหูเม่ยเอ๋อร์ไม่รู้ว่ากำลังมองหาความตายที่คิดจะท้าทายความสามารถด้านการดื่มกับเขา คราวนี้เธอแย่แน่ต้องรู้ไว้ก่อนว่าตอนที่เขายังเด็ก อาจารย์ได้ทำยาดองเหล้าสมุนไพรมากมายเพื่อฝึกฝนเขา ยาดองเหล้าสมุนไพรเหล่านั้นมีปริมาณแอลกอฮอล์ขั้นต่ำที่ห้าสิบดีกรีเขาดื่มยาดองเหล้าสมุนไพรแทนน้ำมาตั้งแต่ยังเด็กนอกจากนี้ เขายังมีกำลังภายในอันทรงพลัง ต่อให้ดื่มแอลกอฮอล์มากมายเพียงใดก็สามารถขจัดได้หมดดังนั้นข้อเสนอนี้ของหูเม่ยเอ๋อร์ก็เหมือนการส่งเนื้อเข้
รอยยิ้มบนใบหน้าของหูเม่ยเอ๋อร์เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆเธอปรบมือ จากนั้นหญิงสาวในชุดกี่เพ้าหลายคนก็ถือขวดเหล้าเดินเข้ามาเซี่ยซิ่วซิ่วหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยทันทีที่เห็นขวดเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะ ทั้งหมดเป็นเหล้าขาวและความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่ระบุไว้ข้างขวดคือห้าสิบสองดีกรีครั้งเดียวนำเข้ามาถึงห้าสิบขวดหนึ่งขวดหนักครึ่งกิโลกรัมเพียงแค่มองการต่อสู้ครั้งนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วก็รู้สึกเหมือนจะเมาเข้าให้แล้วหูเม่ยเอ๋อร์มีรอยยิ้มบนใบหน้า “นายน้อยเย่ เราอย่าใช้แก้วเลย ดื่มจากขวดกันเลยดีกว่า เริ่มที่สามขวดก่อนเป็นไงคะ?”“ได้สิ” เย่ซิวตอบตกลงทันทีหรูฮว่ารีบเปิดเหล้าหกขวดอย่างรวดเร็วด้านหน้าของทั้งสองมีเหล้าวางอยู่คนละสามขวด “ดื่มนี้ถือเป็นเกียรติ!”หูเม่ยเอ๋อร์หยิบขวดเหล้าขึ้นมาแล้วดื่มแม้จะดื่มจากขวด แต่ท่วงท่าของเธอก็ยังคงสง่างามเหล้าขาวห้าสิบสองดีกรีถูกเธอดื่มหมดในเวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีสีหน้าของเธอยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลยราวกับการดื่มน้ำเปล่าเซี่ยซิ่วซิ่วกำมือเล็ก ๆ ทั้งสองข้างที่วางอยู่บนเข่าแน่นโดยไม่รู้ตัวหูเม่ยเอ๋อร์แข็งแกร่งมากจนเธออดไม่ได้ที่
เย่ซิวมองดูท่าทางของหูเม่ยเอ๋อร์ และเตือนเธอด้วยความหวังดีว่า “คุณเกือบจะถึงขีดสุดแล้ว ยอมแพ้เถอะ”หูเม่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง ท่าทางน่าสงสาร “ไม่มีทาง ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้”พูดจบเธอก็หยิบเหล้าขาวขึ้นมาอีกหนึ่งขวดก่อนจะกระดกเข้าปาก มันหกออกมาไม่น้อยเธอใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะดื่มจนหมดขวดเย่ซิวส่ายหัว ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นประเภทไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อย่างนั้นจะมาโทษเขาไม่ได้เขาหยิบเหล้าขาวขึ้นมาดื่มติดต่อกันห้าขวดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ดื่มเข้าไป เขาก็ใช้กำลังภายในสลายมัน ขับมันออกผ่านรูขุมขนของร่างกายจนหมดสิ้น หรูฮว่าและเซี่ยซิ่วซิ่วต่างชาไปทั้งตัวความแข็งแกร่งของเย่ซิวนั้นน่าตกใจมากแอลกอฮอล์ปริมาณมากขนาดนี้ สามารถล้มเสือได้หลายตัวเลยแต่เย่ซิวกลับยังคงดูปกติหูเม่ยเอ๋อร์ตกอยู่ในความสิ้นหวัง เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเสียใจและไม่อยากจะเชื่อนี่เป็นด้านที่เธอถนัดที่สุด แต่กลับพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงจนมองไม่เห็นโอกาสชนะ“ฉัน…ยอมแพ้แล้ว…”หูเม่ยเอ๋อร์พูดขึ้นอย่างยากลำบากพูดจบเธอก็ฟุบตัวลงบนโต๊ะ หรูฮว่าอุทานด้วยความตกใจเธออุ้มหูเม่ยเอ๋อร์ขึ้นมาทันที ก่
เฉินเยียนจือยังไม่ยอมแพ้ เธอออดอ้อนไม่หยุด “ไม่เอาน่าแม่ หนูแค่อยากสั่งสอนเขานิดหน่อยเอง ขอระบายอารมณ์บ้าง รับรองว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บตัวแน่นอนขอร้องนะคะ ถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ สุดท้ายความแค้นมันจะกลายเป็นเงาในใจถ้าวันหนึ่งตอนบำเพ็ญตนแล้วพลังวูบวาบจนผิดพลาด แม่ก็อาจจะต้องสูญเสียลูกสาวที่ทั้งน่ารัก ฉลาด สดใสและว่านอนสอนง่ายไปเลยนะ”“พอ ๆ ๆ เลิกเขย่าแม่ได้แล้ว แม่จะเวียนหัวอยู่แล้วเนี่ย” ภรรยาเจ้าสำนักถอนหายใจแล้วพูดอย่างหงุดหงิด“งั้นก็ได้ แม่จะสอนให้แค่บางส่วนพอไว้ใช้สั่งสอนเขานิดหน่อยก็แล้วกัน”เฉินเยียนจือดีใจจนตาเป็นประกาย “ขอบคุณค่ะแม่”……สถานที่ปิดด่านของเจ้าสำนักกินพื้นที่นับหลายร้อยไร่ ภายในเต็มไปด้วยของล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญตนทั้งสิ้นหลังจากพาห้าร่างแยกของเย่ซิวมาถึงที่นี่ เจ้าสำนักก็ส่งข่าวให้ภรรยาทราบต่อจากนี้ เขากับผู้อาวุโสอีกหลายคนจะเป็นผู้ฝึกสอนห้าคนนี้ด้วยตัวเองส่วนเรื่องภายนอกก็ให้ภรรยาของเขาจัดการไปก่อนในแววตาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยประกายทะเยอทะยานอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย“ถ้ามีเด็กทั้งห้าคนนี้ บางทีในงานประชุมใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า เราอาจจะคว้าอัน
เย่ซิวจ้องเสี่ยวโหรวแน่นิ่ง “เธอพูดจริงหรือเปล่า?”เสี่ยวโหรวก้มหน้าลงเล็กน้อยจนมองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจน “นายท่านไม่เหมือนคนอื่น นายท่านจะไม่ทำร้ายข้า เพราะแบบนั้น ข้าถึงยิมยอมจากใจจริง”เย่ซิวไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งถึงสองนาที จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ช่างเถอะ วันนี้ฉันยังมีธุระ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันไปล้างตัวแล้วเลือกห้องว่างเอาไว้พักสักห้องเถอะ จำไว้นะ ห้องกลั่นโอสถกับห้องหมายเลขห้า ห้ามเข้าเด็ดขาด นอกนั้นเลือกได้ตามสบาย”ในห้องหมายเลขห้ามีเตียงน้ำแข็งตั้งอยู่“รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน”เสี่ยวโหรวลุกขึ้นและก้าวเดินด้วยขาเรียวยาวไปล้างตัวอย่างว่าง่ายช่วงที่เธอไปอาบน้ำ เย่ซิวก็จัดการวางค่ายกลในห้องหมายเลขห้าเพิ่มเติมอีกหลายชั้นจากนั้นก็หยิบหุ่นเชิดระดับถอดจิตออกมาบริเวณด้านหน้ามีรอยเว้าสำหรับเปิดช่องเก็บพลังงานเมื่อวางศิลาวิญญาณลงไป ไม่กี่วินาทีพลังวิญญาณก็ถูกดูดไปจนหมดเขาใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดกว่าสองแสนก้อนกว่าจะเติมพลังให้หุ่นเชิดจนเต็มถ้าใช้พลังเต็มกำลัง หุ่นเชิดตนนี้ก็จะสามารถต่อสู้ได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้เป็นยามเฝ้าที่เย
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก