ตอนที่ 6
ข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรหรือไม่
เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาอาจินก็เอ่ยบอกนางว่าคุณชายใหญ่ส่งโจ๊กเป๋าฮื้อ มาให้ อีกทั้งฝากคำมาบอกต่อนางว่าหากตอนเย็นนางไม่มีเรื่องอะไรอยากออกไปกินมื้อค่ำที่หอลุ่ยเหยียนอีกก็ให้ส่งคนไปแจ้ง คุณชายใหญ่กู้จะมา ทานอาหารค่ำเป็นเพื่อนนาง ฉงหลงยังไม่รู้ว่านางจะไปดีหรือไม่เพราะยังรู้สึกอับอายเรื่องเมื่อคืนอยู่มากนางจึงแค่พยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่อาจินเอ่ยบอก แต่ก็ยังไม่ได้สั่งการอะไรไป
อาหารเลิศรสกับความอับอายที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวต้องชั่งใจ ก่อน ทว่าหลังจากกินโจ๊กเป๋าฮื้อจนหมดหญิงสาวก็ตัดสินใจได้ในทันทีว่าอาหารเลิศรสชนะขาดลอยพร้อมสั่งอาจินให้ไปแจ้งคุณชายใหญ่ว่านางจะไป ที่หอลุ่ยเหยียนเย็นนี้
“อาจินมื้อเย็นวันนี้เจ้าจะต้องคอยเตือนข้านะว่าไม่ให้กินมาก จนเกินไป” เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องน่าอายขึ้นอีกนางจึงจะต้องหาคนคอยฉุดเอาไว้อีกแรง
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าได้เลยเจ้าค่ะคุณหนูท่านวางใจได้”
“เช่นนั้นก็ดี”
ตกเย็นฉงหลงก็ขึ้นรถม้าที่ถูกส่งมารับนางโดยเฉพาะเพื่อไปที่หอลุ่ยเหยียน
หอลุ่ยเหยียนยังคงคึกคักเหมือนเมื่อวานไม่มีผิดสมกับที่เป็นร้านอาหารที่กำลังโด่งดังมีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้ เมื่อฉงหลงและอาจินมาถึง หน้าร้านก็มีจางจงยืนรออยู่ก่อนแล้วเพื่อนำทางนางไปยังห้องอาหารชั้นบน
“คุณชายใหญ่มารอนานแล้วหรือไม่” นางเอยถามจางจง พร้อมกับก้าวเท้าตามชายหนุ่มไปได้
“สักพักหนึ่งได้ขอรับ” เมื่อได้ยินคำตอบของจางจงนางจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก นางมากินของอาหารเลิศรสโดยไม่ต้องจ่ายเงินสักเหวินอย่างน้อยก็ไม่ควรให้คนจ่ายเงินรอนาน
พอมาถึงหน้าห้องอาหารส่วนตัวแล้วก็พบว่ามีชายที่ไม่คุ้นหน้ายืนอยู่หน้าประตูห้องอาหารซึ่งเป็นห้องเดิมกับที่นางใช้เมื่อวานและนางก็คิดว่ายามนี้คุณชายใหญ่กู้ก็น่าจะอยู่ในห้องส่วนตัวนี้เช่นเดียวกับเมื่อวาน
นางไม่รู้จักชายผู้นี้แต่ดูเหมือนจางจงจะคุ้นเคยกับเขาอยู่พอสมควร เพราะนางเห็นว่าทั้งคู่พยักหน้าทักทายกัน
“คุณชายใหญ่ คุณหนูหลิงมาถึงแล้วขอรับ” จางจงเอ่ยแจ้งผู้เป็นนายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปตามที่ได้รับคำสั่งเอาไว้ว่าให้เข้าไปได้ทันทีเมื่อพาคนมาถึงแล้ว
ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกก็ทำเอาหลิงฉงหลงที่ตั้งท่าจะก้าวไปในห้องต้องชะงักฝีเท้าของตนเอาไว้เสียก่อน พร้อมทั้งที่ดวงตาทั้งสองข้างของนางก็เบิกกว่าขึ้นเพราะตกใจกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้าตน
กู้ซืออันกำลังโอบประคองบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้อย่างใกล้ชิด!!!
“รบกวนแล้ว” ฉงหลงเอ่ยก่อนจะดึงประตูห้องส่วนตัวให้ปิดลงอย่างรวดเร็วในทันที
นี่ข้ามาเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้าแล้วใช่หรือไม่?
นางทำตัวไม่ถูกรู้แค่ว่าไม่ควรอยู่ตรงนี้อีกต่อไปจึงคิดที่จะกลับก่อน ทว่ายังไม่ทันได้หันกลับเตรียมออกวิ่ง ประตูห้องที่ถูกนางดึงปิดไปเมื่อครู่ก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของกู้ซืออันเสียก่อน
“หลิงฉงหลงอยู่ก่อน” กู้ซืออันเอ่ยเรียกชื่อของหญิงสาวที่กำลังทำหน้าตาตื่นและน่าจะกำลังเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วต่อตัวเขาให้หยุดรั้งเท้าเอาไว้เสียก่อนเพราะเห็นว่านางตั้งท่าเตรียมจะวิ่งเต็มทีแล้ว “ส่วนเจ้า...เข้า ไปพาคุณชายของเจ้ากลับจวนไปซะ” ประโยคนี้เขาเอ่ยสั่งผู้ติดตามของสหายตนที่เพิ่งหมดสติไป
ผู้ที่ถูกน้ำเสียงเย็นๆ เอ่ยสั่งแน่นอนว่าจะอยู่เฉยไม่ได้ เขารีบไปนำ คุณชายของตนออกจากห้องในทันทีโดยมีจางจงช่วยหิ้วปีกมาคนละข้าง
การนำคนออกไปนั้นทำได้อย่างรวดเร็ว ฉงหลงลอบมองบุรุษที่ถูก หิ้วปีกออกไปยามที่เขาถูกหามผ่านหน้านางไป แค่แวบเดียวก็สามารถมองเห็นได้ว่าบุรุษผู้นั้นมีใบหน้าหล่อเหล่าทีเดียวรูปโฉมถือได้ว่าไม่ธรรมดา เลย
“เชิญ” เป็นกู้ซืออันที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองมาที่นาง
ฉงหลงยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะก้าวเข้าห้องอาหารส่วนตัวไปอย่างปฏิเสธไม่ได้
กู้ซืออันปิดประตูห้องก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารที่ยามนี้มีร่างเล็กของหญิงสาวนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามที่นั่งของเขา
“อาหารน่าจะไม่ร้อนแล้ว ข้าจะเรียกคนนำไปอุ่นมาใหม่”
“คุณชายใหญ่ไม่ต้องยุ่งยากหรอก ข้ากินได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวเอ่ย ก่อนจะเริ่มขยับตะเกียบในมือโดยไม่เงยหน้าสนใจเจ้ามือที่ทำหน้าที่เลี้ยง อาหารเลย
“คนเมื่อครู่คือสหายของข้า เฉาหมิงเขาเผลอดื่มสุราเข้าไปถึงได้ หมดสติ”
“คุณชายเฉาดื่มไปมากหรือ” นางถามขึ้นอย่างสงสัย หรืออาจจะ เป็นเพราะคุณชายเฉาผู้นั้นต้องการประชดรักต่อคุณชายใหญ่กู้จึงดื่มหนัก เช่นนั้น
“จอกเดียว แค่จอกเดียวเท่านั้น”
“........” จอกเดียวเมาจนถึงขั้นสลบไปมีที่ไหนกัน
“เฉาหมิงดื่มสุราไม่ได้ เขาดื่มไม่สิแค่จิบสิ่งที่เรียกว่าสุราเพียงนิด เดียวก็จะสลบไป เมื่อครู่เขาคุยกับข้าแล้วเผลอหยิบสุราข้าไปดื่มเพราะเข้า ใจผิดว่าเป็นน้ำชา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
“คนจู่ๆ สลบไปข้าก็เลยต้องเข้าไปรับตัวเอาไว้ เจ้าเปิดประตูเข้ามา เห็นพอดีตอนข้ากำลังช่วยเขา”
“อ่ออออ” หญิงสาวทำลากเสียงยาว คล้ายตั้งใจจะบอกว่านางเชื่อที่เขาพูด
“เจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูด” ท่าทีทำเป็นหลอกเด็กของนางคืออะไรกัน ทำเป็นเชื่อเขาแต่ก็ไม่เชื่อแน่ๆ ท่าทีของนางแสดงออกชัดเจน
“ข้าเชื่อ”
“เจ้าไม่เชื่อ”
“ข้าเชื่อ” นางเอ่ยย้ำ
“เจ้าไม่เชื่อแน่ๆ” เขาเองก็เอ่ยย้ำอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“ถ้าคุณชายอยากให้ข้าเชื่อข้าก็ยินดีที่จะเชื่อก็ได้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยออกมาพร้อมมองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง “ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้ายินดี...อยู่ต่อหน้าข้าเจ้าไม่ต้องหลบซ่อนตัวเองเอาไว้ ต่อหน้าข้าเจ้าไม่มีสิ่งใดต้องกังวล เมื่อข้าบอกว่าข้ายินดีแต่งงานกับเจ้านับตั้งแต่นั้นข้าก็ยินดียอมรับทั้งหมดที่เป็นเจ้า”
“ข้าไม่ได้มีสิ่งใดต้องปกปิด” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าเองก็ยินดีที่เจ้าเอ่ยว่าเจ้ายินดีที่จะยอมรับทั้งหมดที่เป็นข้า” เขาเอ่ยพร้อมกับจ้องมองไปที่ดวงตางามของหญิงสาว
“แต่เฉาหมิงกับข้าเมื่อครู่เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริงๆ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้ที่จะแก้ต่างให้กับตนเอง
“ข้าเชื่อ ข้าเชื่อๆๆๆๆๆ” ฉงหลงเอ่ยตอบกับทันที ทว่าท่าทางของนางก็ยังแสดงออกมาให้เห็นเช่นเดิมอย่างชัดเจนว่ากำลังแกล้งเชื่อไม่ได้ชื่อจริงๆ อย่างที่ปากพูด
“พรุ่งนี้ข้าจะให้เฉาหมิงมาอธิบายกับเจ้าด้วยตัวเอง”
“อย่าดีกว่า ข้าเชื่อแล้วจริงๆ” ไม่ว่าจะยังไงหญิงสาวก็ปฏิเสธทันทีเมื่อเขาเอ่ยจะให้เฉาหมิงมาพบนาง เหตุผลเพราะในใจจริงนางยังคิดไม่ตกว่าจะพบเฉาหมิงของเขาในฐานะอะไร
ในตอนนี้นางถือได้ว่าเป็นว่าที่ฮูหยินของกู้ซืออัน ส่วนเฉาหมิงนั้นคือคนรักลับๆ ของกู้ซืออันกระมัง ระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์ลับๆหรือไม่นะ ข้อนี้นางก็ไม่ได้รู้แน่ชัดควรกลับไปสืบความให้ชัดเจนก่อนจริงๆ
หลังจากตัดสินใจจะกลับไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกู้ซืออันกับเฉาหมิงแล้วนั้น ฉงหลงก็ไม่ปล่อยให้ปากของตนเองว่างอีกต่อไปเพื่อที่จะหลบเลี่ยงการตอบคำถามหรือเอ่ยกับกู้ซืออัน
ทว่าเมื่อวานนางมีบทเรียนอันน่าอับอายแล้วจึงไม่ฝืนกินแต่อย่างใดเมื่อรู้สึกว่ากินไปได้พอประมาณแล้วจึงขอตัวกลับในทันที อีกทั้งยืนยันไม่ให้อีกฝ่ายไปส่งตน
ส่วนกู้ซืออันนั้นก็ไม่อยากบังคับนางจนเกินไป จึงคิดจะปล่อยให้นางคิดตามใจตนไปก่อนคิดเอาไว้ว่าในภายหน้าหญิงสาวก็จะรู้ความจริงทั้งหมดเอง
มื้อเย็นในวันนี้จึงจบลงเช่นนั้น ชายหนุ่มยังให้หอลุ่ยเหยียนจดบัญชีอาหารมื้อนี้ในชื่อของเฉาหมิง อย่างไรมื้อนี้กู้ซืออันก็เห็นว่าเฉาหมิงควรจะจ่ายเงินในฐานะที่ทำให้เขาถูกว่าที่ฮูหยินเข้าใจผิดจนยากจะแก้ไข
ตอนพิเศษ : ข่าวดีครั้งใหม่เรือนใหญ่สกุลกู้ในยามเช้าอากาศปลอดโปร่ง แสงแดดอุ่นสาดต้องใบไม้เขียวชอุ่ม ด้านในเรือนหรู หลิงฉงหลงนั่งพิงหมอนอิงอยู่บนตั่ง ดวงหน้าอิ่มเอิบแฝงรอยแดงระเรื่อเพราะอาการแพ้ท้อง มือบอบบางลูบหน้าท้องแบนราบที่เพิ่งเริ่มมีกำลังจะมีชีวิตใหม่เติบโตอยู่ในนั้นกู้ซืออันก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเปี่ยมยิ้ม ดวงตาคมดุที่ปกติแฝงความเข้มงวดกลับอ่อนโยนอย่างที่สุดยามทอดมองภรรยา“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่ เจ้ายังกินข้าวเช้าได้น้อยนัก ข้าห่วง”“ข้าเพียงเวียนศีรษะเล็กน้อย…ไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่”หลิงฉงหลงเอ่ยเสียงแผ่วแต่แววตาเต็มไปด้วยความสุข นางก้มมองหน้าท้องตนเองพลางยกยิ้มอ่อนหวาน“ครั้งนี้ ข้ามั่นใจว่าเจ้าตัวเล็กจะเป็นสตรีน้อยแน่ ๆ”กู้ซืออันหัวเราะเบา ๆ มือใหญ่ลูบเส้นผมนางอย่างเอ็นดู“จะเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวก็ล้วนเป็นสายเลือดของเรา ข้าไม่ปรารถนาอื่นใดนอกจากให้เจ้าแข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก”ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ ดังใกล้เข้ามา เด็กชายวัยห้าขวบผู้เป็นบุตรคนโตวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นเต้น“ท่านแม่! นี่จริงหรือไม่ ข้าจะมีน้องจริง ๆ หรือ!?”หลิงฉงหลงยกยิ้มพลางอ้าแขนรับลูกชายเข้ามากอด“จร
ตอนพิเศษ : ความฝันที่ไม่อยากฝันยามราตรีเงียบสงัด แสงจันทร์ลอดเข้ามาผ่านหน้าต่างบานเล็ก กู้ซืออันนอนหลับตาพริ้มเคียงข้างภรรยาอย่างที่เคยทุกคืน แต่คืนนี้…กลับต่างออกไปภายในความฝัน เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ในเรือนว่างเปล่า ทุกสิ่งที่เคยอบอุ่นกลับเย็นเยียบไร้ผู้คน เสียงหัวเราะที่คุ้นหูหายไปจนหมดสิ้น เขาเดินไปทั่วทั้งเรือนแต่กลับไม่พบเงาของนางแม้แต่น้อยแล้วภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า — หลิงฉงหลงยืนอยู่กลางลาน แต่ใบหน้างดงามกลับเย็นชา แววตาไร้แววอ่อนโยนที่เคยมีให้เขา“ซืออัน…ข้ามิได้รักท่านอีกต่อไปแล้ว”หัวใจของเขาราวกับถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มือใหญ่เอื้อมไปคว้าแต่กลับว่างเปล่า ร่างของนางถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเลือนหายไปกับหมอกจาง“ฉงหลง! อย่าไป… อย่าทิ้งข้า!” เสียงตะโกนของเขาแตกพร่า สะท้อนก้องไปทั่วความว่างเปล่าความหนาวเหน็บบีบรัดจนหายใจไม่ออก ความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ามาในใจชายผู้ไม่เคยยอมแพ้แก่สิ่งใดกู้ซืออันสะดุ้งตื่นในยามดึก เหงื่อเม็ดโตผุดเต็มหน้าผาก หัวใจเต้นแรงราวกับจะทะลุออกจากอก เขาหันไปมองคนข้างกายทันทีหลิงฉงหลงยังคงนอนหลับสนิท แสงจันทร์อาบไล้เรือนร่างบอบบางในอ้อมผ้า
