เมื่อเย่ซิวปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในสิ่งนั้น ก็เห็นว่าชามใบนั้นเปล่งแสงสีชมพูออกมา แสงสีชมพูนั้นรวมตัวกันกลางอากาศ ก่อร่างเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นเย้ายวน เธอสวมชุดผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างสุดเร่าร้อนแบบราง ๆ จนทำให้คนมองแทบกระอักเลือด ทันทีที่ปรากฏตัว เธอส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่เย่ซิว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ขอบคุณคุณชายที่ปล่อยข้าออกมา ตั้งแต่นี้ไปข้าจะเป็นของท่าน ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านเถอะ" ทันใดนั้นพลังจิตลึกลับก็แผ่ออกมาจากร่างเธอ แต่เย่ซิวแค่แค่นเสียงหึเย็นชาออกมาเท่านั้น!เธอพยายามใช้เสน่ห์สะกดเขา แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็แค่ของเด็กเล่นหญิงสาวกรีดร้องออกมาทันที เพียงแค่เสียงหึของเย่ซิว ก็ดังราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจเธอทำให้ร่างวิญญาณของเธอบิดเบี้ยวราวกับจะแตกสลาย "ท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!" เย่ซิวจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนเอ่ยถาม "เธอมีที่มาอย่างไร?" หญิงสาวรีบตอบเสียงสั่น "เรียนนายท่าน ข้าคือปีศาจเสน่หา จะต้องเกิดในวันที่สามเดือนสาม และต้องตายในที่ที่ดอกท้อบานสะพรั่งเท่านั้น จึงจะถูกหลอมรวมกลายเป็นปีศาจเสน่หาได้
ตอนนี้เย่ซิวเหลือเพียงร่างแยกธาตุไม้และร่างแยกธาตุดินที่ยังไม่ได้สร้างขึ้นมานอกจากวัสดุหลักสองอย่างนี้แล้ว วัสดุอื่น ๆ ก็หาได้ครบหมดแล้ว เย่ซิวเก็บของทั้งหมดอย่างระมัดระวัง หลังจากกลับไปก็สามารถเริ่มสร้างร่างแยกธาตุไม้ได้ทันทีของที่วางอยู่บนชั้นก็ถูกเก็บไปจนหมด ทุกชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่า ในตอนนี้ ทรัพย์สมบัติที่เย่ซิวมีจากการบำเพ็ญเพียร ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ในยุคโบราณที่เป็นยุคทองของการฝึกตน เย่ซิวก็ยังนับได้ว่ามีทรัพย์สินมหาศาลในหมู่ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน หลังจากกวาดล้างคลังสมบัติจนไม่เหลืออะไรแล้ว เย่ซิวก็ออกจากที่นั่น ผ่านไปไม่นาน คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับมาเช่นกัน และทุกคนก็ได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยไม่มีใครเสียเวลาอยู่ที่นั่นนานนัก ทุกคนเดินทางกลับสำนักโอสถทันที เมื่อกลับมาถึงสำนักโอสถพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าประชาชน ทุกคนต่างพากันส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตลอดทั้งเรื่องทำให้ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าขุมกำลังที่ปกป้องพวกเขาอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แน่นอนว่าบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดก็คื
จิตใจหรือมุมมองของเย่ซิวถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วนสามารถมองเห็นมุมมองของร่างแยกทั้งสี่รวมถึงตัวเขาเองแต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่สุดสิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจยิ่งกว่าคือ พลังของร่างแยกทั้งสี่สามารถไหลเวียนระหว่างกันได้ หรือสามารถถ่ายโอนไปยังร่างหลักของเย่ซิวทั้งหมดนั่นหมายความว่าร่างแยกทั้งสี่สามารถฝึกฝนได้พร้อมกันและพลังงานที่พวกมันดูดซับได้ทั้งหมดจะถูกส่งมายังเย่ซิวที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือหากร่างหลักหรือร่างแยกตัวใดตัวหนึ่งถูกโจมตี พลังของการโจมตีนั้นสามารถถ่ายโอนไปยังร่างใดร่างหนึ่งได้ตามต้องการไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้ทำให้ความสามารถของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลมุมปากของเย่ซิวเผยรอยยิ้มออกมาหากเกิดขีปนาวุธเอชขึ้นอีกครั้ง เย่ซิวก็สามารถถ่ายโอนแรงระเบิดบางส่วนไปยังร่างแยกทั้งสี่ ทำให้เขาสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้โดยไม่ต้องใช้วิถีหรือสัตว์วิญญาณกิเลนหลังจากย่อยพลังที่ได้รับมาในครั้งนี้ เย่ซิวก็พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นอีกระดับเมื่อกลับออกมา เย่ซิวนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจไปที่ห้องทดลองชีวภาพเพื่อตรวจดูเฉินน่าและหลานสาวของเธอว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้
อาหารของพวกมันมีความหลากหลายมากใบไม้ต่าง ๆ และวัชพืชก็สามารถกินได้ ต้นทุนในการเลี้ยงต่ำมากสิ่งเดียวที่ยุ่งยากก็คือมันฝึกให้เชื่องได้ยากแต่ดูตอนนี้สิ เจ้านี่ถูกเสี่ยวเยวี่ยฝึกให้เชื่องแล้ว แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีกเมื่อบอกเรื่องนี้กับเสี่ยวเยวี่ยเธอก็ดีใจขึ้นมาทันทีการได้ช่วยเย่ซิวทำให้เธอรู้สึกมีความสุข อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกว่าเป็นภาระเย่ซิวสอนเธอเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องระวังบางอย่าง และให้เธอเริ่มดูแลมันได้เลยเสี่ยวเยวี่ยตั้งใจฟังและจดจำทุกอย่างไว้อย่างละเอียดหลังจากเธอออกไปแล้วเย่ซิวก็ไปหาเฉินน่าเมื่อเข้าไปในห้องทดลองชีวภาพก็เห็นเฉินน่ากำลังยุ่งอยู่กับงานเธอรับสมัครผู้ช่วยมาหลายคน และตอนนี้พวกเขากำลังช่วยเธอทำการทดลองต่าง ๆ“วันนี้ปริมาณยาเยอะไปหน่อย พรุ่งนี้ต้องลดลง อีกอย่างสภาพร่างกายของตัวทดลองวันนี้ก็ไม่ค่อยดี ต้องให้พวกมันกินผักเยอะขึ้นด้วยนะ…”เย่ซิวไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ เขาแค่ยืนมองจากระยะไกลผ่านไปยี่สิบนาที เฉินน่าถอดหน้ากากออกและหันไปบอกกับผู้ช่วยหลายคนว่า“วันนี้พอแค่นี้ก่อน กลับไปแล้วอย่าลืมจัดการข้อมูลให้เรียบร้อย พรุ่งนี้เราค่อยทำต่อ”ผู้ช่วยพยักหน้า
ประเทศหลงเถิง ณ สถานที่เล็ก ๆ ที่ไม่มีใครรู้จักที่นี่มีบ้านไม้เรียงรายเป็นแถวทุ่งดอกคาโนล่าบานสะพรั่งไปทั่วภูเขา และมีเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่กำลังหาอาหารอย่างสบายใจ บรรยากาศดูเหมือนแดนสวรรค์ที่ถูกซ่อนเร้นจากโลกภายนอก“แอ๊ดดด!”ประตูของหนึ่งในบ้านไม้ถูกเปิดออก หญิงสาวผู้มีความงดงามเกินคำบรรยายก้าวออกมาเธอสวมชุดกระโปรงยาวสีแดงสด ประดับลวดลายของหงษ์เพลิงที่กำลังกระพือปีก เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าใบหน้าของเธอไร้เครื่องสำอาง แต่กลับงามสะกดสายตาจนผู้คนต้องตกตะลึงในขณะที่เธอปรากฏตัว เหล่าสัตว์เล็กและทุ่งดอกคาโนล่าทั่วทั้งภูเขาราวกับกำลังยิ้มรับการมาของเธอหญิงสาวคนนี้ แน่นอนว่าเธอคือหยางชิงเสวี่ยนับตั้งแต่ที่เธอจากเย่ซิวมาครั้งล่าสุด เธอก็มาอยู่ที่สถานที่เล็ก ๆ ที่ไร้ผู้คนแห่งนี้พลังของเธอเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดดตู้ม!เสาแสงพลังงานสีเลือดพุ่งทะลุจากกลางกระหม่อมของเธอพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปั่นป่วนเมฆหมอกจนเกิดเป็นคลื่นพายุขนาดใหญ่ภายในเสาแสงนั้น มีทารกตัวเล็กขนาดเท่าฝ่ามือลอยขึ้นลงไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา หรือสีหน้าของทารกคนนี้ ล้วนเหมือนหยางชิงเสวี่ยทุกประการ
หยางชิงเสวี่ยไม่มีแววอารมณ์ใด ๆ ในนัยน์ตา เธอหมุนตัวเดินไปทางด้านหลังของบ้าน ชายหนุ่มบินไปด้วยความเร็วสูง ด้วยโทสะที่พลุ่งพล่าน เส้นเลือดบนใบหน้าของเขาปูดขึ้น ทำให้ดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก "นางสารเลว! ฉันยังไม่รังเกียจที่เธอเคยผ่านมือผู้ชายคนอื่นมาก่อนเลย แต่เธอกล้าปฏิเสธฉันงั้นเหรอ!? รอให้ฉันแข็งแกร่งกว่านี้ก่อนเถอะ ฉันจะทำให้เธอทรมานจนอยากตายแต่ก็ตายไม่ได้เลยคอยดูส่วนไอ้เย่ซิว ฉันจะเอาร่างของแกมาเป็นหุ่นเชิด และจองจำวิญญาณของแกไว้ชั่วนิรันดร์เผาแกด้วยไฟโลกันตร์ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนกว่าความแค้นในใจฉันจะมอดลง!" ...…เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลานี้ สำนักโอสถเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ก่อนอื่นพื้นที่ของสำนักขยายใหญ่ขึ้นกว่าสิบเท่า ประเทศโดยรอบทั้งหมดถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนของสำนักโอสถ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะไม่มีประเทศปิงจือหรือประเทศสุ่ยจืออีกต่อไป จะมีเพียงสำนักโอสถเท่านั้น นอกจากนี้ การพัฒนาภายในสำนักก็รวดเร็วราวกับติดจรวด ตึกสูงระฟ้าผุดขึ้นอย่างต่อเนื่องถนนสายกว้างขวางทอดยาวไปทั่วทุกแห่ง ราวกับมังกรยักษ์แผ่ขยายทั่วทั้งดินแดนของสำนักโอสถ โ
เย่ซิวเห็นแสงหนึ่งพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูงภายในแสงนั้นคือชายหนุ่มที่มีบุคลิกโดดเด่น แต่ในตอนนี้ใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยจิตสังหารเย่ซิวขยับตัวเพียงครั้งเดียว ก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ขวางทางชายหนุ่มคนนั้นไว้ พร้อมกล่าวอย่างเรียบเฉย "นายเป็นใคร?""เย่ซิว!" ชายหนุ่มจ้องมองเย่ซิวด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ราวกับว่าเย่ซิวเคยทำเรื่องเลวร้ายกับเขามาก่อน "ตายซะเถอะ!"เขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบลงมือทันทีนิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาแนบชิดกัน แล้ววาดอักขระลงบนอากาศอย่างรวดเร็ว "อักขระสะกดพลัง จงปราบ!"ทันใดนั้นอักขระที่เปล่งแสงก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนจะกลายเป็นภูเขาลูกใหญ่ พุ่งลงมากดทับเย่ซิวอย่างรุนแรงตู้ม!เย่ซิวซัดหมัดเดียวก็ทำลายภูเขาลูกนั้นจนแหลกเป็นเสี่ยง ๆ เขารู้สึกเจ็บแปลบที่หมัดเล็กน้อย ทำให้ต้องหันไปมองชายหนุ่มคนนั้นด้วยความแปลกใจอีกฝ่ายมีพลังเพียงแค่จินตานขั้นต้นเท่านั้น แต่กลับสามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บได้ นับว่าน่าประทับใจไม่น้อยสถานที่นี้ไม่เหมาะกับการต่อสู้ เย่ซิวจึงหันหลังแล้วพูดขึ้น "ถ้ามีเรื่องอะไรค้างคาใจ เราไปสะสางกันที่ที่ไม่มีคนดีกว่า"ชายหนุ่มรีบไล่ตา
ร่างแยกของชายหนุ่มกลายเป็นช้างยักษ์ ภูเขาไฟ และมังกรทอง พุ่งเข้าใส่เย่ซิวอย่างดุดันพลังทำลายล้างรุนแรง เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้างราวกับแผ่นดินแยก ภูเขาถล่มเย่ซิวเริ่มจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นประกบเป็นวิชามือตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!อสนีบาตสีม่วงสามสายปรากฏขึ้นกลางอากาศ และฟาดลงมาอย่างรุนแรงสัตว์อสูรทั้งสามที่ชายหนุ่มปล่อยออกมา ถูกทำลายลงทันทีชายหนุ่มมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “วิชาอสนีบาตเก้าชั้นฟ้า! นายได้มันมาจากที่ไหน!?”เย่ซิวยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “นายควรห่วงความปลอดภัยของตัวเองก่อนจะดีกว่า”หลังจากพูดจบ สายฟ้านับไม่ถ้วนก็พุ่งลงมาโจมตีชายหนุ่มชายหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบใช้ทุกวิชาที่มีเพื่อหลบหนีแต่วิชาอสนีบาตเก้าชั้นฟ้าทรงพลังเพียงใดกันเมื่อมันถูกใช้ออกมาโดยยอดฝีมืออย่างเย่ซิว พลังที่ระเบิดออกมานั้นน่าสะพรึงกลัวอย่างหาที่สุดมิได้ชายหนุ่มสามารถหลบการโจมตีได้เพียงไม่กี่สาย ก่อนจะถูกสายฟ้าฟาดเข้าเต็ม ๆแต่โชคดีที่เขาพกสมบัติเวทมนตร์บางอย่างติดตัวมาในช่วงเวลาวิกฤติ มันกางม่านพลังโปร่งแสงออกมาป้องกันพลังทำลายทั้งหมดถึงแม้จะรอดจากการบาดเจ็บ แต่หั
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