ลู่ลู่ลี่ลี่ได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ วันนี้ท่านป้าจางปรุงดีหมีหัวใจเสือให้ผู้เป็นนายของนางกินหรืออย่างไร วันนี้ถึงได้กล้าเล่นงานคุณชายสามเว่ยจนโกรธตัวสั่นไปแบบนั้น ทุกทีเห็นแต่ผู้เป็นนายของพวกนางที่ร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า
เจียงม่านรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ไม่มีกะจิตกะใจที่จะเดินชมความวิจิตรของจวนหลังนี้อีกต่อไป แต่ในขณะที่นางคิดจะหันหลังกลับเรือนของตนเพราะถึงแม้นางจะอยู่ก็ไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ อยู่ๆ ก็มีเรื่องราวหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของนาง
ตระกูลเจียงนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักสุรามาหลายชั่วอายุคน แต่กิจการหอสุราตระกูลเจียงริเริ่มในรุ่นของท่านปู่ของเจียงม่าน และรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดเมื่อบิดาของนาง นายท่านเจียงถงเข้ามารับช่วงต่อ หลังจากที่ผู้เป็นปู่จากไป
เถ้าแก่เจียงที่ผู้คนในเมืองฉางนั้นรู้จักและนับหน้าถือตา เขานั้นมีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่แต่งงานกันตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มสาว จนกระทั่งอายุล่วงเข้าวัยสามสิบตอนปลายแต่กลับยังไร้ซึ่งทายาท ผู้เป็นภรรยาของเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตั้งครรภ์เสียที และเพราะเขานั้นรักผู้เป็นภรรยามากจึงไม่คิดที่จะรับอนุหรือสตรีนางใดเข้าจวน
แต่แล้วสวรรค์ก็มีเมตตาเห็นแก่ความรักที่เขามีต่อภรรยา จึงมอบบุตรีผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจให้แก่ทั้งสองมาคนหนึ่ง แต่ความสุขนั้นก็อยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน เมื่อภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากล้มป่วยและจากไปเมื่อตอนที่บุตรสาวของทั้งสองมีอายุได้เพียงห้าขวบ ดังนั้นบุตรสาวที่เกิดจากสตรีผู้เป็นที่รักจึงเป็นเพียงความสุขเดียวของเขา นายท่านเจียงทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้แก่บุตรสาวเพียงคนเดียว ไม่ว่านางจะต้องการสิ่งใดผู้เป็นบิดาล้วนหามาให้ ไม่เคยที่จะขัดใจนางให้นางต้องขุ่นข้องหมองใจ จนนางกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่ง
จนกระทั่งเมื่อสองปีก่อน ในตอนที่เจียงม่านมีอายุได้สิบสามขวบปี ตระกูลเจียงก็ได้เกิดคลื่นลมครั้งใหญ่ขึ้น เมื่อเมืองฉางได้มีครอบครัวตระกูลคหบดีจากเมืองหลวงย้ายเข้ามาอยู่ใหม่
ตระกูลหม่าของนายท่าน หม่าชิงหลุน อีกฝ่ายนั้นมาเปิดกิจการอยู่ตรงกันข้ามกับหอสุราตระกูลเจียง ทั้งยังกว้านซื้อที่ดินโดยรอบจนเกือบหมด ซึ่งมันคงจะไม่เกิดปัญหาใดขึ้นหากกิจการนั้นหาใช่การเปิดหอสุราเช่นเดียวกัน และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตั้งใจตั้งตัวเป็นศัตรูทางการค้ากับตระกูลเจียง โดยการใช้เส้นสายและเงินทอง ขายสุราในราคาต่ำ เพื่อล่อลวงคู่ค้าของตระกูลเจียง อีกทั้งยังใช้วิธีสกปรกสารพัดเพื่อแย่งชิงความเป็นหอสุราอันดับหนึ่ง
นับแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งสองตระกูลก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผย ต่อสู้กันมาตลอดสองปี
นายท่านเจียงถงนั้นเป็นคนที่ซื่อตรงไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยม เป็นคนที่ยึดถือในหลักการ และความซื่อสัตย์ นั่นจึงทำให้มีทั้งคนที่รักและนับถือเขา และผู้ที่ชิงชังความซื่อตรงของเขา โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เสียผลประโยชน์เพราะความซื่อตรงของเขา
ในขณะที่นายท่านหม่าชิงหลุนคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและเขี้ยวเล็บมากมาย ในระยะเวลาเพียงสองปีเขาก็มีเส้นสายที่เป็นทั้งเหล่าพ่อค้าและขุนนางในพื้นที่ที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมากมาย
กิจการของตระกูลเจียงต้องหยุดชะงักลงครั้งแล้วครั้งเล่า และต้องสูญเสียเม็ดเงินมากมายเพื่อชดใช้ให้กับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้งของฝั่งตรงข้าม
นายท่านเจียงในวัยใกล้จะครึ่งร้อยต้องโหมทำงานอย่างหนัก เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดสองปี เริ่มมีสุขภาพที่ย่ำแย่ลง เพราะเขานั้นต้องต่อสู้อยู่เพียงลำพัง
ฝั่งของตระกูลหม่า นายท่านหม่านั้นมีบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก บุตรชายที่เขาภาคภูมิใจ คุณชายใหญ่หม่าลู่เฟิง เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่ฉลาดและมีไหวพริบ มีบุตรชายที่เกิดจากเหล่าอนุภรรยาอีกสองคน พวกเขาล้วนเป็นคนมีฝีมือ ไหนเลยตระกูลเจียงจะใช่คู่ต่อสู้ ในที่สุดตระกูลเจียงก็ถึงวันที่จะต้องจบสิ้นลง
และนายท่านหม่ายังมีบุตรสาวที่เกิดจากอนุภรรยาคนโปรด หม่าลี่เซียน บุตรสาวเพียงคนเดียวของตระกูล ที่ตอนนี้ถูกยกฐานะให้เป็นบุตรสาวของภรรยาเอก บุตรสาวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองฉางในขณะนี้ สตรีที่งดงามและเพียบพร้อม สตรีที่เหล่าบุรุษในเมืองฉางต่างใฝ่ฝันหา
ในขณะที่บุตรสาวเพียงคนเดียวของนายท่านเจียงถูกกล่าวว่าคือสตรีแสนร้ายกาจที่ไม่ได้เรื่อง ไร้ความสามารถทั้งยังเอาแต่ใจ ผู้ที่ไม่เคยสร้างประโยชน์ใดๆ ซ้ำยังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ผลาญทรัพย์สมบัติ และหลงใหลบุรุษจนตระกูลล่มจม
ที่กล่าวเช่นนั้นเพราะเจียงม่านคือผู้ที่มอบสูตรลับในการหมักสุราของตระกูลเจียงให้แก่คุณชายใหญ่หม่าลู่เฟิง หลงใหลในคำหวานและคำหลอกลวงของบุรุษ จนอีกฝ่ายใช้เล่นงานตระกูลตน แต่ผู้เป็นบิดากลับไม่เคยกล่าวโทษนาง
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เจียงม่านเกลียดชังตระกูลหม่า เกลียดชังคุณชายใหญ่ตระกูลหม่าผู้นั้นที่หลอกใช้ความรักของนางและนางเกลียดชังหม่าลี่เซียนที่สวมหน้ากากเข้าหานางจนนางยอมรับอีกฝ่ายเป็นสหายแต่กลับหักหลังนางจนเข้ากระดูก
เรื่องราวเหล่านั้นทำให้น้ำตาของเจียงม่านไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว รสชาติเค็มพร่าที่สัมผัสริมฝีปาก ทำให้นางรีบยกฝ่ามือขึ้นเช็ดหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงได้อ่อนไหวกับเรื่องเหล่านี้ ภายในอกของนางรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจ ราวกับเรื่องราวเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับตัวนางเอง ทั้งๆ ที่นางเป็นเพียงวิญญาณที่มาสวมร่างผู้อื่นเท่านั้น
นางได้แต่เฝ้าถามตัวเองซ้ำๆ ว่าสวรรค์ส่งนางมาอยู่ในร่างของสตรีนางนี้เพราะเหตุใดกัน เพื่อให้นางมองดูตระกูลเจียงจบสิ้นลง ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงเพียงเท่านี้ จบลงอย่างที่มันควรจะเป็น
"คุณหนูนั่นท่านลุงเหวินนี่เจ้าคะ คงจะมาพบนายท่านเรื่องหอสุราเป็นแน่"
เสียงของลี่ลี่ที่เอ่ยขึ้นดึงสติและสายตาของนางให้มองไปยังชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินเข้าไปในเรือนอย่างเร่งรีบ
ท่านลุงเหวิน หลงจู่ผู้ดูแลหอสุราตระกูลเจียง
"นี่นายท่านจะขายหอสุราจริงๆ น่ะหรือ"
ลู่ลู่รำพึงออกมาอย่างโศกเศร้า หอสุราตระกูลเจียงคือท่อน้ำเลี้ยงหลักที่หล่อเลี้ยงอีกหลายชีวิตในจวนตระกูลเจียง เห็นทีทุกคนคงต้องถูกขายออกไปจริงๆ
เจียงม่านกวาดตามองบรรดาบ่าวไพร่กว่าสิบชีวิตที่ต่างชะโงกหน้าจ้องมองไปยังเรือนใหญ่ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น โดยไม่รู้ว่าต่อไปพวกตนจะมีชะตากรรมเช่นไร ทั้งยังคนงานในหอสุราและโรงหมักสุราอีกกว่าครึ่งร้อย
ไม่ได้ นางจะปล่อยให้หอสุราตระกูลเจียงจบสิ้นลงเพียงเท่านี้ไม่ได้
นางยังไม่ได้ลิ้มรสชาติของสุราเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ
"ลู่ลู่ลี่ลี่ ไปกันเถอะ ข้า อยากจะพบท่านพ่อ"
ตระกูลเจียงในตอนนี้เป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องสุรา สุราของตระกูลเจียงกลายเป็นสุราสร้างชื่อของเมืองฉาง ทั้งยังโด่งดังไปทั่วทั้งแคว้นและแคว้นข้างเคียง เพียงเวลาไม่นานกิจการของหอสุราตระกูลเจียงก็ขยับขยายใหญ่โต และกำลังดำเนินการที่จะขยายกิจการไปยังเมืองต่างๆ รวมไปถึงเมืองหลวงของแคว้น และคาดว่าต่อไปในอนาคตก็จะไปเปิดกิจการยังต่างแคว้นอีกด้วย เรียกได้ว่าตระกูลเจียงเข้าสู่ยุคที่รุ่งโรจน์จนฉุดไม่อยู่ส่วนหอสุราตระกูลหม่านั้น ในตอนนี้ได้ปิดตัวลง หันมาเอาดีทางด้านการค้าข้าวสารและธัญพืช โดยมีหม่าลู่เฟิงที่ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเป็นผู้ดูแลกิจการด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่ากิจการนั้นจะไปได้ดีอยู่ไม่น้อยถึงแม้ว่าจะมีร้านค้าใหญ่อยู่หลายร้านก็ตาม ส่วนหม่าลี่เซียนข่าวว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเถ้าแก่เผย แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน เถ้าแก่เผยได้ประกาศวางมือจากกิจการทั้งหมดและยกทุกอย่างให้บุตรชายของเขา ส่วนตนนั้นใช้เวลาอยู่กับภรรยาและเหล่าอนุทั้งหลาย จากบุรุษผู้รักมั่นในตัวภรรยาผู้ล่วงลับ แต่ยามเมื่อได้สัมผัสอารมณ์ความใคร่อีกครั้งกลับกลายเป็นบุรุษผู้หมกมุ่นในกามา บัดนี้จึงมีอนุภรรยาอยู่เต็มจวนเมืองฉางในตอ
"คนเก่งของข้า ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนเถิด"เว่ยซีหยวนเอ่ยเรียกสตรีที่นอนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงอยู่บนเตียงน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ใบหน้าหล่อเหลาประดับไปด้วยรอยยิ้ม ประคองถาดใบเล็กที่มีข้าวต้มหอมกรุ่นและถ้วยยาที่ต้มเสร็จใหม่ๆ มาวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างเตียง ก่อนจะโน้มกายลงจุมพิตแก้มนวลของสตรีที่ยังหลับตาพริ้มอย่างรักใคร่เมื่อคืนนี้นางช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก เขามีความสุขจนแทบจะล้นออกมานอกอก นางนั้นแสนซนและอยากรู้อยากลองไปเสียทุกอย่างแม้เขาคิดจะยั้งมือเมื่อรู้ว่าเป็นครั้งแรกของนาง แต่ถูกยั่วยวนเช่นนั้นก็หมดสิ้นความยับยั้งช่างใจ นางออดอ้อนน่าเอ็นดูถึงเพียงนั้น ใครจะไปอดใจได้ไหว จึงได้จัดหนักจัดเต็มจนเวลาล่วงเข้าวันใหม่ไปหลายชั่วยาม และนางเองก็ยังสู้ไม่ถอย สภาพจึงได้ออกมาเช่นตอนนี้หักโหมถึงเพียงนั้นเขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าหลังจากนั้นนางจะต้องป่วยเป็นแน่ จึงได้ลุกขึ้นไปเคี่ยวยาเตรียมไว้ให้นางตั้งแต่รุ่งสางและนางก็ป่วยจริงๆใบหน้าเล็กที่ซีดเซียวในคราแรก ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงก่ำมาจนถึงลำคอ แพขนตางอนขยับยุกยิก นั่นทำให้ชายหนุ่มที่คลอเคลียนางอยู่ไม่ห่างยกยิ้มขึ้น ดวงตาคมเผยประกายเจ้าเล่ห์สอดฝ่ามืออุ่นร้
เจียงม่านหัวใจเต้นแรงเมื่อถูกชายหนุ่มยกตัวจนลอยขึ้นจากพื้น ทั้งที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม สองแขนของนางกอดกระชับลำคอแข็งแกร่งเอาไว้ ยามเมื่ออีกฝ่ายก้าวเดินสองขาเรียวก็ยกขึ้นเกี่ยวรัดสะโพกสอบทรงพลังไว้แน่นจนเมื่อเขาวางนางลงบนเตียง ชายหนุ่มถึงได้ยอมปล่อยให้นางได้พักหายใจ แต่กระนั้นทั้งจมูกและริมฝีปากร้อนผ่าวก็หาได้ผละออกห่างจากใบหน้าของนางแม้แต่น้อย เขายังคงคลอเคลียพรมจูบไปทั่วใบหน้าของนางอย่างรักใคร่หลงใหล"ม่านม่าน เราแต่งงานกันเถอะนะ"เขาไม่อยากห่างจากนางอีกแล้ว ไม่อยากให้นางมองบุรุษอื่นอีก อยากให้ทั้งหัวใจและสายตาของนางมีเพียงแค่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นเสียงกระซิบแหบพร่าร้องบอกหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงอารมณ์พิศวาส ดวงตาคู่งามฉ่ำหวาน เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ หญิงสาวไม่ได้ยินที่เขาเอ่ยถามแม้แต่น้อย ในแววตาของนางมีเพียงความสับสนมึนงง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงหยุดการกระทำทุกอย่างลงเจียงม่านไม่รู้เลยว่าการนิ่งเงียบไม่ตอบคำของนาง จะทำให้ชายหนุ่มที่เฝ้ารอคำตอบรู้สึกเช่นไร ความผิดหวังน้อยใจไหววูบในดวงตาของเขา หัวใจปวดหนึบวูบโหวง แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็แทนที่ด้วยคว
ผ่านมาสองวันเจียงม่านก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเว่ยซีหยวน อีกฝ่ายจงใจที่จะหลบหน้านางแน่แล้ว เพราะเขาหายหน้าหายตาไป ไม่มาหานางที่จวนเช่นดังปกติที่มักจะมาขลุกอยู่กับนางหรือมารับนางออกไปยังหอสุราด้วยกัน จนเรียกได้ว่าทั้งสองแทบจะตัวติดกันตลอดเวลาเขามักจะทำตัวติดกับนางเสมอ หรือหากแม้ว่ามีธุระก็จะส่งคนมาแจ้งพร้อมด้วยของฝาก แต่ครั้งนี้กลับหายหน้าหายตาไปเฉยๆ เสียอย่างนั้น และเมื่อนางเลือกที่จะเป็นฝ่ายไปหาเขาก่อน คนของอีกฝ่ายกลับแจ้งกับนางว่าเขาไม่ได้อยู่ในจวน เมื่อนางถามว่าอีกฝ่ายไปไหน กลับตอบกลับมาว่าไม่ทราบ ไม่รู้ว่าผู้เป็นนายไปไหนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ทั้งยังไม่ยอมที่จะสบตานาง ท่าทางมีพิรุธเช่นนั้น พวกเขาคิดว่านางโง่หรืออย่างไร รอแล้วรอเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมโผล่หัวมา จนย่างเข้าวันที่สาม ยอมรับว่าตอนนี้นางมีโทสะอยู่เต็มท้องคนบ้าผู้นั้นหลบหน้านางทำไมกัน นางไปทำอันใดให้อีกฝ่ายไม่พอใจ เหตุใดจึงไม่ยอมบอกกล่าว เล่นหายไปแบบนี้ใครมันจะไปรู้หรือจะเกี่ยวกับเรื่องในวันนั้น แต่มันก็ไม่มีสิ่งใดผิดพลาดมิใช่หรอกหรือ ตอนนี้ยังมีข่าวว่าเถ้าแก่เผยส่งแม่สื่อไปจวนตระกูลหม่าแล้ว อีกไม
"เจ้าจะยังรั้งรออันใด หรืออยากจะเป็นคนที่ขึ้นไปนอนบนเตียงนั่นเอง"เว่ยซีหยวนเมื่อตั้งสติได้ก็หันมาถลึงตาใส่กวนป๋อเหวินที่กำลังใช้สายตาต่อว่าเขากวนป๋อเหวินส่งค้อนวงโตให้ผู้เป็นสหายป่าเถื่อนของตน ก่อนจะลากร่างที่หนักอึ้งของเถ้าแก่เผยไปโยนลงบนเตียงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ทั้งยังจับอีกฝ่ายเปลื้องผ้าจนเปลือยเปล่าหม่าลี่เซียนที่เห็นการกระทำของคนทั้งสองก็เบิกตาโพลง รับรู้ได้ว่าพวกเขาคิดจะทำสิ่งใด แต่ร่างกายที่กำลังสั่นสะท้านเพราะฤทธิ์กำยานปลุกกำหนัดทั้งยังความเจ็บปวดจากเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้นางไม่อาจกระทำสิ่งใดได้ดั่งใจ ตอนนี้ความร้อนรุ่มกำลังเล่นงานนางอย่างหนัก อยากจะปลดปล่อยความต้องการภายในร่างกาย แต่การจะต้องร่วมเตียงกับชายแก่อ้วนฉุเช่นเถ้าแก่เผยนั้นทำให้นางไม่อาจที่จะยอมรับได้ จึงกัดกระพุ้งแก้มของตนอย่างแรงเพื่อรั้งสติเอาไว้ จนรสเลือดคละคลุ้งไปทั่วทั้งปากดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำจ้องมองบุรุษที่นางหลงใหลด้วยสายตาเจ็บปวดและเจ็บแค้น ก่อนที่เสียงหัวเราะขื่นขมจะเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีซีดฮ่าฮ่าฮ่าหม่าลี่เซียนหัวเราะออกมาเสียงขื่น ในขณะที่น้ำตาของนางไหลพราก ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนายิ่งนั
งานเลี้ยงในวันนี้เริ่มขึ้นได้สักพักแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง เพราะผู้ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ล้วนเป็นเหล่าคหบดี พ่อค้าแม่ค้า และคนที่รู้จักมักคุ้นกันดีในเมืองฉางแห่งนี้เจียงม่านอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เมื่อเป็นตัวนางเองที่ต้องมาอยู่ท่ามกลางแผนการร้ายของผู้อื่น ยามเมื่อคอยลุ้นในซีรี่ย์ที่เคยดูนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว ยามนี้กลับยิ่งตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าแม้ว่าจะรู้ตัวล่วงหน้า แต่พวกนางยังไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายคิดจะวางยาเว่ยซีหยวนเช่นไร หันไปมองเจ้าตัวก็เห็นว่าเขาไม่ยอมแตะต้องเครื่องดื่มหรืออาหารบนโต๊ะแม้แต่น้อย นั่นทำให้นางรู้สึกเป็นกังวล หากเป็นเช่นนี้เรื่องราวจะเป็นไปตามแผนการของอีกฝ่ายได้อย่างไรกันใช่ว่านางจะไม่หวงแหนหรือเป็นห่วงเขาแต่นางลงทุนลงแรงไปถึงเพียงนี้จะให้สูญเปล่าได้อย่างไรกัน อย่างไรเสียวันนี้หม่าลี่เซียนก็จะต้องมีสามีที่ไม่ใช่บุรุษของนางนางยอมทุ่มเงินมากมายเพื่อว่าจ้างคนมีฝีมือที่เป็นวรยุทธ์คอยดูแลอยู่ห่างๆ อย่างไรก็มั่นใจว่าเขาจะต้องปลอดภัย ก่อนที่จะถูกหญิงนางนั้นกลืนลงท้อง อีกทั้งยังมีคนของคุณชายกวนที่กระจายตัวอยู่อีกอย่างใช่ว่าพ่ออันธพาลของนางจะร