ตอนที่ 36เพื่อนางข้าไม่เกี่ยงหากต้องโหดเหี้ยมหนี้ที่นายอำเภอฉางต้องชดใช้ถูกเรียกเก็บเป็นก้อนๆ เพราะอีกฝ่ายมีหนี้สิ้นมากหลายแห่ง แน่นอนว่าเงินเพียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญถึงกับที่กู้ซืออันจะรอไม่ได้ มีลูกหนี้เป็นนายอำเภอถือเป็นการดีเสียอีก อีกทั้งอำนาจและเส้นสายของนายอำเภอฉางตั้งหากที่พอจะสำคัญในสายตากู้ซืออันอยู่บ้างเรื่องของฉางกู๋เขาให้คนตามดูจนแน่ชัดแล้วว่าอีกฝ่ายออกไปจากเมืองต้าไห่แล้วจริงๆ อีกทั้งเหมือนจะลงใต้เพื่อเดินทางไปที่บ้านเดิมของสกุลฉาง แม้ฉางกู๋จะยอมจากไปแต่โดยดีทว่ากู้ซืออันย่อมไม่อาจวางใจได้ว่าในอนาคตคนผู้นี้จะคิดหวนกลับมาทำร้ายฮูหยินตัวน้อยของตนอีกหรือไม่แน่นอนว่าเขาย่อมต้องลงมือก่อนที่จะนั่งรออีกฝ่ายที่ไม่รู้ว่าจะกลับมาแก่แค้นหรือไม่และจะใช้วิธีการใดและเวลาใดเพราะฉะนั้นในคืนหนึ่งกู้ซืออันจึงมีคำสั่งการหนึ่งให้จางจงคนสนิทไปทำนั่นก็คือหามือดีสักหายคนไปจัดการหันแขนหักขาฉางกู๋ผู้นั้นซะ โดยให้ทำให้เหมือนว่าเป็นฝีมือของพวกโจรที่ต้องการปล้นชิงทรัพย์คนที่คิดร้ายกับฮูหยินของเขา แม้ชายหนุ่มจะไม่คิดเอาชีวิตแต่ก็ไม่คิดให้คนผู้นั้นอยู่ครบสามสิบสองส่วนในร่างกายอยู่แล้ว“อย่าให้เห
ตอนที่ 35ทำผิดก็ต้องชดใช้คืนนั้น หลังจากขับไล่ฉางกู๋ออกไปแล้ว นายอำเภอฉางมิอาจข่มตาหลับได้ทั้งคืน ความคิดถึงชื่อเสียงและเกียรติยศของตระกูลฉางวนเวียนอยู่ไม่หยุดสุดท้ายเมื่อฟ้าเริ่มสว่าง เขาจึงตัดสินใจพาตัวเองไปยัง จวนสกุลกู้ ด้วยท่าทีที่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาที่หน้าจวน คนใช้ของสกุลกู้ต่างประหลาดใจที่เห็น ขุนนางผู้ทรงอำนาจแห่งเมืองนี้ ยอมก้าวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง แถมยังไม่แสดงอำนาจข่มใด ๆ ดั่งเคย หากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังเมื่อกู้ซืออันก้าวออกมาต้อนรับ เขาเห็นชัดว่านายอำเภอฉางโค้งคำนับลึก แววตาที่เคยเชิดชูศักดิ์ศรีบัดนี้เต็มไปด้วยการยอมอ่อนข้อ“คุณชายกู้… ข้ามาครานี้เพื่อกล่าวคำขออภัยต่อท่านและฮูหยินโดยตรง เรื่องที่หลานโง่เขลาของข้าได้ก่อไว้ ข้าขอยอมรับผิดทั้งหมด”เสียงของเขาหนักแน่น แต่ฟังออกชัดเจนว่าฝืนกล้ำกลืนความอับอายเอาไว้เต็มที่กู้ซืออันยกยิ้มจาง ๆ ไม่ได้แสดงความโกรธเคืองหรือรีบร้อนตอบรับ เพียงเอ่ยช้า ๆ ราวกับให้ถ้อยคำของอีกฝ่ายก้องสะท้อนอยู่ในโถง “นายอำเภอฉาง…ถ้อยคำนี้ ข้าเฝ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว”ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งจวน ทุกคนจับตามองการเผชิญหน้าของสองตระกูลอย่างระทึ
ตอนที่ 34 เริ่มลงมือ หลายวันต่อมา ในเรือนของนายอำเภอฉาง บรรยากาศกลับไม่ สงบดังเดิมเสียงฮูหยินใหญ่ตวาดลั่นออกมาจากห้องโถง “ท่านไปเล่นการ พนันอีกแล้วใช่หรือไม่! ข้าถึงได้ยินข่าวว่ามีเจ้ามือจากนอกเมืองมาตามทวง หนี้ถึงหน้าประตูเรือน!”นายอำเภอฉางขมวดคิ้ว หน้าดำแดงเพราะทั้งโกรธและอับอาย “พวกนั้นมันใส่ความข้า! ข้ามีหน้าที่การงานทั้งตำแหน่ง ใครจะกล้าออกมาเอาเรื่องกับข้าอย่างเปิดเผยเล่า”“แต่คนทั้งเมืองเขาเริ่มซุบซิบนินทาแล้วว่า นายอำเภอฉางเป็นหนี้ บ่อนจนหัวโต หากเรื่องนี้ลามไปถึงผู้ตรวจการ เจ้าคิดหรือว่าตำแหน่งของ เจ้าจะมั่นคง!”คำพูดนั้นทำให้เขาหน้าซีดลงเล็กน้อย แม้จะพยายามข่มอารมณ์ แต่เหงื่อเย็นก็ผุดขึ้นตรงขมับในขณะเดียวกัน คนสนิทของเขารีบเข้ามารายงานเบา ๆ“ท่านนายอำเภอ…มีข่าวว่ามีคนลือกันว่า ท่านรับสินบนจากพ่อค้าหลายราย ทั้งยังเกี่ยวพันกับการลักลอบสมุนไพรต้องห้าม”นายอำเภอฉางสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกกว้าง “เรื่องนี้…ใครเป็นคนปล่อย!”คนสนิทก้มศีรษะต่ำ “ข้าน้อยยังไม่รู้แน่ชัด เพียงแต่ได้ยินว่าข่าวลือเริ่มแพร่ไปตามโรงเตี๊ยมกับตลาด คนพูดกันหนาหูนัก…”เขากำหมัดแน่น กัดฟันกรอด “เป็นใคร…เป็นใ
ตอนที่ 33 เฝ้ารอโอกาส กว่าที่หลิงฉงหลงจะตั้งตัวตั้งสติกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ก็กินเวลาไปกว่าสามวันเต็มๆ แล้ว กู้ซืออันยังไม่ยอมให้นางออกไปดูที่ร้านฮวาเซียงด้วยตนเอง นางรู้ดีว่าชายหนุ่มเป็นห่วงกลัวว่านางไปเห็นด้วยตาตนเองแล้วจะเกิดอารมณ์อ่อนไหวอีกแต่ถึงอย่างนั้นแม้นางไม่ได้ไปด้วยตัวเองแต่ก็ต้องเรียกสวีมี่อิงผู้ดูแลร้านเข้ามารายงานความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเพลิงที่เผาไหม้มี่อิงรายงานกับนางว่าทุกอย่างในส่วนของร้านและที่เก็บของภายในร้านที่เก็บสินค้าเอาไว้เป็นส่วนใหญ่นั้นถูกเผาจนเหลือเพียงแค่เศษซาก ทุกอย่างเสียหายจนหมดสิ้น รายการความเสียหายเล่มหนึ่งถูกยื่นมาพร้อมกับการรายงานให้ฟัง แน่นอนว่าหญิงสาวรับรายงานนี้เอาไว้ด้วยใจที่สั่น หากไม่ติดว่ามีผู้เป็นสามีคอยกุมมือให้กำลังใจอยู่ทุกขณะหญิงสาวก็คงไม่อาจกลั้นน้ำตาหรือความอ่อนไหวนี้เอาไว้ได้อีกโชคดีที่ส่วนของบ้านเล็กๆ ของนางที่ถนนหมายเลขสิบสามไม่ได้รับความเสียหายไปด้วย เพราะกำแพงกั้นระหว่างกันนั้นค่อนข้างจะแน่นหนาแข็งแรงอีกทั้งไม่มีหลังคาหรือส่วนใดของเรือนที่ยื่นใกล้ชิดกันจนเพลิงจะสามารถลุกลามมาถึงได้หลิงฉงหลงอดคิดไม่ได้หากนางต้องสูญเสียบ้านหลั