“แล้วนี่พี่พักที่ไหน?” ตอนนี้เราสองคนพี่น้องกำลังเดินออกจากผับ
“โรงแรม......แต่ตอนนี้พี่อยากไปนอนกับตัวเล็ก เราสองคนไม่ได้นอนเมาท์กันนานแล้วนะ”
“งั้นกลับบ้านกันค่ะ ถ้าแดดดี้กับแม่รู้ว่าพี่กลับมาต้องดีใจแน่เลย” โมจิยิ้มอย่างดีใจ
“ว่าแต่เราไม่เมาแน่นะ!” ฉันหันไปจ้องหน้าน้อง ก็เมื่อกี้เราสองคนดื่มไปเยอะพอสมควร
“แค่นี่เองสบายมาก” โมจิพูดอย่างมั่นใจ
“งั้นกลับบ้านเรากัน”
แล้วฉันกับน้องก็เดินโอบเอวกันไปขึ้นรถ แต่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ปาไปตีสอง แด๊ดกับแม่ก็คงนอนกอดกันอยู่ในห้อง ไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยเซอร์ไพรส์แต่เช้าแล้วกัน
“พี่ใส่ได้ไหม” โมจิส่งชุดนอนให้
“สั้นไปนิดแต่ใส่ได้ ว่าแต่เราเนี่ยใหญ่ไม่เบาเลยนะ”
หมับ!!
“พี่ไม่เอาไม่เล่น”
“ไม่ได้เล่น พี่แค่จับดูว่ามันใหญ่จริง หรือแค่หลอกตา” ฉันพูดยิ้ม ๆ มือยังคงบีบจับหน้าอกสองเต้าที่มันใหญ่เกินตัว
“พอแล้วนอนได้แล้วค่ะ” น้องทำหน้างอน
“โอ๋ ๆ ๆ ๆ ไม่งอนสิตัวเล็ก อ๊ะ ให้จับคืน” ร่างบางแอ่นอกให้น้อง
“ไม่เอา หนูไม่ใช่โรคจิตเหมือนพี่ ชอบจับแต่หน้าอกหนู” โมจิเดินทิ้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมตัว
“ก็มันใหญ่น่าจับ นุ่มนิ่มด้วย เนี่ย ๆ”
หมับ!!
“พี่ญี่ปุ่น ไม่เอาพอแล้วจะนอน พรุ่งนี้หนูมีเรียนนะ” ตัวเล็กดิ้น เมื่อพี่สาวกระโดดขึ้นเตียงแล้วบีบจับหน้าอก จั๊กจี้เอวเล็กอย่างมันเขี้ยว
“ก็ได้” ฉันทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้อง
“หนูขอนอนกอดได้ไหม แล้วพี่ต้องนอนกับหนูอย่างน้อย 1 อาทิตย์ ให้โมจิหายคิดถึง แล้วค่อยไปนอนห้องตัวเอง!” ตัวเล็กทำหน้าอ้อน
“ถึงไม่บอกพี่ก็จะนอนห้องตัวเล็ก อยู่คนเดียวตั้งหลายปี เหงาจะตายกลับมาบ้านแล้วก็ต้องนอนกับน้องสาวสุดที่รัก” ฉันหอมแก้มป่อง ๆ ด้วยความคิดถึง เราสองคนพี่น้องทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก พอโตมามันก็กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“ตัวเล็กรักพี่ที่สุดในโลก”
“พี่ก็รักตัวเล็กที่สุดในโลก” แล้วเราสองคนพี่น้องก็นอนกอด คุยกันจนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ตอนเช้า
“โมจิ ตัวเล็กลูก ไหนหนูว่ามีเรียนตอนเช้า นี่มันสายแล้วนะ” ...เสียงเข้มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนเล็กตื่นสายผิดปกติ
“ตัวเล็ก!! เพราะหนูไปทำงานให้แด๊ดดึกใช่ไหมถึงตื่นสายแบบนี้ ตัวเล็ก!”
แอ๊ด
“แดดดี้คะ เบา ๆ ตัวเล็กหลับอยู่” ฉันที่เพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงแดดดี้เคาะประตู กลัวน้องตื่นเลยรีบเดินไปห้าม แล้ววันนี้ก็จัดการลากิจให้เรียบร้อย เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบสว่างน้องคงไปเรียนไม่ไหวแน่นอน
“ยะ......ญี่ปุ่น!!” แดดดี้ทำหน้าตกใจ
“Morning ค่ะ แดดดี้!” ร่างบางโผเข้ากอดพ่อด้วยความคิดถึง
“หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วทำไมไม่บอก แล้วมาอยู่ในห้องน้องได้ไง” แดดดี้ดูตื่นเต้นเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
“เมื่อวานค่ะ ภูผาไปรับ ญี่ปุ่นมาเซอร์ไพรส์แด๊ดไง ฮื่อไม่ร้องสิคะ แด๊ดต้องยิ้มสิร้องไห้ทำไมกัน” หน้าแดดดี้มันตลกมากตอนนี้ อยู่ ๆ ก็ร้องไห้เป็นเด็กไปได้
“ก็แด๊ดดีใจ แล้วก็ตกใจ ก็หนูบอกจะกลับอาทิตย์หน้า แล้วแม่ แม่รู้ยังว่าหนูกลับมา”
“ยังค่ะ เมื่อคืนกว่าจะกลับถึงบ้านแด๊ดกับแม่ก็หลับก่อนเลยไม่ทันได้บอกใคร ว่าแต่แม่ล่ะ”
“อยู่ในห้อง ไปหาแม่สิ คงจะดีใจที่หนูกลับมาสักที เดี๋ยวพ่อดูน้องก่อน คงทำงานหนักถึงได้ตื่นสายในรอบสามปี” แด๊ด มองไปที่ตัวเล็กที่ยังคงนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
“โอเค” ฉันหอมแก้มแด๊ด ซ้ายขวาก่อนจะเดินยิ้มหน้าบานไปที่ห้องนอนแด๊ดกับแม่
พอไปถึงหน้าห้อง คนตัวเล็กก็ค่อย ๆ ย่องเข้าห้อง เห็นแม่กำลังจัดที่นอน ก่อนจะเดินเข้าไปกอดจากด้านหลัง
พรึบ!
“คนสวยของหนูทำอะไรอยู่คะ”
“ญี่ปุ่น!!” แม่หันมายิ้มทั้งน้ำตา
“ค่ะ หนูเอง ญี่ปุ่นตัวแสบ ลูกสาวแดดดี้กันต์กับคุณแม่เบบี๋คนสวย”
“ไม่ร้องนะคะ คนดีของหนู” มือเล็กปาดซับน้ำตาให้แม่
“ญี่ปุ่นกลับมาแล้ว” ก่อนเราสองแม่ลูกจะกอดกันอยู่แบบนั้นด้วยความคิดถึง นานเท่าไรแล้วที่ไม่ได้รับอ้อมกอดอุ่น ๆ จากแม่
โต๊ะอาหาร...
“นี่ของโปรดญี่ปุ่น นี่ของโมจิ และนี่ของคุณแม่คนสวย แล้วนี่ของสุดหล่อของคุณตา แดดดี้ทำเองกับมือรับรองอร่อยแน่นอน”
“ว้าว น่ากินจัง ญี่ปุ่นจะกินให้หมดเลย” ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อแดดดี้นำจานหมูทอดกระเทียมพริกไทยมาวางต่อหน้า
“น่ากินก็กินให้หมด เราด้วย กินเยอะ ๆ ช่วงนี้แดดดี้ว่าหนูผอมไปนะ” แด๊ดลูบหัวตัวเล็กอย่างอ่อนโยน
“รับทราบโมจิจะกินให้หมดเลย”
“นี่ค่ะพี่กินเยอะ ๆ นะ” ตัวเล็กตักกุ้งผัดผงกะหรี่ของโปรดตัวเองให้พี่สาว
“เราก็กินเยอะ ๆ อ้าปาก” ฉันหยิบหมูทอดป้อนให้น้อง ตัวเล็กก็อ้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“ส่วนเราสุดหล่อ กินให้หมดแล้วหม่ามี้ไปส่งครับ”
“ครับหม่ามี้...คืนนี้พอตเตอร์ขอนอนกอดหม่ามี้นะ” เด็กน้อยทำหน้าอ้อน
“แน่นอนครับ” ฉันหอมแก้มลูกชายสุดที่รัก ด้วยความคิดถึง เผลอแป๊บเดียวพอตเตอร์ก็ 6 ขวบแล้ว ตอนแดดดี้ไปรับที่ฝรั่งเศส ยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย ตอนนี้ตัวโตขึ้นเป็นกองเลย
“วันนี้เป็นวันที่แดดดี้มีความสุขมากที่สุดในโลก ยิ่งได้เห็นลูกสาวทั้งสองคนรักกันแบบนี้ แด๊ดยิ่งมีความสุข” แด๊ดพูดและยิ้มอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
“แม่เองก็ดีใจ ที่ในที่สุดครอบครัวเราจะได้อยู่กันพร้อมหน้า” แม่พูดเสียงสั่น
“ห้ามร้องนะคะ ถ้าแม่ร้องหนูกับน้องจะร้องตามแล้วนะ” ร่างเล็กเดินเข้าไปกอดแม่
“ใช่ค่ะ แม่ห้ามร้องนะ โมจิรักแม่” พร้อมตัวเล็กที่เดินเข้ามากอดแม่อีกคน
“พอตเตอร์รักยาย” พอตเตอร์วิ่งมากอดยาย แล้วทำหน้าอ้อน เด็กอะไรน่ารักที่สุดเลย
“แล้วไม่มีใครรักแด๊ด?” แดดดี้ทำเสียงงอน ๆ
“รักสิคะ พวกเรารักทั้งแม่ทั้งแด๊ด รักมากที่สุดในโลกเลย” ฉันกับน้องหันไปพูดกับแด๊ด
“ฮึ... ครับ แด๊ดก็รักคุณแม่ รักลูก รักตัวเล็ก และรักไอ้แสบที่สุด” แด๊ดเดินเข้ามาหอมหัวเราทุกคนอย่างอ่อนโยน ก่อนเราทุกคนจะนั่งกินข้าวพูดคุย หัวเราะกันอยู่แบบนั้น นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้…
“ตั้งใจเรียนนะครับ ตอนเย็นเดี๋ยวหม่ามี้กับพี่โมจิมารับ”
“ครับหม่ามี้ พอตเตอร์จะตั้งใจเรียน”
มั้วะ!!
พอตเตอร์หอมแก้มแม่กับน้าก่อนจะวิ่งยิ้มหน้าบานเข้าประตูโรงเรียนไป
“คิดถึงเมื่อก่อนนะว่าไหม” ฉันหันไปพูดกับตัวเล็ก แล้วหวนให้นึกถึงวันเก่า ๆ สมัยเรียน ที่เคยแอบหนีเรียนไปเฝ้าผู้ชาย คิดแล้วก็ขำตัวเอง
“ไปได้แล้วค่ะ แดดดี้กับแม่จะรอนานแล้วจำทางได้แน่นะ” ตัวเล็กยิ้มแล้วก็ส่ายหัว
“จำได้สิ ไปเรียนต่อแค่ไม่กี่ปี ทางหลวงในกรุงเทพฯ คงไม่เปลี่ยน หรือยกไปไว้ที่อื่นหรอก” ฉันหันไปจ้องตัวเล็กอย่างหมั่นไส้
“ก็ไม่แน่นะ ว่าไม่ได้” ตัวเล็กพูดจริงจัง
“งั้นตัวเล็กขับไปเลย พี่จะได้นั่งสบาย ๆ เป็นคุณนาย” ฉันส่งกุญแจรถให้น้อง
“อ้าว ใช้หนูอีกแล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่น้องก็รีบรับกุญแจรถไปทันที ก่อนเราสองคนพี่น้องจะมุ่งหน้าไปหาแดดดี้ที่บริษัท ก็บริษัทเดียวกันกับที่พี่พาร์ทเป็นประธานนั่นแหละ มันคือบริษัทของตระกูลเรา
แต่แปลกใจตรงที่แดดดี้จะให้ไปทำไม ที่นั่นมันมีแต่ทำเครื่องเพชร ถึงจะเรียนออกแบบมา แต่จะให้ไปออกแบบเครื่องเพชรไม่เอาด้วยหรอกนะ แต่ถ้าให้ช่วยงานก็พอไหว จะให้พี่ชายคนโตของตระกูลทำคนเดียวก็ยังไงอยู่ อีกคนที่ยุ่งมาก วิ่งไปทำตรงนั้นที ตรงนี้ทีก็คงจะเป็นภูผา เห็นโมจิบอกว่าทั้งทำงานช่วยพี่พาร์ท และยังต้องทำงานแทนอาเปอร์ แต่ดีที่มีขุนศึกเป็นแรงหลักดูแลทางกองละคร พูดถึงขุนศึกแล้วก็คิดถึงจัง......
“พี่แบงค์!! โอ๊ยพอแล้ว”“ญี่ปุ่นเมื่อย ถ้าพี่ทำนานกว่านี้ลูกคงได้ออกมานั่งคุยกับพี่จริง ๆ แน่!” ร่างเล็กที่หันไปจ้องคนตัวโตตาเขม็ง“......” แต่เขากลับเงียบยังคงตะบี้ตะบันกระแทกความแข็งแกร่งใส่ร่องสวาทอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นี่ขนาดท้องโต 5-6 เดือนแล้วนะ ทำไมพี่เขาถึงหื่น ขึ้นได้ทุกวันพั่บ พั่บ พั่บสองมือค้ำยันที่นอน คุกเข่าแบบนี้มาเป็นชั่วโมงแล้วนะ อีตาบ้า ไม่สงสารกันบ้างเลยหรือไง กลางวันเลี้ยงลูก กลางคืนเลี้ยงผัว เฮ้อ...เพลีย“อีกนิด พี่จะแตกแล้ว” เขาเอ่ยเสียงกระเส่าแหบแห้ง มือหนาลูบวนหน้าท้อง อีกมือบีบขยำสองเต้าอย่างเมามัน“อ๊ะ...พะ...พี่แบงค์ มะ...มันเสียวนะอย่าเล่นสิ” มันรู้สึกเสียวซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งตัวเมื่อมือหนาเลื่อนต่ำ ลูบวนหน้าท้องสัมผัสโหนกเนื้ออวบนูน ก่อนปลายนิ้วร้ายจะเขี่ยขยี้ติ่งเกสรเม็ดเล็กอย่างเอาแต่ใจ ริมฝีปากหนาจูบ ลากลิ้นเลียไปทั่วแผ่นหลังทำเอาฉันถึงกับอยู่ไม่สุข ร้อนรุ่มกระสันไปทั้งตัว ยิ่งเขากระแทกถี่รัวเท่าไร มันก็ยิ่งเสียวซ่านแทบจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้ปึก ปึก“อ่า ตอดพี่ถี่แบบนี้ จะเสร็จแล้วใช่ไหม ฮื้ม!” คนตัวโตยันตัวลุกขึ้น สองมือกดสะโพกผายแน่น หมุนควงเอว
เราทุกคนได้แต่มองหน้ากันด้วยความสงสัย แต่ผู้ชายชุดดำที่เดินตามหลังเข้ามาเขาดูคุ้นตามาก......แล้วยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิมเมื่อเขาเดินตรงมาทางที่พวกเรานั่งอยู่“เพื่อนพี่” ฉันหันไปถามพี่แบงค์ ที่มองหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างเอาเรื่อง“ไม่ใช่” เขาเอ่ยเสียงเรียบ หน้านี้คือพร้อมบวกมาก“เพื่อนเธอสองคนเปล่า” ฉันหันไปถามภูผากับน้ำอุ่น“......” ภูผาเงียบ นั่นแสดงว่าไม่ใช่“ไม่นะ อุ่นไม่มีเพื่อนผู้ชายนอกจากภูผา” น้ำอุ่นเอ่ยเสียงเบา มองหน้าภูผาอย่างกลัว ๆ“ผัว!! ไม่ใช่เพื่อน!” ภูผาพูดกระแทกเสียง แล้วยกแก้วเหล้าเข้าปาก“นิสัยนี้ไม่หายสักที เดี๋ยวเถอะฉันจะหาผัวใหม่ให้ยัยน้ำเน่า!” ฉันพูดดุภูผา มีอย่างที่ไหน แค่นี้ก็ต้องเย็นชาใส่ ต้องทำหน้าขรึม“......” ภูผาเงียบไม่สนใจที่ฉันพูด แถมยังดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ ส่วนมือน่ะโอบเอวเมียไว้กลัวคนอื่นไม่รู้หรือไงว่ามีเจ้าของแล้ว เฮ้อ...คนบ้าอะไรโคตรหึงแรง สงสารก็ยัยลูกเต่า น้ำเน่าโชคดีที่ได้คนรักจริงเป็นผัว แต่โชคร้ายที่มีผัวขี้หึง หึงแม้แต่ยุงตัวผู้! ก็ไม่เว้น“เฮ้อ...” ฉันได้แต่ถอนหายใจส่ายหัว แล้วมองผู้ชายคนนั้นอย่างครุ่นคิด“พี่ซัน!!” ใช่ ใช่แล้วฉันว่าฉันจำไม่ผิด ถึ
2 เดือนผ่านไปหลังจากที่จบเรื่องวุ่น ๆ ของยัยวิด้า และพ่อพี่แบงค์ไปได้ ทุกอย่างก็ดูสงบวิด้า สุดท้ายก็ต้องยอมรับความจริง แต่เธอยืนยันเสียงแข็ง ไม่ต้องการจะแต่งงานหรือให้เพื่อนพี่แบงค์รับผิดชอบอะไร พ่อเธอเองก็ไม่ติดใจอะไร แต่ก็ดูไม่พอใจอยู่บ้าง แต่เขารู้จักกับลุงปืน ผู้ใหญ่เขาคุยอะไรกันบ้างฉันก็ไม่รู้ แต่ดีที่เขาพาลูกสาวกลับไปด้วย คงจะจ่ายเยอะอยู่พอสมควรเพื่อปิดข่าวฉาวในครั้งนี้ส่วนพ่อพี่แบงค์สุดท้ายต้องยอมแพ้ ไม่เหลืออะไรเมื่อคุณแอนนาหอบเงินหนีไปต่างประเทศทิ้งภาระหนี้สินมากมายไว้ให้เรื่องบริษัท ทุกคนลงความเห็นเทกโอเวอร์ซื้อหุ้นแล้วให้พี่แบงค์เป็นผู้บริหาร ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมรับ ไม่อยากให้ใครมองว่าที่เขาได้ตำแหน่งนี้มาเพราะเป็นลูกเขยแด๊ด เป็นสามีฉันทั้งในทางพฤตินัยและนิตินัยสิ่งที่แด๊ดพูดกับพี่แบงค์ ทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วแดดดี้ เองก็เอ็นดูในตัวพี่เขาอยู่ไม่น้อย‘โอกาสมันไม่ได้มีให้บ่อยครั้ง ใช้ความสามารถที่มี แสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันเลือกคนไม่ผิด อย่าทำให้ทุกคนผิดหวัง’คำพูดนี้ของแด๊ด ทำเอาฉันดีใจจนร้องไห้ เพราะในใจคิดมาตลอดว่าที่แด๊ดยอมเพียงเพราะเห็นแก่ฉันที่รักเขา แต่จริง ๆ แล้วมันไม
“?” แล้วฉันก็ได้แต่ยืนงง ใครกันที่นอนกับยัยนี้ แล้วพี่แบงค์เขาเป็นอะไรทำไมต้องเกรี้ยวกราดขนาดนั้นด้วย?“นี่!! ทำแบบนี้กับวิด้าไม่ได้นะวิด้าไม่ยอม!!” ยัยวิด้า เอ่ยเสียงแหลมเดินตามพี่แบงค์ออกไปหมับ!!“หยุดเลยนะ” มือเล็กคว้าข้อแขนเธอไว้ทันที“ปล่อย!! ฉันจะไปคุยกับพี่แบงค์ให้รู้เรื่อง ยังไงเขาก็ต้องรับผิดชอบ!!” เธอยืนกรานเสียงแข็ง“จะไปให้พี่เขาด่าหรือไง พี่แบงค์เขาเป็นลูกผู้ชายพอ ถ้าเขาทำก็ต้องยอมรับ แต่เขาพูดชัดขนาดนี้แล้ว ไม่อายบ้างหรือไง เธอนี่มันหน้าด้าน หน้าหนากว่าผนังห้องอีกนะ ยัยบ้า!! รู้ไหมทำแบบนี้คนเสียหายคือตัวเอง ที่พูดน่ะ เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิงเหมือนกันนะ” ฉันจ้องหน้าเธอ แต่ดูท่าสิ่งที่พูดออกไปมันคงจะไม่เข้าหูเธอเลยด้วยซ้ำ“ช่วยกรุณาไปแรดไกล ๆ ผัวฉันด้วย เธอจะไปเอากับใครก็ได้แต่ไม่ใช่ผัวฉัน! จบนะ” แล้วฉันก็เดินหนีออกจากห้องนั้นทันที ก่อนที่จะอดทนไม่ได้ ไม่อยากลงไม้ลงมือกับใครถ้าไม่ถึงที่สุด...“พี่แบงค์!” ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินตามพ่อของลูกไป คนบ้าอะไรเดินเร็วเป็นบ้า“......” คนตัวโตเงียบ ทำหน้าบึ้ง“พี่โกรธญี่ปุ่นเหรอ?”“เปล่า” เขาเอ่ยเสียงเย็น เย็นชาใส่แบบนี้เหรอเรียกว่า
“คุณญี่ปุ่น!” พนักงานคนหนึ่งหันมาเห็นฉัน สีหน้าท่าทางเธอดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด“ไม่มีงานทำกันเหรอ?” แค่เห็นว่าเป็นยัยวิด้า ยัยกะทกรกเน่าอารมณ์มันก็เดือดขึ้นมาทันที อยากจะเดินเข้าไปกระชากหัวแล้วจิกสักที แต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ เพราะที่นี่คือที่ทำงาน ต้องวางตัวให้สมฐานะ“…...” ทุกคนเงียบ เอาแต่ก้มหน้าอย่างสำนึกผิด ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่“จะเป็นไปได้เหรอ ฉันได้ยินมาว่าคุณแบงค์กับคุณญี่ปุ่นเขาสองคนเป็น...” พนักงานคนหนึ่งพูดเสียงกระซิบ“ใช่ ๆ ๆ ๆ ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้น ข่าวว่าเขามีลูกด้วยกันแล้วด้วย แต่คบกันตอนไหน?”“......” ฉันหันไปจ้องดุ ทั้งสองคนที่พูดกระซิบนินทา ก่อนสองสาวนั้นจะรีบเดินหนีไปในทันที เฮ้อ...มีแต่เรื่องให้ปวดหัว“ไม่อายหรือไง?”“.......” ยัยวิด้าเงียบ ทำหน้าไม่สนโลก ไม่สนใจที่ฉันถาม“แต่คนอย่างเธอ...ก็ไม่น่าจะมียางอาย” ฉันมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา สภาพแบบนี้ดูก็รู้ว่าไปเอากับใครมา แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ถึงได้หอบสังขารเน่า ๆ มาถึงที่นี่“พี่แบงค์ล่ะ...ได้ฉันแล้วคิดว่าจะจบง่าย ๆ แบบนี้เหรอ” เธอเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย“ได้เธอ?” ยัยนี้ไม่จบไม่สิ้
“ฮึ...” รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้า เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรูปภาพสาวน้อยในชุดนักเรียน ม. ปลาย นามว่าญี่ปุ่น และแน่นอนถ้ามีรูปญี่ปุ่นก็แสดงว่าเธอเข้าไม่ผิดห้อง...วิด้ายังคงมองสำรวจ เพิ่มความแน่ใจให้ตัวเอง จนมั่นใจ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอน ที่มืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากข้างนอกส่องเข้ามา“พี่แบงค์” หญิงสาวเอ่ยเสียงแผ่วเบา ค่อย ๆ ก้าวเท้าไปยังเตียงนอน“ฮือ...ใครวะ ไหนบอกว่าจะกลับแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงงัวเงีย เพราะทั้งเหนื่อยจากงาน เพลียกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งดื่มเข้าไป ตอนนี้เขาทั้งมึนทั้งง่วงจนประคองตัวลุกไม่ไหว“คือพอดีว่า...” เธอทำเสียงเขินอาย แต่กลับเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากตัวทีละชิ้นสองชิ้น เปลือยเปล่าก้าวเท้าขึ้นไปบนเตียงอย่างว่องไว“อะไรวะ?” ชายหนุ่ม พยายามขยับเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้น เมื่อรู้สึกถึงร่างกายนุ่มนิ่มขยับตัวเข้าใกล้ แต่เขาเพลียเกินไป ทำได้แค่นอนนิ่ง ให้มือเล็กล้วงจับลูบไล้ไปตามร่างกาย“วิด้ารักพี่นะคะ และพร้อมจะเป็นของพี่” เสียงหวานเอ่ยขึ้น พร้อมมือเล็กนุ่ม ลูบคลำตรงส่วนนั้น ปลุกเร้า ความเป็นชายที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่สู้มือเธอพั่บ!!“อย่าเล่นส