ในโรงยิมเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงโห่ร้องก้องสนั่นแน่นอนว่าเสียงโห่ร้องเหล่านั้นมาจากคนประเทศหลงเถิง ส่วนบรรดาจอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินต่างพากันแสดงสีหน้าไม่พอใจนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพ่ายแพ้นับตั้งแต่เริ่มท้าทายในวันที่สาม และยังเป็นการพ่ายแพ้อย่างราบคาบจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวโดยผู้หญิงคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ตอนนี้ มีผู้คนจำนวนมากต่างพากันส่งเสียงเชียร์เซี่ยซิ่วซิ่วความคับแค้นที่สั่งสมมาตลอดหลายวันได้รับการปลดปล่อยออกมาในที่สุดดวงตาของหัวหน้าฉายประกายเย็นเยียบเหมือนงูพิษที่จ้องมองเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างน่ากลัว “นี่มันปรมาจารย์ระดับเก้า เป็นไปไม่ได้!”ภายในใจของเขารู้สึกตกตะลึงจนยากจะอธิบาย เซี่ยซิ่วซิ่วที่ดูเหมือนเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่า ๆ เท่านั้น กลับสามารถบรรลุถึงระดับนี้ได้อย่างไร“หัวหน้า เอาไงดีครับ?”“หรือจะให้ผมขึ้นไปสั่งสอนผู้หญิงคนนี้เอง”“เธอแข็งแกร่งก็จริง แต่ดูจากประสบการณ์การต่อสู้แล้วน่าจะธรรมดา ผมมั่นใจว่าจะเอาชนะได้”……จอมยุทธ์จากประเทศอ่ายเหรินที่กล้ามาท้าทายในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาเตรียมตัวกันมาอย่างดีทั้งทีมมีจอมยุทธ์ระดับปรมาจ
พลังจากร่างกายของเย่ซิวสามารถช่วยฟื้นฟูข้อบกพร่องต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งผลักดันให้เขาก้าวเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นเรื่อย ๆเย่ซิวลอยอยู่เหนือพื้นสองถึงสามเมตร แขนทั้งสองข้างกางออกราวกับกำลังดื่มด่ำกับพลังอันไร้ขอบเขตที่แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มที่ยากจะอธิบายเมื่อเข้าสู่ขั้นจินตาน พลังของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นทันทีถึงยี่สิบเท่าใช่แล้ว ยี่สิบเท่าเต็ม ๆตามบันทึกในตำราโบราณระบุไว้ว่าปกติแล้วผู้บำเพ็ญที่ก้าวจากช่วงสร้างพื้นฐานสู่ระดับจินตาน พลังมักจะเพิ่มขึ้นเพียงสี่ถึงหกเท่าแต่เย่ซิวกลับต่างออกไป พลังของเขาเพิ่มขึ้นถึงยี่สิบเท่าเต็ม ๆแม้เทียบกับยุคหลายพันปีก่อนซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณและเหล่าอัจฉริยะมากมาย เขาก็ยังถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้าหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของเย่ซิวจึงค่อย ๆ สงบลงการทะลวงเข้าถึงระดับจินตานครั้งนี้ยังมอบความสามารถพิเศษที่มีประโยชน์ให้เขาอีกด้วยร่นพสุธา!เย่ซิวทดลองใช้งานทันทีร่างของเขาหายวับไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตาเมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาได้ย้ายไปยังจุดที่ห่างออกไปถึงร้อยเมตรแต่ก็มีข้อเสียอยู่ นั่น
ชูตงถูกใครบางคนสวมกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหันทำให้เธอกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวแต่ในวินาทีถัดมาพอเธอก็ได้กลิ่นอันแสนคุ้นเคย ร่างกายก็พลันอ่อนระทวยทันที เธอเอนหัวพิงอกของเย่ซิวพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอน ๆ “เจ้าคนขี้แกล้ง ทำคนอื่นเขาตกใจหมด”เย่ซิวหัวเราะเสียงดัง “เมื่อกี้ผมได้ยินนะว่ามีใครบางคนพูดว่าคิดถึงผมมาก”ชูตงไม่ได้ปฏิเสธ “ก็ใช่ไง ฉันคิดถึงคิดถึงคิดถึงคุณมาก”เมื่อเธอเปิดใจแล้วก็ไม่มีการปิดบังใด ๆ ทั้งสิ้น เธอแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาทันทีทันใดนั้นเธอก็บิดตัวเล็กน้อยและหันกลับมามองเย่ซิวด้วยแววตาที่แฝงความออดอ้อน “ฉันอยากจังเลย~”ผู้ชายทั่วไปมักชอบได้ยินคำว่า ฉันอยาก แต่กลัวที่สุดคือคำว่า ฉันยังอยากอีกแต่สำหรับเย่ซิวแล้ว ประโยคหลังไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอนเพราะด้วยวิชาที่เขาคิดค้นขึ้นมาเองนั้น ต่อให้คู่ต่อสู้จะมากแค่ไหนเขาก็ไม่มีทางหวาดหวั่นอย่างไรก็ตาม เย่ซิวกลับวางชูตงลงพลางส่ายหน้าด้วยดวงตาแฝงความเย็นเยียบ “เราต้องกลับไปก่อน ตอนนี้พวกเด็กน้อยจากประเทศอ่ายเหรินกำลังท้าทายเราไม่หยุดเลย!”ระหว่างทางกลับเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูการถ่ายทอดสด และเห็นการต่อสู้ระหว่างเซี่
ของปลอม ของปลอมแน่ ๆ!อาคิตะ อิจิโร่หายใจหอบแรง ลมหายใจพุ่งออกจากรูจมูกเป็นไอร้อนจนมองเห็นได้ชัดด้วยเลือดลมที่พลุ่งพล่านหลิ่วเมิ่งอิ๋นช่างเย้ายวนเกินต้านทานเขาผ่านผู้หญิงมามากมาย แต่ไม่เคยพบใครที่เป็นยอดหญิงงามถึงเพียงนี้มาก่อนอาคิตะขยี้มืออย่างตื่นเต้นพลางหัวเราะคิกคัก “สาวน้อย เธอหนักไหมล่ะนั่น? ให้ลุงช่วยประคองหน่อยไหมล่ะ”พูดจบ เขาก็พุ่งเข้าโจมตีหลิ่วเมิ่งอิ๋นทันทีด้วยท่าทีและตำแหน่งการโจมตีที่เต็มไปด้วยความหยาบคายปัง! ปัง! ปัง!การปะทะกันของทั้งสองส่งเสียงดังทึบอย่างต่อเนื่องบนเวทีหลิ่วเมิ่งอิ๋นรู้สึกชาไปทั้งแขนราวกับกำลังต่อสู้กับพญาช้าง พลังภายในของเธอถูกใช้จนหมดอย่างรวดเร็วและในที่สุดก็ต้องถอยออกมาก่อนหน้านี้พวกเธอได้ปรึกษากันเรื่องกลยุทธ์ไว้แล้วหากมีจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากในฝ่ายตรงข้าม พวกเธอจะใช้วิธีสู้แบบผลัดเปลี่ยนกันเพื่อป้องกันไม่ให้บาดเจ็บรุนแรงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีแล้ว หลิ่วเมิ่งอิ๋นจึงถอยออกมาอย่างสง่างามนั่นก็ทำให้อาคิตะ อิจิโร่รู้สึกไม่พอใจ เขายังไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากเธอเลย เมื่อเห็นหลิ่วเมิ่งอิ๋นถอยออกไปเขาก็คำรามด้วยความโกรธ “จอมยุทธ
“ประเทศเราเป็นมหาอำนาจขนาดนี้แต่กลับถูกจอมยุทธ์จากประเทศเล็ก ๆ บีบให้มาถึงจุดนี้เนี่ยนะ!”“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?!”“หรือพวกเราจะสู้เขาไม่ได้จริง ๆ?!”“ไม่มีฮีโร่คนไหนออกมาช่วยกู้หน้าบ้านเมืองบ้างเลยเหรอ?!”……ทุกคนในหลงเถิงที่ติดตามเหตุการณ์นี้ต่างพากันตะโกนก้องฟ้าด้วยความโกรธแค้น กระทืบเท้าทุบอกด้วยความอัดอั้นใจและความเกลียดชังมันน่าขายหน้าเหลือเกิน นี่พวกเขาโดนหยามเกียรติถึงขนาดนี้ได้ยังไงโดนเขามาอัดถึงหน้าบ้าน ถูกเหยียบย่ำจนไม่เหลือศักดิ์ศรี แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยลู่เสวี่ยเอ๋อร์กับเซี่ยซิ่วซิ่วต่างกำหมัดแน่นด้วยความอัดอั้นในใจถึงขีดสุดส่วนอาคิตะ อิจิโร่ที่ยืนอยู่กลางเวทีหัวเราะเสียงดัง ด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “พวกขยะเอ๊ย ไม่เห็นจะมีใครสู้ฉันได้สักคนจอมยุทธ์ของหลงเถิงกลับไปทำนาเถอะ พวกแกไม่คู่ควรกับชื่อเสียงของประเทศแห่งต้นกำเนิดวิถีการต่อสู้เลยสักนิด!”เหล่าลูกศิษย์ของเขาต่างพากันชูแขนตะโกนลั่น น้ำเสียงเย้ยหยันดังสนั่นไปทั่วโรงยิม“หัวหน้าของเราปราบศัตรูได้ทั่วหล้า”“จอมยุทธ์ของหลงเถิงอ่อนแอสิ้นดี”“พวกแกยังกล้าเรียกตัวเองว่าจอมยุทธ์อยู่อีกเหรอ ถ้าฉ
ความคิดเห็นจากผู้คนบนโลกออนไลน์ต่างหลั่งไหลเข้ามามากมายแม้จะยอมรับในความกล้าหาญของเย่ซิว แต่หลายคนก็เตือนเขาว่าถ้ารู้สึกไม่ไหวก็ให้รีบยอมแพ้เถอะ จะได้ไม่ต้องบาดเจ็บเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่คิดว่าชายรูปร่างบอบบางอย่างเย่ซิวจะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของอาคิตะ อิจิโร่ที่ร่างกายกำยำเหมือนหมีได้เย่ซิวยืนไขว้หลังด้วยท่าทีสงบและเอ่ยอย่างเรียบเฉย“ประเทศบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างอ่ายเหริน ประชาชนมีภูมิปัญญามาไม่ถึงพันปีความลึกซึ้งและรากฐานตื้นเขินขนาดนั้นแต่ยังกล้าบุกมาท้าทายประเทศมหาอำนาจแบบนี้ ช่างไม่รู้จักประมาณตนเอาเสียเลยวันนี้ฉันจะสู้กับแกให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าฉันใช้เกินสองกระบวนท่า ฉันจะปลิดชีพตัวเองตรงนี้เลย”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาคิตะ อิจิโร่หรือเหล่าลูกศิษย์ของเขาต่างก็หัวเราะกันจนแทบหยุดไม่ได้อาคิตะ อิจิโร่หัวเราะเสียงดังอย่างกับเสียงฟ้าร้อง “ฮ่า ๆ ไม่เลวเลยนี่ แกดูน่าสนใจกว่าคนอื่นเยอะทำงานอะไรวะ เป็นตลกเหรอ? เรื่องที่แกพูดมันขำมากเลยจริง ๆ”“ตลกมากใช่ไหม?” เย่ซิวยิ้มเย็นที่มุมปากขณะก้าวเดินออกไปข้างหน้าโครม!พลังอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาเหมือนคลื่นยักษ์พัด
หลังจากกษัตริย์แห่งประเทศอ่ายเหรินระเบิดความโกรธออกมาเพียงชั่วครู่ก็สงบลงอีกครั้ง แล้วกลับไปนั่งยังที่ของตน พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เฟยอวี่อยู่ไหน!”“ค่ะ”เสียงตอบรับดังขึ้นพร้อมกับหญิงคนหนึ่งที่เดินออกมาจากเงามืดปกติแล้วคนในประเทศอ่ายเหรินไม่ว่าจะชายหรือหญิงจะมีความสูงเฉลี่ยเพียงประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบห้าเซนติเมตร แต่เฟยอวี่กลับดูสูงกว่าปกติเล็กน้อย ประมาณหนึ่งร้อยหกสิบกว่า ๆ รูปร่างเล็กกะทัดรัด สวมชุดรัดรูปสีดำ และสะพายดาบเดี่ยวเล่มยาวไว้ด้านหลังหญิงสาวคนนี้สวมผ้าคลุมหน้า แต่จากรูปร่างและดวงตาที่เผยให้เห็นแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะมีหน้าตาที่ไม่ธรรมดาเลย“ปฏิบัติการครั้งนี้ล้มเหลวแล้ว ตอนนี้ฉันขอสั่งให้เธอใช้กำลังทั้งหมดของหน่วยข่าวกรองไปสืบค้นทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ให้กระจ่างจากนั้นฉันต้องการให้เธอเดินทางไปหลงเถิงด้วยตัวเอง จะใช้วิธีไหนก็ได้ แม้ต้องใช้ร่างกายเธอเป็นเหยื่อล่อจะฆ่ามันหรือดึงมันเข้ามาเป็นคนของเรา ถ้าเธอทำสำเร็จ ตระกูลเธอจะไม่ต้องเป็นหน่วยกล้าตายอีกต่อไป”เฟยอวี่พยักหน้ารับอย่างเยือกเย็น ก่อนร่างของเธอจะพุ่งหายไปในความมืด……เย่ซิวมองลงไปยังอาคิตะ อ
ประเทศหลงเถิงมีผู้ชายที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไงสำหรับพวกเขาแล้วนี่มันคือหายนะชัด ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศจ้านอิงประเทศอ่ายเหรินเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ของพวกเขา มักจะเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งอย่างไม่มีข้อโต้แย้งข้อมูลภายในของประเทศอ่ายเหรินส่วนใหญ่ก็ถูกแบ่งปันให้ประเทศจ้านอิงโดยไม่ปิดบังใด ๆพวกเขารู้ดีว่าอาคิตะ อิจิโร่เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับเก้าการที่เย่ซิวสามารถเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดายนั้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ประเทศจ้านอิงยังคงครองความเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก แต่ประเทศหลงเถิงก็ก้าวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแทบจะทัดเทียมในทุกด้านพวกเขาไม่อาจยอมรับได้ที่จะมีตัวแปรที่ไม่แน่นอนอย่างเย่ซิวปรากฏขึ้นขณะเดียวกัน นักข่าวในที่เกิดเหตุต่างก็ถ่ายภาพอย่างบ้าคลั่ง ในหัวของพวกเขาเริ่มคิดถึงคำบรรยายสำหรับเด็กหนุ่มคนนี้ทันทีผู้กอบกู้ล่มสลาย!คำพูดเหล่านี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อยหากวันนี้เย่ซิวไม่ปรากฏตัว เกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศหลงเถิงคงถูกเหยียบย่ำจนสิ้นตำแหน่งในเวทีนานาชาติจะร่วงหล่นสู่จุดต่ำสุด และความเสียหายที่
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน