เขานึกว่าเย่ซิวจะ…เย่ซิวรู้ว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิด แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรตัวเขาไม่ได้คิดอะไรกับร่างกายของเหมียวเหวินเหวินอยู่แล้ว สิ่งที่สนใจก็คือฝีมือการกลั่นโอสถของเธอต่างหากต้องพาผู้หญิงคนนี้กลับไปฝึกให้เชื่องเสียหน่อยพอเธอเชื่อฟังดีแล้ว ก็สามารถช่วยซ่อมแซมจุดตันเถียนให้เธอได้ ต่อจากนั้นก็ให้เธอช่วยกลั่นโอสถให้เขาเขาเดินตามเจ้าสำนักโอสถมาจนถึงคลังสมบัติ อีกฝ่ายเปิดประตูคลังด้วยสีหน้าไม่เต็มใจภายในคลังมีสมบัตินานาชนิดเรียงรายสวยงามจนเลือกไม่ถูกเย่ซิวเริ่มกวาดเก็บเข้ากระเป๋าทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำเมื่อเห็นเย่ซิวลงมือ เจ้าสำนักโอสถก็เจ็บปวดเหมือนจะขาดใจ ในขณะที่สมบัติในคลังหายไปกว่าหนึ่งในสามแล้วเขาจำต้องเอ่ยปาก “คุณชาย ช่วยเหลือไว้ให้พวกเราบ้าง อย่างน้อยก็เหลือไว้ให้นิดหน่อยเถอะครับ”เย่ซิวไม่หยุด แถมยังเร่งมือเก็บให้เร็วขึ้นอีกในใจของเจ้าสำนักโอสถเริ่มรู้สึกอยากฆ่าเขา แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกมาไม่นาน เย่ซิวก็เก็บของในคลังสมบัติไปจนเกลี้ยงเขามองหน้าเจ้าสำนักที่ตอนนี้มีสีหน้าเหมือนกลืนแมลงวันไปเป็นร้อยแล้วหยิบป้ายคำสั่งของสำนักโลหิตสังหารออกมาสะบัดไปมาตรงหน้าอีกฝ่าย
“น้องชายคนนี้ ฉันขอเชิญเข้าร่วมสำนักจ้าวโอสถอย่างจริงใจ ตำแหน่งรองเจ้าสำนักยังว่างอยู่ ไม่ทราบว่านายจะรับตำแหน่งหรือเปล่า”ผู้หญิงคนนี้มีความเด็ดขาดไม่ธรรมดา เมื่อเห็นว่าผู้หนุนหลังของเย่ซิวคือราชาแห่งรัตติกาล แล้วยังเห็นฝีมือกลั่นโอสถที่ทิ้งห่างคนรุ่นเดียวกันแบบไม่เห็นฝุ่น เธอจึงยื่นข้อเสนอออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยทุกคนในที่เกิดเหตุต่างตกใจไปตาม ๆ กัน เพราะนี่ไม่ใช่ตำแหน่งเล็ก ๆ แต่เป็นถึงรองเจ้าสำนักระดับสี่เป็นตำแหน่งที่อยู่ใต้เจ้าสำนักเพียงผู้เดียวเท่านั้น มีอำนาจล้นฟ้า แค่จามทีเดียวก็อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งแคว้นได้เลยแม้แต่เหลิ่งเฟิงก็ยังยอมรับในความกล้าของผู้หญิงคนนี้เย่ซิวชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ตอนนี้ผมยังไม่อยากออกไปจากที่นี่ครับ”ตำแหน่งรองเจ้าสำนักของสำนักจ้าวโอสถฟังดูน่าดึงดูดก็จริง แต่ในสำนักระดับสูงแบบนั้น พลังอำนาจนั้นซับซ้อนวุ่นวาย หากตัวเองไม่มีรากฐานอะไรเลย แล้วอยากจะยืนหยัดให้มั่นคงย่อมต้องใช้พลังและเวลามากมาย และสิ่งนั้นจะกระทบกับความเร็วในการฝึกฝนของเขาอย่างมากอีกอย่าง เขาก็ไม่รู้นิสัยของอีกฝ่ายดีพอ การไปอยู
ตูม!เมื่อปลายนิ้วนั้นเข้าใกล้เหมียวเหวินเหวินไม่ถึงสิบเซนติเมตร จี้ที่เธอสวมอยู่ก็ปล่อยแสงเจิดจ้าเป็นหมื่นสายจากนั้นรวมตัวกันกลายเป็นหญิงสาวที่สง่างามและดูทรงอำนาจ ยื่นมือออกมาขวางการโจมตีครั้งนั้นเอาไว้หญิงสาวคนนั้นเห็นเจ้าสำนักรัตติกาลแล้ว สีหน้าก็ปรากฏความประหลาดใจ “ราชาแห่งรัตติกาลผู้ทรงเกียรติ ศิษย์ของฉันไปล่วงเกินท่านตรงไหน ถึงทำให้ท่านต้องลดตัวลงมาลงมือเองแบบนี้”“เรื่องนี้ให้ฉันเป็นคนพูดเองดีกว่า”หยางชิงเสวี่ยพูดขึ้น แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตามความจริง โดยไม่ได้แต่งเติมอะไรแม้แต่นิดเดียวหลังจากฟังจบ เจ้าสำนักจ้าวโอสถก็ก้มหน้ามองเหมียวเหวินเหวินที่กำลังตัวสั่น “สิ่งที่ชิงเสวี่ยพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”เหมียวเหวินเหวินอยากจะโกหกมาก แต่พอเห็นสายตาที่เหมือนจะมองทะลุทุกอย่างได้ ก็ไม่กล้าพูดโกหก จึงพยักหน้ารับสารภาพเจ้าสำนักจ้าวโอสถถอนหายใจ “ฉันเคยบอกเธอแล้วว่าให้ปรับนิสัยหยิ่งผยอง ไม่เห็นหัวคนอื่นเสียใหม่ แต่เธอก็ไม่เคยฟังเลย”เหมียวเหวินเหวินก้มกราบซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ฉันผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่ทำอีก ขอร้องล่ะ อย่าทิ้งฉันเลย”“ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองทำ
“ฉัวะ!” มีดสั้นในมือของเย่ซิวแทงทะลุร่างหญิงชราอย่างง่ายดายหญิงชราแข็งค้างอยู่ตรงนั้น ก่อนจะก้มหน้าลงมองดูมีดที่ปักอยู่กลางท้องอย่างยากลำบาก ดวงตาเบิกกว้าง “นี่มัน…”ยังพูดไม่ทันจบลมหายใจก็ขาดหายเย่ซิวเตะร่างเธอออกไปเต็มแรง ร่างนั้นเปรอะไปด้วยเลือด ดูแล้วน่ากลัวอย่างถึงที่สุดการกระทำของเขาทำให้ทุกคนในสนามตาค้าง แขนขาเย็นเฉียบ พูดอะไรไม่ออกเหมียวเหวินเหวินกรีดร้องด้วยน้ำเสียงแหลมสูงที่เจือความเคียดแค้นอย่างรุนแรง “แกกล้าฆ่าคนของสำนักจ้าวโอสถ แกตายแน่ ต่อให้เทพเจ้าฟ้าดินมาโปรดก็ช่วยแกไม่ได้!”แม้แต่หยางชิงเสวี่ยก็ไม่คิดว่าเย่ซิวจะกล้าทำเรื่องแบบนี้เธอไม่มีเวลาคิดเรื่องที่ว่าความสามารถต่างกันขนาดนั้น แต่เย่ซิวทำได้ยังไงเธอรีบวิ่งมาหาเขา ก่อนจะเอ่ย “รีบหนีไปซะ ตอนนี้ยังทัน ไปซ่อนตัวในที่ที่ไม่มีคนสักสิบปี”เย่ซิวส่งสายตาให้เธออย่างมั่นใจ แล้วส่งพลังวิญญาณเข้าไปในมีดสั้นในมือแสงสีแดงสลับดำลุกโชนจากตัวมีด พุ่งทะยานขึ้นฟ้าแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเงาร่างยักษ์สูงกว่าพันจั้งในรูปทรงมนุษย์ตูม! จิตสังหารเย็นเยียบแผ่กระจายออกมาราวกับคลื่นทะเล ทั้งสำนักโอสถถูกปกคลุมด้วยเงามืดที่ไม
ต้องรู้ไว้ว่านักปรุงยาที่เก่งที่สุดในสำนักโอสถยังเป็นได้เพียงนักปรุงยาระดับกลางเท่านั้นและชายคนนี้ก็เป็นพวกที่รู้จักดูทิศทางลม เมื่อมั่นใจว่าเย่ซิวจะมีโอกาสได้พุ่งทะยานแน่นอน จึงรีบประจบเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแต่เขาไม่รู้เลยว่าเย่ซิวไม่ชอบคนแบบนี้เอาเสียเลย และยังเตรียมแผนเล่นงานเอาไว้หลายชุดแล้วด้วยซ้ำ“โอสถพวกนี้ขายให้ฉันได้ไหม?” หยางชิงเสวี่ยเอ่ยขึ้น “เม็ดละหนึ่งพันล้านศิลาวิญญาณ นายว่ายังไง”ราคานี้สูงกว่าตลาดอยู่พอสมควร เพราะตามปกติแล้วควรจะอยู่ราว ๆ เก้าร้อยล้านศิลาวิญญาณเท่านั้นเย่ซิวเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง พลางคิดในใจว่าแม่สาวคนนี้รวยใช่เล่นแปดพันล้านศิลาวิญญาณ พูดจะจ่ายก็จ่ายได้ง่าย ๆ แบบนี้ ถือว่าเทียบได้กับทรัพย์สินของสำนักระดับเจ็ดถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวแต่ยังไม่ทันได้ตอบ หญิงชราคนนั้นก็ร้องตะโกนขึ้นมาก่อน “กล้านักนะ ถึงกับกล้าโกงกลางงานแข่งแบบนี้!”เย่ซิวหันไปมองเธออย่างไม่พอใจ “พูดให้มันดี ๆ หน่อย ฉันไปโกงตอนไหน”หญิงชราส่งเสียงหึ “ยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ ตอนที่แกถือโอสถในมือเมื่อกี้ต้องแอบสลับกับของที่เตรียมไว้แน่ ๆ ไม่งั้นด้วยฝีมือแค่นี้ อายุแค่นี้ จะกลั่นโอสถระด
ตูม! เสาปราณโอสถสีทองพุ่งทะยานขึ้นฟ้าภายในเสาพลังนั้นมีโอสถแปดเม็ดลอยขึ้นลงช้า ๆ แผ่คลื่นพลังอันมหาศาลออกมาเมื่อเห็นโอสถทั้งแปด ผู้คนในสนามถึงกับยืนนิ่งเป็นท่อนไม้ สมองว่างเปล่า“โอสถหมื่นมณี นี่มันเป็นไปได้ยังไง!!!”เหมียวเหวินเหวินกรีดร้องเสียงแหลม ใบหน้าที่งดงามดุจนางฟ้าเริ่มบิดเบี้ยวอย่างบ้าคลั่งส่วนคนอื่น ๆ ยังอยู่ในอาการตกใจอย่างสุดขีดต่อให้เป็นคนที่มีความรู้เพียงเล็กน้อยก็ยังรู้ว่าโอสถนี้มันหมายความว่าอะไรมันหมายถึงโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตโดยสิ้นเชิงถ้าพื้นฐานร่างกายของคุณอ่อนแอ แค่กินเม็ดเดียวก็สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติทางกายภาพของคุณได้โดยตรงถ้าเดิมทีคุณมีขีดจำกัดอยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณ พอกินโอสถนี้เข้าไปก็มีโอกาสสูงที่จะทะลวงขึ้นไปถึงระดับจินตานริมฝีปากของหยางชิงเสวี่ยโค้งขึ้นนิด ๆ เย่ซิวไม่ทำให้เธอผิดหวังจริง ๆ เปิดฉากมาก็ทิ้งไพ่ตายเลยในขณะเดียวกัน แววตาของหญิงชราก็ปรากฏไอสังหารรุนแรงขึ้นมา ก่อนจะเคลื่อนไหวทันทีเธอพุ่งไปยังโอสถทั้งแปดเม็ดตรงหน้า ยื่นมือเหี่ยวย่นออกไปหมายจะคว้าไว้แล้วทำลายทันทีหน้าที่ของเธอไม่ใช่แค่คุ้มกันเหมียวเหวินเหวิน แต่ย