“ปล่อย!”
“.......” เขายังคงเงียบและกอดไม่ยอมปล่อย
“เป็นบ้าอะไร ปล่อยสิ!”
“......” และเขายังคงเงียบเหมือนเดิม จะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม ได้!
“ไม่ปล่อยใช่ไหมได้!” ร่างเล็กจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างไม่เกรง ก่อนจะตีเข่าเข้าตรงส่วนนั้นเขาจัง ๆ แต่ทว่า...
พรึบ!
“ฮึ......” เขาเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน ดันร่างบางติดกำแพง
“ปล่อย!” ฉันพยายามใจเย็นสุด ๆ ทำไมต้องมาเจอเขาอีกด้วย กรุงเทพฯ มันเล็กมากหรือไง บ้าชะมัด
“คิดว่าฉันอยากอยู่ใกล้เธอหรือไง” น้ำเสียงและสายตาเขาที่มองมามันยังคงเย็นชาเหมือนเดิม
“ใครจะไปรู้ ก็ไม่ปล่อยสักที ก็นึกว่าอยากกอด ทำไมญี่ปุ่นสวยขึ้นเหรอ พี่เลยอยากอยู่ใกล้ หรือว่าอยากมากกว่านั้น ได้นะ ไปต่อที่ไหนดี!” ฉันพูดจายั่วยวน ทำทุกอย่างที่เขาไม่ชอบ
“ฮึ...ผู้หญิงอย่างเธอใครจะไปอยากอยู่ใกล้ แค่จะบอกว่า” สายตาคู่นั้นมองฉันอย่างดูถูก
“อย่ามามองญี่ปุ่นด้วยสายตาแบบนั้น ถ้าพี่ไม่รู้จักญี่ปุ่นดีพอ ไม่ชอบหน้าก็ต่างคนต่างอยู่!” สองมือดันแผงอกแกร่งอย่างแรงแต่เขากลับไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว
“จะเอายังไง ถ้าไม่ปล่อยญี่ปุ่นจะถือว่าพี่อยากอยู่ใกล้ ๆ หรือเวลาหลายปีที่ไม่เจอกัน ใจพี่มันเปลี่ยนไป” จากที่ผลักไส มือเล็กก็ลูบวนหน้าอกแกร่งเขาไปมา มองหน้าเขาแล้วก็ส่งยิ้มหวาน ๆ ให้ เพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้
หมับ!
“อย่าหลงตัวเองให้มันมาก ฉันไม่หน้ามืดถึงขนาดคิดอะไรกับผู้หญิงอย่างเธอ!”
“ผู้หญิงแบบญี่ปุ่น มันเป็นไงคะ” ฉันจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรง ไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปี เขาก็ยังคงเหมือนเดิม
“.....” เขาเงียบเอาแต่จ้องหน้าและออกแรงบีบข้อมืออย่างแรง
“ญี่ปุ่นมันก็แค่ ผู้หญิงไร้ค่า ทำตัวไม่มีค่าชอบวิ่งตามผู้ชาย ไม่น่ารัก ไม่อ่อนหวานเหมือนน้ำอุ่นสินะ อ้อ พูดถึงน้ำอุ่นเป็นไงบ้างคะ ยังรักกันดีไหม” ฉันพูดยิ้ม ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำอุ่นกับภูผาเขารักกัน ในเมื่อเขาหาเรื่องก่อน ก็แค่เอาคืน ดูสิพูดแทงใจดำไปแบบนี้จะทำหน้ายังไง ก็คงหนีไม่พ้นทำหน้าดุ โกรธเกรี้ยวใส่เหมือนที่เคยทำ
“แล้วมีลูกกันยังคะ ผู้หญิงหรือผู้ชายเผื่อว่าง ๆ จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าสักหน่อย”
“แล้วบ้านพี่อยู่ไหน ที่เดิมไหม เผื่อแวะเอาของไปฝาก ว่าแต่ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย แล้ว...อุ๊บ”
“ฮื่อ ปะ...ปล่อยนะ” ร่างเล็กดิ้น สองมือผลักคนตัวโตออกจากตัว เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ประกบปากจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ทันให้ฉันตั้งตัว แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งบดขยี้แรงกว่าเดิม แรงจนรู้สึกเจ็บบวมไปทั่วทั้งบริเวณ
“ฮื่อ ปะ...” แต่ก็ทำได้เพียงร้องท้วงในลำคอ เขาไม่สนใจฟังยังคงจูบดูดเม้มมันอย่างเมามัน
“อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน น่ารำคาญ!” เขาเอ่ยเสียงดุ ก่อนจะยกนิ้วเช็ดริมฝีปากตัวเองที่มันเลอะด้วยลิปสติก
เพียะ!!
“......” ฉันตบเขาอย่างแรง ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น เป็นบ้าอะไรอยู่ ๆ ก็มาจูบ
หมับ!!
“ฮื่อ...ปะ...” แต่เดินไปยังไม่ถึงก้าว มือหนาก็คว้าข้อมือเล็ก ดึงร่างเล็กเข้าไปกอดแล้วประกบปากจูบอีกครั้ง และครั้งนี้มันแรงกว่าเดิม แรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปทั่วทั้งปาก
พรึบ!! ร่างเล็กรวบรวมแรงที่มีทั้งหมด ผลักเขาจนเกือบล้ม ก่อนจะเดินเข้าไปตบเขาอย่างแรง
เพียะ!!
“…….” เขาเงียบ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น และมองมาที่ฉันอย่างเอาเรื่อง
“ทำไมคะติดใจอยากจูบอีกเหรอ อยากจูบก็บอกดี ๆ สิ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย” ทั้ง ๆ ที่ในใจมันโกรธจนควันออกหู แต่ก็ต้องยิ้มยั่ว ไม่อยากทำตัวอ่อนแอให้ใครเห็น เพราะที่ผ่านมาฉันอ่อนแอมามากพอแล้ว
“ทีหลังอยากจูบก็บอกกันดี ๆ สำหรับพี่ คนเคยรักขอดี ๆ ญี่ปุ่นคนนี้ก็พร้อมที่จะนอนถ่างขาให้แล้วค่ะ”
“บาย แล้วเจอกันนะคะ พอดีวันนี้มีนัด” ฉันเดินเข้าไปหอมแก้มเขา ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น พร้อมความรู้สึกหลากหลาย ทั้ง ๆ ที่ทำใจได้แล้ว แต่ทำไมมันยังรู้สึกเจ็บ ที่เขาทำแบบนั้น...
...แบงค์ได้แต่ยืนกำหมัดแน่น อย่างไม่เข้าใจตัวเองว่าทำแบบนั้นไปทำไม ทั้ง ๆ ที่ปากก็บอกว่าเกลียดผู้หญิงคนนี้มาตลอด
ผับ…
เปลี่ยนไปเยอะเลย ก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน เลยแวะมาหาโมจิ แต่เห็นใครบางคนกำลังทำอะไรอยู่ไม่รู้อยู่ที่หน้าประตูทางเข้า ไปแกล้งให้ตกใจเสียหน่อย เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น
“คุณหนู”
“ทำหน้าอย่างกับเห็นผี สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ลุงเทวา ก่อนจะเดินเข้าไปกอดด้วยความคิดถึง
“คิดถึงจัง ไม่เจอตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมนะคะ”
“ไม่ต้องมาพูดหวาน ทำอะไรผิดมาใช่ไหม ถึงได้อ้อนลุงแบบนี้แล้วนี่ไอ้กันต์มันรู้หรือเปล่าว่าลูกสาวกลับมา เห็นมันบอกคุณหนูจะกลับมาอาทิตย์หน้า”
“แฮ่...แดดดี้ไม่รู้ พอดีญี่ปุ่นกลับมาก่อนกำหนด ว่าจะแอบหนีเที่ยวแต่เจอคนบ้าเลยอารมณ์เสีย เลยแวะมาหาโมจิ ว่าแต่น้องอยู่นี่ไหม ญี่ปุ่นอยากดื่มกับน้อง”
“ห้องทำงาน กำลังเคลียร์เอกสาร พอดีพรุ่งนี้ต้องสั่งของ”
“งั้นหนูไม่กวนแล้ว ไปหาน้องดีกว่า” แล้วร่างบางก็เดินเข้าไปข้างใน ก่อนจะเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสาม มุ่งหน้าไปที่ห้องทำงาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ว่างเปล่า” มือเล็กเคาะประตู พร้อมค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไป
“พี่ญี่ปุ่น!!!” ทันทีที่โมจิเห็นพี่สาว น้องรีบวางปากกาแล้ววิ่งเข้ามากอดพี่ทันที
“ฮื่อ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอก”
“โมจิ พี่หายใจไม่ออก”
“ขอโทษค่ะ ก็โมจิดีใจไปหน่อย” น้องค่อย ๆ ปล่อยกอด
“ว่าแต่ปากพี่” นิ้วเรียวเล็กยื่นมาจับที่ริมฝีปาก ที่บวมเป่ง
“อ๊ะ เจ็บ” ฉันถึงกับสะดุ้ง
“ไปโดนอะไรกัดมาคะ? บวมขนาดนี้” โมจิมองมันอย่างพิจารณา
“ไม่รู้พี่แวะซื้อของกินข้างทาง มันคงจะมีอะไรอยู่ในนั้นมั้ง ช่างเถอะ อย่าไปสนใจเลย ว่าแต่ทำงานเสร็จยังเราไปดื่มกันไหม” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้น้องสงสัยอะไรไปมากกว่านี้
“อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว พี่รอสัก 10 นาทีนะ แต่โมจิว่าปากพี่มันเหมือนโดนใครกัดมานะ”
ตัวเล็กนี่ยังไงยังสงสัยไม่เลิก
“พูดอย่างกับเคยโดนใครกัดมา!” ฉันจ้องหน้าน้องอย่างจับผิด
“ปะ... เปล่า วัน ๆ ก็มีแต่เรียน แล้วก็ทำขนม ตกกลางคืนก็ต้องมาดูผับ ใครจะมากัดได้ พี่พูดอะไร ไปนั่งรอตรงโน้นเลยค่ะ” โมจิพูดเสียงกระอึกกระอัก ก่อนจะรีบเดินกลับไปทำงานต่อ
“ทำตัวมีพิรุธ” ฉันมองตามคนตัวเล็ก ๆ คนอะไรจะตัวเล็กตัวน้อยขนาดนั้น ขนาดว่าตัวเองเล็กแล้ว โมจิยิ่งตัวเล็ก เล็กนิดเดียว แต่น้องเป็นคนน่ารักยิ่งมองก็ยิ่งหลง มองได้เรื่อย ๆ ไม่น่าเบื่อ
“ยิ้มอะไรคะ” ตัวเล็กเงยหน้ามามองพี่สาวแล้วก้มลงทำงานต่อ
“ก็มองคนน่ารักไง รู้ตัวไหมว่าตัวเล็กของพี่น่ารักขนาดไหน ว่าแต่น่ารักแบบนี้มีแฟนยัง” ร่างบางเดินเข้าไปหาน้อง พร้อมหย่อนก้นนั่งลงบนโต๊ะทำงาน
“ไม่ค่ะ ตัวเล็กยังไม่อยากปวดหัว ขออยู่คนเดียวสบาย ๆ แบบนี้นะดีแล้วเสร็จแล้วเราไปกันค่ะ”
“ก็ดีนะ จะได้โสดเป็นเพื่อนพี่ ไว้พี่จะพาไปเที่ยวไปจีบผู้ชายเล่น ๆ กัน สวยรวยเก่งแบบพวกเรา แค่เดินเข้าไปในร้านผู้ชายก็พร้อมที่จะมอบกายถวายหัวให้แล้ว” ฉันพูดจริงจัง
“ฮึ... ค่ะ พี่พาไปไหนโมจิพร้อมไปด้วย”
“น่ารักที่สุด ตัวเล็กของพี่ ว่าแต่วันนี้ใครเมาก่อนแพ้!” ฉันหอมแก้มน้องหนักอย่างมันเขี้ยว
“แน่ใจนะ พี่พูดเองนะ!” โมจิพูดยิ้ม ๆ เวลาไม่สบายใจได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ที่สดใสของน้องมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก...
“แน่ใจ! วันนี้พี่จะชนะให้ได้คอยดู!”
“.....” โมจิ มองหน้าพี่แล้วยิ้ม ก่อนเราสองพี่น้องจะเดินกอดเอวกันลงไปดื่มที่ชั้น VIP ที่บอกว่าจะชนะให้ได้ ก็พูดไปงั้นแหละ ตั้งแต่โมจิอายุ 15 พอแดดดี้สอนน้องให้ดื่มเป็นฉันก็แพ้น้องมาตลอด บอกใคร ใครจะไปเชื่อ แต่งตัวหวาน ๆ ท่าทางเรียบร้อย แต่ดื่มเหล้าเก่งจนแดดดี้ยังเอ่ยปากชม...
“พี่แบงค์!! โอ๊ยพอแล้ว”“ญี่ปุ่นเมื่อย ถ้าพี่ทำนานกว่านี้ลูกคงได้ออกมานั่งคุยกับพี่จริง ๆ แน่!” ร่างเล็กที่หันไปจ้องคนตัวโตตาเขม็ง“......” แต่เขากลับเงียบยังคงตะบี้ตะบันกระแทกความแข็งแกร่งใส่ร่องสวาทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่ขนาดท้องโต 5-6 เดือนแล้วนะ ทำไมพี่เขาถึงหื่น ขึ้นได้ทุกวันพั่บ พั่บ พั่บสองมือค้ำยันที่นอน คุกเข่าแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ อีตาบ้า ไม่สงสารกันบ้างเลยหรือไง กลางวันเลี้ยงลูก กลางคืนเลี้ยงผัว เฮ้อ...เพลีย“อีกนิด พี่จะแตกแล้ว” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าแหบแห้ง มือหนาลูบวนหน้าท้อง อีกมือบีบขยำสองเต้าอย่างเมามัน“อ๊ะ...พะ...พี่แบงค์ มะ...มันเสียวนะอย่าเล่นสิ” มันรู้สึกเสียวซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อมือหนาเลื่อนต่ำ ลูบวนหน้าท้องสัมผัสโหนกเนื้ออวบนูน ก่อนปลายนิ้วร้ายจะเขี่ยขยี้ติ่งเกสรเม็ดเล็กอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาจูบ ลากลิ้นเลียไปทั่วแผ่นหลังทำเอาฉันถึงกับอยู่ไม่สุข ร้อนรุ่มกระสันไปทั้งตัว ยิ่งเขากระแทกถี่รัวเท่าไร มันก็ยิ่งเสียวซ่านแทบจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้ปึก ปึก“อ่า ตอดพี่ถี่แบบนี้ จะเสร็จแล้วใช่ไหม ฮื้ม!” คนตัวโตยันตัวลุกขึ้น สองมือกดสะโพกผายแน่น หมุนควงเอว
เราทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ผู้ชายชุดดำที่เดินตามหลังเข้ามาเขาดูคุ้นตามาก......แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเดินตรงมาทางที่พวกเรานั่งอยู่“เพื่อนพี่” ฉันหันไปถามพี่แบงค์ ที่มองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง“ไม่ใช่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ หน้านี้คือพร้อมบวกมาก“เพื่อนเธอสองคนเปล่า” ฉันหันไปถามภูผากับน้ำอุ่น“......” ภูผาเงียบ นั่นแสดงว่าไม่ใช่“ไม่นะ อุ่นไม่มีเพื่อนผู้ชายนอกจากภูผา” น้ำอุ่นเอ่ยเสียงเบา มองหน้าภูผาอย่างกลัว ๆ“ผัว!! ไม่ใช่เพื่อน!” ภูผาพูดกระแทกเสียง แล้วยกแก้วเหล้าเข้าปาก“นิสัยนี้ไม่หายสักที เดี๋ยวเถอะฉันจะหาผัวใหม่ให้ยัยน้ำเน่า!” ฉันพูดดุภูผา มีอย่างที่ไหน แค่นี้ก็ต้องเย็นชาใส่ ต้องทำหน้าขรึม“......” ภูผาเงียบไม่สนใจที่ฉันพูด แถมยังดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ ส่วนมือน่ะโอบเอวเมียไว้กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามีเจ้าของแล้ว เฮ้อ...คนบ้าอะไรโคตรหึงแรง สงสารก็ยัยลูกเต่า น้ำเน่าโชคดีที่ได้คนรักจริงเป็นผัว แต่โชคร้ายที่มีผัวขี้หึง หึงแม้แต่ยุงตัวผู้! ก็ไม่เว้น“เฮ้อ...” ฉันได้แต่ถอนหายใจส่ายหัว แล้วมองผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด“พี่ซัน!!” ใช่ ใช่แล้วฉันว่าฉันจำไม่ผิด ถึ
2 เดือนผ่านไปหลังจากที่จบเรื่องวุ่น ๆ ของยัยวิด้า และพ่อพี่แบงค์ไปได้ ทุกอย่างก็ดูสงบวิด้า สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง แต่เธอยืนยันเสียงแข็ง ไม่ต้องการจะแต่งงานหรือให้เพื่อนพี่แบงค์รับผิดชอบอะไร พ่อเธอเองก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ดูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขารู้จักกับลุงปืน ผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกันบ้างฉันก็ไม่รู้ แต่ดีที่เขาพาลูกสาวกลับไปด้วย คงจะจ่ายเยอะอยู่พอสมควรเพื่อปิดข่าวฉาวในครั้งนี้ส่วนพ่อพี่แบงค์สุดท้ายต้องยอมแพ้ ไม่เหลืออะไรเมื่อคุณแอนนาหอบเงินหนีไปต่างประเทศทิ้งภาระหนี้สินมากมายไว้ให้เรื่องบริษัท ทุกคนลงความเห็นเทกโอเวอร์ซื้อหุ้นแล้วให้พี่แบงค์เป็นผู้บริหาร ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่อยากให้ใครมองว่าที่เขาได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นลูกเขยแด๊ด เป็นสามีฉันทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัยสิ่งที่แด๊ดพูดกับพี่แบงค์ ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วแดดดี้ เองก็เอ็นดูในตัวพี่เขาอยู่ไม่น้อย‘โอกาสมันไม่ได้มีให้บ่อยครั้ง ใช้ความสามารถที่มี แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันเลือกคนไม่ผิด อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง’คำพูดนี้ของแด๊ด ทำเอาฉันดีใจจนร้องไห้ เพราะในใจคิดมาตลอดว่าที่แด๊ดยอมเพียงเพราะเห็นแก่ฉันที่รักเขา แต่จริง ๆ แล้วมันไม
“?” แล้วฉันก็ได้แต่ยืนงง ใครกันที่นอนกับยัยนี้ แล้วพี่แบงค์เขาเป็นอะไรทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย?“นี่!! ทำแบบนี้กับวิด้าไม่ได้นะวิด้าไม่ยอม!!” ยัยวิด้า เอ่ยเสียงแหลมเดินตามพี่แบงค์ออกไปหมับ!!“หยุดเลยนะ” มือเล็กคว้าข้อแขนเธอไว้ทันที“ปล่อย!! ฉันจะไปคุยกับพี่แบงค์ให้รู้เรื่อง ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบ!!” เธอยืนกรานเสียงแข็ง“จะไปให้พี่เขาด่าหรือไง พี่แบงค์เขาเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเขาทำก็ต้องยอมรับ แต่เขาพูดชัดขนาดนี้แล้ว ไม่อายบ้างหรือไง เธอนี่มันหน้าด้าน หน้าหนากว่าผนังห้องอีกนะ ยัยบ้า!! รู้ไหมทำแบบนี้คนเสียหายคือตัวเอง ที่พูดน่ะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ” ฉันจ้องหน้าเธอ แต่ดูท่าสิ่งที่พูดออกไปมันคงจะไม่เข้าหูเธอเลยด้วยซ้ำ“ช่วยกรุณาไปแรดไกล ๆ ผัวฉันด้วย เธอจะไปเอากับใครก็ได้แต่ไม่ใช่ผัวฉัน! จบนะ” แล้วฉันก็เดินหนีออกจากห้องนั้นทันที ก่อนที่จะอดทนไม่ได้ ไม่อยากลงไม้ลงมือกับใครถ้าไม่ถึงที่สุด...“พี่แบงค์!” ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อของลูกไป คนบ้าอะไรเดินเร็วเป็นบ้า“......” คนตัวโตเงียบ ทำหน้าบึ้ง“พี่โกรธญี่ปุ่นเหรอ?”“เปล่า” เขาเอ่ยเสียงเย็น เย็นชาใส่แบบนี้เหรอเรียกว่า
“คุณญี่ปุ่น!” พนักงานคนหนึ่งหันมาเห็นฉัน สีหน้าท่าทางเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ไม่มีงานทำกันเหรอ?” แค่เห็นว่าเป็นยัยวิด้า ยัยกะทกรกเน่าอารมณ์มันก็เดือดขึ้นมาทันที อยากจะเดินเข้าไปกระชากหัวแล้วจิกสักที แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะที่นี่คือที่ทำงาน ต้องวางตัวให้สมฐานะ“…...” ทุกคนเงียบ เอาแต่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่“จะเป็นไปได้เหรอ ฉันได้ยินมาว่าคุณแบงค์กับคุณญี่ปุ่นเขาสองคนเป็น...” พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงกระซิบ“ใช่ ๆ ๆ ๆ ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้น ข่าวว่าเขามีลูกด้วยกันแล้วด้วย แต่คบกันตอนไหน?”“......” ฉันหันไปจ้องดุ ทั้งสองคนที่พูดกระซิบนินทา ก่อนสองสาวนั้นจะรีบเดินหนีไปในทันที เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว“ไม่อายหรือไง?”“.......” ยัยวิด้าเงียบ ทำหน้าไม่สนโลก ไม่สนใจที่ฉันถาม“แต่คนอย่างเธอ...ก็ไม่น่าจะมียางอาย” ฉันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา สภาพแบบนี้ดูก็รู้ว่าไปเอากับใครมา แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ถึงได้หอบสังขารเน่า ๆ มาถึงที่นี่“พี่แบงค์ล่ะ...ได้ฉันแล้วคิดว่าจะจบง่าย ๆ แบบนี้เหรอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย“ได้เธอ?” ยัยนี้ไม่จบไม่สิ้
“ฮึ...” รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปภาพสาวน้อยในชุดนักเรียน ม. ปลาย นามว่าญี่ปุ่น และแน่นอนถ้ามีรูปญี่ปุ่นก็แสดงว่าเธอเข้าไม่ผิดห้อง...วิด้ายังคงมองสำรวจ เพิ่มความแน่ใจให้ตัวเอง จนมั่นใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ที่มืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากข้างนอกส่องเข้ามา“พี่แบงค์” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังเตียงนอน“ฮือ...ใครวะ ไหนบอกว่าจะกลับแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงงัวเงีย เพราะทั้งเหนื่อยจากงาน เพลียกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป ตอนนี้เขาทั้งมึนทั้งง่วงจนประคองตัวลุกไม่ไหว“คือพอดีว่า...” เธอทำเสียงเขินอาย แต่กลับเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้นสองชิ้น เปลือยเปล่าก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียงอย่างว่องไว“อะไรวะ?” ชายหนุ่ม พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงร่างกายนุ่มนิ่มขยับตัวเข้าใกล้ แต่เขาเพลียเกินไป ทำได้แค่นอนนิ่ง ให้มือเล็กล้วงจับลูบไล้ไปตามร่างกาย“วิด้ารักพี่นะคะ และพร้อมจะเป็นของพี่” เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมมือเล็กนุ่ม ลูบคลำตรงส่วนนั้น ปลุกเร้า ความเป็นชายที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่สู้มือเธอพั่บ!!“อย่าเล่นส