LOGINความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา
“คุณพูดอะไร?”
“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”
มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น
“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?
“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”
“ใจดำไปนะ”
มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก
“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”
พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้
ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆ
และแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเขาและเธอไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีต่อกันฉันคนรัก ลูกจะต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้อย่างนั้นหรือ ว่าเขาเกิดมาเพราะความผิดพลาดของพ่อและแม่
“ภูวภัสเป็นลูกมุกค่ะ”
“มุกดูแลเขาได้และดูแลมาหลายปีแล้ว ขอบคุณในความเมตตานะคะ แต่ถ้ามากกว่าที่เป็นอยู่มุกไม่ต้องการค่ะ”
“ขอตัวนะคะมีธุระต้องทำต่อ” ลุกจากเก้าอี้ทันที
“ถ้างั้นก็เจอกันที่ศาล” ขาที่กำลังก้าวชะงักค้างอยู่กับที่
“หรือจะคุยกันให้จบในวันนี้…เลือกเอา”
คิดไว้แล้วว่าคนประหลาดอย่างหล่อนคาดเดาได้ยากก็ใช้คำขู่ไปเลยให้มันจบ ๆ
“คุณต้องการอะไร?” เธอยืนอยู่ที่เดิมมองหน้าพ่อของลูก ตาไม่กะพริบ แต่จะอดทนฟังสิ่งที่เขาต้องการก่อนที่เรื่องมันจะวุ่นไปกว่านี้เธอบอกตัวเอง
“ก็บอกไปแล้วว่าต้องการดูแลลูก”
“จริงๆ เธอควรขอบคุณฉันด้วยซ้ำที่ไม่ดำเนินคดีกับเธอ”
“หมายความว่าไง?” มุกดาที่สวนกลับทันทีที่เขาพูดจบ คิ้วสวยย่นเข้าหากันบ่งบอกความไม่สบอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ภูวดลปล่อยความเงียบทำงานชั่วครู่ ยกคิ้วขึ้นมองคู่สนทนาตรงหน้าประเมินสถานการณ์ ให้เธอรู้ว่าเขาถือไพ่เหนือกว่าเธออยู่ตอนนี้
“เธอตั้งใจวางยาฉันเพราะอยากได้สเปิร์มของฉันโดยที่ฉันไม่เต็มใจ”
“ฉันไม่ได้วางยาคุณ”
โพล่งออกไปทันทีพร้อมเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง และหยุดอยู่แค่นั้นไม่พูดต่อ ถึงแม้เธอจะพูดต่อว่ายวนใจต่างหากที่เป็นคนทำเขาก็คงไม่เชื่อ อีกอย่างยวนใจก็หนีไปแล้ว
ภูวดลนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ทำไมหล่อนไม่อธิบายความจริง ทำไมยังปกป้องยวนใจอยู่แทนที่จะปกป้องตัวเอง คนโง่ที่เป็นคนดี หรือคนดีที่เป็นคนโง่ ก็คงจะเป็นผู้หญิงตรงหน้าคนนี้แหละ
จากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้นหล่อนไม่ต้องการพ่อของลูกแน่นอน ยัยนี่ประหลาดคนแท้เห็นแก่ตัวเกินไป ก่อนจะพูดต่อโดยไม่สนใจอารมณ์ขุ่นเคืองของเธอแม้แต่น้อย
“และตอนนี้ก็สมใจเธอแล้วที่ตั้งท้องลูกของฉันโดยที่ฉันไม่เต็มใจ ฉะนั้นฉันจะเอาลูกของฉันคืน”
“คุณจะบ้าหรือเปล่า?”
“ไม่เต็มใจคุณจะทำได้ยังไง?” คิ้วยังไม่คลายออกจากกัน
“ฉันข่มขืนคุณงั้นเหรอ…ก็ไม่…ทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้ที่ผ่านมาแล้วตั้งห้าปี”
“เพราะฉันให้โอกาสเธอมาตั้งห้าปีไง” ชายหนุ่มที่ต่อปากทันทีไม่ลดละ และเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย
“คุณจะเอายังไง?” มุกดาถอนหายใจมองหน้าคู่สนทนาที่เหมือนจะตั้งใจเล่นสงครามประสาทกับเธอ
“บอกไว้เลยถ้าคิดฟ้องร้องฉันละก็ ฉันไม่มีอะไรจะให้คุณหรอกนะ”
“แต่ถ้ายืนยันจะดูแลลูกกรุณาขยายความคำว่าดูแลของคุณให้กระจ่างด้วย” เธอพูดห้วน ๆ
ภูวดลยกยิ้มมุมปากอย่างน้อยคำขู่เขาก็ได้ผล
“ลูกต้องไปอยู่กับฉัน ใช้นามสกุลฉัน”
“ไม่ได้”
“คุณเลี้ยงลูกเป็นหรือยังไง ฉันอุ้มท้องเขาตั้งเกือบปี เลี้ยงมากับมือ อยู่ดีๆ คุณจะมากระชากลูกไปจากฉันแล้วหาแม่ใหม่ให้เขายังงั้นเหรอ?”
“ฝันไปเถอะค่ะคุณดล”
“หึ”
ผู้ชายอะไรแปลกเกินคน การกระทำและความคิดช่างสวนทางกับบุคลิกและหน้าตาเสียจริง ๆ
“คุณก็มีคนรักของคุณอยู่แล้วอยากได้ลูกก็ทำเอาเองสิ”
ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะพูดคำนี้ออกมา ทั้ง ๆ ที่ลูกของเธอก็เกิดจากการกระทำของเขา
เลือดในกายหญิงสาวเริ่มร้อนแต่ยังคงรักษาระดับเสียงไม่ให้ปรี๊ดตามอารมณ์ในที่สาธารณะ
“แต่เธอไม่มีสิทธิ์จะเอาลูกไปคนเดียวเพราะฉันก็เป็นพ่อ”
มุกดาหลับตาหนักๆ ก่อนลืมตาขึ้นและผ่อนลมหายใจออก มันก็จริงอยู่ถ้ามองในมุมของเขา เขาเองก็มีสิทธิ์ในความเป็นพ่อเช่นกัน
“ฉันให้คุณมาหาลูกได้ แต่ลูกต้องอยู่กับฉันเท่านั้น”
“ได้” ภูวดลตอบสั้น ๆ บทจะง่ายก็ง่ายแบบไม่มีอะไรกั้น และพูดต่อ
“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเกี่ยวกับลูกฉันจะรับผิดชอบเองทั้งหมด”
“ตกลงค่ะ” ใครจะไม่ตกลงดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องควักกระเป๋าตัวเอง
“ส่วนค่าเสียเวลาและค่าเหนื่อยย้อนหลังที่เธอตั้งท้องและเลี้ยงลูกฉันจะคิดชดเชยให้”
“ฉันไม่ได้รับจ้างตั้งท้องลูกของคุณซะหน่อย ภูก็ลูกฉันเหมือนกัน”
“แต่ถ้าเงินคุณเยอะจนล้นกระเป๋าอยากให้ก็ตามใจค่ะ”
เบือนหน้าไปทางอื่น เอะอะก็ใช้เงินแก้ปัญหาไม่รู้จักให้เกียรติคนอื่นบ้าง ใช่สิ เงินเขาเยอะนี่
“จบหรือยังฉันจะได้กลับ?”
“ยัง”
“ภูต้องใช้นามสกุลอัครเทพ?”
“เฮ้อ” มุกดาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“อย่างน้อยก็คิดซะว่าเห็นแก่คุณพ่อท่านคงดีใจมากหากได้เจอหน้าภู แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว” แกล้งทำหน้าเศร้า
หัวใจมุกดาไหวระริกชั่วขณะเมื่อเขาพูดถึงผู้มีพระคุณของเธอ และเงียบไปชั่วขณะ
ภาพงานสีดำในวันนั้นที่วัดหลังจากขนุนส่งข่าวว่าคุณท่านจากไปแล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอท้องโตใกล้คลอดแล้ว อยากจะเข้าไปกราบลาคุณท่านเป็นครั้งสุดท้ายแต่กลัวจะเจอเขา ได้แค่กราบลาส่งคุณท่านสู่สวรรค์ในระยะไกลเท่านั้น
ภูวดลรู้จุดอ่อนข้อนี้และดึงมาใช้กับเธอ และแน่นอนว่ามันได้ผล
“ใช้นามสกุลอัครเทพก็ได้ค่ะ” พูดเสียงอ่อน
“ส่วนภูเอาไว้ให้แกคุ้นเคยกับคุณก่อนแล้วค่อยบอกทีละนิดก็แล้วกัน เดี๋ยวแกตกใจ”
“วันนี้เหมาะที่สุดแล้ว”
ว่าแล้วก็ชูแขนขึ้นและมองไปที่เทวาซึ่งมองมาเป็นระยะอยู่แล้ว กวักมือเรียกเป็นสัญญาณให้เข้ามาหา เทวาชี้ไปที่เด็กชายเป็นคำถาม ภูวดลพยักหน้ารับ ไม่นานก็พาภูวภัสเดินมาถึง
“คุณดล” สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอในสิ่งที่เขากำลังจะพูดกับลูกแต่เหมือนเขาจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“แม่ครับภูเล่นเกมกับพี่ก็อตสนุกมากเลยครับ”
เธอเองก็เพิ่งรู้ชื่อเล่นของเทวา และส่งยิ้มให้ลูก
“ว้าว อยากเล่นด้วยจังแต่แม่คงเล่นไม่เป็น” มุกดาที่ปรับอารมณ์เมื่อเด็กชายอยู่ตรงหน้า
“เทวาไปหาอะไรกินได้เลยนะ เสร็จธุระเดี๋ยวฉันโทรหา”
“ครับบอส” โค้งศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินจากไปไม่ลืมโบกมือบ๊ายบายเด็กชายตรงหน้า
“แล้วเล่นเกมกันใหม่นะครับพี่ก็อต” ภูวภัสโบกมือลาคู่หูต่างวัยพร้อมรอยยิ้ม
“แม่มุกกับลุงดลเล่นอะไรกันอยู่เหรอครับ?”
“กำลังคุยเรื่องภูอยู่ครับ” ผู้เป็นพ่อชิงตอบก่อน
“ภูมานั่งตรงนี้สิ”
เขาตบลงตรงเก้าอี้ข้างตัวเองส่งยิ้มให้เด็กน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน ภูวภัสเดินไปนั่งทันทีแต่เก้าอี้ตัวสูงผู้เป็นพ่อที่ต้องก้มอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งข้างๆ สองมือจับไหล่เล็กให้หันมาเผชิญหน้ากัน
“ลุงดลมาเป็นพ่อผมไหมครับ…จำได้ไหมวันนั้นที่โรงเรียนที่ภูพูด?”
“จำได้ครับ”
“งั้นภูเรียกพ่อได้เลยนะ” คำพูดที่ปนด้วยรอยยิ้มทั้งสีหน้าและแววตา
เด็กน้อยทำหน้างงๆ
“ลุงดลจะมาเป็นพ่อผมเหรอครับ?”
“ภูวดลพยักหน้า”
“พ่อดล…เป็นพ่อของภู”
พูดออกไปแล้วในใจมันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน สบสายตากับเจ้าตัวเล็กที่ยังคงมีความสงสัยในแววตาให้เห็นอยู่
“จริงเหรอครับแม่มุก?”
มุกดาพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้วลูกก็ควรได้รับรู้
“จริงสิครับ” ภูวดลยืนยันเสียงหนักแน่น
“ทำไมเหรอครับ ลุง…เอ่อ พ่อดลเหงาเหรอครับ?”
“ครับ”
“งั้นพ่อดลก็มาอยู่บ้านกับภูสิครับจะได้ไม่เหงา”
“ไม่ได้ค่ะ” เสียงปฏิเสธจากมุกดา
“ทำไมละครับแม่มุก?”
“ก็พ่อดลเป็นพ่อก็ต้องอยู่ด้วยกันสิครับ”
จะบอกลูกยังไงดีว่าเป็นแค่พ่อของลูก ไม่ได้เป็นคนรักของแม่
“ได้ครับพ่อจะมาอยู่กับภูนะ”
“คุณดล”
“ก็เธอบอกว่าไม่ให้ลูกไปอยู่กับฉันไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะมาอยู่กับลูกไง”
“ดีไหมครับภูที่พ่อจะมาอยู่ด้วย?”
“เย้ ๆ ๆ ดีใจจัง พ่อดลจะมาอยู่ด้วย” ภูวภัสลงจากเก้าอี้กระโดดยกมือชูขึ้นอย่างตื่นเต้น
“พ่อดลจะมาอยู่ด้วยแค่อาทิตย์ละวันเท่านั้นนะคะลูก”
“น้อยไป…อาทิตย์ละห้าวัน” ภูวดลยื่นข้อเสนอ
“สอง” มุกดาจ้องหน้าเขาและตอบสั้นๆ
“สาม” ภูวดลไม่ลดละ
“หนึ่ง” มุกดาเสียงหนักแน่น จ้องตาไม่กะพริบและกำลังจะอ้าปากพูดต่อ
“โอเคสองก็สอง”
เป็นเขาที่ยอมให้ ภายใต้ดวงตาใสแป๋วของเด็กชายที่มองหน้าพ่อที มองหน้าแม่ทีสลับกันไปมาอย่างงุนงง
“ที่บ้านเราคับแคบพ่อดลเคยอยู่ห้องกว้างๆ คงไม่สะดวกมาบ่อย ๆ”
มุกดาที่พูดกับลูกแต่สายตามองพ่อของลูก ยังไงเสียภูวภัสก็ดีใจขนาดนั้นจะตัดขาดพ่อของเขาไปเสียทีเดียวก็กลัวลูกจะเสียความรู้สึก
รอยยิ้มน้อยๆ ในแววตาเย้ยหยันนั้นของมุกดาที่มองใบหน้าหล่อเหลาของภูวดลอย่างดูแคลน บ้านของเธอหลังเล็กพื้นที่น้อยกว่าโรงจอดรถบ้านเขาเสียอีก เครื่องใช้อำนวยความสะดวกไม่ได้มีครบครันเหมือนบ้านอัครเทพเสียที่ไหน ห้องน้ำในบ้านเขายังกว้างกว่าห้องนอนเธอเสียอีก จะรอดูว่าคนที่บอกอยากดูแลลูกจะทนความลำบากได้สักกี่น้ำกัน
ภูวดลไม่เข้าใจเธอแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร เขาเป็นถึงพ่อของลูกยังไม่รู้จักให้เกียรติ หล่อขนาดนี้ รวยขนาดนี้ ที่จะดูแลเธอและลูกได้สบายไปทั้งชาติ ยังทำท่าผลักไสไม่อยากอยู่ใกล้ ประหลาดคน หล่อนเองก็ไม่ใช่ไท้ของเขาสักนิดแต่ที่ทำทุกอย่างก็เพื่อลูกเท่านั้น
เขาจะค่อยๆ สร้างความสัมพันธ์กับลูกไปทีละขั้น ทีละขั้น ถ้าลูกติดพ่อขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วไม่สนใจแม่ เขาจะรอดูคนอวดเก่งแถวนี้จะยังวางมาดเข้มแข็งอยู่อีกหรือเปล่า
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์เราไปเดินเล่นซื้อของในห้างกันนะ”
“หรือภูอยากไปไหนพ่อจะพาไปทุกที่เลย”
เขาเริ่มเดิมเกมสร้างความสัมพันธ์กับลูกทันที
“แม่มุกอยากไปไหนครับ?” หันมาถามผู้เป็นแม่
“แล้วแต่ภูเลยจ้ะ”
หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ
ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี
ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู
ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท
ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข







