เช้าวันถัดมา หลังจากที่มะลิารนข้าวและขึ้นไปอาบน้ำก็หลับเลยทันทีตื่นมาอีกที่ก็ตอนเช้าของอีกวัน
"อือ กี่โมงแล้วเนี้ย"เด็กสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็ควานหานาฬิกาเพื่อดูเวลา "6.30แล้วเหรอเนี้ย"หลังจากนั้นมะลิก็ลุกขึ้นเพื่อทำธุระส่วนตัว วันนี้เด็กสาวอยู่บ้านจึงแต่งตัวสบายๆๆเพื่อพักผ่อนอยู่บ้าน. หลังจากนั้นเธอจึงลงมาข้างล่างเพราะได้เวลาอาหารเช้าของเธอเป็นประจำทุกวันเวลาอยู่ที่บ้านเอื้ออารี เมื่อมาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นนิคโคลตินนั่งอยู่แล้วเด็กสาวจึงยกมือไหว้ตามประสาเด็กที่ได้อบรมมาอย่างดี "สวัสดีคุณนิคโคลติน"เด็กสาวกล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้ม "ครับ ที่หลังเรียกคุณป๋าน่ะครับสาวน้อย"นิคโคลนิคกล่าวรับพร้อมเอ่ยสั่งเด็กสาวให้เรียกตนอย่างที่ต้องการ "ได้ค่ะ คุณป๋า"เด็กสาวกล่าวตกลงอย่างอารมย์ดี "วันนี้มีอะไรกินบางเอ่ยค่ะ"เด็กสาวหันไปถามแม่บ้านที่เตรียมยกอาหารมาเสิร์ฟ "วันนี้มี ข้าวต้มกุ้งค่ะคุณหนู"สาวแม่บ้านตอบเด็กสาวอย่างเอ็นดูแลรักใคร่ "ว้าว มะลิหิวแล้วด้วยสิ"เด็กสาวทำหน้าตาออดอ้อนยังลูบท้องตัวเองเพื่อแสดงให้เห็นว่าตนหิวจริงๆ "ค่ะ ได้ค่ะ"หลังจากนั้นเมื่ออาหารเสิร์ฟมะลิก็ลงมือทานอาหารโดยไม่เคยหน้ามามองใครอีกคน หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารจนเส็จเรียบร้อยแล้ว มะลิที่กำลังลุกขึ้นก็ต้องชะงักเมื่อนิคโคลตินสั่งให้นั่งลงที่เดิม "นั่งลงก่อน ป๋ามีเรื่องจะคุยด้วย" "ค่ะ มีเรื่องอะไรค่ะ"เด็กสาวถามด้วยความสงสัย "เรื่องเรียนไงหล่ะ หรือหนูจะไม่เรียนกันหล่ะ"นิคโคลเอ่ยหยอกล้อแม่หนูน้อยด้วยความเอ็นดูยิ่งเห็นสีหน้าที่แปลเปลี่ยนของเด็กสาวยิ่งหลงไหล "เรียนสิค่ะคุณป๋าใจดีจังเลย"เด็กสาวร้องดีใจกระโดดกอดชายหนุ่มอย่างลืมตัวแต่อีกคนกลับยิ้มแก้มบานอย่างมีความสุข "จริงครับ"ชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่างยิ้มๆแค่เห็นยายตัวเล็กยิ้มเขาก็มีความสุข "เดี่ยวป๋าจะไปจัดการให้น่ะครับ"ชายหนุ่มบอกเด็กสาวเรื่องเรียนก็ออกไปทำงานเลยทิ้งให้เด็กสาวเล่นอยู่บ้าน หลังจากที่นิคโคลตินออกไปก็ไปดำเนินการเรื่องโรงเรียนให้กับมะลิซึ่งมันก็คือโรงเรียนที่อยู่ในเครือ ลาฟเนเจอร์แน่นอนและเขาก็กลับเข้าบริษัทมาทำงานตามปกติแต่ที่ไม่ปรกติคือชายหนุ่มไม่มีสมาธิทำงานเอาแต่คิดถึงแม่เด็กน้อยที่อยู่บ้าน 14.30 เมื่อชายหนุ่มอดทนรอเวลาเลิกงานไม่ไหวก็รีบบึ่งรถกลับบ้านทันที่ทำเอาเหล่าแม่บ้านและบอดี้การ์ดถึงกับงงที่เจ้านายกลับบ้านเร็วผิดปกติ มะลิที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ได้ยินเสียงรถก็รีบวิ่งออกมาหน้าบ้านก็เจอกับนิคโคลตินพอดี "อ้าวคุณป๋ากลับเร็วจังค่ะ พี่หวานบอกว่าปกติคุณป๋าจะกลับตอนเย็นโน้น"เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะหลังจากที่ชายหนุ่มออกไปเธอก็ไปหาเพื่อนเล่นก็เจอกับพี่หวานก็เลยถามตามความอยากรุ้ "อ่อ วันนี้งานเสร็จไว้ป๋าเลยกลับเร็ว"ชายหนุ่มเอ่ยตอบอย่าเรียบเนียนจะให้เขาบอกว่าคิดถึงแม่เด็กน้อยใจแถบขาดเลยรีบกลับก็จะยังไงอยู่ "อ่อค่ะ มาเหนื่อยเดี่ยวมะลิไปเอาน้ำมาให้ดื่มน่ะค่ะ"และเด็กสาวก็รีบวิ่งไปห้องครัวเพื่อไปเอาน้พมาให้ชายหนุ่ม "น้ำเย็นมาแล้วค่ะ"เสียงเจ้าตัวลอยออกมาก่อนที่จะมาถึงเรียกความเอ็นดูจากชายหนุ่มอย่างมาก "ขอบคุณครับ"หลังจากที่มะลิว่างแก้วลงชายหนุ่มก็เอ่ยขอบคุณ "ค่ะ ไม่เป็นไร"เด็กสาวเอ่ยตอบยิ้มๆอย่างน่ารัก "เป็นไงบางอยู่บ้านเบื่อไหมครับ"ชายหนุ่มหลังที่เงียบไปนานก็เอ่ยถามสาวน้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านนิตยาสารอย่างตั้งอกตั้งใจ "สนุกค่ะ มะลิไปช่วยพี่หวานล้างผักมาค่ะ"เด็หสาวว่างนิตยาสารลงและรีบเล่าเรื่องรางที่ตนไปทำมาอย่างขมักเขม้น "จริงเหรอครับ"ชายหนุ่มยิ้มขำแม่เด็กน้อยที่เล่าให้เขาฟังพร้อมยังทำหน้าจริงจังเสียจนน่าขำ "จริงค่ะคุณป๋าขำอะไรค่ะ"เด็กสาวเอ่ยตอบและเอ่ยถามอย่างสงสัยที่ป๋าของเธอยิ้มขำให้ "ป่าวครับ"ชายหนุ่มเอ่ยตอบยังมิวายยิ้มขำใส่เด็กสาว "งื้ออ คุณป๋าขำหนูใช่ไหมค่ะ"เมื่อไม่ได้คำตอบก็งอนใส่ชายหนุ่มทำเอาคนหัวใจพองตัวเมื่อสักครู่ถึงกับใจหาย "ป๋าไม่ได้ขำหนูครับจริงๆน่ะ"เมื่อเห็นแม่เด็กน้อยของเขางอนจนหน้าบูดบึงจึงรีบอธิบายก่อนที่จะไปกันใหญ่มากกว่านี้ "ไม่ หนูไม่เชื่อหรอก"เด็กสาวยังแกล้งงอนชายหนุ่มต่อไปเพราะรู้สึกสนุกขึ้นมา "จริงๆน่ะครับป๋าไม่ได้ขำหนู"ชายหนุ่มที่หน้าถอดสีตอนนี้รีบอธิบายให้เด็กสาวฟัง เด็กสาวไม่พูดอะไรแลทำหน้าบูดแต่เมื่อเห็นหน้าคุนป๋าของเธอที่ซีดเผือดก็ถึงกับขำขึ้นมาเพราะกว่าจะได้เห็นคนหน้าโหดมีสีหน้าแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย "คิก คิก คิก"เด็กสาวขำออกมาทำให้ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าตนถูกแกล้งถึงกับโล่งอกแต่ก็ต้องแก้แค้นแม่ตัวน้อยที่แกล้งเขาเสียจนแถบแย่ "แกล้งป๋าเหรอครับ"หลังจากนั้นชายหนุ่มก็วิ่งไล่จับแม่ตัวเล็กเพื่อเอามาลงโทษเสียให้เข็ด "มาให้จับเสียดีๆมาให้ลงโทษเลยน่ะ"ชายหนุ่มเอ่ยตามหลังเล็กที่ตนกำลังวิ่งตาม "ไม่มีทาง"เด็กสาวหันมาแลบลิ้นใส่ชายหนุ่มอย่างทะเล้นแต่นั้นชายหนุ่มก็ถึงตัวเด็กสาวและจับอุ้มพลาดบ่าและตีก้นเพื่อลงโทษ "คุณป๋าปล่อยหนูน่ะ"เด็กสาวร้องโวยวายเมื่อถูกจับได้ "ไม่มีทาง เด็กดื้อต้องโดนลงโทษ"ชายหนุ่มกล่าวอย่างขำขันที่แม่เด็กดื้อเริ่มพยศอีกแล้ว "นร้าาาาาาคุณป๋าหนูขอโทษ"เด็กสาวเอ่ยอย่างออดอ้อน "ทำไมป๋าต้องปล่อยหนูหล่ะ"ชายหนุ่มเอ่ยถาม "เพราะหนูหิวไงหล่ะค่ะ"เด็กสาวเอ่ยตอบพร้อมเสียงร้องของท้อง โครก โครก~~~~~~ ชายหนุ่มถึงกลับขำออกมาด้วยความเอ็นดูและปล่อยเด็กสาวลงและพากันไปกินข้าวหลังจากที่ทั้งคู่ทานข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว มะลิที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมาข้างล่างทันที เมื่อลงมาข้างล่างเรียบร้อยเมื่อไม่เห็นใครเด็กสาวก็เลยไปเปิดทีวีดู เมื่อเลื่อนหาจนเจอช่องทีใช่แล้วเด็กสาวก็นั่งดูอย่างเพลิดเพลินจนนิคโคลตินเดินลงมา "ดูอะไรเนี้ย"ชายหนุ่มเอ่นถามเด็กสาวที่นั่งอยู่ "การ์ตูนนค่ะ"เด็กสาวตอบอย่างไม่สนใจเพราะมัวแต่สนใจการ์ตูนอยู่ "โตยังครับ 15แล้วน่ะเนี้ยแม่คุณ"ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างขำๆ "โตแล้วค่ะ คุณป๋ามาดูด้วยกันค่ะ"เด็กสาวเอ่ยชวนชานหนุ่มให้มานั่งดูด้วยกันเมื่อชายหนุ่มมานั่งเด็กสาวก็ล้มตัวนอนตักทันทีผ่านไปจนการ์ตูนจบนิคโคลก้มลงเรียกให้เด็กสาวลุกไปนอนแต่เธอก็หลับไปแล้วจึงตัดสินใจอุ้มเด็กสาวเข้าไปนอนแทนการปลุกเธอ2ปีต่อมา ฉันกำลังนั่งมองคนตัวโตที่กำลังโดนลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแต่งหน้ามัดผมให้อยู่ ส่วนลูกชายคนโตนั้น นั่งเล่นของเล่นอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้โลตัสกับใยบัวก็ได้ขวบกว่าแล้ว ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ชายตรงนี้ทำหน้าที่พ่อและสามีได้ดีที่สุด ถึงแม้ตอนนี้เราทั้งสอง จะยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานตามธรรมเนียมประเพณีก็ตาม "พ่อสวยไหมคะ" "จ๊วย จ๊วย"ใยบัวพยักหน้างึกงัก ยิ้มกว้างจนเห็นฟันน้อย "ทำอะไรกันคะพ่อลูก" ฉันเดินมาทรุดนั่งข้างๆน้องใยบัวที่กำลังแต่งหน้าให้พ่อของเขา นิคโคลตินที่กำลังตาหลับตาพริ้มให้ลูกแต่งหน้า รีบเปิดตาขึ้นทันควัน "ฮ่า ฮ่า คุนพ่อสวยจังเลยค่ะ" ฉันถึงกับหัวเราะร่วน คนตัวโตที่ใบหน้าเคร่งขรึมนาาเกรงขามเมื่อก่อนบัดนี้กับมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวตัวน้อย เป็นภาพที่ดูอบอุ่นหายากจริงๆ "หนูก็ อย่าแซวกันสิ" มือหนาพยายามปิดบังใบหน้าที่ลูกสาวละเลงจนเปรอะเปื้อน "ฮ่า ฮ่า ค่ะ ได้เวลาอาหารเช้าแล้วไปทานข้าวกันดีกว่า" "เย้/เย้" เด็กทั้งสองตื่นเต้นทันทีเมื่อพูดถึงอาหารเช้า ต่างพากันชูขึ้นเพื่อให้อุ้มไปทานข้าว ฉันอุ้มน้องโคลัสขึ้นส่วนน้องใยบัว เป็นหน้าท
ผมและมะลิหันไปตามเสียง ก็เห็นคุณลุงมาตินยื่นตระหง่านหน้าเข้มอยู่ ผมมองร่างเล็กที่ดีดตัวถอยหลังออกจากตัวผมถึงแม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างต้องเก็บมันเอาไว้ในตอนนี้ ผมยังมีความผิดอยู่ "ตื่นนานแล้ว" เสียงเข้มเอ่ยถามผม ในตาจ้องเขม็งมาอย่างเรียบนิ่ง ยากที่จะเดาอารมณ์ได้ "ครับ" "มะลิไปตามหมอมาดูที" มาตินหันไปสั่งลูกสาวที่ยื่นอยู่ มะลิหันมามองผมอย่างกับไม่อยากไป "ไปตามหมอไปหาป๋าทีนะครับ" แต่ถึงผมจะเป็นคนบอกเธอก็ไม่ยอมที่จะออกไป "ป๋าอยากลุกนั่งแล้ว หนูไปเรียกหมอให้หน่อยนะครับ" ผมมองร่างเล็กที่ดูลังเลในที่สุดเธอก็ยอม "ค่ะ" ร่างเล็กรับคำหมุนตัวเดินออกไปปึ้ง เสียงปิดประตูดังขึ้นมาตินหันไปมองที่ประตู ปากหนาเผยอรอยยิ้มจางๆก่อนจะหันไปจ้องเขม็งยังคนที่นอนอยู่บนเตียง "ฉันอยากขอให้แกเลิกยุ่งกับลูกสาวฉัน" ใบหน้าเรียบนิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่กับนิคแล้วเขาไม่ได้รู้สึกกลัวอีกฝ่ายเลยสักนิด ห่างไม่ใช่ว่ามาตินเป็นพ่อของมะลิ เขาคงไม่ยอมถึงขนาดนี้ "คงไม่ได้หรอกครับ ยังไงเมียกับลูกผม ผมต้องดูแล " นิคก็ไม่ยอมลดละ ตาคมจ้อ
3วันต่อมา มะลิตื่นแต่งตัวแต่เช้าวันนี้เป็นวันที่ทุกคนนัดหมายกันไปเพื่อเยี่ยมนิโคลติน "วันนี้เราจะได้เจอพ่อของพวกหนูแล้วนะ" มะลิยิ้มกว้างในตาฉายแววประกายแห่งมีความสุข มือสวยลูบท้องไปพลางๆ ภาพสะท้อนในกระจกฉายให้เห็นว่าเธอมีความสุขจนล้นอก ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นมะลิหันไปตามเสียงเคาะเป็นแม่ของเธอที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม "สดใสจริงเชี่ยว ลูกสาวแม่" คุณหญิงมาหยุดยื่นอยู่ข้างร่างเล็กที่นั่งอยู่ มือนุ่มลูบผมลูกรักอย่างเอ็นดู "วันนี้เป็นวันที่หนูมีความสุขที่สุดเลยค่ะแม่" มะลิเงยหน้ามาพูดกับแม่ของเธอ ใบหน้าบัดนี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้างที่สว่างไสวเหมาะกับใบหน้าหวานมากกว่าที่เธอเอาแต่ทำหน้าเศร้าสร้อย 3วันก่อนหน้าที่กลับมาจากโรงพยาบาล เธอได้เปิดใจคุยกับพ่อแม่ของเธอและเริ่มคุ้นชิน ความอบอุ่นที่ได้รับเริ่มโอบอุ้มในใจที่ขาดหายจนมันเติมเต็มจนเธอสามารถ พูดได้เต็มปากว่า พวกเขาคือ พ่อแม่ที่แสนดีจริงๆ และเธอยังได้รู้ว่าหมอกรไม่ได้ปล่อยเขาทิ้งไว้ หน่ำซ่ำยังเป็นคนช่วยนิคจนมาถึงมือหมอ เธอรู้สึกผิดมากเมื่อรู้ความจริงจึงรีบไปขอโทษ ปรับความเข้าใจกัน ตอนนี้ ครอบครั
โรงพยาบาลขาเล็กก้าวเดินตามเส้นทางมายังหน้าห้องICU โดยมีพ่อแม่ของเธอเดินตามหลังมาอย่างเป็นห่วง ขาเล็กที่สั่นก้าวเดินราวจะล้มอยู่ตลอดเวลา มือสวยกำเข้าหากันแน่น ยิ่งเดินใกล้ปลายทางเท่าไหร่เหมือนกับขามันเริ่มจะอ่อนลงเรื่อยๆ เธอไม่อยากก้าวเดินไปต่อเลยซักนิด ตลอดระยะทางที่นั่งรถมา ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องทั้งหมด มันไม่ใช่เรื่องจริง ภาพเบื้องหน้าที่ครูซยืนกอดภรรยาร้องไห้อยู่ข้าวหน้ายังมีหมอกรที่ยื่นมองอยู่ไม่ไกล มันทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเพียงเรื่องโกหก เสียงร่ำไห้ดังก้องไปทั่วบริเวณ ทุกย่างก้าวที่เดินไปเหมือนกำลังนับเวลาหัวใจของคนในห้อง กำลังหยุดเต้นลงไป "ใจเย็นๆนะคุณหญิง"ครูซพยายามปลอบภรรยาที่ร้องไห้ราวจะขาดใจ ขาเล็กมาหยุดยื่นอยู่ที่ข้างหลังทั้งสองคนไม่กล้าแม้แต่ก้าวเดินต่อไปข้างหน้า "ไปเถอะลูก ไปลาพี่เขาเป็นครั้งสุดท้าย เขาจะได้หมดห่วง" ฝ่ามือบางแตะเบาๆที่ไหล่เล็กอย่างเป็นห่วง มะลิที่ยื่นตัวแข็งทื่อขาแถบจะขยับไม่ได้ ตาสวยมองเข้าไปยังหน้าประตูห้องอย่างชั่งใจ ถึงแม้ว่าอยากกอดเขาอย่างสุดใจแต่เมื่อรู้ว่าจะเป็นกอดสุดท้าย เธอก็ไม่อยากที่จ
ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนจากความมืดมิดเริ่มมีแสงสว่างของดวงอาทิตย์ แสงสุริยันเจิดจรัสส่องสว่างทั่วฟ้านกน้อยบินว่อนส่งเสียงเจื่อยแจ๊วไปทั่วบริเวณ "เช้าแล้วเหรอเนี้ย หลับไปตั้งแต่ตอนไหนนะ" มือเรียวขยี้ตาเบาให้คลายงงงวยจากการตื่นนอน เธอพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างกระทบเข้าใบหน้าสวยจนต้องหรี่ตาลง มือเล็กลูบท้องนูนเบาๆ "รอแม่เดี๋ยวนะ แม่ขออาบน้ำก่อนจะได้ไปกินข้าวกัน วันนี้แม่จะพาพวกหนูไปหาพ่อ" ใบหน้าสวยประดับไปด้วยรอยยิ้มมือเรียวลูบท้องนูนแผ่วเบา ขาเล็กก้าวลงจากเตียงตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อรีบจัดแจ้งทำธุระส่วนตัว 30 นาทีต่อมา มะลิเดินออกมาด้วยชุดคลุมอาบน้ำ มืออีกข้างยังคงเช็ดผมที่เปียกชื่น ขาเล็กก้าวมาหยุดที่ตู้เสื้อผ้าพอเปิดออกก็ต้องตกตะลึงเสื้อผ้ามากมายถูกอัดไว้เต็มตู้ มือเรียวแหวกดูเสื้อผ้าไปมาก็ต้องมาสดุดตากับชุดเดรสยาวสีชมพูลายดอกไม้เล็กๆดูแล้วน่ารักและคงจะใส่สบาย ไม่รัดท้องที่เริ่มนูนออกมาของเธอ ความโอ่อ่ากว้างขว้างของบ้านหลังนี้ทำให้มะลิรู้สึกตกตะลึง ตากลมมองไปทั่วบริเวณบ้านเหล่าแม่บ้านมากมายต่างพากันทำงานอย่างตั้งใจไม่ต่างกันกับบ้านของนิโคลต
โรงพยาบาลครูซกับภรรยาต่างเฝ้ารออยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเกือบห้าชั่วโมง แต่ยังคงไร้วี่แววว่าการผ่าตัดจะเสร็จสิ้น "ใจเย็นๆนะคุณหญิงลูกจะต้องปลอดภัย" มือหนาบีบมือภรรยาแน่นเพื่อปลอบใจ "ฉันก็อยากใจเย็นอยู่คะครูซ แต่นี้ก็ผ่านไปจะชั่วโมงแล้ว" "ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร" ไม่นานหมอกรที่เข้าช่วยผ่าตัดก็เดินออกมาด้วยใบหน้าไม่สู้ดีหนัก "ตานิคเป็นยังไงบ้าง หมอกร" "เอากระสุนออกได้หมดแล้วครับแต่ก็เสียเลือดมาก แถมยัง กระสุนยังโดนจุดสำคัญ คุณลุงคุณป้าต้องทำใจไว้บ้างนะครับ"ตาคมมองคุณหญิงอย่างรู้สึกผิด ถ้าหากเขาไม่อคติเกินไปบางทีนิคอาจจะยังมีโอกาศรอด "ไม่จริงใช่ไหม ฮึก ฮื่อ คุณคะ ลูกเรา" คุณหญิงปล่อยโฮลั่นถึงกับขาอ่อนแรงดีที่ครูซรับไว้ทัน "ใจเย็นๆนะคุณหญิง ลูกจะต้องไม่เป็นไร" "คุณลุงคุณป้ากับไปพักผ่อนเถอะครับ ช่วงนี้ยังไงก็คงยังเข้าเยี่ยมไม่ได้ พี่นิคต้องอยู่ICU จนกว่าอาการจะดีขึ้น" "ขอบคุณมากนะหมอกร ยังไงลุงฝากด้วย ลุงกลับก่อน" ดวงตาคมน้ำตาเอ่อคลอมองไปทางประตูห้องผ่าตัด มือที่โอบภรรยาไว้ก็เริ่มสั่น คนเป็นพ่อต่อให้เข้มแ