LOGINภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด
เสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที
“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน
“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด
“นานมาก….” ลากเสียงยาว
“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”
พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกัน
สองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย
“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ
“ไปซื้อของครับยายดวง”
“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข
“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ
“สวัสดีครับ”
ภูวดลที่ค้อมศีรษะแทนการไหว้เพราะอุ้มลูกอยู่ คงเป็นสองตายายที่ช่วยเลี้ยงดูลูกของเขาตั้งแต่แบเบาะตามข้อมูลที่เทวาบอก สองตายายรับไหว้ พร้อมกับร่างของมุกดาที่เดินออกมาจากบ้านและล็อกรั้ว
“ฝากบ้านด้วยนะคะยาย พาภูไปซื้อของน่าจะกลับเย็นค่ะ”
ถึงแม้จะอยากถามแต่คงเป็นการเสียมารยาทสองตายายจึงแค่มองเท่านั้น มุกดาเองก็คงไม่สะดวกที่จะเล่าในตอนนี้
“ภูขอนั่งหน้ากับพ่อดลนะครับแม่”
“จ้ะ”
ตลอดการเดินทางที่คำพูดมากมายจากเด็กชายที่ขนเรื่องเล่าจากโรงเรียนมาแบ่งปันพ่อกับแม่ ภูวดลรู้สึกได้ผ่อนคลายจากที่ต้องนั่งเครียดกับการทำงานมาตลอดสัปดาห์ ผิดกับมุกดาที่ดูเหมือนจะยังเกร็ง ๆ อยู่ เพราะคนที่ยังไม่คุ้นเคยตรงหน้าแถมยังต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยกันตลอดทั้งวันอีกต่างหาก เพื่อลูก เธอบอกตัวเอง
สองพ่อลูกที่จูงมือกันเดินทั่วห้าง ผลัดให้พ่ออุ้มที วิ่งมาจับมือแม่ทีอยู่อย่างนั้นอย่างร่าเริง และขลุกอยู่ที่มุมขายของเล่นสำหรับเด็กผู้ชายที่เจ้าเด็กน้อยจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ถ้าชอบทั้งสองตัวก็เอาทั้งสองตัวเลยพ่อซื้อให้”
เมื่อเห็นภูวภัสหยิบหุ่นยนต์สองตัวขึ้นมาพิจารณาอยู่นานสองนาน แต่ก็ตัดสินใจไม่ได้สักที
“ตัวเดียวก็พอค่ะลูก” เสียงมุกดาสวนขึ้นทันที นี่ยังไม่ทันไรก็จะสอนให้ลูกไม่รู้คุณค่าเงินเสียแล้วเหรอ
“งั้นภูเลือกตัวนี้ครับ”
ยื่นหุ่นยนต์ตัวที่เลือกชูให้พ่อดูไม่วายชำเลืองอีกตัวด้วยสายตาละห้อย ภูวดลเอื้อมมือไปหยิบอีกตัวที่ลูกตัดใจทิ้งติดมือมาด้วย พร้อมเหลือบมองมุกดาอย่างไม่แคร์สายตาเธอที่มองแบบไม่เห็นด้วย
ใช้เวลาไปเกือบทั้งวันในการซื้อของและเดินเล่น พ่อและแม่ที่เดินจนขาล้าแต่ดูเหมือนเจ้าตัวเล็กจะยังไม่มีวี่แววอ่อนแรงเลยสักนิด
“แม่ว่าวันนี้เราพอแค่นี้ดีกว่าไหม?”
“แม่ต้องทำงานบ้านอีกเพียบเลย วันหลังค่อยมาใหม่นะคะ”
“ได้ครับ”
“พ่อดลวันนี้นอนกับภูได้ไหมครับ? ภูอยากให้พ่อดลเล่านิทานให้ฟัง”
พูดพลางหยิบหนังสือนิทานที่พ่อซื้อให้ขึ้นมาดู
“ไม่ได้ค่ะ”
“ได้สิครับ”
ตอบพร้อมกันแต่คนละความหมาย
“อาทิตย์ละสองวัน”
ภูวดลมองหน้าคนที่เพิ่งปฏิเสธลูกไปเมื่อครู่ทวงสิทธิ์ที่พึงได้ของเขา หล่อนคงกลัวลูกจะติดพ่อจนลืมตัวเองละสิ ท่าทางคงขาดความอบอุ่นตั้งแต่เด็กถึงได้กลัวการถูกแย่งความรักไปแบบนี้
มุกดาสาละวนอยู่ในครัวกับอาหารมื้อเย็นที่เพิ่มสมาชิกมาอีกหนึ่งคือพ่อของลูก ส่วนสองพ่อลูกนอนเอกเขนกวาดรูปและระบายสีอยู่ที่พื้นหน้าจอทีวี พร้อมกับกองของเล่นชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้มาของเด็กน้อย เสียงเงียบเป็นพักๆ แทรกด้วยเสียงตะเบ็งร้องและแหกปากตะโกนฟังไม่ได้ศัพท์ ซึ่งเธอคาดว่าน่าจะเป็นการต่อสู้ของพ่อและลูก เผลอยิ้มคนเดียวอยู่ในครัว จนหลายนาทีผ่านไป
“ภูล้างมือมากินข้าวได้แล้วกับข้าวพร้อมแล้วจ้ะ” ไม่นานเด็กน้อยก็เดินเข้ามาล้างมือในครัว นั่งลงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร
“หอมจังครับแม่มุกภูหิวมากเลย”
พร้อมกับภูวดลที่เดินตามหลังเข้ามามองเมนูอาหารบนโต๊ะ เขาเองที่รอคอยอาหารมื้อเย็นมาสักพักเมื่อท้องเรียกขอบ่อยครั้งแล้ว เนื่องจากหมดกำลังจากการต่อสู้กับฮีโร่ตัวน้อยอยู่นานพอควร และวันนี้ทั้งวันมีแค่กาแฟและแซนด์วิชตั้งแต่มื้อเช้าเท่านั้นที่ตกถึงท้อง ตอนกลางวันที่สองแม่ลูกกินข้าวเขาก็ปลีกตัวออกมารับโทรศัพท์และอาศัยกาแฟอีกแก้วในช่วงบ่ายเท่านั้น นั่งลงที่เก้าอี้ข้างลูกชาย
“ล้างมือก่อนค่ะ”
มุกดาออกคำสั่งแต่เสียงนุ่มนวลอยู่ บอสใหญ่ที่ถนัดแต่ออกคำสั่งคงไม่ชินสินะที่ต้องทำตามคำสั่งของคนอื่นแม้เป็นเพียงเรื่องเล็กๆ พร้อมสายตาของภูวภัสที่มองหน้าพ่อ ยังไงเสียแม่ก็มีอำนาจสูงสุดในบ้านหลังนี้ ภูวดลลุกไปล้างมือตามคำสั่งอย่างลวกๆ และกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม
ตักข้าวใส่จานให้สองพ่อลูกและตัวเอง บรรยากาศในโต๊ะอาหารมื้อเย็นที่แปลกไปภูวภัสกินข้าวเยอะกว่าปกติ กินไปคุยไปจนโดนแม่ดุที่อาหารยังเต็มปากแต่ยังห่วงที่จะหาเรื่องมาเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง
เช่นเดียวกับภูวดลที่เหมือนจะเป็นมื้ออาหารที่สุดพิเศษทั้งที่เป็นแค่เมนูธรรมดาเท่านั้น คือไข่เจียว ผัดผัก แกงพะแนง และผัดกะเพราเมนูโปรดของมุกดาเท่านั้น ใช่สิ เขากินข้าวมื้อเย็นคนเดียวมากี่ปีแล้วหลังจากที่ภูวนาถจากไป หากวันไหนไม่มีนัดข้างนอกกับเพื่อนๆ หรือคุยงานกับลูกค้าก็ต้องกลับมากินข้าวคนเดียวที่บ้าน หรือไม่ก็สาวๆ นัดเจอที่ร้านอาหารเท่านั้นเอง
แต่วันนี้เหมือนได้อยู่กับครอบครัวถึงแม้เธอจะไม่ใช่คนรัก แต่ลูกก็เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายของหัวใจแกร่งที่ออกจะกระด้างและเย็นชาของคนที่ต้องอยู่กับภาวะความเครียดของงานแทบทุกวันอย่างเขา
“ภูเพิ่มข้าวไหมลูก?”
“เพิ่มครับ แม่มุกทำกับข้าวอร่อยมากเลยครับ” เด็กน้อยที่ปากหวานชมแม่
“เพิ่มไหมคะ?” หันมาถามคนที่นั่งข้างลูก
เขาพยักหน้า ออกจะเขินตัวเองอยู่สักหน่อยที่กับข้าวค่อนข้างถูกปาก
“กินข้าวเสร็จก็อาบน้ำพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน”
"ครับ"
สองพ่อลูกที่อาบน้ำเสร็จและแต่งตัวชุดนอนคู่ที่เพิ่งซื้อมาวันนี้ ที่เพิ่งซักและปั่นแห้งหลังจากกลับมาถึง
“ทำไมแม่มุกไม่ยอมใส่คู่กับเรา?”
ภูวภัสที่ทำหน้าผิดหวังเล็กๆ กับชุดนอนลายการ์ตูนต่อสู้สายดาร์กสีเข้มที่ใส่คู่กับพ่อและกำลังเดินเข้าห้องนอน
“จะไปไหนคะ?” ถามภูวดลที่เดินตามหลังลูกตรงไปที่ห้องนอน
“ไปนอน”
“ห้องโน้นค่ะ ฉันทำความสะอาดให้แล้ว” บ้านหลังเล็กที่มีแค่สองห้องนอนสำหรับลูกตอนโตและห้องนอนของเธอเท่านั้นที่ตอนนี้ลูกยังเด็กและยังนอนกับแม่อยู่
“ห้องนี้ห้องฉัน เตียงเล็กเกินไปสำหรับสามคน”
“ไม่เป็นไรครับแม่นอนเบียด ๆ กันก็ได้ครับ”
“ไม่ได้ค่ะ ภูนอนดิ้นเดี๋ยวก็ถีบพ่อตกเตียงนะ” เธอแกล้งพูดติดตลกและยิ้มให้ลูก
“ภูจะไม่นอนดิ้นครับ”
“ไม่ได้ค่ะ” ดุด้วยสายตาเพิ่งจะมาบ้านวันแรกก็จะให้นอนร่วมห้องกันเลยหรือยังไง
“งั้นขอพ่อดลเล่านิทานจบค่อยออกมานอนห้องนั้นได้ไหมครับ?”
“….”
“ภูไปนอนห้องนั้นกับพ่อนะครับ” ผู้เป็นพ่อที่ชวน
“แต่แม่มุกนอนคนเดียวนะครับ” เด็กน้อยห่วงแม่
“แม่จะอาบน้ำภูไปฟังนิทานห้องนั้นก่อนได้จ้ะ อาบน้ำเสร็จเดี๋ยวแม่ไปตาม”
“โอเคครับ”
เด็กน้อยที่ตัดสินใจลำบากที่อยากนอนกับพ่อและแม่พร้อมกัน
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินเข้าอีกห้องไม่มีเสียงสนทนาให้ได้ยินของสองพ่อลูก ประตูที่ไม่ได้ล็อกเธอเปิดแง้มเข้าไปอย่างเบามือเด็กน้อยที่หลับสนิทไม่แตกต่างกับผู้เป็นพ่อที่หลับโดยหนังสือนินทานยังเปิดกางไว้และคว่ำหน้าอยู่บนอก แม้เพียงไม่นานที่พ่อลูกได้เจอกันก็คุ้นเคยและสนิทสนมกันอย่างง่ายดาย นี่สินะที่เขาเรียกว่าผูกพันโดยสายเลือด
มุกดาเดินไปหยิบรีโมทย์แอร์กดเพิ่มอุณหภูมิที่ค่อนข้างเย็นเกินไปเกรงว่าเจ้าตัวเล็กจะไม่สบายได้ เดินมาที่เตียงนอนมองสองร่างที่ปิดเปลือกตาสนิทหากปลุกให้ตื่นกลับห้องตอนนี้คงไม่เป็นผลดีแน่ ให้หลับอยู่กับพ่อคงไม่เป็นไร ค่อยๆ หยิบหนังสือนิทานบนอกภูวดลออกอย่างเบามือและวางไว้ที่หัวเตียง
เจ้าตัวเล็กที่นอนทับผ้าห่มไว้ครึ่งผืน จับภูวภัสพลิกตัวเบาๆ ก้มลงหอมแก้มเด็กจ้ำม่ำเป็นกิจวัตรก่อนนอนที่ขาดไม่ได้ ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างสองพ่อลูกอย่างแผ่วเบา ปิดไฟและเดินออกห้องไป
ภูวดลลืมตาขึ้นในความมืดสลัวยกแขนขึ้นมาหนุนศีรษะ อีกมือลูบเรือนผมเจ้าตัวเล็กที่หลับใหลอยู่อย่างอ่อนโยน สองแม่ลูกที่ใช้ชีวิตกันอยู่แบบนี้ตลอดเวลาสี่ปีโดยไม่ต้องการพ่อให้ลูกเลยอย่างนั้นหรือ
เป็นไปไม่ได้หรอกกระมังว่าเธอจะไม่มีผู้ชายมาสนใจแม้สักคน หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เสียจนหาแฟนไม่ได้ขนาดนั้น คงจะรักลูกมากขนาดเขาเป็นพ่อแท้ๆ ยังไม่อยากจะสานสัมพันธ์ด้วยสักเท่าไหร่เลย
เสียงเคาะประตูปลุกให้ภูวดลสะดุ้งตื่นขึ้นมากวาดสายตาทั่วห้องอย่างงงๆ ก่อนจะลำดับภาพในห้องนอนใหม่เข้าไปในความทรงจำ
ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนในคอนโด ไม่ใช่ห้องนอนในบ้าน
“ภูตื่นได้แล้วลูกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”
เสียงเรียกที่มาพร้อมเสียงเคาะประตู
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
เสียงเคาะอีกครั้ง ประตูถูกเปิดออกพร้อมร่างพ่อของลูก เธอมองหน้าภูวดลและมองเลยไปที่เจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะขยับเขยื้อน เดินผ่านเขาตรงไปที่เตียงนอน
“ภู ตื่นได้แล้ว อาบน้ำแต่งตัวเร็วเข้าลูก เดี๋ยวแม่ไปทำงานสาย”
จับเจ้าตัวเล็กลุกขึ้นทั้งที่ยังงัวเงีย
“ขอนอนต่อแป๊บเดียว…ได้ไหมครับ?”
“ไม่ได้จ้ะ”
“แล้วคุณไม่ไปทำงานเหรอคะ?” หันมาถามภูวดล
“ไป”
“ฉันไปตอนไหนก็ได้” ลืมไปว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัท
“เธอไปทำงานเถอะเดี๋ยวฉันไปส่งลูกที่โรงเรียนเอง”
กว่าจะลากเจ้าตัวเล็กไปอาบน้ำแต่งตัวก็ใช้เวลาพอสมควร
“เดี๋ยวพ่อไปส่งที่โรงเรียนนะวันนี้”
มุกดามองร่างคนที่บอกจะไปส่งลูกทั้งที่ยังสวมชุดนอนลายการ์ตูนอยู่
“บ่ายจะถึงโรงเรียนหรือเปล่าคุณยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ”
“ไปส่งภูก่อนเดี๋ยวจะเลยกลับบ้าน”
“ชุดนี้?”
“อืม” ก็มีอยู่แค่ชุดเดียวยังจะแกล้งถามอีก
มุกดาที่ขึ้นรถกำลังจะขับออกไปทำงานพร้อมกับมองร่างสองพ่อลูกที่กำลังเดินไปขึ้นรถอีกคันของภูวดล ยิ้มมุมปากน้อยๆ รู้สึกขันกับชุดนอนที่เขาสวมอยู่เปิดประตูให้ลูกขึ้นนั่ง พร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่หมุนกระจกลงโบกมือบ๊ายบายผู้เป็นแม่
หลังจากทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็อาบน้ำเดินเข้าห้อง วันหยุดที่แสนจะเหนื่อยล้าจากการเดินจนขาลาก เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ปลายสายเป็นเพื่อนร่วมงานที่ส่งข้อความจะโทรมาเม้าท์มอยเรื่องงาน เอนตัวลงบนเตียงนอนคุยโทรศัพท์นานสองนานกว่าจะวางสายไป รอยยิ้มที่มีความสุขของลูกในวันนี้ผุดขึ้นมาในหัวทำให้เผลอยิ้มคนเดียว หลับตาผ่อนคลายเบาๆ ด้วยความอ่อนเพลียทำให้เผลอหลับไปสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อถูกฝ่าเท้าเล็กๆ ถีบเข้าที่สะโพก เธองัวเงียลุกขึ้น ไฟในห้องถูกปิดแล้ว ตอนไหนกัน นี่เธอกลายเป็นคนนอนขี้เซาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงไม่รู้สึกตัวได้ขนาดนี้ และที่สำคัญสองพ่อลูกนอนอยู่ข้างเธอ บนเตียงเดียวกัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที กำลังอ้าปากจะวีนเขา“ชู่ว” ภูวดลที่ส่งสัญญาณห้ามใช้เสียง นิ้วชี้วางทับที่ริมฝีปากและชี้ที่เจ้าตัวเล็กที่กอดพ่อแน่นและกำลังหลับอย่างสบายใจ“กลับห้องคุณเลย” เธอกระซิบเสียงเบาเขาชี้นิ้วบอกต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่ได้กลับห้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่ตอนนี้ มุกดาโน้มตัวลงไป เอื้อมมือคว้าแขนเจ้าตัวเล็กออกจากอกพ่อ และทันทีที่ภูวภัสพลิกตัวเปลี่ยนท่าอย่างรวดเร็วและฟาดแขนลงที่แขนพับของแม่อย่างกะทันหันโดยไ
ทุกสายตาแอบชำเลืองมองสองร่างที่เดินเข้าสำนักงาน ผู้เป็นพ่อที่จูงมือลูกชายเดินผ่านหน้าประชาสัมพันธ์ด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ผิดกับเจ้าตัวเล็กที่กวาดสายตามองรอบบริเวณอย่างตื่นเต้นถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งเล่นในห้องทำงานของพ่อระหว่างที่รอให้แม่กลับถึงบ้าน พนักงานสาวต่างสุมหัวซุบซิบหลังจากเจ้านายหนุ่มเดินลับตาไป ครั้นจะหาคำตอบจากคนสนิทอย่างเทวาก็คว้าน้ำเหลว“อยากรู้ก็ถามบอสเองสิครับ?”“ลูกบอสหรือเปล่า?“แต่บอสยังไม่ได้แต่งงานนี่นา”“โอ๊ย…ไม่แต่งงานก็มีลูกได้”“แล้วแม่เด็กล่ะ มีใครเคยเจอสักครั้งหรือยัง?”“ไม่เคยนะ”“ทำไมไม่ลองถามเด็กดูล่ะ”“เธอก็เดินเข้าไปถามสิในห้องบอสน่ะ”“พูดเป็นเล่น” และต่างเดากันไปต่างๆ นานาอย่างสนุกปากและแน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงหูลลิตาอยู่แล้วจากที่ผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไว้ขอให้ส่งข่าวหากมีความเคลื่อนไหวของภูวดลเจ้าหน้าที่การเงินวางแฟ้มรายงานการเบิกจ่ายประจำเดือนที่สูงผิดปกติบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่ม พร้อมทั้งอธิบายรายละเอียดคร่าว ๆ ที่อยู่ในแฟ้มให้เจ้านายฟัง“พ่อครับ”“ภูต่อเสร็จแล้วนะครับ พ่อมาดูเร็ว”เสียงที่กำลังรายงานเจ้านายอยู่สะดุดทันที และหัน
เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องทำงานปลุกให้คนที่นั่งอมยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทันทีจากการดูภาพถ่ายของตัวเองกับลูกชาย และภาพที่แอบถ่ายแม่ของลูกก่อนหย่อนโทรศัพท์มือถือเข้าเก็บในกระเป๋ากางเกง“วินนี่โทรหาคุณหลายครั้งแล้วแต่เทวาบอกว่าคุณยุ่งอยู่วินนี่ก็เลยแวะมารอค่ะ”วนิดา ที่กำลังตกเป็นข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเธอคือหญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจกับภูวดลอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นเพียงแค่ข่าวลือที่เธอสร้างขึ้นและกระจายข่าวออกไปเท่านั้น สำหรับเธอเองที่ยังรอคอยสถานะจากภูวดลอยู่ และไม่มีทีท่าว่าเขาจะให้ความชัดเจนกับเธอเลยสักครั้ง ยังคลุมเครืออยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่ท้อใจในการวิ่งตามความรู้สึกของตัวเอง“ผมเพิ่งออกห้องประชุมเห็นเบอร์คุณแล้วแต่ยังไม่ได้โทรกลับ”“คุณมีอะไรด่วนหรือเปล่า?”“ไม่มีอะไรด่วนหรอกค่ะ วินนี่แค่มาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน”“ไปนะคะ” ส่งยิ้มให้และรอคำตอบอยากจะปฏิเสธแต่ก็นึกเห็นใจหล่อนที่อุตส่าห์นั่งรอเขาอยู่นานจนกระทั่งประชุมเสร็จ ไหน ๆ ก็เป็นคนคุ้นเคยก็แค่ออกไปกินข้าวกลางวันเท่านั้น จึงตกปากรับคำไป แต่ในใจกลับคิดถึงสองแม่ลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้นมุกดานั่งมองคนหน้าเศร้าที่ต่อจิ๊กซอว์คนเดี
ภูวดลเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบใหญ่ ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น พร้อมชุดทำงาน ลากลงมาจากชั้นบนพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามของขนุนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่“คุณดลจะไปญี่ปุ่นเหรอคะ?”“เปล่า?”ขนุนกะพริบตาปริบๆ เพียงแค่เก็บความสงสัยไว้ไม่กล้าถามต่อ หลังจากที่คุณท่านเสียเจ้านายคนเล็กก็กลับมาอยู่ที่บ้าน นานๆ จะกลับไปค้างที่คอนโดสักครั้งแต่วันนี้จัดกระเป๋าเองและไม่ได้ไปต่างประเทศ แล้วจะไปไหน ได้แค่สงสัยเท่านั้น“ตอนเย็นไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อฉันนะ”“วันนี้ไม่กลับบ้าน” บอกอย่างอารมณ์ดี“ค่ะคุณดล”ภูวดลจอดรถที่หน้าโรงเรียนรอรับภูวภัสหลังเลิกเรียนซึ่งชั้นอนุบาลคุณครูจะปล่อยเด็กกลับบ้านเร็วกว่ารุ่นพี่ชั้นปฐม แต่เนื่องจากต้องรอแม่มารับหลังเลิกงานทุกวันเด็กชายจึงค่อนข้างแปลกใจที่คุณครูบอกว่าผู้ปกครองมารอรับเด็กชายภูวภัสแล้วไม่แค่เพียงภูวภัสเท่านั้นที่รู้สึกแปลกใจ คุณครูประจำชั้นอนุบาลที่รู้สึกคุ้นหน้ากับคุณพ่อของเด็กน้อยที่ดูยังไงก็เหมือนประธานบริษัทแขกคนสำคัญของทางโรงเรียน ที่นำของมาบริจาคให้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา“พ่อดล”เมื่อมั่นใจว่าเป็นผู้ปกครองของเด็กนักเรียนจริงคุณครูก็อนุญาตให้กลับได้ ภู
ภูวภัสตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออาบน้ำพร้อมกับเสียงเพลงจากปากเจ้าตัวเล็กที่ร้องดังจนก้องห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี แต่งตัวรอพ่อมารับอย่างตื่นเต้น มุกดาที่มองภาพเด็กชายพร้อมความเศร้าที่ผุดขึ้นมาในใจรู้สึกผิดต่อลูกจนใจหวิว เขาคงดีใจมากที่มีพ่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ ซึ่งทุกครั้งที่ลูกถามเธอก็บ่ายเบี่ยงมาตลอดเสียงรถจอดหน้าบ้านพร้อมกับร่างเจ้าตัวน้อยที่วิ่งพรวดพราดออกไปดูทันที“พ่อดลมาแล้ว” เปิดประตูรั้ววิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อที่อยู่หน้าบ้าน“รอพ่อนานไหมครับ?” อุ้มลูกขึ้นมาอยู่ในอ้อมกอด“นานมาก….” ลากเสียงยาว“ยังไม่ถึงเวลานัดเลย พ่อมาก่อนเวลาด้วยนะโกหกหรือเปล่า?”พร้อมเสียงหัวเราะสองพ่อลูกที่ดังประสานกันสองผู้สูงวัย ยายดวงใจ และตาทวี ที่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกกุหลาบในกระถางหน้าบ้านส่งสายตาข้ามกำแพงรั้วที่สูงแค่อก กั้นอาณาเขตบ้านสองหลังอยู่ มองภาพผู้มาเยือนที่ไม่คุ้นหน้าแต่ท่าทางสนิทสนมกับภูวภัส ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กชาย“น้องภูจะไปเที่ยวไหนจ๊ะแต่งตัวเท่เชียว” คำถามจากยายดวงใจ“ไปซื้อของครับยายดวง”“พ่อมารับครับ” เด็กน้อยอวดว่าเขามีพ่อแล้วอย่างมีความสุข“พ่อ?” ยายดวงทวนคำพูดของเด็กน้อยในใจ“สวัสดีครับ”ภูวดลท
ความเงียบเข้าครอบคลุมการสนทนาชั่วขณะ พร้อมกับหัวใจของมุกดาที่หล่นวูบลงเช่นกัน ก่อนเรียกสติกลับคืนมา“คุณพูดอะไร?”“ฉันรู้ภูเป็นลูกฉัน”มุกดาที่แววตาไหวระริกกับคำพูดของเขา ใจเต้นแรงพร้อมใบหน้าที่ร้อนวูบวาบแต่ยังคุมอาการได้อยู่แม้จะหวิว ๆ ในใจ พร้อมหลากหลายคำถามและคำตอบวิ่งวนปั่นป่วนในหัวไปหมด เขารู้แล้ว ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ เขารู้ได้ยังไง หรือเขาแค่ลองหยั่งเชิงเธอดูเท่านั้น“เธอไม่คิดจะให้พ่อลูกเขาเจอกันเลยหรือยังไง?“ถ้าฉันไม่บังเอิญเจอลูกเองก็คงไม่รู้”“ใจดำไปนะ”มองใบหน้าสวยด้วยสายตาที่คาดเดาอารมณ์ยาก“ใครบอกคุณคะว่าภูเป็นลูกคุณ?”พลันคำพูดของเด็กน้อยในวันนั้นที่แวบเข้ามาในความจำว่าลุงดลตัดเล็บให้ เขาเอาไปตรวจดีเอนเอแล้วหรือเปล่านะ ถึงได้พูดแบบนี้ แต่เธอต้องนิ่งเข้าไว้ภูวดลยื่นซองเอกสารส่งให้เธอดู มุกดารับมาอ่านและวางลงดังเดิมควบคุมปฏิกิริยาตัวเองทั้งสีหน้าและอารมณ์ให้คงที่ บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่เด็กในบ้านเขาแล้ว ไม่ใช่พนักงานในบริษัทของเขาที่ยังรับเงินเดือนจากเขา ไม่มีอะไรที่ต้องเกรงกลัวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวั่น ๆและแล้ววันที่เธอกลัวมาตลอดก็มาถึงจนได้ วันที่เขาเจอเธอและลูก ที่สำคัญเข







