ศิษย์พี่น้องทั้งสองเดินเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวังยิ่งเข้าไปลึกเท่าไร อากาศเย็นจากภายในที่ปล่อยออกมาก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นเท่านั้น บังคับให้พวกเขาต้องถือเกราะวิญญาณหลังจากเคลื่อนตัวไปได้ระยะหนึ่ง ทันใดนั้นพวกเขาก็หยุดนิ่งอยู่กับที่แล้วก็เห็นเตียงน้ำแข็งแผ่นหนึ่ง บนนั้นมีสตรีผู้หนึ่งที่งดงามถึงขั้นทำให้สวรรค์และโลกสูญเสียสีสัน ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์สูญเสียความสว่างแม้ว่าจะเกิดเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็ยังมีความต้องการที่จะรับใช้ และอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปหลังจากเห็นผู้หญิงคนนี้เซี่ยชิงชิงนิ่งอึ้งแบบเดียวกัน จนไม่ได้สังเกตว่าเย่ซิวหายไป กระทั่งถูกคุณลี่ปลุกให้ตื่นจากภวังค์“เย่ซิวล่ะ หายไปไหน?”ทันใดนั้นเซี่ยชิงชิงก็รู้สึกตัว มองไปรอบ ๆ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป "จริงสิ เย่ซิวไปไหนแล้ว?"“พวกนายกำลังหาฉันอยู่งั้นเหรอ?”เสียงสบาย ๆ ดังมาจากด้านหลังเมื่อสักครู่นี้เย่ซิวฉวยโอกาสตอนที่เซี่ยชิงชิงถูกดึงดูดจากผู้หญิงบนเตียงน้ำแข็ง ใช้วิชาดําดินหลบหนีไปอย่างกะทันหัน วิ่งไปที่ทางเข้าถ้ำแล้วปิดถ้ำไว้ในขณะนี้ พวกเขาทั้งสามเห็นเย่ซิวปรากฏตัวจากด้านหลัง ทั้งหมดรู้สึกราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับศ
ทั้งสามยืนเรียงเป็นแถว จับตามองไปข้างหน้าอย่างจดจ่อเซี่ยชิงชิงพึมพำกับตัวเอง "ด้วยพลังทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ถึงเขาไม่ตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน"อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปหลายก้าวจากนั้นก็เห็นเย่ซิวเดินออกมาจากการระเบิดโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเย่ซิวตบฝุ่นบนร่างกายและพูดด้วยรอยยิ้ม "ยังมีความสามารถอะไรก็จงแสดงออกมา พวกนายคงไม่ได้มีวรยุทธ์เพียงแค่นี้มั้ง พลังแค่นี้ไม่ทำให้ฉันระคายผิวด้วยซ้ำ"“ทำไมนายถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!” เซี่ยชิงชิงส่ายหัวอย่างแรงราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไปจู่ ๆ คุณลี่ก็กัดปลายลิ้น บีบเลือดออกมาหนึ่งหยด และแสดงเคล็ดวิชาลับบางอย่างลมปราณที่ปล่อยออกมานั้นทรงพลังเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน บุกเข้าไปอีกครั้ง พร้อมกับแสงอันดุเดือดที่วาววับในดวงตา "ฉันไม่เชื่อหรอก ว่านายจะมีความสามารถท้าทายสวรรค์ได้จริง ๆ ระวังผ่าแสงโลหิต!"จับดาบด้วยมือทั้งสองข้าง แล้วฟาดฟันไปข้างหน้าอย่างดุเดือดปราณดาบขนาดใหญ่ระเบิดออกมา ทำให้เกิดความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวเซี่ยชิงชิงก็เขย่าระฆังในมืออย่างบ้าคลั่ง คลื่นเสียงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็แผ่กระจายออกไป
“อั่ก อั่ก อั่ก!”คุณลี่กระอักเลือด เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ห้าหกชิ้นไม่สามารถทำร้ายเย่ซิวได้เลย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้ทุกอย่างไปหมดจากนั้นก็ใช้พลังวิญญาณที่ทรงพลังอย่างยิ่งเพื่อลบเครื่องหมายที่เขาทำไว้ จากนั้นก็เก็บมันไว้นี่คือการได้รับบาดเจ็บสาหัสสำหรับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย คนทั้งคนดูอิดโรย ยากที่จะยืนได้เขาหันไปมองผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบห้าว "ศิษย์น้องหญิงหนีไปเร็ว เขาก้าวข้ามระดับจินตานไปแล้วครึ่งหนึ่ง พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา"ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้วิ่งหนีไป แต่ถือกระบี่เล่มยาวเข้าโจมตีใส่เย่ซิวแม้ว่าเธอจะไม่ชอบศิษย์พี่ชายคนนี้ของตัวเอง แต่อย่างไรก็เป็นศิษย์ร่วมสำนัก ไม่สามารถหลบหนีไปเพียงลำพังได้ในเวลานี้เซี่ยชิงชิงไม่มีความปรารถนาที่จะเผชิญหน้ากับเย่ซิวอีกต่อไปโคจรพลังทั้งหมดไว้ที่เท้าทั้งสองข้าง หันหลังกลับและวิ่งหนีจนสุดชีวิตในตอนนี้มีเพียงความคิดเดียวในใจเท่านั้น นั่นคือวิ่งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ชาตินี้จะไม่มีวันเจอหน้าเย่ซิวอีก และจะไม่แก้แค้นอีกแล้วอย่างไรก็ตามความคิดนั้นดี แต่ความจริงนั้นโหดร้ายอย่างยิ่งเสียงกระบี่ดังก้องในหู และในวินา
ฉับ ฉับ ฉับ!!ทันใดนั้นเย่ซิวก็ขยับมือควบคุมกระบี่ กระบี่หงส์โบยบินที่อยู่ห่างออกไปก็กลายเป็นลำแสงยิงเข้ามาวิชาคุมกระบี่ตึง ตึง ตึง!!!กระบี่หงส์โบยบินกลายเป็นลำแสงที่ไม่สามารถจับได้ด้วยตาเปล่า ปะทะกับหมาป่ายักษ์อยู่ตลอดเวลา กระแสเลือดสด ๆ พุ่งออกมาสำหรับร่างกายของผู้หญิงคนนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นกันหลังของเธอมีปีกคู่หนึ่งที่กำลังลุกไหม้งอกออกมามือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวคุมพลัง ควบแน่นกระแสพลังปราณกระบี่เพลิงโจมตีใส่เย่ซิวจากทุกทิศทางพรวด!ทันใดนั้น กระบี่หงส์โบยบินก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ตัดร่างหมาป่ายักษ์แยกออกเป็นสองท่อนทันทีจากนั้นร่างของเย่ซิวก็ปรากฏวับแวมอย่างต่อเนื่อง หลบการโจมตีของผู้หญิงคนนั้น ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ และเตะเธอจนล้มลงร่างของผู้หญิงคนนั้นพุ่งออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ชนต้นไม้ใหญ่หลายสิบต้นตลอดทางร่างนั้นยังไม่ทันหยุดนิ่งก็ถูกเย่ซิวที่ตามจากด้านหลังคว้าปีกข้างหนึ่งของเธอ แล้วโยนลงกระแทกพื้นอย่างแรงตูม!มีหลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนพื้นดินเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนี้ขาดเป็นริ้ว เย่ซิวเหยียบหน้าอกของเธอ แล้วทรุดกายลงนั่ง“ยังมีความสามารถอะไรอี
“ฉันมาจากสำนักหุ่นเชิด ปัจจุบันนอกจากฉันและศิษย์พี่แล้ว ในสำนักยังมีอาจารย์หนึ่งท่านที่ปิดด่านบำเพ็ญเพียรมาหลายปีแล้วเขาบอกว่าเขาจะไม่ออกมาจนกว่าจะทะลวงระดับจินตานได้ แต่เวลาผ่านมานานหลายปี เป็นไปได้ว่าอาจจะตายในห้องลับแล้ว”เย่ซิวถามว่า "งั้นอาจารย์ของเธอก็เป็นปีศาจเหมือนกันเหรอ?"“หมายความว่ายังไงที่เหมือนกัน” หญิงสาวโกรธเล็กน้อย “เราไม่ใช่ปีศาจ แค่หลอมรวมกับสัตว์วิญญาณ ได้รับความสามารถบางอย่างของปีศาจมาก็เท่านั้น แก่นแท้แล้วยังคงเป็นมนุษย์”“โอ้?” เย่ซิวเริ่มสนใจ “อธิบายให้ละเอียดหน่อยสิ”ผู้หญิงคนนั้นถูบริเวณที่ถูกเย่ซิวเหยียบ ตอนนี้ยังคงรู้สึกเจ็บอยู่เล็กน้อย "ในอดีตยุคที่พลังวิญญาณฟ้าดินยังคงเข้มข้นอยู่ สำนักหุ่นเชิดจะจับปีศาจบางตัวที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งมาหลังจากฆ่าพวกมันแล้ว จะใช้วิธีการลับปรับแต่งร่างกายและวิญญาณให้เป็นสัตว์วิญญาณ แล้วหลอมรวมเข้ากับศิษย์ในสำนักเมื่อใดที่ทำสำเร็จก็จะได้รับความสามารถบางอย่างที่ปีศาจตัวนั้นมีตอนที่มันมีชีวิตตัวอย่างเช่น ความสามารถของศิษย์พี่ที่หลอมรวมเข้ากับหมาป่าเหล็กสีดำคือ ร่างกายแข็งแกร่ง บวกกับมีพละกำลังมหาศาลถ้าไม่ใช่เพราะกระบี่
หลังจากหญิงสาวสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินไปยังร่างของศิษย์พี่ซึ่งถูกผ่าครึ่งก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งแววตาเธอเต็มไปด้วยความเศร้า ก่อนจะใช้มือขุดหลุมเล็ก ๆ ที่ด้านข้างและฝังเขาลงไปอย่างแผ่วเบาแม้ร่างกายของเซี่ยชิงชิงจะถูกแทงทะลุ แต่เย่ซิวก็เลี่ยงจุดสำคัญได้บวกกับพลังที่แข็งแกร่งของเธอทำให้บาดแผลเริ่มตกสะเก็ดทันที แต่เธอยังขยับตัวไม่ได้เท่านั้นเมื่อเห็นเย่ซิวเดินเข้ามา เซี่ยชิงชิงก็หลับตาลงอย่างยอมจำนน เธอนอนกางแขนขาอย่างไร้ซึ่งการต่อต้าน “ถ้าเห็นแก่หน้าพี่สาวฉันก็ช่วยฆ่าฉันให้ตายเร็ว ๆ เถอะ”เย่ซิวส่ายหัวพลางถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะก้มลงอุ้มเธอขึ้นและพาไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปเขาฉีกเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้องของเธอออกก่อนจะวางมือบนบาดแผลและใช้วิชาสมานบาดแผลเกิดแสงสีขาวสว่างวาบ บาดแผลเริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็วจนไม่มีร่องรอยใด ๆ หลงเหลือเซี่ยชิงชิงลืมตาขึ้นพลางมองเขา “นายจะทำอะไรอีก? คิดจะจับฉันไปขังไว้เป็นทาสรึไง!”เย่ซิวมองออกไปไกลพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ที่จริงตอนแรกพวกเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลยนะ”เซี่ยชิงชิงเพียงแค่นเสียงหึแต่ไม่ตอบอะไรเย่ซ
เซี่ยชิงชิงกอดเย่ซิวแน่น พลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างหัวใจแทบสลายราวกับต้องการระบายความแค้น ความน้อยเนื้อต่ำใจ และอารมณ์ด้านลบทั้งหมดที่สะสมมาหลายปีออกมาให้หมดสิ้นเย่ซิวลูบหลังเธออย่างแผ่วเบาในที่สุดก็จัดการผู้หญิงคนนี้ได้เสียทีพลังจิตของเขาจดจ่ออยู่ที่เซี่ยชิงชิงตลอดเวลาตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ พลังจิตของเซี่ยชิงชิงไม่มีความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเลย ซึ่งหมายความว่าคำพูดของเธอมาจากใจจริงยิ่งไปกว่านั้น ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถหลอกลวงเย่ซิวได้ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเธอกลับตัวกลับใจอย่างแท้จริงแล้วหลังจากร้องไห้ไปราวห้าหกนาที เซี่ยชิงชิงก็หยุดลง ก่อนจะใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองอย่างเขินอาย “ขอโทษที่ทำเสื้อนายเปื้อนนะ เดี๋ยวไว้ฉันจะชดใช้ให้”น้ำเสียงของเธอในตอนนี้นุ่มนวลขึ้น ไม่มีความดุร้ายเหมือนที่ผ่านมาแล้วเย่ซิวยิ้มพลางลูบหัวเธอเบา ๆ “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว ต่อไปเราก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกันจริง ๆ แล้วนะ”“ครอบครัวเดียวกันงั้นเหรอ?” เซี่ยชิงชิงทวนคำนี้พลางเงยหน้ามองเย่ซิว “แล้วต่อไปเราควรอยู่กันแบบไหนล่ะ ยังไงนายก็…”“ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเธอ” เย่ซิวเชย
ไม่รู้ว่าเธอสบถด่าเย่ซิวในใจไปกี่รอบแล้วช่วงเย็น ทั้งสามคนก็ลงจากภูเขาก่อนจากไป เย่ซิวหยิบน้ำพลังวิญญาณผสมกับน้ำแร่บนภูเขารดลงบนพื้นดินที่เคยเป็นสนามรบอีกไม่นาน พืชพรรณเขียวชอุ่มจะงอกขึ้นมาและปกปิดร่องรอยการต่อสู้ทั้งหมดเซี่ยชิงชิงคล้องแขนเย่ซิวด้วยใบหน้าสดใสร่าเริงผิวพรรณเธอดูชุ่มชื้นเปล่งปลั่งเหมือนเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ หลังจากที่เย่ซิวช่วยคลายปมในใจลงแล้ว เสน่ห์ของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดเดินตามอยู่เงียบ ๆ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะสิ่งที่เธอได้ยินก่อนหน้านั้นทำให้รู้สึกอึดอัดไม่น้อยจนตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกเหมือนเสียงนั้นยังก้องอยู่ในหูอยู่เลย…เมื่อมาถึงที่จอดรถ เย่ซิวก็เข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ และให้เซี่ยชิงชิงเป็นคนขับรถแทนส่วนหญิงสาวจากสำนักหุ่นเชิดนั่งเบาะหลังอย่างไม่เต็มใจนักหลังจากรถเคลื่อนตัวแล้ว เย่ซิวก็เอ่ยถามโดยไม่หันกลับไปมอง “เธอชื่ออะไร?”“อวิ๋นเหยา”“เล่าเกี่ยวกับวิชาหุ่นเชิดของสำนักเธอให้ฟังหน่อยสิ ฉันค่อนข้างสนใจน่ะ”ก่อนหน้านี้ที่เห็นศิษย์พี่ของอวิ๋นเหยาใช้วิชาหุ่นเชิดนั้นช่างเหมือนจริงจนน่าท
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน