เข้าสู่ระบบทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน
พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว
“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”
“ลูกบอสหรือเปล่า?
“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”
“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”
“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”
“ไม่เคยนะ”
“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”
“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”
“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปาก
และแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดล
เจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง
“พ่อครับ”
“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”
เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหันไปมองเด็กชายตาแป๋วที่กำลังเดินตรงมา
ภูวดลละสายตาจากแฟ้มตรงหน้ามองไปตามเสียงเรียกพร้อมกับร่างเจ้าตัวเล็กที่เดินมาถึงโต๊ะทำงานของพ่อ หลังจากนั่งต่อจิ๊กซอว์อยู่อีกมุมที่มีพาร์ทิชั่นกั้นอยู่
“พ่อทำงานอยู่ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปดูนะ”
บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มบางๆ ส่งให้ และหันกลับมาฟังรายงานต่อพร้อมกับรอยยิ้มที่เลือนหายไปแทนที่ด้วยความเคร่งขรึมทันที เจ้าหน้าที่สาวรายงานต่อจนเสร็จก็ค้อมศีรษะเดินออกห้องไป
“พ่อ?”
เธอทวนสิ่งที่ได้ยินในห้องเมื่อครู่ พร้อมรอยยิ้มที่มุมปากดวงตาไหวระริกตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่เดินแกมวิ่งอย่างเร่งรีบ สุดท้ายเธอก็เป็นคนแรกที่รู้ว่าเด็กที่อยู่ในความสนใจของพนักงานตอนนี้เรียกบอสว่า “พ่อ”
“พ่อเหรอ?”
“ใช่”
“แล้วบอสก็แทนตัวเองว่า…พ่อ…ด้วย” เธอยืดยกเล่าอย่างภาคภูมิใจกับข้อมูลที่ได้มา
และเรื่องนี้ก็ขยายออกเป็นวงกว้างในวงสนทนาของพนักงานในบริษัทอย่างรวดเร็ว
ภูวภัสตื่นเต้นจนนอนไม่หลับที่รู้ว่าพรุ่งนี้พ่อจะพาไปเที่ยวสวนสนุกในช่วงปิดเทอมและขอให้พ่อนอนค้างด้วยกันในคืนนี้
“แม่ครับให้พ่อดลนอนที่บ้านทุกวันไม่ได้เหรอครับ? ทำไมต้องอาทิตย์ละสามวันด้วย”
หลังจากที่เธอเพิ่มสิทธิ์ให้เขาแล้วจากสองวันเป็นสามวันแต่เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่พอใจ
“….”
มุกดาที่ทำตาปริบ ๆ ไม่รู้จะตอบลูกยังไง
“ภูอยากให้พ่อกับแม่นอนกับภูด้วย ทำไมถ้านอนกับพ่อต้องไม่ได้นอนกับแม่ ถ้านอนกับแม่ก็ไม่ได้นอนกับพ่อ น้ำขิงยังนอนกับพ่อแม่ที่เตียงเดียวกันได้เลยครับ”
“….”
นิ่งเงียบทั้งพ่อและแม่
“นะครับแม่มุก…ภูอยากให้พ่ออยู่ด้วยทุกวัน” อ้อนตาแป๋ว
“เอ่อ…แต่พ่อคงอยู่ด้วยทุกวันไม่ได้หรอกค่ะ ที่นี่บ้านเราไม่ใช่บ้านพ่อ พ่อก็ต้องกลับบ้านตัวเองด้วย”
เด็กน้อยนทำหน้างงกับคำพูดที่ฟังไม่ขึ้นของผู้เป็นแม่ได้แต่ทำหน้าเศร้า
ภูวดลที่รู้สึกสงสารเจ้าตัวเล็กจับใจจากแววตาที่สื่อออกมา แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะช่วยลูกให้สมหวังได้ยังไง เขาเองมีพ่อมีแม่ครบในช่วงเยาว์วัยมันช่างเป็นความสุขที่สุดวิเศษในความทรงจำที่แสนอบอุ่นนั้น คนขาดความรักที่เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่อย่างเธอจะเข้าใจอะไรได้ แต่เอาไว้ค่อยคิดหาวิธีอีกครั้งก็แล้วกัน
ตุ๊กตาซุบเปอร์ฮีโร่เดินได้ตัวใหญ่ที่ยืนรอต้อนรับเด็กๆ ที่หน้าประตูทางเข้าสวนสนุกสร้างความตื่นเต้นให้ภูวภัสไม่น้อย ใช่ช่วงเช้าของวันหยุดสุดสัปดาห์และเป็นช่วงปิดเทอมจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนสร้างบรรยากาศคึกคักสนุกสนาน
เสียงกรีดร้องและหัวเราะจากการเล่นเครื่องเล่นมากมายที่แว่วมาให้ได้ยินจากรอบทิศทาง ประสานกับเสียงเพลงจังหวะครื้นเครงจากโซนกิจกรรมครอบครัวสร้างความตื่นเต้นให้ไม่แพ้กัน
หลังจากแลกตั๋วที่จุดบริการเรียบร้อยแล้ว สองมือซ้ายขวาของภูวภัสจูงมือพ่อและแม่วิ่งเข้าไปด้านใน ใบหน้าสดใสของเจ้าตัวเล็กแหงนเงยขึ้นมองรถไฟเหาะด้านบนที่กำลังวิ่งตามรางด้วยความเร็วแววตาที่เปล่งประกายความตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด
“แม่ครับภูอยากเล่นอันนั้น ชี้ไปที่รถไฟที่ลอยอยู่บนรางกลางอากาศ”
“ไม่ได้ค่ะภูยังเด็กอยู่เล่นไม่ได้”
“แล้วเด็กเล่นอะไรได้บ้างละครับ พ่อดลครับ” หันมาขอความเห็นจากพ่อ
“เดี๋ยวเดินดูให้ทั่วก่อนไหมชอบอะไรแล้วค่อยเล่น”
“ได้ครับ”
สามพ่อแม่ลูกเริ่มต้นด้วยการล่องแก่งมินิสำหรับครอบครัว จะให้นั่งกับแม่สองคนก็ไม่เอา ให้นั่งกับพ่อก็ไม่ยอม สิ่งที่เจ้าตัวเล็กต้องการคือต้องมีทั้งพ่อและแม่ ไหน ๆ ก็พาลูกมาแล้วเธอก็ต้องให้ลูกสนุกสมกับภาพที่เขามโนไว้ในหัวตั้งแต่เมื่อวานก็แล้วกัน
ต่อด้วยนั่งรถไฟชมบรรยากาศรอบสวนสนุก และเจ้าตัวเล็กที่ขับรถมินิแข่งกับเด็กคนอื่นๆ ตามด้วยรถไฟมินิบนรางสำหรับเด็ก ๆ และขอแม่เล่นทุกอย่างในโซนเด็กเล็กและเด็กโต แต่ผู้เป็นแม่อนุญาตเฉพาะที่ไม่ผาดโผนจนเกินไปเท่านั้น และดูเหมือนเจ้าตัวเล็กจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเอาเสียเลย
“เที่ยงแล้วภูต้องไปกินข้าวก่อนนะลูกเดี๋ยวหมดแรงเสียก่อน”
“ได้ครับ”
ตรงไปยังโซนอาหารที่แทบจะมีทุกอย่างครบครันทั้งสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ระหว่างที่นั่งรออาหารภูวภัสที่พูดไม่หยุดปากสาธยายความรู้สึกของตัวเองระหว่างที่อยู่บนเครื่องเล่น พร้อมบวกความเว่อร์วังเข้าไปจนผู้เป็นพ่อและแม่ที่เผลอหัวเราะออกมาพร้อมกันในความขี้โม้ของเขา
มุกดาที่ฉีกยิ้มกว้างหัวเราะจนเห็นฟันขาวพร้อมเสียงหัวเราะสดใส พร้อมกับภูวดลที่เผลอหัวเราะออกมา สองสายตาบังเอิญหันมาสบกันค้างอยู่ก่อนที่มุกดาจะเฉมองไปทางอื่นค่อย ๆ หุบยิ้มลง พร้อมกับอาหารที่ถูกยกมาวางบนโต๊ะ
“ว้าวน่ากินจัง” เจ้าตัวเล็กที่หิวแต่ยังห่วงเล่น ตาโตเมื่อเห็นเมนูโปรดที่แม่สั่งให้ตรงหน้า
“กินไปก่อนนะเดี๋ยวพ่อมา”
ภูวดลลุกจากเก้าอี้เดินหายไปสักครู่และกลับมาพร้อมแก้วกาแฟสำหรับตัวเอง พร้อมน้ำผลไม้ปั่นอีกสองแก้วสำหรับสองแม่ลูก
“ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากมื้ออาหารกลางวันผ่านไป เลือกผ่อนคลายสบายๆ ด้วยการร่วมเล่นเกมชิงของรางวัลในโซนครอบครัว แต่ผู้เป็นแม่ที่ขอตัวไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้สองหนุ่มไปร่วมสนุกกันเอง
มุกดานั่งพักขาที่ล้าจากการเดินตามเจ้าตัวเล็กที่ม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ กวาดสายตามองรอบบริเวณสวนสนุกที่รายล้อมไปด้วยผู้คน คู่รักหลายคู่ และหลากหลายครอบครัวที่จูงมือกันเดินผ่านหน้าเธอไป
ผ่อนลมหายใจทิ้งจะมีสักกี่ครอบครัวที่อยู่เพื่อลูกโดยปราศจากความรักเหมือนเธอกับภูวดล มองไปทางไหนก็สื่อได้ถึงความรักที่มอบให้กัน สามีที่อุ้มลูกผู้เป็นภรรยาที่ยกแก้วน้ำป้อนที่ปาก คุณยายที่จูงมือหลานส่วนคุณตาที่ถือกระเป๋าสีหวานให้คุณยาย รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของความสุขที่สัมผัสได้พลอยยิ้มตามความสุขกับภาพตรงหน้านั้น
ชีวิตคนเราจะเอาอะไรมาเพอร์เฟคทุกอย่างคงเป็นไปไม่ได้
“ไม่เป็นไร”
เธอบอกตัวเอง แค่ภูวภัสมีความสุขไม่ว่าพ่อและแม่จะรักหรือไม่รักกันก็ช่างเถอะ สักวันเขาโตขึ้นคงเข้าใจอะไรได้ดีเอง และเดินกลับไปที่จุดนัดเจอ
“แม่ครับ” เด็กชายชูถุงลูกโป่งหลากสีที่เล่นเกมจนได้รางวัลมาอวดแม่
“ภูกับพ่อดลเล่นเกมชนะได้รางวัลเป็นลูกโป่งครับ”
“ว้าว…เก่งจัง”
เธอนั่งลงที่สนามหญ้าข้างเด็กน้อย ภูวดลกำลังปั๊มลมเข้าลูกโป่งให้ลูกที่นั่งลุ้นอยู่ข้าง ๆ
“เอาลูกโตๆ เลยนะครับพ่อดล”
“ได้อยู่แล้ว”
โป๊ะ!
ลูกโป่งที่แตกเสียงดังในระยะใกล้หู พร้อมคนที่สะดุ้งสุดตัวทั้งแม่และลูก พร้อมเสียงหัวเราะแบบไม่กั๊กสองเสียงประสานกัน
เป็นครั้งแรกของภูวดลที่ได้มองใบหน้าของหญิงสาวในระยะใกล้อย่างพินิจพิเคราะห์ แววตาที่ดุและจริงจังของเธอตอนนี้ส่งประกายแวววาวสดใส รอยบุ๋มที่มุมปากข้างเดียวบวกกับแก้มป่องน่าหยิกของเธอมันทำให้เจ้าของรอยยิ้มดูละมุนน่ารักอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพิ่งรู้ว่าภูวภัสถอดแบบรอยบุ๋มนั้นมาจากแม่นี่เองเพียงแต่อยู่คนละข้างเท่านั้น จนเจ้าของรอยยิ้มหันมาเจอสายตาที่ไหลไปกับความคิดของเขามันมีอะไรแปลกๆ บางอย่างที่มุกดารู้สึกได้ เธอหัวเราะค้างเมื่อสบตากับเขา พาลทำอะไรไม่ถูกกับสายตาคมที่มองไม่ยอมหลบนั้น ก่อนจะคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดูดแก้เก้อ กลืนน้ำลงคอและชะงักมองแก้วที่ถืออยู่ในมือ ไม่ใช่แก้วน้ำผลไม้ปั่นของตัวเอง แต่มันเป็นแก้วกาแฟของเขาและรีบวางลงทันที ภูวดลที่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น
“พ่อดล”
เสียงเด็กเตือนให้เขาหันกลับมาอยู่กับการปั๊มลูกโป่งอีกครั้ง
“เดี๋ยวพ่อทำให้ใหม่”
“ห้ามแตกอีกนะครับ เมื่อกี๊ภูตกใจหมดเลย”
พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ประสานกันของสองพ่อลูก
เมื่อได้ลูกโป่งใบโตสมใจก็ลุกจากที่นั่งพาเจ้าตัวเล็กเดินเล่นต่อ ภูวดลหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดูดจนเกือบหมดแก้วอีกมือจูงภูวภัส มุกดาที่ปรายตามองหลอดในแก้วกาแฟของเขาที่เธอเพิ่งดูดไปเมื่อครู่ก่อนเฉมองไปทางอื่น
รถวิ่งออกจากสวนสนุกก็พลบค่ำแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวเล็กที่เอาแต่สนุกไม่มีทีท่าว่าจะอยากกลับแม้แต่น้อยจนผู้เป็นแม่ต้องปะเหลาะอยู่หลายรอบ
“วันนี้ภูสนุกมากเลยครับ วันหลังมาอีกนะครับพ่อดล”
“ไม่เห็นให้รางวัลพ่อเลยที่พามาเที่ยว” พูดอย่างอารมณ์ดี
“พ่อดลอยากได้อะไรครับ?”
“อืม…” ทำท่าครู่นคิด
ทำแก้มป่องขณะที่มือยังกำพวงมาลัยขับรถอยู่ พร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่โน้มตัวไปหา มือคล้องคอพ่อโน้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่
“ภู…พ่อขับรถอยู่ค่ะ” เสียงแม่ที่ดุมาจากเบาะหลัง
“ภูกำลังให้รางวัลพ่อดลครับ” ส่วนคนขับที่ยิ้มทะเล้นกับลูกชาย
“วันนี้พ่อดลนอนที่บ้านกับภูนะครับ”
“….”
ไม่มีเสียงตอบรับจากผู้เป็นพ่อเพราะรู้ว่าใช้สิทธิ์เกินแล้วในสัปดาห์นี้ มุกดาที่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเขี่ยไปมา
อาหารมื้อค่ำที่กินจากข้างนอกมาเรียบร้อยทำให้แม่ครัวได้มีเวลาผ่อนคลาย เพียงแค่ทำงานบ้านเล็กน้อยเท่านั้น และวันนี้เธอจะไม่ไล่เขากลับสักวันอยากนอนไหนก็นอนอย่างน้อยก็เพื่อภูวภัส และก็เป็นดังนั้นไม่ไล่เขาก็ไม่กลับจริงเสียด้วย
หลังจากอาบน้ำเสร็จภูวดลที่หาชุดนอนไม่เจอ ครั้งก่อนทิ้งลงตะกร้าไว้เธอคงเก็บไปซักให้ ร่างกำยำที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวห่อไว้อย่างหมิ่นเหม่ที่เอวสอบ หยดน้ำเกาะเต็มร่างบึกบึนนั้น ผมเปียกหมาดที่เช็ดอย่างลวกๆ พร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูและสบู่ที่อยู่บนเรือนร่างเขา
“ชุดนอนอยู่ไหน?”
มุกดาชะงักมือที่กำลังกวาดบ้านอย่างขะมักเขม้นอยู่ เงยหน้าขึ้นตามเสียงมองใบหน้าเขาที่จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว และเลยลงมาที่แผ่นอกเปลือยเปล่า ยอดอกสีชมพู ไล่ลงมาที่ซิกแพกแน่น ๆ นั้น หยุดอยู่ที่เอวสอบ ขนที่กล้ามท้องใต้สะดือยาวเรียงเป็นแถวลึกลงไปและหายไปใต้ผ้าขนหนู หันขวับหนีทันทีพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาถึงใบหู
“พับอยู่ในตู้” และแกล้งทำเป็นไม่สนใจกวาดบ้านต่อไป
ภูวดลยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจกับอาการของเธอที่หลุดมาให้เห็น หล่อขนาดนี้ แน่นขนาดนี้ไม่เคลิ้มก็ให้มันรู้ไป และหันหลังเดินกลับเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี
หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ
ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี
ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู
ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท
ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข







